รีวิว The Haunting of Hill House (2018,Netflix)
ตอนแรกที่ดูตัวอย่างนึกว่าจะเป็นแบบ the conjuring หรือเปล่า พอได้ดูจนจบแล้วบอกเลยคนละอย่าง
ซีรีส์เรื่องนี้เป็นดราม่าผีระดับโคตรร้ายที่หลอกหลอนทำร้ายครอบครัวหนึ่งอย่างไม่หยุดหย่อน คนละแบบกับ the conjuring ที่เคยคิดไว้ เพราะความน่ากลัวมันไม่สิ้นสุด หลอกหลอนไปตลอด
เนื้อเรื่องปูให้เห็นผลจากในอดีตที่กระทบต่อพฤติกรรมของแต่ละตัวละคร แถมยังมีปริศนาให้คิดตลอดแล้วไปเฉลยตอนท้าย ๆ ประเภทพวกเอะใจ สังเกตจนมาพบข้อสรุป ซึ่งกว่าจะถึงข้อสรุปก็พบกับความบีบคั้นจิตใจเหลือเกิน
ชอบที่บทละครในซีรีส์ดัดแปลงจากนิยายโดยเปลี่ยนจากกลุ่มที่ต้องการศึกษาเรื่องเหนือธรรมชาติมาเป็นครอบครัวที่มาอยู่ในบ้านฮิลสุดหลอน และบทยังไม่ลืมที่จะนำจุดเด่นของนิยายกับตัวละครในนั้นมาใส่ไว้ด้วย ให้คนคิดว่าทุกอย่างเป็นแบบที่เห็นหรือหลอนไปเอง
ถึงแม้ว่าตัวละครหลักค่อนข้างเยอะแต่ก็พยายามเฉลี่ยบทแบ่งความซวยให้เท่าถึงกัน จุดเด่นที่ขาดไม่ได้ คือ ดราม่าและชะตากรรมของแต่ละตัวละครที่ชวนให้อึดอัด สงสาร ลุ้นจนตัวโก่ง แถมผีที่เห็นในเรื่องไม่ใช่ขี้ ๆ เห็นตอนแรกก็นึกว่าเฮ้ยไม่น่ากลัวดูชิลๆได้อยู่ พอเจอฉาก jump scare เข้าไปทถึงกับแทบอยากปามือถือทิ้งแล้วแหกปากร้องเลยทีเดียว ทีเด็ด คือ ปมปริศนาที่เวลาดูถ้าได้สังเกตเห็นแล้วอย่าพึ่งใจร้อนเก็บไว้ก่อน เพราะจะมาเฉลยตอนท้าย ๆ ซีซั่นแล้วจะร้องอ๋อออออ ปะติดปะต่อเรื่องเหมือนต่อจิ๊กซอว์ มีประเด็นให้หาข้อมูลอ่านต่อได้อีก
มุมที่เห็นแล้วขัดใจก็มี ตรงจุดที่เรื่องนี้ค่อนข้างเน้นดราม่าเนี่ยแหละ ไปอ่านความเห็นคนดูที่ไม่ชอบเพราะดราม่าก็เยอะ ถึงแม้เรื่องนี้จุดเด่น คือดราม่าแต่ก็หนืด หน่วง เพราะดราม่าเหมือนกัน บทพูดค่อนข้างยาว หลายฉากนี่กดข้ามไปมาเพราะพูดเยอะเหลือเหลือเกิน แนะนำว่าตอนต้นๆยังกดข้ามได้ แต่พอตอนหลังตอนที่ 5 เป็นต้นไป ควรกดข้ามให้น้อยที่สุดเพราะในบทพูดจะเชื่อมโยงกับพฤติกรรมและบอกใบ้ถึงตอนถัดไปด้วย ในเรื่องจะเล่าด้วยการย้อนตัดภาพไปมา ยอมรับเลยตอนแรกสติไม่มั่นดูไปแอบงง ๆ ตัดไปมาในการเล่าเรื่องมุมมองของแต่ละคร มีย้อนมาดูใหม่บ้าง อีกอย่างคือแต่ละตอนค่อนข้างยาว ไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง ถ้าใครจะดูเก็บทุกอย่างแนะนำว่าต้องดูอีกรอบ
สรุปแบบรวบรัดเหมือนตอนวิ่งหนีผี
- ไม่ใช่แบบ the conjuring
- เน้นดราม่าของคนในครอบครัว
- ดราม่าเพราะผี
- แต่ก็ให้ไปคิดผีจริงหรือหลอนไปเอง
- อยู่ที่มุมมองแต่ละคนว่ามองผีแบบไหน
- มีความจิตวิทยาซ่อนอยู่แบบที่หลายๆคนวิเคราะห์
- แต่ละตอนค่อนข้างนาน สมาธิต้องมี
- ตัดภาพไปมาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน
- เนื้อเรื่องคนละแบบกับนิยาย
- แต่เก็บจุดเด่นของนิยายมาพอควร
- ไม่ได้มี jump scare แบบพร่ำเพรื่อ แต่มาทีจุก ถือว่าใช้ได้ถูกทาง
- บทพูดเยอะ มีความหนืดมาก กดข้ามไปพอควร
- ตอน5เป็นต้นไป อย่ากดข้ามเพราะรายละเอียดเยอะ
- Easter Egg เยอะ
- อาจจะไม่ถูกจริตของคนที่ไม่ชอบดราม่าครอบครัว ไม่ชอบบทพูด ปูเรื่องยาวๆ
Netflix
หน่วง คือ 在 horrorclub.net Facebook 的最讚貼文
รีวิว The Haunting of Hill House (2018,Netflix)
ตอนแรกที่ดูตัวอย่างนึกว่าจะเป็นแบบ the conjuring หรือเปล่า พอได้ดูจนจบแล้วบอกเลยคนละอย่าง
ซีรีส์เรื่องนี้เป็นดราม่าผีระดับโคตรร้ายที่หลอกหลอนทำร้ายครอบครัวหนึ่งอย่างไม่หยุดหย่อน คนละแบบกับ the conjuring ที่เคยคิดไว้ เพราะความน่ากลัวมันไม่สิ้นสุด หลอกหลอนไปตลอด
เนื้อเรื่องปูให้เห็นผลจากในอดีตที่กระทบต่อพฤติกรรมของแต่ละตัวละคร แถมยังมีปริศนาให้คิดตลอดแล้วไปเฉลยตอนท้าย ๆ ประเภทพวกเอะใจ สังเกตจนมาพบข้อสรุป ซึ่งกว่าจะถึงข้อสรุปก็พบกับความบีบคั้นจิตใจเหลือเกิน
ชอบที่บทละครในซีรีส์ดัดแปลงจากนิยายโดยเปลี่ยนจากกลุ่มที่ต้องการศึกษาเรื่องเหนือธรรมชาติมาเป็นครอบครัวที่มาอยู่ในบ้านฮิลสุดหลอน และบทยังไม่ลืมที่จะนำจุดเด่นของนิยายกับตัวละครในนั้นมาใส่ไว้ด้วย ให้คนคิดว่าทุกอย่างเป็นแบบที่เห็นหรือหลอนไปเอง
ถึงแม้ว่าตัวละครหลักค่อนข้างเยอะแต่ก็พยายามเฉลี่ยบทแบ่งความซวยให้เท่าถึงกัน จุดเด่นที่ขาดไม่ได้ คือ ดราม่าและชะตากรรมของแต่ละตัวละครที่ชวนให้อึดอัด สงสาร ลุ้นจนตัวโก่ง แถมผีที่เห็นในเรื่องไม่ใช่ขี้ ๆ เห็นตอนแรกก็นึกว่าเฮ้ยไม่น่ากลัวดูชิลๆได้อยู่ พอเจอฉาก jump scare เข้าไปทถึงกับแทบอยากปามือถือทิ้งแล้วแหกปากร้องเลยทีเดียว ทีเด็ด คือ ปมปริศนาที่เวลาดูถ้าได้สังเกตเห็นแล้วอย่าพึ่งใจร้อนเก็บไว้ก่อน เพราะจะมาเฉลยตอนท้าย ๆ ซีซั่นแล้วจะร้องอ๋อออออ ปะติดปะต่อเรื่องเหมือนต่อจิ๊กซอว์ มีประเด็นให้หาข้อมูลอ่านต่อได้อีก
มุมที่เห็นแล้วขัดใจก็มี ตรงจุดที่เรื่องนี้ค่อนข้างเน้นดราม่าเนี่ยแหละ ไปอ่านความเห็นคนดูที่ไม่ชอบเพราะดราม่าก็เยอะ ถึงแม้เรื่องนี้จุดเด่น คือดราม่าแต่ก็หนืด หน่วง เพราะดราม่าเหมือนกัน บทพูดค่อนข้างยาว หลายฉากนี่กดข้ามไปมาเพราะพูดเยอะเหลือเหลือเกิน แนะนำว่าตอนต้นๆยังกดข้ามได้ แต่พอตอนหลังตอนที่ 5 เป็นต้นไป ควรกดข้ามให้น้อยที่สุดเพราะในบทพูดจะเชื่อมโยงกับพฤติกรรมและบอกใบ้ถึงตอนถัดไปด้วย ในเรื่องจะเล่าด้วยการย้อนตัดภาพไปมา ยอมรับเลยตอนแรกสติไม่มั่นดูไปแอบงง ๆ ตัดไปมาในการเล่าเรื่องมุมมองของแต่ละคร มีย้อนมาดูใหม่บ้าง อีกอย่างคือแต่ละตอนค่อนข้างยาว ไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง ถ้าใครจะดูเก็บทุกอย่างแนะนำว่าต้องดูอีกรอบ
สรุปแบบรวบรัดเหมือนตอนวิ่งหนีผี
- ไม่ใช่แบบ the conjuring
- เน้นดราม่าของคนในครอบครัว
- ดราม่าเพราะผี
- แต่ก็ให้ไปคิดผีจริงหรือหลอนไปเอง
- อยู่ที่มุมมองแต่ละคนว่ามองผีแบบไหน
- มีความจิตวิทยาซ่อนอยู่แบบที่หลายๆคนวิเคราะห์
- แต่ละตอนค่อนข้างนาน สมาธิต้องมี
- ตัดภาพไปมาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน
- เนื้อเรื่องคนละแบบกับนิยาย
- แต่เก็บจุดเด่นของนิยายมาพอควร
- ไม่ได้มี jump scare แบบพร่ำเพรื่อ แต่มาทีจุก ถือว่าใช้ได้ถูกทาง
- บทพูดเยอะ มีความหนืดมาก กดข้ามไปพอควร
- ตอน5เป็นต้นไป อย่ากดข้ามเพราะรายละเอียดเยอะ
- Easter Egg เยอะ
- อาจจะไม่ถูกจริตของคนที่ไม่ชอบดราม่าครอบครัว ไม่ชอบบทพูด ปูเรื่องยาวๆ
Netflix
หน่วง คือ 在 PannitaP Blog - Get The LOOK by PP Facebook 的最讚貼文
หลังจากที่เมื่อวานลงรูปพิมพ์ฟันไปก็มี inbox เข้ามาถามกัน
ดัดอะไร?
ดัดแบบไหน?
ดัดที่ไหน?
ราคาเท่าไหร่?
ใช้เวลานานแค่ไหน?
เป็นแอร์ดัดฟันได้หรอ?
ขอตอบตรงนี้รวบเลยค่า ... อุ๋มกำลังจะดัดฟันแบบใส ตัวนี้เรียกว่า Clear Aligner คล้าย Invisalign ที่มีราคาถูกกว่าค่ะ
อุ๋มทำที่คลีนิคทันตกรรมงามวงศ์วานค่ะ
ช่วงแรกๆ ต้องพบคุณหมอ ทุกๆ สัปดาห์ เพื่อปรับตัวจัดฟัน และ ถ้าใส่อย่างสม่ำเสมอฟันอุ๋มจะเข้ารูปในเวลา 5 เดือนค่ะ
ขั้นตอนเริ่มแรก คือ พบคุณหมอ ดูความเป็นไปได้ว่าฟันของอุ๋มสามารถดัดด้วยอุปกรณ์แบบใสได้ไหม หลังจากนั้น เอ็กซเรย์ เคลียร์ช่องปาก (เช็คฟันคุด ฟันผุ ขูดหินปูน) และ พิมพ์ฟัน ค่ะ
ด้วยอาชีพอุ๋ม ไม่สามารถดัดฟันแบบที่มองเห็น หรือติดเหล็กได้ จึงต้องเลือกดัดฟันแบบนี้ค่ะ
ข้อดีของการดัดแบบใส คือ
- อย่างแรกเลย คือ สามารถสังเกตเห็นได้ยากกว่าค่ะ ทำให้สามารถใส่ทำงานไดเ
- แปรงฟันได้ตามปกติ ถอดใส่ได้เวลาที่ต้องการค่ะ
- ฟันไม่เหลือง เป็นคราบ เป็นรอยเหล็ก
-ใช้เวลาไม่นาน ในกรณีของอุ๋ม ดัดไม่มากด้วยค่ะ
ข้อเสีย คือ
- การดัดแบบ Clear Aligner มีแรงเหนี่ยวน้อยกว่าแบบลวด
- กรณีฟันเบี้ยว หรือต้องแก้ไขมากๆ อาจจะไม่สามารถดัดด้วยวิธีนี้ได้ค่ะ
- เวลาจะทานอาหารต้องถอดถาดดัดฟันก่อนทุกครั้ง และหลังทานเสร็จทุกครั้งต้องแปรงฟันก่อนใส่ค่ะ
(แต่แปรงทุกครั้งหลังทานข้าวอยู่แล้ว สบายไป)
- เท่าที่อ่านได้ข้อมูลมาว่าช่วงแรก ปวด หน่วง ระบมระบวยเหงือกมากก แต่จะสวยนะ ต้องทน!!
ค่าเพิ่มความสวย*
ค่าใช้จ่ายในการดัด คือ 30,000 บาท ค่ะ และค่ารีเทรนเนอร์ 4,000 บาท ตอนดัดเสร็จแล้ว โดยแบ่งชำระแต่ละครั้งไป ช่วงแรกๆ จ่ายครั้งละ 2,500 บาท ค่ะ
ครั้งแรก เมื่อวาน
จ่ายครั้งแรกไป 2,500 บาท
ค่าเอ็กซเรย์ 500 บาท
ค่าขูดหินปูน 700 บาท
และทุกครั้งต้องเสีย 50 ค่าปลอดเชื้อ (เรียกถูกใช่ไม๊)
รวมแล้ว 3,750 บาทค่ะ
(รูด Credit Card มีชาร์ต 2% นะคะ ส่วนเดบิต ไม่เสียค่าชาร์ตค่ะ)
http://youtu.be/tOgQZc0Is5Y
ข้อมูลประมาณนี้ก่อนนะคะ อุ๋มรับอุปกรณ์ดัดฟัน วันพฤหัสหน้าค่ะ จะมาอัพเดทใหม่นะคะ