#รักลูก_อย่าให้ลูกมีแต่ประสบการณ์มือสอง
.
#ความตั้งใจทำให้ตนเองเติบโต
.
หมอเคยเขียนบทความว่า การพัฒนาเด็กทารก
ให้คุณแม่เป็นนักพากษ์
เพราะเด็กยังไม่เข้าใจภาษา....วิธีที่จะเรียนรู้ภาษาได้เร็วคือ
ให้เห็นภาพและมีเสียงบรรยาย
เค้าจะรู้ว่าสิ่งนี้ออกเสียงว่าอะไร
เมื่อเราเปล่งคำนั้น....จะดึงภาพในสมองออกมา
นี่คือ วัยทารก
แต่วัยที่เด็กเรียนรู้ภาษาได้ดีแล้ว....
#ปัญหาอยู่ที่พ่อแม่พากษ์มากเกินไป
.
น้ำหก....
ข้อ ก. เดี๋ยวแม่เช็ดเองลูก
ข้อ ข. เดินออกมา แล้วลูกเดินไปหลังบ้าน เอาผ้าขี้ริ้วสีดำ มาเช็ดให้แห้งนะ เสร็จแล้วเอาไปตากด้วย
ข้อ ค. เช็ดสิลูก
ถามว่าข้อไหนดี....แล้วแต่สถานการณ์และวัยของลูก
ถ้าเด็กเล็กมาก ยังพูดไม่คล่อง ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้...
ข้อ ก ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
เพราะแสดงวิธีการแก้ปัญหา และพูดสั้นๆ... เด็กก็จะเรียนรู้ว่าสิ่งที่แม่ทำเรียกว่าเช็ด
ถ้าโตมาหน่อย ยังพูดไม่คล่อง แต่ฟังภาษาได้รู้เรื่องแล้ว ข้อ ข ก็เป็นตัวเลือกที่ดี
การแบ่งคำสั่งเป็นขั้นตอน ทำให้เค้ารู้กระบวนการ
เพียงแค่เช็ดน้ำที่หกอย่างไร
มันก็ต้องคิดซับซ้อนหลายขั้นแล้ว สำหรับเด็กเล็ก
เด็กโตมาหน่อย สัก 3-4 ขวบขึ้นไป ฟังก็คล่อง พูดก็คล่อง ประสบการณ์ก็มีแล้ว
คุณแม่ก็ต้องถอยบ้าง....ให้เค้าคิดเอง ว่า เช็ดน้ำสิลูก
(ชี้นำเล็กน้อย แต่เด็กบางคนไม่ต้องเลยก็เยอะ)
ผ้าผืนไหนล่ะ? หยิบตรงไหน? เช็ดยังไง?
เสร็จแล้วทำยังไงกับผ้า?
ซึ่งจะเป็นทักษะและประสบการณ์ ตั้งแต่ต้นจนจบ จากความตั้งใจของเค้าเอง
(ถ้าไม่ทำ ก็แปลว่าประสบการณ์สอนว่าไม่ต้องทำก็ได้....ฮา)
.
เราเปิดหน้าต่างการเรียนรู้ให้ลูกได้
แต่เราไม่ต้องจับลูกใส่กรงแล้วลากไปเจอประสบการณ์
ที่เราคิดว่า #ดีต่อลูก
ให้เค้าเลือกเองว่าจะออกไปเรียนรู้ที่หน้าต่างไหน
ลูกจะอยากเดิน หรือหาวิธีที่จะได้ไปเรียนรู้ในสิ่งที่เค้าอยาก ด้วยตัวเอง
ตาดู หูฟัง มือสัมผัส อย่างเดียว ไม่ทำให้เกิดวงจรที่สมบูรณ์
แต่ ตาดู หูฟัง มือสัมผัส และใจต้องอยาก จึงจะกระตุ้นให้ทำเองจนเสร็จลุล่วง
แม้ว่าจะเจออุปสรรคใดๆก็ตาม
.
มีการทดลองด้านจิตวิทยาที่น่าสนใจอยากจะเล่าให้ฟัง
การทดลองนี้ทำขึ้นตั้งแต่ปี 1963...
.
ทำการทดลองในลูกแมว พี่น้องท้องเดียวกัน 10 คู่
โดยให้อยู่ในสถานที่ทดลองวันละอย่างน้อย 3 ชม. นาน 21 วัน
สถานที่ทดลองเป็นตู้กระจก
ที่มีแกนกลางเป็นคานห้อยมากจากเพดาน
แมวตัวแรก ให้เคลื่อนไหวได้เอง จะเดิน จะหยุด กระโดดหลบ
ส่วนแมวอีกตัว จะถูกจับใส่กล่อง และบังคับให้เคลื่อนไหวเช่นเดียวกับแมวอีกฝั่ง
การทดลองนี้ ควบคุมให้สิ่งกระตุ้นเหมือนกัน และมุมมองจากเหตุการณ์ที่แมวเห็นจะเหมือนกัน
เช่น โยนบอลลงไป แมวตัวแรก กระโดดหลบ ส่วนแมวอีกตัวก็เคลื่อนไหวทิศทางเดียวกันเพื่อหลบบอล
สิ่งที่แตกต่างกันเพียงอย่างเดียวในการทดลองนี้
#กำลังมองโลกด้วยการเคลื่อนไหวด้วยความตั้งใจของตัวเองหรือกำลังถูกทำให้มองโลก
.
เมื่อจบ 21 วัน ปล่อยให้แมวสองตัว เคลื่อนไหวอิสระ
เช่น การหลบภัยเมื่อจะตกจากที่สูง การกระโดดหลบ เมื่อมีสิ่งของหล่นใส่ การกระพริบตาหลบ เมื่อมีวัตถุพุ่งเข้าหน้า
ผลคือ....ลูกแมวที่ได้เคลื่อนไหวด้วยความตั้งใจของตัวเอง
มีการตอบสนองดีกว่ามาก
.
การทดลองนี้กับเราว่า
#ความตั้งใจของตนเองมีผลต่อการพัฒนาทักษะอย่างมาก
.
เลี้ยงลูก...ชี้แนะได้แต่อย่า เข้าสิง ลูกเลยค่ะ
.
ถ้าตอนเล็กๆ เค้าได้รับโอกาสให้ทำสิ่งต่างๆ
ด้วยการตัดสินใจได้เองเหมือนแมวตัวแรก
ประสบการณ์ตรง จะสอนเค้าว่าต้องทำอย่างไร เมื่อมีอุปสรรค
แต่ถ้า #ถูกทำให้มองโลกเหมือนแมวตัวที่สอง
ล้มแล้วยังไม่ทันได้คิดเลย
ว่าจะลุกท่าไหนดี หรือจะร้องไห้เรียกแม่ให้แม่รู้ก่อนดี...ถูกยกซะแล้ว
ยังไม่ทันคิดเลยว่า ต่อบล็อคขั้นต่อไป จะยังไง แม่ก็บอกซะละ....ว้า😅
ยังไม่ทันต้องคิดเลยว่าจะกระโดดข้าม หรือถอยหลังกลับ ก็ถูกอุ้มออกมาซะแล้ว
เห็นอะไร...ยังไม่ทันคิดเลย แม่พากษ์ให้ซะแล้ว....
.
แบบนี้มันก็เป็นแค่ประสบการณ์มือสองเท่านั้นเอง
.
รู้ว่ารักลูก
แต่รู้จักลดบทบาทของตัวเองลง ให้เหมาะสมกับวัยของลูก
ถึงจะทำให้ลูกมีทักษะชีวิตเป็นของเค้าเองนะคะ
.
หมอแพม
วัยทารก 在 EP.28 พัฒนาการวัยทารก - YouTube 的推薦與評價
วัยทารก ตามทฤษฎีของเพียเจต์ ที่กล่าวถึง 1.การเจริญเติบโตและพัฒนาการทางร่างกาย 2.พัฒนาการทางสติปัญญาหรือพัฒนาการทางพุทธิปัญญา 3. ... <看更多>