เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวพักผ่อนรูปแบบใหม่ 'Pepsi Presents Glamping Festival 2020'
ยกที่สุดแห่งไลฟ์สไตล์ เฟสติวัล มาไว้ที่เมืองหัวหิน ในบรรยากาศแคมป์ปิ้งสุดเก๋ พร้อมกิจกรรมความบันเทิงอีกมากมายที่สนุกได้ทั้งครอบครัว
.
สำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่และกิจกรรมพักผ่อน ในช่วงเริ่มต้นฤดูหนาวอย่างเดือนตุลาคม กลุ่มบริษัท พราว ผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ เดสทิเนชั่น แห่งเมืองหัวหิน ร่วมกับบริษัทชั้นนำต่างๆ ชวนเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวพักผ่อนรูปแบบใหม่ ในงาน 'Pepsi Presents Glamping Festival 2020' ไลฟ์สไตล์ เฟสติวัล ยิ่งใหญ่ของเมืองหัวหิน ที่รวบรวมกิจกรรมบันเทิงหลากหลายที่สนุกได้ทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่คู่รัก ครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อน ด้วยบรรยากาศแคมปิ้งหรูหรา ในรูปแบบ New Normal ท่ามกลางสนามหญ้าเขียวชะอุ่มบนพื้นที่กว่า 30,000 ตารางเมตร โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 – 24 ตุลาคมนี้ ที่ทรู อารีน่า หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
.
เตรียมแพ็คกระเป๋าไปสนุกกับงาน 'Pepsi Presents Glamping Festival 2020' โดยสามารถซื้อบัตรบัตร Early Bird ได้ตั้งแต่วันนี้-วันที่ 10 ตุลาคมนี้ Regular Zone ราคา 1,500 บาท และVIP Ticket : Zone ราคา 19,020 บาท ส่วนบัตรราคาปกติจะเริ่มตำหน่ายตั้งแต่วันที่ 11–22 ตุลาคมนี้ โดยบัตร Regular Zone ราคา 2,500 บาท, บัตร VVIP : Zone ราคา 59,000 บาท และบัตร VIP : Zone ราคา 39,000 บาท สำหรับราคาหน้างานวันที่ 23 ตุลาคม บัตร Regular Zone ราคา 3,500 บาท เข้างานได้ทั้ง 2 วัน และราคาหน้างานวันที่ 24 ตุลาคม บัตร Regular Zone ราคา 1,750 บาท
.
โดยซื้อบัตรได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกช่องทางทางเว็บไซต์ www.thaiticketmajor.com รวมถึงจุดจำหน่ายไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทางโรงภาพยนตร์เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ และอีจีวี, ไปรษณีย์ไทย, เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี, แฟรนไชส์ (ศาลาเฉลิมกรุง) หรือคลิกดูรายละเอียดสาขาเพื่อตรวจสอบจุดจำหน่าย และเวลาเปิดได้ ที่ https://corporate.thaiticketmajor.com/faq-outlet.php หรือโทร. 02-262-3456 และติดตามรายละเอียดการจัดงานเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/glampingfestival
.
#PepsiPresentsGlampingFestival2020 #LifestyleFestival #ohlalastory
同時也有5部Youtube影片,追蹤數超過450萬的網紅Dek Jew Chill Out,也在其Youtube影片中提到,ปิดเทอมแล้ววว น้องพริมเลยชวนแคมุนกับแก๊งเพื่อนๆ ไปเที่ยวสยามอะเมซิ่งปาร์คกันค่ะ (Siam Amazing Park) ที่นี่คือ สวนสยาม ทะเล-กรุงเทพฯ ที่แม่เคยมาตั้งแต่...
「ศาลาเฉลิมกรุง」的推薦目錄:
- 關於ศาลาเฉลิมกรุง 在 Ohlalastory Facebook 的最佳貼文
- 關於ศาลาเฉลิมกรุง 在 Annmitchai Facebook 的精選貼文
- 關於ศาลาเฉลิมกรุง 在 Atichart Chumnanont Facebook 的精選貼文
- 關於ศาลาเฉลิมกรุง 在 Dek Jew Chill Out Youtube 的最讚貼文
- 關於ศาลาเฉลิมกรุง 在 Bearry Channel Youtube 的最讚貼文
- 關於ศาลาเฉลิมกรุง 在 Grammy Gold Official Youtube 的最佳解答
- 關於ศาลาเฉลิมกรุง 在 Sala Chalermkrung - ศาลาเฉลิมกรุง | Bangkok - Facebook 的評價
- 關於ศาลาเฉลิมกรุง 在 ครบรอบ 86 ปี โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง - YouTube 的評價
- 關於ศาลาเฉลิมกรุง 在 ารแสดงโขน ศาลาเฉลิมกรุง | วัด - Pinterest 的評價
ศาลาเฉลิมกรุง 在 Annmitchai Facebook 的精選貼文
แม่พลอย
บ้านเมืองเราเวลานี้ระส่ำระสายยิ่งกว่าภัยสงคราม ข้าวยากหน้ากากแพง โรคระบาดร้ายแรงความพินาศวิบัติกำลังจะบังเกิด ซ้ำร้ายมีคนเอาจะเงินแผ่นดินมาจ่ายแจกโดยไม่เข้าเรื่องเข้าราว สุดเศร้าใจนักเออ..เธอว่าไหมแม่พลอย
แล้วเธอยังพอจำได้ไหมว่าเมื่อครา หลังสงครามโลกครั้งที่2 ล้นเกล้าในหลวงรัชกาลที่9 ท่านเพิ่งครองราชย์ได้ไม่นาน เกิดโรคระบาด เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก แต่ในหลวงของฉันนำพาประเทศให้รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร ฉันสะเทือนใจเหลือเกินแล้ว ฉันไปอ่านมาแล้วตื้นตันใจเลยขอเขาเอาเนื้อหาสาระบางส่วนยาวเหยียด มาเผื่อแพร่ให้แม่พลอยและทุกคนได้ตระหนักและตั้งสติกันในวันนี้
___________________________________________
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2489 สืบแทนสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ซึ่งเสด็จ สู่สวรรคาลัยโดยกะทันหัน
ขณะนั้นพระองค์ทรงมีพระชนมายุเพียง 18 พรรษา พระองค์ขึ้นครองราชย์หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2488 เพียงปีเดียว
แต่โดยเหตุที่ยังมีพระราชภารกิจต้องศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จึงต้องเสด็จฯกลับไป กระทั่งทรงสำเร็จการศึกษา จึงเสด็จนิวัตกลับประเทศไทยในปี 2492
ช่วงเวลา 3-4 ปีนั้น เป็นช่วงที่ประเทศไทยตกอยู่ในสภาวการณ์สุ่มเสี่ยงทั้งจากการต้องชดใช้หนี้สงคราม และปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้ารุนแรง เงินในธนาคารแห่งประเทศไทยแทบไม่มี หลังจากถูกญี่ปุ่นยึดเป็นด่านหน้าในการสู้รบกับฝ่ายพันธมิตร เช่นเดียวกับอาหารและทรัพยากรอื่นๆที่ประเทศไทยมี ต้องให้พวกญี่ปุ่นนำไปใช้ประโยชน์ก่อน
แม้ญี่ปุ่นจะประกาศยอมแพ้แล้ว แต่ประเทศและคนไทยยังต้องกัดฟันสู้กับการบูรณะและฟื้นฟูประเทศใหม่ ขณะเดียวกันก็ต้องสู้กับภาวะข้าวยากหมากแพง สินค้าอุปโภค-บริโภคที่มุดลงสู่ตลาดใต้ดิน ทำให้เงินเฟ้อตลอดช่วงสงครามสูงขึ้นเป็น 200-1,000 เปอร์เซ็นต์ เป็นที่มาให้ผู้คนอดอยาก และเจ็บป่วยล้มตายกันจำนวนมากด้วยโรคระบาดที่ไม่อาจรักษาได้
#ขณะที่ช่วงต้นรัชกาลกิจการทางการแพทย์ของไทยยังไม่เจริญก้าวหน้า ขาดแคลนทั้งเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ที่จำเป็น บริการด้านสาธารณสุขก็ไม่แพร่หลาย ผู้เจ็บป่วยที่ยากจนและอยู่ห่างไกลไม่มีโอกาสได้รับการรักษา
#โรคระบาดที่รุนแรงในปีพศ2493และทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากคือ วัณโรค โรคเรื้อน โรคไขสันหลังอักเสบ (โปลิโอ) และอหิวาตกโรค ซึ่งทำให้มีคนไทยตายเฉียบพลันจำนวนมาก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับทราบพระเนตรพระกรรณ ตั้งแต่ที่ทรงนิวัตกลับประเทศไทยในปี 2489 และตลอดช่วงเวลาที่ต้องเสด็จฯกลับไปศึกษาต่อ จึงทรงมีพระราชดำรัสว่า
“...การรักษาความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกายเป็นปัจจัยของเศรษฐกิจที่ดีและสังคมที่มั่นคง เพราะร่างกายที่แข็งแรงนั้น โดยปกติจะอำนวยผลให้สุขภาพจิตใจสมบูรณ์ด้วย และเมื่อมีสุขภาพสมบูรณ์ ดีพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจแล้ว ย่อมมีกำลังทำประโยชน์ สร้างสรรค์ เศรษฐกิจ และสังคมของบ้านเมืองได้เต็มที่ ทั้งไม่เป็นภาระแก่สังคมด้วย คือ เน้นแต่ผู้สร้าง มิใช่ผู้ถ่วงความเจริญ...”
เมื่อทรงทราบว่า สังคมไทยอ่อนแอ และคนไทยเจ็บป่วยด้วยโรคภัยต่างๆมากมาย โดยเฉพาะในช่วงหลังสงครามโลก ซึ่งเป็นเหตุให้ประเทศไทยต้องส่งข้าวให้อังกฤษโดยไม่คิดมูลค่าจากหนี้สงครามที่ญี่ปุ่นดึงไทยเข้าไปร่วมด้วยถึง 1.5 ล้านตัน ขณะที่เศรษฐกิจไทยต้องตกต่ำลงอย่างหนัก ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นกลายเป็นสิ่งหายากยิ่ง และต้องเผชิญภาวะยุ่งยากปั่นป่วน เพราะถูกตัดขาดจากบรรดาชาติสัมพันธมิตร
สิ่งแรกที่พระองค์ทรงมุ่งแก้ไขจึงเป็นปัญหาด้านการสาธารณสุข พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวนมากหรือประมาณ 500,000 บาท เพื่อ สร้างโรงพยาบาล “ปอดเหล็ก” และจัดซื้อเวชภัณฑ์เพื่อสู้กับวัณโรคที่กำลังระบาดหนัก พร้อมกับสนับสนุนให้สภากาชาดไทยผลิตวัคซีน BCG ป้องกันวัณโรค จนกระทั่งทรงปราบวัณโรคสำเร็จในปี 2497
ขณะที่การผลิตวัคซีน BCG เพื่อสู้กับวัณโรคของสภากาชาดไทย ได้ผลเป็นอย่างดีนั้น องค์การสงเคราะห์แม่และเด็กแห่งยูนิเซฟได้สั่งซื้อเพื่อส่งไปให้กับประเทศที่เกิดโรคระบาดเดียวกันนี้ในเอเชียได้ใช้ด้วย
เหตุการณ์นี้ ทำให้พระองค์ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญเพลงพระราชนิพนธ์ “ยามเย็น” พระราชทานแก่วงดนตรีนำไปบรรเลงในงานแสดงดนตรีการกุศลเพื่อหารายได้ช่วยเหลือโครงการรณรงค์ต่อต้านวัณโรคแห่งชาติของสมาคมปราบวัณโรคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ด้วย
พระองค์ยังพระราชทานแบบจำลองเรือรบหลวงศรีอยุธยาซึ่งเป็นผลงานฝีพระหัตถ์ออกประมูลในงานเดียวกัน เพื่อนำรายได้สมทบทุนช่วยเหลือผู้ป่วยวัณโรคซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปสูงถึง 140,000 คน หรือ 500 คนต่อประชากร 100,000 คน
ในช่วงเวลาเดียวกัน พระราชทานทุนประเดิมเพื่อจัดตั้ง “กองทุนโปลิโอสงเคราะห์” ที่เกิดการระบาดรุนแรงขึ้นในปี 2495 พร้อมออก ประกาศเชิญชวนปวงชาวไทยโดยเสด็จพระราชกุศลด้วยการ “ทรงโซโลแซ็กโซโฟนเพลงตามคำขอ” ทางวิทยุ อ.ส.พระ ราชวังดุสิต
ครั้งนั้น ทำให้ได้เงินจำนวนมากส่งไปพระราชทานแก่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าและมหาวิทยาลัยมหิดล (รพ.ศิริราช) ใช้เป็นทุนก่อสร้างอาคาร และซื้อเวชภัณฑ์เพื่อบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยที่พ้นขีดอันตราย แต่ต้องเป็นอัมพาต
ยังทรงสนับสนุนการค้นคว้าทางวิชาการและก่อสร้างตึก “วชิราลงกรณ์ธาราบำบัด” ไว้เป็นสถานที่รักษาด้วยวิธีทางกายภาพโดยใช้น้ำช่วยพยุงร่างกายระหว่างการบริหารและฟื้นฟูกล้ามเนื้อผู้ป่วยด้วย ผลจากการพัฒนาตามแนวพระราชดำริอย่างต่อเนื่องนี้ ทำให้ปัจจุบันไม่มีรายงานการติดเชื้อโรคโปลิโอ หรือโรคไขสันหลังอักเสบอีกเลย
การระบาดอย่างรุนแรงของโรคร้ายต่างๆในช่วงหลังสงครามโลกดังกล่าว ทำให้คนไทยถูกรุมเร้าด้วย
โรคเรื้อน และอหิวาตกโรคที่มีผลให้ต้องสูญเสียชีวิตกันเป็นจำนวนมาก
นั่นทำให้พระองค์ทรงก่อตั้ง “กองทุนปราบอหิวาตกโรค” ด้วยการให้สภากาชาดไทยจัดซื้ออุปกรณ์เพื่อผลิตวัคซีนได้มากขึ้นอีกหลายเท่าตัว ขณะเดียวกันก็สนับสนุนการจัดหาเครื่องมือเพื่อวิจัยโรค สร้างเครื่องกลั่นน้ำเกลือคุณภาพทัดเทียมต่างชาติขึ้นใช้เอง
และเช่นเดียวกันทรงหาทุนโดยเสด็จพระราชกุศลด้วยการ “เป่าแซ็กโซโฟนตามคำขอ” โดยมีพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนโทรศัพท์ขอเพลงผ่านวิทยุ อ.ส.ได้ ทำให้การปราบอหิวาตกโรคของพระองค์สงบลงได้อย่างสิ้นเชิงในเวลาเพียง 1 ปี 5 เดือน นับจากที่ระบาดอย่างรุนแรงในปี 2501
ในปี 2496 ทรงพบโรคภัยอีกโรคขณะเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมราษฎร และทอดพระเนตรเห็นผู้ป่วยโรคเรื้อน ซึ่งไม่ได้รับการรักษา และยังคงอยู่ร่วมกับผู้คนปกติทั่วไป จึงพระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ จัดตั้ง “ทุนอานันทมหิดล” แก่กระทรวงสาธารณสุข ให้เป็นทุนเริ่มแรกในการสร้างอาคารสถานพยาบาลโรคเรื้อนขึ้นที่พระประแดง สมุทรปราการ แล้วทรงให้จัดตั้งสถาบันราชประชาสมาสัย เพื่อบำบัดฟื้นฟูและค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับโรคเรื้อน
รวมทั้งฝึกอาชีพให้ผู้ป่วย และสร้างสถานศึกษาเพื่อการอบรมเจ้าหน้าที่ในการบำบัดรักษาผู้ป่วย พร้อมหาสมมติฐานของโรคเพื่อกำจัดโรคนี้ให้หมดไป และทำให้คนไทยหายขาดจากโรคสำเร็จ โดยผู้ป่วยและบุตร 180,000 คนได้รับการรักษาจนหายขาด สามารถดำรงตนเป็นปกติสุขในสังคมได้สมดังพระราชปณิธานที่ตั้งไว้ ขณะเดียวกันยังทำให้ไทยสามารถกำจัดโรคเรื้อนได้สำเร็จเป็นประเทศแรกในภูมิภาคนี้ด้วย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงจัดตั้งหน่วยแพทย์พระราชทาน และพระราชทานเรือ “เวชพาหน์” ในปี 2498 เพื่อออกไปให้บริการประชาชนที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมน้ำ เรือลำนี้จึงนับเป็นเรือบรรเทาทุกข์และรักษาพยาบาลทางน้ำลำแรกและลำเดียวในโลกที่ทรงมุ่งมั่นตั้งพระทัยให้คนไทยหายขาดจากโรคร้ายต่างๆ
ขณะที่การรักษาโรคเรื้อนที่ทำให้ต้องตัดแขนขาของผู้ป่วยก็ได้ทรงจัดตั้งหน่วยแขน-ขาเทียมพระราชทานให้ในปี 2513 พร้อมมีพระราชดำริให้มีการฝึกอบรม “หมอหมู่บ้าน” เพื่อให้ชาวบ้านมีความรู้ด้านการสาธารณสุขพอสมควร เพื่อช่วยเหลือตนเองในท้องถิ่นที่ขาดแคลนสถานพยาบาลต่อเนื่องมาจนถึงในปี 2525
ในข้อมูลของ มูลนิธิปิดทองหลังพระที่ ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล เป็นเลขาธิการ บันทึกว่า ปี 2492 ซึ่งเสด็จนิวัตกลับมาเยี่ยมพสกนิกรของพระองค์ ทรงมีรับสั่งกับหลวงพยุงเวชศาสตร์ อธิบดีกรมสาธารณสุขว่า “ยาอะไรขาด ถ้าต้องการ ฉันจะหามาให้อีก ฉันอยากเห็นกิจการแพทย์ของเมืองไทยเจริญมากๆ” และเมื่อเสด็จนิวัตกลับประเทศไทย จึงทรงขนยารักษาโรคที่จำเป็นจำนวนมากกลับมาด้วย
มูลนิธิปิดทองหลังพระของคุณชายดิศยังบันทึกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่หมู่เฮาชาวเราไม่เคยได้รับทราบอีกมากมาย เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยนี้ทำให้รับรู้ว่าทรงงานหนักเพียงใด แม้ในช่วงที่เพิ่งขึ้นครองราชย์ และยังทรงมีพระชนมายุน้อยหากแต่ต้องทรงตัดสินพระทัยช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์ในแทบจะทุกเรื่อง
เช่น ทรงริเริ่มสร้างภาพยนตร์ที่รู้จักกันในนามว่า “ภาพยนตร์ส่วนพระองค์” พระราชทานจัดฉายเพื่อหารายได้ช่วยเหลือทางการแพทย์ อาทิ สร้างตึกอานันทมหิดล ที่ รพ.ศิริราช สร้างตึกวิจัยประสาทที่ รพ.ประสาทพญาไท และพระราชทานทุนวิจัยโรค ประสาทแต่ละชนิดให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
ทรงสร้างอาคารราชสาทิส รพ.สมเด็จเจ้าพระยา เพื่อให้คนไข้มีสถานที่กว้างขวางเพื่อจะได้เดินออกกำลังกายให้มีจิตใจที่ดีขึ้น สร้างตึกวชิราลงกรณ์ สภากาชาดไทย อาคารทางการแพทย์ของ รพ.ภูมิพล เป็นต้น
ในปี พ.ศ.2497 ที่ทรงโปรดเกล้าฯให้ฉายภาพยนตร์ส่วนพระองค์ ณ ศาลาเฉลิมกรุง รายได้จากการฉายภาพยนตร์เมื่อ 61 ปีมาแล้วนั้นสูงถึง 444,600.50 บาท กระนั้นก็ยังไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง จึงพระราชทานเงินส่วนพระองค์และเงินที่มีผู้โดยเสด็จพระราชกุศลเพิ่มเติมอีกรวม 1,558,561 บาท
เมื่อสร้างอาคารต่างๆเสร็จเรียบร้อย ยังมีเงินคงเหลืออีก 175,064.75 บาท จึงพระราชทานเงินให้สร้างสถาบันอบรมเจ้าหน้าที่และค้นคว้าเรื่องโรคเรื้อนที่สถานพยาบาลพระประแดงในวงเงินประมาณ 1 ล้านบาท
การจะทำให้พสกนิกรที่ยากจนหยุดการทำนาทำไร่แล้วเดินทางไปหาแพทย์เป็นสิ่งที่ยากยิ่ง ในทางตรงข้ามหากเป็นการให้บริการเคลื่อนที่ก็จะเป็นการแก้ปัญหาได้ทางหนึ่ง จึงมีรับสั่งว่า “ฉันต้องการให้หมอช่วยไปดูแลบำบัดทุกข์แก่นักเรียนและประชาชนที่อยู่ในท้องถิ่นกันดารห่างไกลหมอ จะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดตามความจำเป็น โดยให้จัดหน่วยเคลื่อนที่โดยรถยนต์ และตระเวนไปตามถนนหนทางในหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลชนบท”
นั่นทำให้คนไทยในถิ่นทุรกันดารมีโอกาสได้พบกับหน่วยแพทย์เคลื่อนที่พระราชทานมากมาย ตั้งแต่หน่วยทันตกรรม ศัลยแพทย์อาสาราชวิทยาลัย แพทย์หู ตา คอ จมูก และโรคภูมิแพ้ หน่วยอบรมหมอหมู่บ้านในพระประสงค์ หน่วยทำอวัยวะเทียมที่พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อก่อตั้งโรงงานผลิตแขน-ขาเทียม และจัดทำโครงการฟื้นฟูสมรรถภาพการทุพพลภาพขึ้น นั่นเอง
พระราชภารกิจที่คนไทยเราไม่เคยได้รับรู้เหล่านี้ ล้วนแต่ได้รับการกล่าวขานจากองค์กรในต่างประเทศมากมาย จึงทรงได้รับรางวัลเหรียญทองด้านการสาธารณสุขระดับสากลเพื่อมวลชน ทั้งจากองค์การอนามัยโลก วิทยาลัยแพทย์รักษาทรวงอกแห่งสหรัฐฯ
เหรียญทองเทิดพระเกียรติในฐานะทรงเป็นผู้นำ ผู้บุกเบิก และผู้ควบคุมปัญหาการขาดสารไอโอดีนในประเทศไทยจากสถาบันที่มีชื่อว่า The International Council for Control of Iodine Deficiency Disorders และรางวัลเหรียญทองสดุดีพระเกียรติในฐานะทรงห่วงใยสุขภาพปอดของประชาคมโลกจากสหพันธ์องค์กรต่อต้านวัณโรค และโรคปอดนานาชาติ
กราบสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมิรู้ลืม
CR :
https://www.thairath.co.th/content/545303
ศาลาเฉลิมกรุง 在 Atichart Chumnanont Facebook 的精選貼文
พระปรีชาของพระมหากษัตริย์
The wise of the king.Translated
แม่พลอย
บ้านเมืองเราเวลานี้ระส่ำยิ่งกว่าภัยสงคราม ข้าวยากหน้ากากแพง โรคร้ายระบาดความพินาศกำลังจะบังเกิดที่มีคนเอาเงินประเทศมาจ่ายแจก โดยไม่เข้าเรื่องเข้าราวสุดเศร้าใจนักเธอว่าไหมแม่พลอย
แล้วเธอยังพอจำได้ไหมว่าเมื่อครา หลังสงครามโลกครั้งที่2 ล้นเกล้าในหลวงรัชกาลที่9 ท่านเพิ่งครองราชย์ได้ไม่นาน เกิดโรคระบาด เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก แต่ในหลวงของฉันนำพาประเทศให้รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร ฉันสะเทือนใจเหลือเกินแล้ว ฉันไปอ่านมาแล้วตื้นตันใจเลยขอเขาเอาเนื้อหาสาระบางส่วนยาวเหยียด มาเผื่อแพร่ให้แม่พลอยและทุกคนได้ตระหนักและตั้งสติกันในวันนี้
___________________________________________
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2489 สืบแทนสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ซึ่งเสด็จ สู่สวรรคาลัยโดยกะทันหัน
ขณะนั้นพระองค์ทรงมีพระชนมายุเพียง 18 พรรษา พระองค์ขึ้นครองราชย์หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2488 เพียงปีเดียว
แต่โดยเหตุที่ยังมีพระราชภารกิจต้องศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จึงต้องเสด็จฯกลับไป กระทั่งทรงสำเร็จการศึกษา จึงเสด็จนิวัตกลับประเทศไทยในปี 2492
ช่วงเวลา 3-4 ปีนั้น เป็นช่วงที่ประเทศไทยตกอยู่ในสภาวการณ์สุ่มเสี่ยงทั้งจากการต้องชดใช้หนี้สงคราม และปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้ารุนแรง เงินในธนาคารแห่งประเทศไทยแทบไม่มี หลังจากถูกญี่ปุ่นยึดเป็นด่านหน้าในการสู้รบกับฝ่ายพันธมิตร เช่นเดียวกับอาหารและทรัพยากรอื่นๆที่ประเทศไทยมี ต้องให้พวกญี่ปุ่นนำไปใช้ประโยชน์ก่อน
แม้ญี่ปุ่นจะประกาศยอมแพ้แล้ว แต่ประเทศและคนไทยยังต้องกัดฟันสู้กับการบูรณะและฟื้นฟูประเทศใหม่ ขณะเดียวกันก็ต้องสู้กับภาวะข้าวยากหมากแพง สินค้าอุปโภค-บริโภคที่มุดลงสู่ตลาดใต้ดิน ทำให้เงินเฟ้อตลอดช่วงสงครามสูงขึ้นเป็น 200-1,000 เปอร์เซ็นต์ เป็นที่มาให้ผู้คนอดอยาก และเจ็บป่วยล้มตายกันจำนวนมากด้วยโรคระบาดที่ไม่อาจรักษาได้
#ขณะที่ช่วงต้นรัชกาลกิจการทางการแพทย์ของไทยยังไม่เจริญก้าวหน้า ขาดแคลนทั้งเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ที่จำเป็น บริการด้านสาธารณสุขก็ไม่แพร่หลาย ผู้เจ็บป่วยที่ยากจนและอยู่ห่างไกลไม่มีโอกาสได้รับการรักษา
#โรคระบาดที่รุนแรงในปีพศ2493และทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากคือ วัณโรค โรคเรื้อน โรคไขสันหลังอักเสบ (โปลิโอ) และอหิวาตกโรค ซึ่งทำให้มีคนไทยตายเฉียบพลันจำนวนมาก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับทราบพระเนตรพระกรรณ ตั้งแต่ที่ทรงนิวัตกลับประเทศไทยในปี 2489 และตลอดช่วงเวลาที่ต้องเสด็จฯกลับไปศึกษาต่อ จึงทรงมีพระราชดำรัสว่า
“...การรักษาความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกายเป็นปัจจัยของเศรษฐกิจที่ดีและสังคมที่มั่นคง เพราะร่างกายที่แข็งแรงนั้น โดยปกติจะอำนวยผลให้สุขภาพจิตใจสมบูรณ์ด้วย และเมื่อมีสุขภาพสมบูรณ์ ดีพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจแล้ว ย่อมมีกำลังทำประโยชน์ สร้างสรรค์ เศรษฐกิจ และสังคมของบ้านเมืองได้เต็มที่ ทั้งไม่เป็นภาระแก่สังคมด้วย คือ เน้นแต่ผู้สร้าง มิใช่ผู้ถ่วงความเจริญ...”
เมื่อทรงทราบว่า สังคมไทยอ่อนแอ และคนไทยเจ็บป่วยด้วยโรคภัยต่างๆมากมาย โดยเฉพาะในช่วงหลังสงครามโลก ซึ่งเป็นเหตุให้ประเทศไทยต้องส่งข้าวให้อังกฤษโดยไม่คิดมูลค่าจากหนี้สงครามที่ญี่ปุ่นดึงไทยเข้าไปร่วมด้วยถึง 1.5 ล้านตัน ขณะที่เศรษฐกิจไทยต้องตกต่ำลงอย่างหนัก ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นกลายเป็นสิ่งหายากยิ่ง และต้องเผชิญภาวะยุ่งยากปั่นป่วน เพราะถูกตัดขาดจากบรรดาชาติสัมพันธมิตร
สิ่งแรกที่พระองค์ทรงมุ่งแก้ไขจึงเป็นปัญหาด้านการสาธารณสุข พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวนมากหรือประมาณ 500,000 บาท เพื่อ สร้างโรงพยาบาล “ปอดเหล็ก” และจัดซื้อเวชภัณฑ์เพื่อสู้กับวัณโรคที่กำลังระบาดหนัก พร้อมกับสนับสนุนให้สภากาชาดไทยผลิตวัคซีน BCG ป้องกันวัณโรค จนกระทั่งทรงปราบวัณโรคสำเร็จในปี 2497
ขณะที่การผลิตวัคซีน BCG เพื่อสู้กับวัณโรคของสภากาชาดไทย ได้ผลเป็นอย่างดีนั้น องค์การสงเคราะห์แม่และเด็กแห่งยูนิเซฟได้สั่งซื้อเพื่อส่งไปให้กับประเทศที่เกิดโรคระบาดเดียวกันนี้ในเอเชียได้ใช้ด้วย
เหตุการณ์นี้ ทำให้พระองค์ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญเพลงพระราชนิพนธ์ “ยามเย็น” พระราชทานแก่วงดนตรีนำไปบรรเลงในงานแสดงดนตรีการกุศลเพื่อหารายได้ช่วยเหลือโครงการรณรงค์ต่อต้านวัณโรคแห่งชาติของสมาคมปราบวัณโรคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ด้วย
พระองค์ยังพระราชทานแบบจำลองเรือรบหลวงศรีอยุธยาซึ่งเป็นผลงานฝีพระหัตถ์ออกประมูลในงานเดียวกัน เพื่อนำรายได้สมทบทุนช่วยเหลือผู้ป่วยวัณโรคซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปสูงถึง 140,000 คน หรือ 500 คนต่อประชากร 100,000 คน
ในช่วงเวลาเดียวกัน พระราชทานทุนประเดิมเพื่อจัดตั้ง “กองทุนโปลิโอสงเคราะห์” ที่เกิดการระบาดรุนแรงขึ้นในปี 2495 พร้อมออก ประกาศเชิญชวนปวงชาวไทยโดยเสด็จพระราชกุศลด้วยการ “ทรงโซโลแซ็กโซโฟนเพลงตามคำขอ” ทางวิทยุ อ.ส.พระ ราชวังดุสิต
ครั้งนั้น ทำให้ได้เงินจำนวนมากส่งไปพระราชทานแก่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าและมหาวิทยาลัยมหิดล (รพ.ศิริราช) ใช้เป็นทุนก่อสร้างอาคาร และซื้อเวชภัณฑ์เพื่อบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยที่พ้นขีดอันตราย แต่ต้องเป็นอัมพาต
ยังทรงสนับสนุนการค้นคว้าทางวิชาการและก่อสร้างตึก “วชิราลงกรณ์ธาราบำบัด” ไว้เป็นสถานที่รักษาด้วยวิธีทางกายภาพโดยใช้น้ำช่วยพยุงร่างกายระหว่างการบริหารและฟื้นฟูกล้ามเนื้อผู้ป่วยด้วย ผลจากการพัฒนาตามแนวพระราชดำริอย่างต่อเนื่องนี้ ทำให้ปัจจุบันไม่มีรายงานการติดเชื้อโรคโปลิโอ หรือโรคไขสันหลังอักเสบอีกเลย
การระบาดอย่างรุนแรงของโรคร้ายต่างๆในช่วงหลังสงครามโลกดังกล่าว ทำให้คนไทยถูกรุมเร้าด้วย
โรคเรื้อน และอหิวาตกโรคที่มีผลให้ต้องสูญเสียชีวิตกันเป็นจำนวนมาก
นั่นทำให้พระองค์ทรงก่อตั้ง “กองทุนปราบอหิวาตกโรค” ด้วยการให้สภากาชาดไทยจัดซื้ออุปกรณ์เพื่อผลิตวัคซีนได้มากขึ้นอีกหลายเท่าตัว ขณะเดียวกันก็สนับสนุนการจัดหาเครื่องมือเพื่อวิจัยโรค สร้างเครื่องกลั่นน้ำเกลือคุณภาพทัดเทียมต่างชาติขึ้นใช้เอง
และเช่นเดียวกันทรงหาทุนโดยเสด็จพระราชกุศลด้วยการ “เป่าแซ็กโซโฟนตามคำขอ” โดยมีพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนโทรศัพท์ขอเพลงผ่านวิทยุ อ.ส.ได้ ทำให้การปราบอหิวาตกโรคของพระองค์สงบลงได้อย่างสิ้นเชิงในเวลาเพียง 1 ปี 5 เดือน นับจากที่ระบาดอย่างรุนแรงในปี 2501
ในปี 2496 ทรงพบโรคภัยอีกโรคขณะเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมราษฎร และทอดพระเนตรเห็นผู้ป่วยโรคเรื้อน ซึ่งไม่ได้รับการรักษา และยังคงอยู่ร่วมกับผู้คนปกติทั่วไป จึงพระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ จัดตั้ง “ทุนอานันทมหิดล” แก่กระทรวงสาธารณสุข ให้เป็นทุนเริ่มแรกในการสร้างอาคารสถานพยาบาลโรคเรื้อนขึ้นที่พระประแดง สมุทรปราการ แล้วทรงให้จัดตั้งสถาบันราชประชาสมาสัย เพื่อบำบัดฟื้นฟูและค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับโรคเรื้อน
รวมทั้งฝึกอาชีพให้ผู้ป่วย และสร้างสถานศึกษาเพื่อการอบรมเจ้าหน้าที่ในการบำบัดรักษาผู้ป่วย พร้อมหาสมมติฐานของโรคเพื่อกำจัดโรคนี้ให้หมดไป และทำให้คนไทยหายขาดจากโรคสำเร็จ โดยผู้ป่วยและบุตร 180,000 คนได้รับการรักษาจนหายขาด สามารถดำรงตนเป็นปกติสุขในสังคมได้สมดังพระราชปณิธานที่ตั้งไว้ ขณะเดียวกันยังทำให้ไทยสามารถกำจัดโรคเรื้อนได้สำเร็จเป็นประเทศแรกในภูมิภาคนี้ด้วย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงจัดตั้งหน่วยแพทย์พระราชทาน และพระราชทานเรือ “เวชพาหน์” ในปี 2498 เพื่อออกไปให้บริการประชาชนที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมน้ำ เรือลำนี้จึงนับเป็นเรือบรรเทาทุกข์และรักษาพยาบาลทางน้ำลำแรกและลำเดียวในโลกที่ทรงมุ่งมั่นตั้งพระทัยให้คนไทยหายขาดจากโรคร้ายต่างๆ
ขณะที่การรักษาโรคเรื้อนที่ทำให้ต้องตัดแขนขาของผู้ป่วยก็ได้ทรงจัดตั้งหน่วยแขน-ขาเทียมพระราชทานให้ในปี 2513 พร้อมมีพระราชดำริให้มีการฝึกอบรม “หมอหมู่บ้าน” เพื่อให้ชาวบ้านมีความรู้ด้านการสาธารณสุขพอสมควร เพื่อช่วยเหลือตนเองในท้องถิ่นที่ขาดแคลนสถานพยาบาลต่อเนื่องมาจนถึงในปี 2525
ในข้อมูลของ มูลนิธิปิดทองหลังพระที่ ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล เป็นเลขาธิการ บันทึกว่า ปี 2492 ซึ่งเสด็จนิวัตกลับมาเยี่ยมพสกนิกรของพระองค์ ทรงมีรับสั่งกับหลวงพยุงเวชศาสตร์ อธิบดีกรมสาธารณสุขว่า “ยาอะไรขาด ถ้าต้องการ ฉันจะหามาให้อีก ฉันอยากเห็นกิจการแพทย์ของเมืองไทยเจริญมากๆ” และเมื่อเสด็จนิวัตกลับประเทศไทย จึงทรงขนยารักษาโรคที่จำเป็นจำนวนมากกลับมาด้วย
มูลนิธิปิดทองหลังพระของคุณชายดิศยังบันทึกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่หมู่เฮาชาวเราไม่เคยได้รับทราบอีกมากมาย เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยนี้ทำให้รับรู้ว่าทรงงานหนักเพียงใด แม้ในช่วงที่เพิ่งขึ้นครองราชย์ และยังทรงมีพระชนมายุน้อยหากแต่ต้องทรงตัดสินพระทัยช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์ในแทบจะทุกเรื่อง
เช่น ทรงริเริ่มสร้างภาพยนตร์ที่รู้จักกันในนามว่า “ภาพยนตร์ส่วนพระองค์” พระราชทานจัดฉายเพื่อหารายได้ช่วยเหลือทางการแพทย์ อาทิ สร้างตึกอานันทมหิดล ที่ รพ.ศิริราช สร้างตึกวิจัยประสาทที่ รพ.ประสาทพญาไท และพระราชทานทุนวิจัยโรค ประสาทแต่ละชนิดให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
ทรงสร้างอาคารราชสาทิส รพ.สมเด็จเจ้าพระยา เพื่อให้คนไข้มีสถานที่กว้างขวางเพื่อจะได้เดินออกกำลังกายให้มีจิตใจที่ดีขึ้น สร้างตึกวชิราลงกรณ์ สภากาชาดไทย อาคารทางการแพทย์ของ รพ.ภูมิพล เป็นต้น
ในปี พ.ศ.2497 ที่ทรงโปรดเกล้าฯให้ฉายภาพยนตร์ส่วนพระองค์ ณ ศาลาเฉลิมกรุง รายได้จากการฉายภาพยนตร์เมื่อ 61 ปีมาแล้วนั้นสูงถึง 444,600.50 บาท กระนั้นก็ยังไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง จึงพระราชทานเงินส่วนพระองค์และเงินที่มีผู้โดยเสด็จพระราชกุศลเพิ่มเติมอีกรวม 1,558,561 บาท
เมื่อสร้างอาคารต่างๆเสร็จเรียบร้อย ยังมีเงินคงเหลืออีก 175,064.75 บาท จึงพระราชทานเงินให้สร้างสถาบันอบรมเจ้าหน้าที่และค้นคว้าเรื่องโรคเรื้อนที่สถานพยาบาลพระประแดงในวงเงินประมาณ 1 ล้านบาท
การจะทำให้พสกนิกรที่ยากจนหยุดการทำนาทำไร่แล้วเดินทางไปหาแพทย์เป็นสิ่งที่ยากยิ่ง ในทางตรงข้ามหากเป็นการให้บริการเคลื่อนที่ก็จะเป็นการแก้ปัญหาได้ทางหนึ่ง จึงมีรับสั่งว่า “ฉันต้องการให้หมอช่วยไปดูแลบำบัดทุกข์แก่นักเรียนและประชาชนที่อยู่ในท้องถิ่นกันดารห่างไกลหมอ จะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดตามความจำเป็น โดยให้จัดหน่วยเคลื่อนที่โดยรถยนต์ และตระเวนไปตามถนนหนทางในหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลชนบท”
นั่นทำให้คนไทยในถิ่นทุรกันดารมีโอกาสได้พบกับหน่วยแพทย์เคลื่อนที่พระราชทานมากมาย ตั้งแต่หน่วยทันตกรรม ศัลยแพทย์อาสาราชวิทยาลัย แพทย์หู ตา คอ จมูก และโรคภูมิแพ้ หน่วยอบรมหมอหมู่บ้านในพระประสงค์ หน่วยทำอวัยวะเทียมที่พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อก่อตั้งโรงงานผลิตแขน-ขาเทียม และจัดทำโครงการฟื้นฟูสมรรถภาพการทุพพลภาพขึ้น นั่นเอง
พระราชภารกิจที่คนไทยเราไม่เคยได้รับรู้เหล่านี้ ล้วนแต่ได้รับการกล่าวขานจากองค์กรในต่างประเทศมากมาย จึงทรงได้รับรางวัลเหรียญทองด้านการสาธารณสุขระดับสากลเพื่อมวลชน ทั้งจากองค์การอนามัยโลก วิทยาลัยแพทย์รักษาทรวงอกแห่งสหรัฐฯ
เหรียญทองเทิดพระเกียรติในฐานะทรงเป็นผู้นำ ผู้บุกเบิก และผู้ควบคุมปัญหาการขาดสารไอโอดีนในประเทศไทยจากสถาบันที่มีชื่อว่า The International Council for Control of Iodine Deficiency Disorders และรางวัลเหรียญทองสดุดีพระเกียรติในฐานะทรงห่วงใยสุขภาพปอดของประชาคมโลกจากสหพันธ์องค์กรต่อต้านวัณโรค และโรคปอดนานาชาติ
กราบสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมิรู้ลืม
CR :
https://www.thairath.co.th/content/545303
ศาลาเฉลิมกรุง 在 Dek Jew Chill Out Youtube 的最讚貼文
ปิดเทอมแล้ววว น้องพริมเลยชวนแคมุนกับแก๊งเพื่อนๆ ไปเที่ยวสยามอะเมซิ่งปาร์คกันค่ะ (Siam Amazing Park) ที่นี่คือ สวนสยาม ทะเล-กรุงเทพฯ ที่แม่เคยมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ตอนนี้เค้าปรับปรุงใหม่จนแม่จำไม่ได้เลย ภายใต้ชื่อใหม่ Siam Amazing Park ค่ะ มีโซนต่างๆ ตั้ง 5 เวิลด์ เที่ยวสนุกกันได้ทั้งครอบครัวตั้งแต่ Small World ของน้องเล็ก Xtreme World ของพี่โต Adventure World สำหรับผู้ที่ชอบการผจญภัย Family World ของทั้งครอบครัว และ Water World ที่ทุกคนชื่นชอบกับทะเลเทียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก
และในอนาคตจะมี Bangkok World ที่จะยกเอาเสาชิงช้า ป้อมพระสุเมรุ ศาลาเฉลิมไทย ศาลาเฉลิมกรุง และสถานที่อื่นๆที่สำคัญในกรุงเทพมาไว้ที่นี่บนเนื้อที่ 70 ไร่เลยค่ะ
เรียกได้ว่ามาที่เดียวได้เล่นสนุกกันครบหลากหลายแบบทั้งครอบครัวเลยค่ะ
พบกัน Siam Amazing Park ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนะคะ
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.siamamazingpark.com ค่ะ
Subscribe หรือสมัครสมาชิกเพื่อติดตามช่องเด็กจิ๋วได้ที่ https://www.youtube.com/user/DekJewChillOut
ติดตามเรื่องราวของเด็กจิ๋วเพิ่มเติมได้จาก https://www.facebook.com/DekJewChillOut และ http://www.dekjew.com/
#SiamAmazingPark #สยามอะเมซิ่งปาร์ค #dekjew #dekjewchillout #เด็กจิ๋ว #น้องพริม #NPrim #เด็กจิ๋วชิลเอาท์ #ตลก #สนุก #ช่องเด็ก
ศาลาเฉลิมกรุง 在 Bearry Channel Youtube 的最讚貼文
#BearryChannel #BearryThai #แบร์รี่เล่าเรื่องวรรณคดี
**รูปประกอบบางรูปไม่เกี่ยวของกับเนื้อหา เป็นเพียงการนำเสนอเพื่อให้ท่านผู้ชมจินตนาการตามได้อย่างชัดเจนขึ้น โปรดใช้วิจารณญานในการรับชม**
หนุมาน เป็นตัวละครเอกตัวหนึ่งในเรื่องรามเกียรติ์ มีพ่อเป็นพระพาย มีแม่คือนางสวาหะ กำเนิดของหนุมานมีที่มาจากที่นางสวาหะได้เปิดเผยความลับเรื่องการมีชู้ของแม่ คือ นางกาลอัจนา ให้กับ ฤาษีโคดม ผู้เป็นพ่อได้รับรู้ ทำให้นางกาลอัจนาโกรธมาก และได้สาปให้นางสวาหะต้องไปยืนขาเดียวกินลมจนกว่าจะมีลูกถึงจะพ้นคำสาป ต่อมา พระอิศวร มีความต้องการจะสร้างทหารเอกให้แก่ พระราม หรือ พระนารายณ์ ที่อวตารลงมาปราบยักษ์ จึงมีบัญชาให้ พระพาย นำเทพศาสตราวุธของพระองค์อันประกอบด้วย คทาเพชร ตรีเพชร และจักรแก้ว ไปซัดเข้าปากนางสวาหะ ทำให้นางสวาหะเกิดตั้งครรภ์ขึ้น หนุมานอยู่ในครรภ์ของนางสวาหะถึง 30 เดือน จนถึงปีขาล เดือนสาม วันอังคาร ก็กระโดดออกมาจากปากของนางสวาหะ เป็นลิงเผือกร่างกายใหญ่โตเท่าเด็กสิบขวบ มีกายสีขาว และมีลักษณะพิเศษตรงที่มีกุณฑลขนเพชร มีเขี้ยวเพชรอยู่กลางเพดานปาก สามารถแผลงฤทธิ์ให้มี ๔ หน้า ๘ มือได้ อีกทั้งยังสามารถหาวเป็นดาวเป็นเดือนได้ด้วย หนุมานมีตรีเพชร หรือสามง่ามเป็นอาวุธประจำตัว
ที่มาของข้อมูล https://goo.gl/p86Oyy
http://goo.gl/5xWZpE
http://goo.gl/AnWlHL
เพลงประกอบ พม่ากลองยาว ระนาดเอก
การแสดงโขน ชุด "พระรามครองเมือง" ลิงค์ที่มาของรูป http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=abird&month=24-05-2010&group=39&gblog=8
การแสดงโขน ศาลาเฉลิมกรุง “ชุด หนุมาน” ลิงค์ที่มาของรูป http://travel.mthai.com/blog/120274.html
บันทึกการแสดงโขน เรื่อง รามเกียรติ์ ชุด รามาวตาร จัดแสดง ณ โรงละครแห่งชาติ กำกับการแสดงและเขียนบท โดย เสรี หวังในธรรม (ศิลปินแห่งชาติ)
ติดตามคลิปสนุกอีกมากมายที่ Bearry Family : https://goo.gl/qW5Tcn
ติดตามข่าวสารของเราได้ที่ Facebook Page : https://goo.gl/MZ3rsb
ติดตามคลิปน่าสนใจอื่นๆได้ที่ Bearry Channel https://goo.gl/HysOmh
ศาลาเฉลิมกรุง 在 Grammy Gold Official Youtube 的最佳解答
"ไผ่ พงศธร, แช่ม แช่มรัมย์, ตั๊กแตน ชลดา, ดอกอ้อ ทุ่งทอง, ก้านตอง ทุ่งเงิน" ศิลปินแกรมมี่ โกลด์ ร่วมคอนเสิร์ต "Power Of Love Concert พลังแห่งรัก" เพื่อมูลนิธิบ้านเอื้อพร จ.ชุมพร บ้านที่ดูแลผู้หญิงและเด็กที่ถูกกระทำ ณ ศาลาเฉลิมกรุง
ศาลาเฉลิมกรุง 在 ครบรอบ 86 ปี โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง - YouTube 的推薦與評價
ทำพิธีบวงสรวง ณ บริเวณด้านหน้า ศาลาเฉลิมกรุง ต่อด้วยการแสดงรำบวงสรวงชุดนาฎยครอบครัวโขนอำนวยพร เพื่ออำนวยอวยชัยในโอกาสครบรอบ 86 ปี ... ... <看更多>
相關內容
ศาลาเฉลิมกรุง 在 ารแสดงโขน ศาลาเฉลิมกรุง | วัด - Pinterest 的推薦與評價
21 ก.พ. 2015 - พินนี้ค้นพบโดย peridot ค้นพบ (และบันทึก!) พินของคุณเองใน Pinterest. ... <看更多>
ศาลาเฉลิมกรุง 在 Sala Chalermkrung - ศาลาเฉลิมกรุง | Bangkok - Facebook 的推薦與評價
จัดแสดงต่อเนื่องตลอดทั้งปี ทุกวันจันทร์ - วันศุกร์ วันละ 3 รอบ รอบ 13.00 น. รอบ 14.30 น. และรอบ 16.00 น. รอบละ 25 นาที ณ โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง โปร ... ... <看更多>