ส่อง #ยอดขายบ้าน-คอนโด ครึ่งปี 2564 ในวันที่ประเทศกลับมา Lock Down อีกรอบ
อ่านเพิ่ม https://wp.me/p1YZB1-352q
.
ผ่านมาครึ่งปีกว่าๆ แต่สถานการณ์ต่างๆ ในเมืองไทยแทบจะไม่ดีขึ้นเลย ยอดผู้ติดเชื้อ #Covid19 นับวันจะพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จากร้อย เป็นพันปลายๆ และกลายเป็นหลักหมื่นในที่สุด เช่นเดียวกับสภาพเศรษฐกิจ..ตัวเลขหนี้ครัวเรือนสูงสุดในรอบ 8 ปี คิดเป็น 90.5% ของรายได้ประชาชาติ (GDP) สูงกว่าช่วงต้มยำกุ้ง ซึ่งมีหนี้ครัวเรือนเพียง 50%
.
วิกฤตรอบล่าสุด ส่งผลกระทบต่อวงการอสังหาริมทรัพย์อย่างรุนแรง โดยเฉพาะในมุมของผู้ประกอบการ ซึ่งนอกจากเผชิญความไม่แน่นอนของหนี้ครัวเรือนที่ทำให้กู้ไม่ผ่าน ยังเจอผลกระทบจากการ #ปิดแคมป์คนงาน หยุดงานก่อสร้าง 30 วัน ทำให้ไม่สามารถส่งมอบโครงการ และโอนบ้าน-คอนโดได้ตามกำหนด ประมาณความเสียหายเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 40,000 ลบ.
.
ข้อมูลของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ครึ่งแรกของปี 2564 ยอดจองซื้อบ้าน-คอนโด อยู่ที่ 21,000 หน่วย ลดลงจากปี 2563 ประมาณ 24.2% ถือว่า*ต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี* เช่นเดียวกับการเปิดตัวโครงการใหม่ ที่เข้ามาในตลาด ซึ่งมีเพียง 20,000 หน่วย ลดลง 35% จากปี 2563
.
เมื่อประเมินสถานการณ์ออกมาแบบนี้ แล้ว #ยอดขาย ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาเป็นอย่างไร? เราลองรวบรวม ตัวเลขจาก 8 บริษัทอสังหาในตลาดหลักทรัพย์ มาให้ดูคร่าวๆ ส่วนใหญ่จะใกล้เคียง 50% ของเป้าที่ตั้งไว้* แต่...อย่าลืมว่า นั่นเป็นช่วงก่อน lock down สิ่งที่เราควรจับตาดูหลังจากนี้ คือ สถานการณ์ครึ่งปีหลัง ผลกระทบจากการปิดแคมป์คนงาน ยอดคนทิ้งโอน และ อัตราการปฏิเสธสินเชื่อ ถ้าไม่มีมาตรการเยียวยาจากภาครัฐ อนาคตที่ใกล้เคียง(หรือแย่กว่า) #ต้มยำกุ้ง คงอยู่ไม่ไกล
.
ล่าสุด REIC หรือศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ฯ ได้เปิดเผยความเชื่อมั่นของหลายๆ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ พบว่ายังต่ำกว่าค่ากลาง ต่อเนื่องมาเกือบ 2 ปี (หรือประมาณ 18 เดือน) และคาดการณ์ว่าจะลดลงอีกในครึ่งปีหลัง หากรัฐบาลยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
.
*เป้ายอดขายเป็นเป้าที่แต่ล่ะบริษัทกำหนดไว้ทั้งปี
---------------------------------
ติดตาม Content คุณภาพแบบนี้ได้ทุกวัน ผ่านทาง ThinkofLiving Line Official Account คลิก > https://lin.ee/svACOxc
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
กรณีศึกษา เมื่อบางจากรีเทลจะขยายธุรกิจ ไปขายชานมไข่มุก DAKASI /โดย ลงทุนแมน
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ข่าวหนึ่งที่สร้างความสนใจในวงการธุรกิจ สถานีบริการน้ำมัน
ก็คือการที่บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด ได้ซื้อสิทธิแฟรนไชส์ชานมไข่มุก DAKASI
มาเปิดในสถานีบริการน้ำมันบางจาก
เรื่องนี้เป็นหลักฐานยืนยันได้ว่า
กลุ่มบางจาก กำลังจริงจังกับธุรกิจ Non-Oil มากขึ้นกว่าในอดีต โดยเฉพาะธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
เพราะที่ผ่านมา บางจาก มีแบรนด์หลักเพียงแค่ร้านกาแฟ อินทนิล แบรนด์เดียวเท่านั้น
ที่เปิดบริการมาแล้ว 15 ปี และมีสาขามากกว่า 700 สาขาทั่วประเทศ
ทั้งในและนอกสถานีบริการน้ำมัน
สิ่งที่น่าติดตามก็คือ บางจาก รีเทล จะจริงจังกับธุรกิจร้านชานมไข่มุกมากน้อยแค่ไหน
แล้วทำไมต้องเป็นแบรนด์ DAKASI
ลงทุนแมนจะวิเคราะห์ให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเคยประเมินไว้ว่า
ตลาดชานมไข่มุกในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 2,000-2,500 ล้านบาท
แต่นั่นคือตัวเลขเมื่อปี 2555 หรือเกือบ 10 ปีที่แล้ว
ซึ่งในเวลานั้น ตลาดชานมไข่มุกยังไม่เติบโตเฟื่องฟูเหมือนทุกวันนี้
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีร้านชานมไข่มุกกระจายตัวครอบคลุมทุกพื้นที่ ตั้งแต่ร้านริมถนนจนถึงห้างหรู
ราคาก็มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 29 บาท ไปจนถึงร้อยกว่าบาทในแบรนด์พรีเมี่ยม
ส่วนร้านชานมไข่มุกในสถานีบริการน้ำมัน
ที่เราพบเห็นนั้นส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบรนด์ที่มีราคาที่เข้าถึงง่าย แต่หลังจากนี้ไป
เราคงได้เห็นแบรนด์ชานมไข่มุก แบบ Premium Mass ปรากฏในสถานีบริการน้ำมันมากขึ้น
เพราะปรากฏการณ์ของชานมไข่มุกช่วงหลายปีที่ผ่านมา
คงพอจะเดาได้ว่า ตลาดชานมไข่มุกในปัจจุบันนั้นมีมูลค่ามหาศาล
และ บางจาก รีเทล น่าจะเฝ้าจับตามอง การเติบโตของตลาดนี้อย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกันก็คงคิดว่า ร้านกาแฟ อินทนิล จะกระโดดลงตลาดนี้ไหม และจะเข้าไปกินส่วนแบ่งอย่างไร
จนมาลงตัวที่ DAKASI (ดาคาซี่) ชานมไข่มุกพรีเมียม ที่ราคาไม่สูงเกินไป
สามารถสร้างความถี่ในการซื้อได้บ่อยๆ
โดยมีเมนูยอดนิยมอย่าง เฮยถังไข่มุกลาวา ที่เป็น Brown Sugar Signature
DAKASI เป็นแบรนด์จากไต้หวันซึ่งเป็นต้นตำรับชานมไข่มุก
มีอายุกว่า 30 ปี มี 1,000 สาขาทั่วเอเชีย และมียอดขายเติบโตต่อเนื่อง
สำหรับในประเทศไทย DAKASI เปิดให้บริการสาขาแรกที่สยามสแควร์ เมื่อ 12 ปีที่แล้ว
ภายใต้การบริหารของบริษัท มิกซ์เซี่ยน ฟู้ดส์ จำกัด
ปัจจุบันมี 40 สาขา พร้อมอัตราเติบโตต่อเนื่องทุกปีเช่นกัน
เบื้องต้น บางจาก รีเทล น่าจะแค่ต้องการมองหาวัตถุดิบของชานมไข่มุกคุณภาพดี
เพื่อมาเสริมเป็นเมนูเครื่องดื่มในร้านกาแฟ อินทนิล แต่เมื่อมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ
ก็เลยตัดสินใจ เปลี่ยนแผนธุรกิจซื้อสิทธิแฟรนไชส์ ทันที
โดยทาง บางจาก รีเทล จะได้สิทธิบริหารแฟรนไชส์ร้านชานมไข่มุก DAKASI
ในสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ
สรุปง่าย ๆ คือ การได้สิทธิมาสเตอร์แฟรนไชส์ครั้งนี้
บางจาก จะเป็นสถานีบริการน้ำมันเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย
ที่มีโอกาสจำหน่าย DAKASI แบรนด์ชานมไข่มุกไต้หวัน
โดยทาง บางจาก รีเทล จะเป็นผู้พิจารณาการเปิดสาขา
ทั้งในรูปแบบบริษัทลงทุนเอง รวมถึงการขายแฟรนไชส์
ให้ผู้ที่สนใจลงทุนเป็นเจ้าของร้านชานมไข่มุก DAKASI ในสถานีบริการน้ำมัน
ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ยังคงเป็นสิทธิของ บริษัท มิกซ์เซี่ยน ฟู้ดส์ จำกัด ในการเปิดสาขา
แล้วเหตุผลอะไร ที่ทำให้ บางจาก รีเทล เลือกดีลนี้ ?
คำตอบก็คือ หากสมมติให้ บางจาก รีเทล เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ในธุรกิจชานมไข่มุก
นอกจากจะเสียเวลาในการพัฒนาธุรกิจแล้ว ก็คงไม่มีใครตอบได้ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่
ทางเลือกที่น่าสนใจกว่าก็คือ ลงทุนกับแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้วในธุรกิจนี้
เช่นเดียวกับวิธีคิดในการขายแฟรนไชส์ให้ผู้ประกอบการของร้านกาแฟ อินทนิล
คือ ไม่ต้องเสียเวลาพัฒนาสินค้าหรือคิดค้นสูตรเครื่องดื่ม ไม่ต้องบริหารวัตถุดิบเอง
ที่สำคัญ ไม่ต้องเสียงบโฆษณาเพื่อโปรโมตแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก
เพราะคนที่ชื่นชอบการดื่มชานมไข่มุกอยู่แล้ว ก็ย่อมรู้จักแบรนด์ DAKASI เป็นอย่างดี
และโอกาสทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดก็คือ บางจาก รีเทล มีต้นทุนเดิมที่แข็งแกร่งมาก
นั่นคือ Network ของสถานีบริการน้ำมัน กว่า 1,200 สาขาทั่วประเทศ
มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการจำนวนมากอยู่แล้วในแต่ละวัน
รวมไปถึง ดีลเลอร์ของสถานีบริการน้ำมันบางจากหรือแม้แต่ผู้ประกอบการร้านกาแฟ อินทนิล เดิม
ก็มีโอกาสขยายธุรกิจใหม่ด้วยการเปิดร้านชานมไข่มุก DAKASI เพิ่มเติมได้ทันที
ทีนี้ก็คงพอจะนึกภาพออกว่า
เมื่อ บางจาก รีเทล สามารถลงทุนเปิดสาขา DAKASI ได้ด้วยตัวเอง
จนถึงสามารถขายแฟรนไชส์ร้านชานมไข่มุก DAKASI ในสถานีบริการน้ำมัน
จำนวนสาขาของ DAKASI ในประเทศไทย จะเติบโตรวดเร็วแค่ไหน
เมื่อเทียบกับการที่บริษัท มิกซ์เซี่ยน ฟู้ดส์ บริหารเองคนเดียว ปัจจุบันมี 40 สาขา ใช้เวลา 12 ปี
ขณะที่ การให้สิทธิมาสเตอร์แฟรนไชส์กับบริษัท บางจาก รีเทล ครั้งนี้
ทั้งสองบริษัทตั้งเป้ารวมกันว่า จะสามารถขยายได้ถึง 150 สาขา ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี
ต้องบอกว่าเป็นดีลที่ Win-Win ทั้งสองฝ่าย
บางจาก รีเทล จะมีแบรนด์ใหม่ในธุรกิจ Non-Oil ที่สามารถหารายได้ในทันที
ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเองหรือขายแฟรนไชส์ให้แก่นักลงทุน
โดยเฉพาะโมเดลธุรกิจแฟรนไชส์ที่ บางจาก รีเทล มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ
ในการขายแฟรนไชส์ร้านกาแฟ อินทนิล ซึ่งมีสัดส่วนถึง 80% ของสาขาทั้งหมด
และกำลังจะก้าวสู่สาขาที่ 1,000 ในปีหน้านี้
ทางฝั่ง บริษัท มิกซ์เซี่ยน ฟู้ดส์ จำกัด นอกจากจะได้ทีมพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์แล้ว
แบรนด์ DAKASI ก็จะมีรายได้และจำนวนสาขาที่เติบโตขึ้นกว่าในอดีตอย่างชัดเจน
ส่วนสิ่งที่น่าติดตามต่อจากนี้ ก็คงหนีไม่พ้นว่า
ในอนาคตอันใกล้ บางจาก รีเทล จะมีแบรนด์อะไร เข้ามาเสริมทัพในธุรกิจ Non-Oil
ที่ว่ากันว่า มันคือเกมใหม่ของธุรกิจสถานีบริการน้ำมันที่ร้อนระอุในยุคนี้
เพราะอย่างที่เราทราบกันดี ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันนั้นมีกำไรที่บางเฉียบ
แต่จุดแข็งของสถานีบริการน้ำมันก็คือ คนยังต้องเดินทาง
ประกอบกับพฤติกรรมการเดินศูนย์การค้าที่ลดลง
ผู้คนหันมาจับจ่ายและใช้บริการในสถานีบริการน้ำมันมากขึ้น ซึ่งสะดวกและรวดเร็วกว่า
การมีธุรกิจ Non-Oil ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในปัจจุบัน
น่าจะเป็นสิ่งที่ กลุ่มบางจาก ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
ด้วยการให้ อินทนิล มีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม
ขณะเดียวกัน บางจาก รีเทล ก็น่าจะกำลังมองหาธุรกิจใหม่ๆ
เข้ามาเสริมทัพในสถานีบริการน้ำมันของตัวเองอย่างจริงจังนับจากนี้
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-เอกสารข่าวประชาสัมพันธ์บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด
-ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คือ 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的精選貼文
ไม่ควรมองข้าม!! เทรนด์ชายหล่อมาแรง ตลาดความงามใหม่ ที่กำลังเติบโต
.
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน พฤติกรรม ทัศนคติก็ต้องเปลี่ยน! เพราะปัจจุบันการใส่ใจดูแลตัวเอง ไม่ใช่แค่เรื่องของผู้หญิงอีกต่อไป แต่หลายปีมานี้ ผู้ชายส่วนใหญ่ต่างเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้สกินแคร์บำรุงผิว เสริมความงาม หรือการแต่งกาย เพื่อสร้างภาพลักษณ์ และบุคลิกภาพให้ดูดีต่อสังคมภายนอก ประกอบกับการได้รับกระแสความนิยมจากดารานักร้องต่างชาติ เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น ที่มีแฟชั่น หรือเทรนด์ต่าง ๆ มาให้ได้ติดตามอยู่เสมอ
.
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ตลาดความงามโดยรวมกำลังเติบโตอย่างมากในตลาดประเทศไทย โดยเฉพาะตลาดความงามของกลุ่มผู้ชาย ที่เริ่มมีการเติบโตเพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยเม็ดเงินมูลค่ากว่า 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งสามารถแบ่งเป็นประเภทสินค้าและบริการที่สำคัญได้ดังนี้
.
1. สินค้าส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการดูแลร่างกายของผู้ชาย มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตเฉลี่ยประมาณ 6.4% ต่อปี โดยที่ได้รับความนิยม และมีอัตราเติบโตสูงที่สุด คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในห้องน้ำและหลังการอาบน้ำ เช่น ดูแลผิว ดูแลเส้นผม ชำระร่างกาย และระงับกลิ่นกาย ซึ่งมีสัดส่วนทั้งสิ้นกว่า 75.2% รองลงมาคือ ผลิตภัณฑ์โกนหนวด 14.5% และผลิตภัณฑ์น้ำหอม 10.3%
.
2. คลินิกเสริมความงามและคลินิกศัลยกรรม โดยเฉพาะการบริการทางด้านการดูแลผิว หรือ Skin Care ก็กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในเกือบทุกกลุ่มอายุ ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น วัยทำงาน วัยผู้ใหญ่ ซึ่งทางศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ตลาดบริการเสริมความงามทั้งที่ไม่ต้องผ่าตัดและต้องผ่าตัดทั้งหมดในประเทศไทย จะมีมูลค่าสูงถึง 6.5 หมื่นล้านบาท (มูบค่าตลาดเฉพาะคลินิก ไม่รวมบริการด้านความงามจากโรงพยาบาล) โดยในจำนวนนี้ จะเป็นสัดส่วนจากตลาดกลุ่มผู้ชาย ที่มีค่าใช้จ่ายรวมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท
.
ซึ่งกลุ่มลูกค้าผู้ชายส่วนใหญ่จะมีอายุประมาณ 20-39 ปี หรือที่เรียกว่า “กลุ่ม Millennials” ที่เริ่มสนใจดูแลตัวเอง ใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการเกี่ยวกับความงามค่อนข้างสูง โดยมีพฤติกรรมไม่ยึดติดตราสินค้า สนใจสินค้าที่มีนวัตกรรม สืบค้นข้อมูลก่อนตัดสินใจของคุณสมบัติ ราคา และคุณภาพ
.
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดของธุรกิจด้านความงาม กลุ่มลูกค้าผู้ชายอาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ประกอบการที่มองเห็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ ซึ่งผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญตั้งแต่ศักยภาพด้านการผลิตที่มีแตกต่างจากคู่แข่ง ความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย และคุณภาพของสินค้า เพื่อตอบโจทย์ตามความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายภายใต้ราคาที่สมเหตุสมผล
ที่มา : https://www.kasikornbank.com/th/business/sme/KSMEKnowledge/article/KSMEAnalysis/Documents/TrendMan.pdf
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#เทรนด์ชายหล่อ #ตลาดความงาม