👉 สรุป 5 ขั้นตอนง่าย ๆ กดรับสิทธิ์ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’
✈️ เตรียมตัวให้พร้อม แล้วออกไปเที่ยวกันเล้ย
💻 สำหรับการลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมโครงการนั้นจะเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. 2563 ผ่านเว็บไซต์ 'เราเที่ยวด้วยกัน' (https://bit.ly/3fw12PU) ตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น. สำหรับวิธีลงทะเบียน รับสิทธิ์โครงการ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’
👉 วิธีการลงทะเบียน
1.เข้าไปที่เว็บไซต์ 'เราเที่ยวด้วยกัน' (https://bit.ly/3fw12PU)
2.กดยอมรับเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ
3.กรอกข้อมูล และ ทำการยืนยันรหัส OTP ที่ได้รับ
4.รอ SMS แจ้งผลการลงทะเบียน
5.ดาวน์โหลดและทำการติดตั้งแอปเป๋าตังเพื่อยืนยันตัว ก็เรียบร้อย
📌 ทั้งนี้ การจองโรงแรมเพื่อรับสิทธิ์ในโครงการ ‘เที่ยวด้วยกัน’ เริ่มจองได้ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. เป็นต้นไป
👉 วิธีการจองโรงแรมและที่พัก ทำได้ง่ายๆ เช่นกัน
1.จองโรงแรมผ่านทางโรงแรมโดยตรง Agoda ,Traveloka
2.จองห้องพัก แจ้งเข้าร่วมโครงการ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’
3.ชำระงินผ่านแอปเป๋าตังตามยอดที่แจ้งไว้
4.ระบบจะส่งคูปองเข้าไปในแอปเป๋าตัง เพื่อเอาไว้ใช้สำหรับ เช็คอินโรงแรม
🚙 แค่ทำตามขั้นตอนง่ายๆ เราก็ได้ไปเที่ยวกันเเล้ว อย่าลืมอ่านรายละเอียด เงื่อนไขให้ครบถ้วนก่อนทำการลงทะเบียนกันด้วยนะ 💕
ข้อมูล : https://www.prachachat.net/tourism/news-490880
ข้อมูล : http://accesstrade.in.th
คลิกเพื่อดูดีลที่พักราคาถูก www.sneaksdeal.com
-
สามารถติดตามพวกเราผ่านช่องทาง ‘หนีเที่ยว’ ต่อไปนี้
👍 Facebook : https://bit.ly/2SFis0R
📺 YouTube : http://bit.ly/SneakOutYouTubeS
📱 LINE@ : https://bit.ly/2Qv5ml3
📸 Instagram : https://bit.ly/2VxlEh0
👥 เฟซบุ๊ก ‘กลุ่มคนหนีเที่ยว’ : https://bit.ly/2FjnTPj
👥 เฟซบุ๊ก ‘กลุ่มตลาดนัดคนหนีเที่ยว’ : https://bit.ly/2Fhn09U
#Sneakoutหนีเที่ยว #เราเที่ยวด้วยกัน #รัฐบาล #การท่องเที่ยว #เที่ยวไทย #ประเทศไทย #เศรษฐกิจ
「สรุป การท่องเที่ยว」的推薦目錄:
- 關於สรุป การท่องเที่ยว 在 Sneak out หนีเที่ยว Facebook 的最佳貼文
- 關於สรุป การท่องเที่ยว 在 อ้ายจง Facebook 的最佳貼文
- 關於สรุป การท่องเที่ยว 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於สรุป การท่องเที่ยว 在 สรุปการเสวนา "เปิดประเทศ อัพเกรดแหล่งท่องเที่ยวไทย" 02 的評價
- 關於สรุป การท่องเที่ยว 在 เราเปิดประเทศแล้วหรือยัง สรุปสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยและแนวโน้ม ... 的評價
สรุป การท่องเที่ยว 在 อ้ายจง Facebook 的最佳貼文
กระแสความกังวลของชาวอู่ฮั่นต่อCOVID-19ยังคงมีอยู่ แม้เปิดเมือง โดยเฉพาะ "ผู้ติดเชื้อแบบไม่มีอาการ"
.
เท่าที่อ้ายจงได้ติดตามข่าวตามสื่อต่างๆของจีนและดูจากที่คนจีนพูดคุยและโพสต์บนโซเชียลจีน ทำให้ได้รู้ว่า "คนอู่ฮั่นและคนจีนพื้นที่อื่นๆ ยังคงกังวลต่อการระบาด โดยเฉพาะประเด็น ผู้ติดเชื้อแบบไม่มีอาการ"
พวกเขามีความกังวลอย่างไรกันบ้าง?
1.คุณจาง เจ้าของแผงปลาในตลาดสด Baishazhou เมืองอู่ฮั่น ส่งเสียงบอกลูกค้าทุกคนที่มาซื้อปลาร้านตนว่า "เขยิบออกไปห่างๆหน่อย อย่าเข้ามาใกล้ฉันเกินไป แล้วใส่หน้ากากอนามัยด้วย คุณจะไม่ได้ปลาสักตัวเลย ถ้าไม่ทำตามกฎป้องกันการระบาด"
2. คุณจาง เผยต่อ สื่อจีน Globaltimes ว่า
"แม้ทางตลาดจะมีกฎระเบียบสำหรับคัดกรองผู้ที่มาซื้อของและเข้ามาในตลาด เช่น ตรวจอุณหภูมิร่างกาย, เช็ค Healthcode
แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า มาตรการเหล่านี้สามารถตรวจจับ ผู้ติดเชื้อแบบไม่มีอาการได้?"
3. หลังจากเปิดเมือง-ยกเลิกมาตรการ Lockdownในอู้ฮั่น มีการเผยแพร่คลิปหนึ่งจนกลายเป็นกระแสViralบน Weibo เป็นคลิป "ที่มีเนื้อหาว่า อู่ฮั่นยังคงอันตราย ยังคงมีผู้ติดเชื้อแบบไม่มีอาการที่ถือเป็น พาหะ-แพร่เชื้อได้แบบที่เราไม่รู้ตัว พร้อมมีภาพของคนล้มลงกับพื้นในเขตเจียงอัน "
แต่ภายหลังตำรวจอู่ฮั่นได้ออกมาชี้แจงว่า "จากการตรวจสอบ ชายผู้นั้นล้มลงกับพื้นเพราะเมา ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อแต่อย่างใด โดยตำรวจสรุปว่า เป็นข่าวลือ"
4. บริษัทบางแห่งในเมืองอู่ฮั่น ยึดหลัก "Safety First ปลอดภัยไว้ก่อน" ตรวจCOVID-19พนักงานเกือบทั้งบริษัท มากกว่า 1,000คน หลังเปิดงานวันแรก เพื่อให้มั่นใจว่า "พนักงานที่กลับมาทำงาน หลังเปิดเมือง และพนักงานทุกคน ปลอดภัยจาก COVID-19 ทั้งติดเชื้อแบบมีอาการ และไม่มีอาการ"
โดยจุดมุ่งหมายของบริษัท คือ ตรวจหา "ผู้ติดเชื้อแบบไม่มีอาการ"ภัยเงียบ นั่นเอง
5. หลายบริษัท แม้ไม่มีจัดตรวจCOVID-19ให้กับพนักงาน แต่ "คนที่ทำงานในอู่ฮั่นจำนวนไม่น้อย ไปตรวจCOVID-19ด้วยตนเอง ก่อนที่จะทำงาน เพราะกังวลว่าตนเองจะติดเชื้อแบบไม่มีอาการ แล้วนำเชื้อไปแพร่ให้เพื่อนร่วมงาน"
6. คุณหวัง รองหัวหน้าอนามัยเขตอู่ชาง เมืองอู่ฮั่น แสดงความคิดเห็นว่า "ตอนนี้ชาวอู่ฮั่นค่อนข้างมีความกังวลต่อการติดเชื้อแบบไม่มีอาการ แต่ภายใต้ความกังวล มีผลดีต่อการป้องกันการระบาด เพราะพวกเขาต่างพากันมาตรวจCOVID-19 แม้จะสุขภาพแข็งแรง ไม่มีอาการใดๆ หรือไม่มีประวัติใกล้ชิดผู้ติดเชื้อก็ตาม
7. บางชุมชนที่พักอาศัยในอู่ฮั่น ยังคงใช้มาตรการคุมเข้มเหมือนตอนLockdown เช่น รับส่งอาหาร-ของที่สั่งจาก Delivery ในจุดที่กำหนดไว้ หรือผ่านทางประตูเหล็กกั้นระหว่างที่พักกับภายนอก
8. คุณอู่ นักวิจัยในศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติจีน กล่าวกับสื่อในจีนว่า "โอกาสที่ผู้ติดเชื้อแบบไม่มีอาการจากอู่ฮั่นจะออกไปยังเมืองอื่นหลังเปิดเมือง ค่อนข้างน้อย ถึงมี ก็จำนวนไม่เยอะ เพราะคนอู่ฮั่นผ่านการกักตัว14วัน เป็นเวลาหลายรอบ"
9. หลายเมืองในจีน ออกมาตรการมาสอดคล้องกับข้อคิดเห็นในข้อ8. กล่าวคือ มีมาตรการกำหนดให้คนที่จะเดินทางออกจากอู่ฮั่นต้องมีผลตรวจCOVID-19เป็นNegativeถึงจะเดินทางเข้าเมืองของตนได้ เช่นที่ปักกิ่ง หรือที่เหอหนาน, เจ้อเจียง ออกกฎให้ทุกคนที่เดินทางจากอู่ฮั่น ตรวจหาเชื้อทันที หลังเดินทางเข้าเมือง
10. ดูเหมือนว่า ทางการจีนเอง จะทราบดีถึงความกังวลที่ประชาชนมีต่อการติดเชื้อแบบไม่มีอาการที่จะกลายมาเป็นระบาดหนักระลอก2หากไม่ป้องกันให้ดี
ทางประชุมกลุ่มผู้นำในการรับมือCOVID-19ของจีน จึงเห็นพ้อง "การท่องเที่ยว-กิจกรรมกีฬาและวัฒนธรรมที่มีการเดินทางข้ามมณฑลและข้ามแดน-ต่างประเทศ ต้องงดออกไปก่อน แม้อู่ฮั่นเปิดเมือง และสถานการณ์ในจีนจะดีขึ้นก็ตาม"
อ้ายจงมีความเห็นว่า "มาตรการนี้ถือเป็นวิธีดีในการป้องกันและควบคุมCOVID-19 เพราะตอนนี้ก็ยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะติดเชื้อแบบไม่มีอาการ และเดินทางมาจากนอกจีน "
11. นอกจากนี้ เสียงในโซเชียลจีน ยังมีความเห็นประมาณนี้
- ไม่กังวลต่อตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังคงเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อแบบไม่มีอาการ เพราะยิ่งตรวจเจอเยอะ นั่นหมายความว่าระบบป้องกันของจีนทำงานได้ดี และเราก็สามารถกักตัวผู้ติดเชื้แบบไม่มีอาการและคนที่ใกล้ชิดคนเหล่านี้ได้ทันท่วงที
- วันนี้มณฑลหูเป่ยรวมอู่ฮั่น มีผู้ติดเชื้อแบบไม่มีอาการเพิ่มขึ้น 14ราย นี่มันแสดงให้เห็นว่า ติดเชื้อแบบไม่มีอาการมันคาดเดาและยากที่จะตรวจจับเจอนะ
- ติดเชื้อแบบไม่มีอาการ คือน่ากลัวที่สุดแล้วนะเราต้องรีบช่วยกันเอาชนะให้ได้
- ติดเชื้อแบบไม่มีอาการมากขึ้นทุกวัน มันทำให้ยังรู้สึกว่า ไม่ปลอดภัย
- การป้องกันตนเองคือสิ่งที่ยังคงสำคัญที่สุดในตอนนี้ เพราะติดเชื้อแบบไม่มีอาการมันน่ากังวลมาก
- แม้ไม่ได้อยู่อู่ฮั่น แต่ก็กังวล ตอนนี้มณฑลส่านซีมีผู้ติดเชื้อที่มาจากนอกจีน 11รายแล้วนะ
------
สรุปสถานการณ์ COVID-19 ทั่วจีน ประจำวันที่ 11เม.ย.63
1. จำนวนผู้ติดเชื้อแบบไม่มีอาการ เพิ่มขึ้น 34ราย (มาจากนอกจีน 7ราย)
- ในจำนวนที่เพิ่มขึ้น 34ราย 17ราย มาจากมณฑลหูเป่ย นั่นหมายความว่า 50%เลย
- เปลี่ยนไปเป็น ป่วยแบบมีอาการ 14ราย (เป็นผู้ที่มาจากนอกจีนทั้งหมด)
- ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อแบบไม่มีอาการ อยู่ระหว่างการกักตัวทั้งหมด 1,092ราย (มาจากนอกจีน 338ราย และกำลังกักตัวในมณฑลหูเป่ย 673ราย )
2. จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ (แบบมีอาการ) 46ราย
- ผู้ป่วยที่เดินทางมาจากนอกจีน (Imported case) 42ราย
มีผู้ที่เดินทางจากไทยพบว่าป่วยแบบมีอาการ เพิ่ม1ราย พบที่ปักกิ่ง
- ผู้ป่วยในประเทศ (Local infection) 4ราย พบที่มณฑลกว่างตง 3ราย, เฮยหลงเจียง 1ราย
2. จำนวนผู้ที่หายดีและออกจากรพ. เพิ่มขึ้น 70ราย
3. จำนวนผู้เสียชีวิต เพิ่มขึ้น 3ราย มาจากมณฑลหูเป่ย ทั้งหมด
4. สรุป: จำนวนผู้ป่วยCOVID-19สะสม 83,386ราย /กำลังรักษา 2,102ราย, รักษาหายและออกจากรพ. 77,935ราย /เสียชีวิต 3,349ราย
ผู้ติดเชื้อแบบไม่มีอาการที่อยู่ระหว่างการกักตัวในรพ. 1,092ราย โดยแยกตัวเลข ไม่รวมกับจำนวนผู้ป่วยแบบมีอาการ
5. จีนมีผู้ป่วยCOVID-19ที่เดินทางจากนอกจีนสะสม 1,183ราย จากจำนวนผู้ป่วยสะสมทั่วจีน
6. อัตราการหายดี 93.48% และอัตราการเสียชีวิต 4.02%
------
อ้ายจงอ้างอิงจาก
- กระแสโซเชียล-ความคิดเห็นบนWeibo
- Weibo: 央视新闻
https://m.weibo.cn/2656274875/4491924213738138
- https://voice.baidu.com/act/newpneumonia/newpneumonia/
- http://www.ecns.cn/m/news/society/2020-04-10/detail-ifzviiqq6924121.shtml
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน
สรุป การท่องเที่ยว 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
สรุป ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ที่เคยเกิดขึ้นในไทยทั้งหมด /โดย ลงทุนแมน
เคยสงสัยไหมว่า นับตั้งแต่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 1997
ประเทศไทยเคยเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยกี่ครั้ง
วันนี้ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit ที่สุดของแอปมีสาระ
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ในทางเศรษฐศาสตร์นั้น ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Economic Recession) คือ ภาวการณ์ที่การเติบโตของ GDP เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าติดลบติดต่อกันอย่างน้อย 2 ไตรมาส
ในปี 2019 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจประเทศไทย
ไตรมาสที่ 1/2019 GDP เติบโต 1%
ไตรมาสที่ 2/2019 GDP เติบโต 0.4%
ไตรมาสที่ 3/2019 GDP เติบโต 0.2%
ไตรมาสที่ 4/2019 GDP เติบโต -0.2%
พอตัวเลขออกมาแบบนี้ ก็หมายว่า เศรษฐกิจไทยกำลังเข้าสู่ภาวะของการชะลอตัว ยังไม่ได้เข้าสู่ภาวะถดถอย
อย่างไรก็ตาม
การระบาดของโควิด-19 ที่กำลังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคการท่องเที่ยว จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ประเทศไทยอาจประสบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือติดลบ 2 ไตรมาสติดต่อกัน
ถ้าให้ย้อนกลับไป
นับตั้งแต่ปี 1997 ประเทศไทยนั้นเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยไปทั้งหมด 4 ครั้ง ซึ่งกินเวลาไปทั้งหมด 10 ไตรมาส หรือประมาณ 2 ปีครึ่ง
1) ครั้งที่ 1 ในปี 1997 ภาวะเศรษฐกิจถดถอยของไทยเกิดขึ้นในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง
จุดเริ่มต้นมาจากการเปิดเสรีทางการเงินและการจัดตั้งกิจการวิเทศธนกิจไทย (BIBF) ทำให้ประเทศไทยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากต่างประเทศได้สะดวก
ตอนนั้นการกู้เงินจากต่างประเทศได้รับความนิยม เพราะมีดอกเบี้ยถูกกว่าในประเทศ ภาคเอกชนจำนวนมาก จึงไปกู้เงินจากต่างประเทศมาลงทุน
อย่างไรก็ตาม เงินจำนวนไม่น้อยกลับถูกนำไปเก็งกำไรในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งตลาดหลักทรัพย์จนเกิดเป็นฟองสบู่
ช่วงปี 1996 การส่งออกของประเทศเริ่มชะลอตัวลง ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยเริ่มขาดดุลมากเรื่อยๆ ซึ่งเป็นสัญญาณการอ่อนค่าของเงินบาท
ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงต้องนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมาซื้อเงินบาทเพื่อพยุงค่าเงิน แต่เมื่อทุนสำรองระหว่างประเทศเริ่มเหลือน้อยลงเรื่อยๆ
สุดท้ายธนาคารแห่งประเทศไทยจึงตัดสินใจปล่อยค่าเงินบาทลอยตัวจากระดับที่ 25 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเงินบาทนั้นเคยเพิ่มไปถึงระดับ 56 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ
คนที่กู้เงินจากต่างประเทศจำนวนมากต้องล้มละลาย สถาบันการเงินหลายแห่งปิดกิจการ คนไทยจำนวนมากต้องตกงาน และวิกฤตนี้ยังกระจายไปอีกหลายประเทศในเอเชีย
ในตอนนั้น GDP ของประเทศไทยลดลงติดต่อกัน 4 ไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3/1997 - ไตรมาสที่ 2/1998
2) ครั้งที่ 2 ในปี 2008 วิกฤตซับไพรม์ในสหรัฐอเมริกา
แม้ว่าวิกฤตดังกล่าวเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา แต่กลับมีผลกระทบไปยังภูมิภาคอื่นๆ ของโลกโดยเฉพาะในยุโรป เพราะสถาบันการเงินในยุโรปหลายแห่งมีการลงทุนในตราสารที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อประเภทซับไพรม์ในสหรัฐอเมริกาจํานวนมาก
โดยผลของวิกฤตดังกล่าวทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกานั้นชะลอตัว จนมีผลทำให้ความต้องการสินค้าจากไทยไปขายที่สหรัฐอเมริกา และความต้องการวัตถุดิบจากไทยที่นำไปผลิตและส่งออกยังสหรัฐอเมริกานั้นลดลงไปด้วย
ในตอนนั้น GDP ของประเทศไทยลดลงติดต่อกัน 2 ไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4/2008 - ไตรมาสที่ 1/2009
3) ครั้งที่ 3 ในปี 2013 การชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศในสหภาพยุโรป
สหภาพยุโรปมีอัตราการว่างงานอยู่ในระดับสูงกว่า 10% จากผลกระทบของวิกฤตหนี้สาธารณะจำนวนมากของหลายประเทศอย่างกรีซ โปรตุเกส อิตาลี ไอร์แลนด์ และ สเปน ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปลายปี 2009 แต่ส่งผลกระทบต่อเนื่องหลายปีต่อมา
เมื่อรวมกับวิกฤตภัยแล้งของประเทศไทยที่กระทบหลายจังหวัดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ภาคการส่งออก การผลิตภาคอุตสาหกรรม และภาคเกษตรกรรมของไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ในตอนนั้น GDP ของประเทศไทยลดลงติดต่อกัน 2 ไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1/2013 - ไตรมาสที่ 2/2013
4) ครั้งที่ 4 ในปี 2013-2014 ความไม่สงบเรียบร้อยทางการเมือง
ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2013 มาจนถึงกลางปี 2014 โดยมีการชุมนุมและประท้วงต่อต้านรัฐบาล จนนำไปสู่การปิดกรุงเทพฯ หรือเรียกว่า Bangkok Shutdown ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้นำไปสู่การรัฐประหารโดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ การท่องเที่ยว การลงทุน การค้าของประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงนั้น เพราะสถานที่สำคัญหลายแหล่งในกรุงเทพฯ ถูกใช้เป็นที่ชุมนุม
ในตอนนั้น GDP ของประเทศไทยลดลงติดต่อกัน 2 ไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4/2013 - ไตรมาสที่ 1/2014
โดยปกติแล้ว เมื่อเศรษฐกิจมีแนวโน้มว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ธนาคารแห่งประเทศไทยก็จะเข้ามามีบทบาทด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เพื่อบรรเทาผลกระทบจากช่วงที่ประเทศเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
แต่การระบาดของโควิด-19 ครั้งนี้อาจถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญ เพราะอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไทยก็กำลังอยู่ ณ จุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์เรียบร้อยแล้ว หรือพูดอีกอย่างก็คือ นโยบายการเงินของประเทศกำลังมีข้อจำกัดมากขึ้นเมื่อเทียบกับอดีต เพราะกระสุนเกือบหมดแล้ว
ซึ่งตอนนี้หลายคนก็ได้แต่หวังว่า นโยบายการคลัง (Fiscal Policy) ซึ่งเป็นการใช้จ่ายของภาครัฐ ต้องเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้มากขึ้นกว่านี้
เราก็ต้องมาตามดูกันต่อไปว่า ด้วยนโยบายการเงินที่มีอยู่ เมื่อรวมกับนโยบายการคลังของประเทศจะสามารถช่วยไม่ให้เศรษฐกิจของไทยเข้าสู่ภาวะถดถอยได้หรือไม่
ที่น่าสนใจคือ ไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้นที่กำลังเจอกับเรื่องนี้ แต่ประเทศทั่วโลกกำลังเจอความเสี่ยงที่เข้าสู่ภาวะถดถอยเหมือนกันหมด
และโดยปกติแล้วแต่ละประเทศจะดำเนินเข้าสู่ภาวะถดถอยต่างเวลากัน
แต่ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่ประเทศทั่วโลกมีเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยพร้อมกันทั้งหมด..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่า ภาวะเศรษฐกิจที่รุนแรงและยาวนานกว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็คือ ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Economic Depression) ซึ่งจะกินเวลาหลายปี บางครั้งก็ใช้เวลากว่า 10 ปี กว่าที่เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
ซึ่งนับตั้งแต่เริ่มศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา
ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่รุนแรงมากที่สุดก็คือ The Great Depression ซึ่งกินเวลาตั้งแต่ปี 1929-1941 มีจุดเริ่มต้นจากสหรัฐอเมริกา
โดยตั้งแต่ปี 1929-1933 มูลค่า GDP ของสหรัฐอเมริกาหายไปกว่า 33% อัตราการว่างงานพุ่งขึ้นสูงกว่า 25% ซึ่งนับเป็นอัตราการว่างงานที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา
ธนาคารในสหรัฐอเมริกากว่า 11,000 แห่งต้องปิดตัวลง คนที่ฝากเงินไว้กับธนาคารเหล่านี้ต้องสูญเงินไปทั้งหมด ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ตกต่ำอย่างหนัก
คนอเมริกันกว่า 2 ล้านคน กลายเป็นผู้ไร้ที่อยู่อาศัย และ 60% ของประชากรอยู่ในฐานะยากจน
แม้วิกฤตจะเริ่มต้นที่สหรัฐอเมริกาในตอนนั้น
แต่ความรุนแรงนั้นกลับแพร่กระจายไปในหลายประเทศทั่วโลก
หนึ่งในนั้นรวมถึงประเทศไทยของเราด้วย
ทำให้ช่วงนั้น ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงหลายเรื่องเช่นกัน
ถ้าเรื่องใหญ่สุดก็คือ ปี ค.ศ. 1932 หรือ ปี พ.ศ. 2475
เป็นปีที่ประเทศไทยเปลี่ยนการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย นั่นเอง..
อยากเข้าใจความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเรีบนรู้อดีต
หนังสือ เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 3
หนังสือเล่มนี้จะพูดถึงประวัติเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี ค.ศ.1100 ไล่ยาวไปจนถึง ค.ศ.2019
ถ้าทางออนไลน์หมดแล้วก็คงต้องไปตามหาซื้อได้ที่ร้านหนังสือ หรือ รอพิมพ์ในครั้งต่อไป
สั่งซื้อได้ที่ (ซื้อตอนนี้มีส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╔═══════════╗
Blockdit ที่สุดของแอปมีสาระ
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-http://www.nesdc.go.th/download/article/article_20200220160533.pdf
- https://www.bot.or.th/Thai/Statistics/EconomicAndFinancial/RealSector/Pages/Index.aspx
-https://www.investopedia.com/terms/r/recession.asp
-http://www.nesdc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=5176&filename=QGDP_report
-https://www.thebalance.com/recession-vs-depression-definition-causes-and-stats-3306048
-https://www.history.com/topics/great-depression/great-depression-history
-https://www.thebalance.com/the-great-depression-of-1929-3306033
-https://www.thebalance.com/unemployment-rate-by-year-3305506
-https://www.scbeic.com/th/detail/product/1431
-http://www.etatjournal.com/mobile/index.php/menu-read-tat/menu-2013/menu-2013-jan-mar/22-12556-euro
-https://www.youtube.com/watch?v=vMfD8gq7aSc
-https://www.bot.or.th/Thai/MonetaryPolicy/ArticleAndResearch/FAQ/FAQ_115.pdf
-http://pioneer.netserv.chula.ac.th/~msompraw/Subprime%20paper_Revised.pdf
สรุป การท่องเที่ยว 在 เราเปิดประเทศแล้วหรือยัง สรุปสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยและแนวโน้ม ... 的推薦與評價

มีมุมมองอย่างไรต่อแนวโน้ม การท่องเที่ยว ไทยในปี 2564 ใน The Secret Sauce: Executive Espresso ——————————————— THE STANDARD PODCAST: EYE-OPENING ... ... <看更多>
สรุป การท่องเที่ยว 在 สรุปการเสวนา "เปิดประเทศ อัพเกรดแหล่งท่องเที่ยวไทย" 02 的推薦與評價
กรมการ ท่องเที่ยว ได้มี การ จัดการเสวนา การ พัฒนาแหล่ง ท่องเที่ยว เรื่อง "เปิดประเทศ อัพเกรดแหล่ง ท่องเที่ยว ไทย" เมื่อวันพุธที่ 3 พฤศจิกายน 2564 ภายใต้หัวข้อ... ... <看更多>