การขายของราคาถูก ไม่ใช่เรื่องดี เพราะมันจะทำลายเสน่ห์ของธุรกิจคุณ และจะทำให้ธุรกิจของคุณอ่อนแอลงเรื่อยๆ
.
หลายคนที่ได้ยินคำนี้ คงจะคันปากแล้วอยากจะเถียงจนขาดใจ “ว่ามันไม่ดีตรงไหน เพราะเวลาขายถูกหรือลดราคาทีไร ลูกค้าก็มาซื้อเยอะทุกที”
.
การขายถูกมันอาจใช้ได้ผลก็จริง แต่ “ได้ผล” ไม่ได้หมายความว่า “ดี” เพราะมันต้องแลกมากับการที่ต้องยอมลดกำไรของตัวเองลง พอกำไรลดลงก็ต้องทดแทนด้วยการขายให้ได้จำนวนมากขึ้น เพื่อให้ได้ยอดขายเท่าเดิมหรือมากกว่า พอขายได้มากขึ้นลูกค้าก็เยอะขึ้น งานก็มากขึ้น ข้อผิดพลาดมากขึ้น และมีการคอมเพลนมากขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ต้องจ้างพนักงานมากขึ้น พอจ้างพนักงานมามากขึ้นค่าใช้จ่ายในเรื่องคนก็มากขึ้น ซึ่งสวนทางกับกำไรที่ลดลง
.
สุดท้ายก็พอกำไรน้อยก็ต้องปกป้องตัวเองด้วยการไปกดค่าแรงของพนักงาน พอพนักงานโดนกดค่าแรงก็ไม่มีความสุขในการทำงาน ส่งผลให้บริการลูกค้าได้แย่ลง ดีไม่ดีพนักงานเหล่านั้นอาจจะพากันมาประท้วงก็ได้
.
และเมื่อค่าใช้จ่ายโดยรวมสูงขึ้น คราวนี้ก็ต้องหันไปใช้วิธีการลดต้นทุนการผลิตลง สุดท้ายลูกค้าก็จะได้รับสินค้าและบริการที่ไม่มีคุณภาพกลับไป และที่สำคัญ พอสินค้าและบริการไม่มีคุณภาพ ลูกค้าก็เริ่มน้อยลงเอง สุดท้ายก็ “พังกันทั้งระบบ”
.
จากประสบการณ์ของผมที่ขายหนังสือออนไลน์มาประมาณครึ่งปี โดยมียอดขายแตะหลักล้าน หลายคนสงสัยว่าหนังสือกำไรก็น้อยนิด ทำไมถึงได้ดูได้กำไรเยอะจัง
.
คำตอบของผมนั้นเรียบง่ายมาก นั่นคือ ผมไม่ลดราคา ไม่ส่งฟรี ถ้าจะมีโปรโมชั่น ก็จะเป็นกลยุทธ์แบบที่ต้องซื้อจำนวนมาก ไม่ใช่ลดราคากันตั้งแต่ชิ้นแรก
.
ลองคิดดูว่าปกติ หนังสือ 250 บาท ถ้าผมมีส่วนลด 10% คิดเป็นเงินประมาณ 25 บาท แถมส่งฟรีอีก ขั้นต่ำขนส่งเอกชนถูกสุดก็ 25 บาท
.
นั่นหมายความว่าเงินผมจะหายไปอย่างน้อย 50 บาทต่อเล่ม แล้วถ้าผมจะให้ได้กำไรเท่าเดิม แสดงว่าผมต้องขายให้ได้มากขึ้นจากเดิม 1 เล่มเป็น 3 เล่ม
.
ซึ่งการจะขายให้ได้มากขึ้น แน่นอนว่าก็ต้องเสียเงินยิงโฆษณา เพื่อให้ได้ยอดขายมากขึ้น พอยอดขายมากขึ้น ลูกค้ามากขึ้น ผมก็ต้องเพิ่มจำนวนสินค้าสต๊อกมากขึ้น ต้องแพ็คของมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าแพ็คไม่ทัน เพราะขนาดไม่ลดราคาก็แทบจะไม่ทันแล้ว พอไม่ทันก็ต้องจ้างคนเพิ่ม ในขณะที่กำไรน้อยลง กลายเป็นว่าค่าใช้จ่ายโดยรวมมากขึ้นซะอย่างนั้น
.
เผลอๆ มันอาจจะบีบให้ผมต้องไปกดค่าแรงพนักงานอีก แถมพอส่งฟรีก็ต้องไปเลือกใช้บริษัทขนส่งราคาถูก ซึ่งแน่นอนว่ามันจะตามมาด้วยคุณภาพที่ถูกตามราคา ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นทั้ง ส่งช้า ของหาย ของเสียหายตามมาเพียบแน่นอน
.
แต่เมื่อผมเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้าและบริการของตัวเอง ผมก็ไม่จำเป็นต้องลดราคา ซึ่งลูกค้าอาจจะไม่เยอะเท่ากับตอนลดราคา แต่ก็ไม่เห็นจะต้องสนใจอะไร ในเมื่อกำไรได้เท่าเดิม แถมไม่ต้องจ้างคนเพิ่ม ไม่ต้องสต๊อกของเยอะ มีเวลาบริการลูกค้าเต็มที่ ขนส่งก็เลือกใช้บริษัทที่มีมาตรฐาน ปัญหาของหาย ของช้า ของเสียหายก็น้อยลง ไม่ต้องมานั่งเปลี่ยนคืนสินค้า ไม่ต้องเสียเวลาแก้ปัญหามากมายที่เกิดขึ้น ลูกค้าก็ได้สินค้าและบริการที่มีคุณภาพกลับไป กลายเป็นว่าต้นทุนรวมลดลง ซึ่งเป็นผลดีมากกว่าเสียอีก
.
มาถึงตรงนี้หลายคนก็อาจจะยังเถียงในใจอยู่ว่า “แล้วจะให้ทำยังไง ขายแพงแล้วใครจะซื้อ ในเมื่อลูกค้าทุกคนก็ตัดสินจากราคาทั้งนั้นแหละ”
.
ก่อนอื่นผมอยากให้หยุดชี้นิ้วไปโทษลูกค้าก่อน แล้วลองคิดดูดีๆ “แทนที่จะคิดว่าของแพงขายไม่ออก ก็ควรหันมาถามตัวเองว่าสินค้าของเราอาจดูคล้ายกับของเจ้าอื่นๆ แถมยังแพงกว่าหรือเปล่า”
.
ลูกค้าไม่ได้ผิดที่เลือกซื้อที่ราคา ก็ในเมื่อคุณขายของเหมือนกันด้วยวิธีเดียวกันกับชาวบ้าน แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรที่ลูกค้าต้องจ่ายแพงกว่าเพื่อซื้อของจากคุณ
.
ฉะนั้น สิ่งที่ควรทำ คือ การ “เพิ่มคุณค่า” ไม่ใช่ “ลดราคา” เพราะความจริงแล้วลูกค้าเขาจ่ายเงินซื้อของที่คุณค่า ไม่ใช่เพราะราคาถูก
.
คำถามคือ แล้วที่ว่า “เพิ่มคุณค่า” นั้นมันเพิ่มยังไง เห็นคนเขาก็พูดๆ กัน แต่ก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะให้เพิ่มยังไง ?
.
ใน “หนังสือ ขายดีเพราะขึ้นราคา” ได้อธิบายเรื่องนี้เอาไว้ โดยแบ่งคุณค่าออกเป็น 2 ประเภท นั่นก็คือ “คุณค่าสามัญ” กับ “คุณค่าเฉพาะตัว”
.
คุณค่าสามัญ คือ “ลักษณะ” หรือ “คุณสมบัติ” ที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในสังคมว่ามีคุณค่าหรือมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เช่น เนื้อสเต็กใช้วัตถุดิบจากออสเตียเลีย, กระเป๋าทำจากวัสดุที่มีคุณภาพใช้ได้ทนนาน, รองเท้าที่ศิลปินชื่อดังเลือกใช้
.
โดยสินค้าใดๆ ก็ตามที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในตลาดรู้สึกว่ามีคุณค่าจะขายได้แพงกว่าสินค้าประเภทเดียวกัน
.
โดยคุณค่าสามัญ หลักๆ มีอยู่ 14 อย่าง ซึ่งสามารถอ่านต่อได้ใน “หนังสือขายดีเพราะขึ้นราคา”
.
ส่วนคุณค่าเฉพาะตัว ซึ่งใกล้ตัวหลายคนมากที่สุด มันเป็นคุณค่าที่สามารถตอบสนองความต้องการส่วนตัวของลูกค้าได้ ถ้าเราสามารถเพิ่มคุณค่าเฉพาะตัวเข้าไปในสินค้าและบริการได้ ของที่เคยขายได้ในราคาถูกก็สามารถกลายเป็นของที่แพงได้ในพริบตาเลยทีเดียว
.
แต่ก่อนจะเพิ่มคุณค่าเฉพาะตัวได้ คุณต้องเข้าใจก่อนว่า แท้จริงแล้วลูกค้าซื้ออะไรกันแน่
.
ผู้ขายส่วนใหญ่มักคิดว่า “ลูกค้าซื้อสินค้าและบริการที่เรานำเสนอ” แต่ถ้ามาลองพิจารณาให้ลึกลงไปจะพบว่า ความจริงแล้ว “ลูกค้าซื้อคุณค่าที่ได้รับจากสินค้าและบริการนั้นๆ ต่างหาก”
.
มีรุ่นน้องของผมคนหนึ่งเขาทำอาชีพเป็นช่างภาพ เคยเข้ามาปรึกษาผมว่าจะทำยังไงให้ได้ลูกค้าเยอะๆ และ ขายได้ในราคาแพง เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาก็ชอบต่อราคาเสียต่ำเตี้ยเรี่ยดิน และที่ตลกไปกว่านั้นคือ มันมีคนที่ยอมให้ราคาต่ำขนาดนั้นจริงๆ มันก็เลยเป็นช่องว่างให้ลูกค้าเอาราคานั้นมากดราคาของเขา
.
ผมก็เลยขอเพจที่รุ่นน้องคนนี้ใช้เป็นช่องทางโปรโมทและรับงาน ซึ่งพอเข้าไปดูสิ่งที่ผมเห็นคือ มีแต่โพสรูปผลงาน แล้วใช้แคปชั่นประมาณว่า “รับถ่ายรูปงานแต่ง รับถ่ายรูปบัณฑิต รับถ่ายรูปท่องเที่ยว ฯลฯ”
.
ผมจึงบอกรุ่นน้องคนนี้ไปว่า “ก่อนจะทำธุรกิจ คุณต้องเข้าใจก่อนว่า คุณอยู่ในธุรกิจอะไร และ ลูกค้าซื้ออะไรจากคุณ” ย้ำว่า “คุณอยู่ในธุรกิจอะไร ไม่ใช่สิ่งที่คุณกำลังทำ”
.
ถ้าบอกว่า ถ่ายภาพ แต่งภาพ จัดฉาก อันนั้นคือ รายการสิ่งที่คุณทำ ไม่ใช่ประเภทธุรกิจที่คุณอยู่
.
ฉะนั้น อาชีพช่างภาพ คือ “อาชีพที่อยู่ในธุรกิจเก็บความทรงจำ” และ “ลูกค้าก็ต้องซื้อความทรงจำ” และเมื่อเรารู้ว่าเราอยู่ในธุรกิจอะไร เราก็สามารถที่จะบอกเล่าข้อมูลเพื่อเพิ่มคุณค่าเข้าไปได้
.
นั่นหมายความว่า ภาพที่ลูกค้าแต่ละคนถ่าย ลึกลงไปมันมีเรื่องราวและความทรงจำเสมอ เช่น ลูกค้าที่แต่งงาน เขาต้องฝ่าฟันเรื่องราวอะไรมาบ้างกว่าจะมีวันนี้ คนที่ถ่ายรูปบัณฑิตเขาเหนื่อยมากแค่ไหนกว่าจะเรียนจบ บางคนอาจถึงขั้นต้องส่งตัวเองเรียนด้วยซ้ำ แล้วคนที่มาท่องเที่ยวเขาอาจจะแบกรับภาระจากงานที่หนักอึ้งมา หรือ เขาอาจจะมาเที่ยวกับคนรักครั้งแรกก็ได้
.
ให้บอกเล่าคุณค่า ที่เป็นเรื่องราว ความทรงจำ ลงไปในคอนเทนต์ ไม่ใช่โพสต์แต่ว่าวันนี้ถ่ายงานอะไร แล้วนี่จะเป็นจุดขายและเสน่ห์ของช่างภาพ
.
หลังจากที่ผมแนะนำรุ่นน้องแบบนี้ไป เขาก็ไปทำตาม ปรากฎว่าผ่านไป 3 เดือน เขาโทรมานัดเจอผมเพื่อขอเลี้ยงกาแฟและขอบคุณผมหลายครั้งมาก เพราะเขาบอกว่าตั้งแต่ที่ทำตามคำแนะนำของผม ลูกค้าก็เข้ามามากขึ้น มีคนมาจ้างซ้ำมากขึ้น คนต่อราคาก็น้อยลง แถมพอมีลูกค้ามากขึ้นเขายังสามารถเลือกลูกค้าได้อีก ใครที่เอาราคาเจ้าอื่นมากดราคาเขาก็บอกจุดเด่นของตัวเองไปแบบเต็มปากเต็มคำ ซึ่งก็มีหลายคนที่พยายามกดราคาตอนแรก ก็ยอมจ่ายเขาในราคาที่กำหนดในที่สุด
.
จะเห็นว่าเมื่อเรารู้ว่าเราอยู่ในธุรกิจอะไร เราจะรู้ว่า “คุณค่า” ไม่จำเป็นต้องอยู่ในตัวสินค้าเสมอไป เพราะหลายครั้งมันก็อยู่ในตัวผู้ขายเองนั่นแหละ
.
ฉะนั้นเราควรใส่ความเป็นตัวเองลงไป โดยเฉพาะคนที่ทำธุรกิจแบบซื้อมาขายไป หรือ พูดง่ายๆ คือ ขายของเหมือนๆ กับคนอื่น ควรให้ความสำคัญกับข้อนี้ เพราะตัวเราไม่เหมือนใคร ถ้าเราใส่ความเป็นตัวเองลงไป ยังไงก็ไม่มีทางเหมือนคนอื่น
.
อย่างเช่น การขายหนังสือออนไลน์ของผม ที่เป็นสินค้าที่มีอยู่ทั่วไป ที่ไหนก็มี ร้านหนังสือก็เยอะแยะ แต่ธุรกิจของผมอยู่ในธุรกิจสื่อการเรียนรู้ ซึ่งมีอยู่มากมายเต็มไปหมด ผมจึงใส่บริการเลือกหนังสือที่เหมาะและสามารถแก้ปัญหาให้ลูกค้าที่เฉพาะเจาะจงได้ในแบบของตัวเองลงไป หรือ พูดง่ายๆ คือ เป็นคลินิกที่จ่ายยาเป็นหนังสือ มันจึงทำให้ผมไม่เหมือนใคร ถึงแม้สินค้าจะเหมือนทั่วไป แต่ลูกค้าก็เลือกซื้อเพราะเรา เพราะเชื่อมั่นในตัวเรา
.
ทุกวันนี้มีลูกค้าประจำมากมาย ทักมาหาผมอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อให้ผมจัดหนังสือให้เขาตามข้อมูลการอ่านที่ผมมี โดยไม่ต้องบอกชื่อหนังสือหรืออธิบายใดๆ ขอแค่แจ้งสรุปยอดมา เขาก็พร้อมที่จะโอนเงินให้ผมทันที
.
คุณเห็นไหมว่าลูกค้าไม่ได้เชื่อมั่นในสินค้าเลย แต่เขาเชื่อมั่นในตัวผมต่างหาก เขามั่นใจว่าผมสามารถเลือกสิ่งที่ดีที่สุดและเหมาะสมให้กับเขาได้แน่นอน นี่แหละคือ “คุณค่าเฉพาะตัว” ของผม
.
ถามว่ามีไหมลูกค้าที่เข้ามาถามราคา หรือ เอาราคาร้านอื่นมากด
.
คำตอบคือ “มี” แต่ผมก็ตอบไปแบบเต็มปาก ว่าจะซื้อที่อื่นก็ได้ เพราะผมไม่แข่งราคากับใคร ถ้าคุณซื้อกับผม คุณจะมีคนแนะนำให้ยาวๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะซื้อผิด แถมหลายครั้งยังตั้งโจทย์ในการอ่านให้อีก เช่น ถ้าคุณขายออนไลน์ คุณต้องปรับคอนเทนต์ตรงไหนบ้าง ระหว่างที่อ่านก็ส่งการบ้านให้ผมฟีดแบคได้ตลอด และสุดท้ายลูกค้าก็ควักเงินซื้อหนังสือจากผมในราคาเต็ม
.
แต่ถ้าถามว่า มีไหม คนที่เห็นราคาแล้ว “ไม่ซื้อ”
.
คำตอบก็คือ “มี” เช่นกัน แต่ผมก็คัดเลือกลูกค้า เพราะเราไม่จำเป็นต้องขายทุกคน เราควรเจาะกลุ่มลูกค้าที่มองเห็นหรือมีโอกาสจะมองเห็นคุณค่าเฉพาะตัวของเราเท่านั้น และการคัดลูกค้าก็เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.
เพราะลูกค้าที่เข้ามาด้วยเหตุผลด้านราคา จะไม่มีความจงรักภักดี เขาจะซื้อของที่ราคาถูกเท่านั้น และไม่มีทางเลยที่คุณจะขายถูกกว่าชาวบ้านไปตลอดได้ วันไหนที่มีคนขายถูกกว่าเขาก็ไปหาเจ้าอื่นอยู่ดี
.
แต่ลูกค้าที่เข้ามาเพราะคุณค่าของเรา เขาก็มีโอกาสกลับมาซื้อซ้ำสูง แถมยังมีโอกาสสูงที่จะบอกต่อคนอื่นๆ ให้มาซื้อของๆ เราอีกมากมาย
.
นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า การขายของราคาถูก ไม่ใช่วิธีที่ดี เพราะกลยุทธ์นี้ใช้ได้กับบริษัทขนาดใหญ่ที่สายป่านยาวและมีเงินทุนหนาเท่านั้น เพราะการขายถูกคือหนึ่งในกลยุทธ์ธุรกิจเขา
.
เช่น ขายถูกเพราะต้องการครองส่วนแบ่งการตลาด ขายถูกเพื่อแย่งชิงฐานลูกค้า ขายถูกเพราะต้องการบีบคู่แข่งให้ถอนตัวออกจากตลาด แล้วเมื่อครองตลาดได้แล้ว ก็ค่อยขึ้นราคาเอากำไรคืนทีหลัง จะเห็นว่ากลยุทธ์การขายของราคาถูกมีแต่บริษัทใหญ่เท่านั้นที่เป็นผู้ชนะ
.
แต่ถ้าการลดราคา หรือ ขายของถูก ไม่ได้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ผมกล่าวมานี้ บอกเลยว่าอย่าทำแบบนั้นเด็ดขาด เพราะมันคือการฆ่าตัวตายด้วยการวางระเบิดเวลาทำลายตัวเองชัดๆ
.
เพราะฉะนั้น ถ้าคุณยังไม่อยากเป็นผู้แพ้ในสงครามราคานี้ ผมแนะนำให้อ่าน “หนังสือ ขายดีเพราะขึ้นราคา” แล้วนำไปปรับใช้กับธุรกิจตัวเองโดยด่วน เพราะนอกจากมันจะทำให้คุณก้าวออกจากสงครามราคาที่แดงเดือดนี้ได้แล้ว มันยังทำให้คุณได้กำไรกลับมาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยอีกต่างหาก
.
.
.
“เปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น
ด้วยการอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม”
.
แต่ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองควรอ่านเล่มไหน
ทักมาปรึกษาสมองไหลได้เลย
.
สั่งซื้อหนังสือออนไลน์ง่ายๆ ส่งตรงถึงหน้าบ้านคุณ
ได้ที่ Inbox เพจ #สมองไหล
同時也有6部Youtube影片,追蹤數超過9萬的網紅Daddy On Duty,也在其Youtube影片中提到,ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ TV Thai town ที่สนับสนุนทริปนี้ครับ ทริปนี้เราไปไกลถึงขนากเลย Blue mountain กันเลยทีเดียวซึ่งเป็นที่ตั้งของพระเอกของเรา River ...
「อาชีพช่างภาพ」的推薦目錄:
- 關於อาชีพช่างภาพ 在 สมองไหล Facebook 的精選貼文
- 關於อาชีพช่างภาพ 在 สมองไหล Facebook 的最佳解答
- 關於อาชีพช่างภาพ 在 ILoveToGo Facebook 的最佳解答
- 關於อาชีพช่างภาพ 在 Daddy On Duty Youtube 的精選貼文
- 關於อาชีพช่างภาพ 在 Daddy On Duty Youtube 的最佳貼文
- 關於อาชีพช่างภาพ 在 Daddy On Duty Youtube 的精選貼文
- 關於อาชีพช่างภาพ 在 ปี 2020 - 2021 อาชีพช่างภาพยังน่าทำอยู่ไหม - Facebook 的評價
อาชีพช่างภาพ 在 สมองไหล Facebook 的最佳解答
การขายของราคาถูก ไม่ใช่เรื่องดี เพราะมันจะทำลายเสน่ห์ของธุรกิจคุณ และจะทำให้ธุรกิจของคุณอ่อนแอลงเรื่อยๆ
.
หลายคนที่ได้ยินคำนี้ คงจะคันปากแล้วอยากจะเถียงจนขาดใจ “ว่ามันไม่ดีตรงไหน เพราะเวลาขายถูกหรือลดราคาทีไร ลูกค้าก็มาซื้อเยอะทุกที”
.
วันนี้หลายคนอาจจะได้เห็นข่าวที่กลุ่มไรเดอร์ของแอปส่งอาหารสีเขียวรวมตัวกันประท้วงกันบ้างแล้ว
.
การขายถูกมันอาจใช้ได้ผลก็จริง แต่ “ได้ผล” ไม่ได้หมายความว่า “ดี” เพราะมันต้องแลกมากับการที่ต้องยอมลดกำไรของตัวเองลง พอกำไรลดลงก็ต้องทดแทนด้วยการขายให้ได้จำนวนมากขึ้น เพื่อให้ได้ยอดขายเท่าเดิมหรือมากกว่า พอขายได้มากขึ้นลูกค้าก็เยอะขึ้น งานก็มากขึ้น ข้อผิดพลาดมากขึ้น และมีการคอมเพลนมากขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ต้องจ้างพนักงานมากขึ้น พอจ้างพนักงานมามากขึ้นค่าใช้จ่ายในเรื่องคนก็มากขึ้น ซึ่งสวนทางกับกำไรที่ลดลง
.
สุดท้ายก็พอกำไรน้อยก็ต้องปกป้องตัวเองด้วยการไปกดค่าแรงของพนักงาน พอพนักงานโดนกดค่าแรงก็ไม่มีความสุขในการทำงาน ส่งผลให้บริการลูกค้าได้แย่ลง ดีไม่ดีพนักงานเหล่านั้นอาจจะยกพวกพากันมาประท้วงอย่างที่เห็นในข่าว
.
และเมื่อค่าใช้จ่ายโดยรวมสูงขึ้น คราวนี้ก็ต้องหันไปใช้วิธีการลดต้นทุนการผลิตลง สุดท้ายลูกค้าก็จะได้รับสินค้าและบริการที่ไม่มีคุณภาพกลับไป และที่สำคัญ พอสินค้าและบริการไม่มีคุณภาพ ลูกค้าก็เริ่มน้อยลงเอง สุดท้ายก็ “พังกันทั้งระบบ”
.
จากประสบการณ์ของผมที่ขายหนังสือออนไลน์มาประมาณครึ่งปี โดยมียอดขายแตะหลักล้าน หลายคนสงสัยว่าหนังสือกำไรก็น้อยนิด ทำไมถึงได้ดูได้กำไรเยอะจัง
.
คำตอบของผมนั้นเรียบง่ายมาก นั่นคือ ผมไม่ลดราคา ไม่ส่งฟรี ถ้าจะมีโปรโมชั่น ก็จะเป็นกลยุทธ์แบบที่ต้องซื้อจำนวนมาก ไม่ใช่ลดราคากันตั้งแต่ชิ้นแรก
.
ลองคิดดูว่าปกติ หนังสือ 250 บาท ถ้าผมมีส่วนลด 10% คิดเป็นเงินประมาณ 25 บาท แถมส่งฟรีอีก ขั้นต่ำขนส่งเอกชนถูกสุดก็ 25 บาท
.
นั่นหมายความว่าเงินผมจะหายไปอย่างน้อย 50 บาทต่อเล่ม แล้วถ้าผมจะให้ได้กำไรเท่าเดิม แสดงว่าผมต้องขายให้ได้มากขึ้นจากเดิม 1 เล่มเป็น 3 เล่ม
.
ซึ่งการจะขายให้ได้มากขึ้น แน่นอนว่าก็ต้องเสียเงินยิงโฆษณา เพื่อให้ได้ยอดขายมากขึ้น พอยอดขายมากขึ้น ลูกค้ามากขึ้น ผมก็ต้องเพิ่มจำนวนสินค้าสต๊อกมากขึ้น ต้องแพ็คของมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าแพ็คไม่ทัน เพราะขนาดไม่ลดราคาก็แทบจะไม่ทันแล้ว พอไม่ทันก็ต้องจ้างคนเพิ่ม ในขณะที่กำไรน้อยลง กลายเป็นว่าค่าใช้จ่ายโดยรวมมากขึ้นซะอย่างนั้น
.
เผลอๆ มันอาจจะบีบให้ผมต้องไปกดค่าแรงพนักงานอีก แถมพอส่งฟรีก็ต้องไปเลือกใช้บริษัทขนส่งราคาถูก ซึ่งแน่นอนว่ามันจะตามมาด้วยคุณภาพที่ถูกตามราคา ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นทั้ง ส่งช้า ของหาย ของเสียหายตามมาเพียบแน่นอน
.
แต่เมื่อผมเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้าและบริการของตัวเอง ผมก็ไม่จำเป็นต้องลดราคา ซึ่งลูกค้าอาจจะไม่เยอะเท่ากับตอนลดราคา แต่ก็ไม่เห็นจะต้องสนใจอะไร ในเมื่อกำไรได้เท่าเดิม แถมไม่ต้องจ้างคนเพิ่ม ไม่ต้องสต๊อกของเยอะ มีเวลาบริการลูกค้าเต็มที่ ขนส่งก็เลือกใช้บริษัทที่มีมาตรฐาน ปัญหาของหาย ของช้า ของเสียหายก็น้อยลง ไม่ต้องมานั่งเปลี่ยนคืนสินค้า ไม่ต้องเสียเวลาแก้ปัญหามากมายที่เกิดขึ้น ลูกค้าก็ได้สินค้าและบริการที่มีคุณภาพกลับไป กลายเป็นว่าต้นทุนรวมลดลง ซึ่งเป็นผลดีมากกว่าเสียอีก
.
มาถึงตรงนี้หลายคนก็อาจจะยังเถียงในใจอยู่ว่า “แล้วจะให้ทำยังไง ขายแพงแล้วใครจะซื้อ ในเมื่อลูกค้าทุกคนก็ตัดสินจากราคาทั้งนั้นแหละ”
.
ก่อนอื่นผมอยากให้หยุดชี้นิ้วไปโทษลูกค้าก่อน แล้วลองคิดดูดีๆ “แทนที่จะคิดว่าของแพงขายไม่ออก ก็ควรหันมาถามตัวเองว่าสินค้าของเราอาจดูคล้ายกับของเจ้าอื่นๆ แถมยังแพงกว่าหรือเปล่า”
.
ลูกค้าไม่ได้ผิดที่เลือกซื้อที่ราคา ก็ในเมื่อคุณขายของเหมือนกันด้วยวิธีเดียวกันกับชาวบ้าน แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรที่ลูกค้าต้องจ่ายแพงกว่าเพื่อซื้อของจากคุณ
.
ฉะนั้น สิ่งที่ควรทำ คือ การ “เพิ่มคุณค่า” ไม่ใช่ “ลดราคา” เพราะความจริงแล้วลูกค้าเขาจ่ายเงินซื้อของที่คุณค่า ไม่ใช่เพราะราคาถูก
.
คำถามคือ แล้วที่ว่า “เพิ่มคุณค่า” นั้นมันเพิ่มยังไง เห็นคนเขาก็พูดๆ กัน แต่ก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะให้เพิ่มยังไง ?
.
ใน “หนังสือ ขายดีเพราะขึ้นราคา” ได้อธิบายเรื่องนี้เอาไว้ โดยแบ่งคุณค่าออกเป็น 2 ประเภท นั่นก็คือ “คุณค่าสามัญ” กับ “คุณค่าเฉพาะตัว”
.
คุณค่าสามัญ คือ “ลักษณะ” หรือ “คุณสมบัติ” ที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในสังคมว่ามีคุณค่าหรือมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เช่น เนื้อสเต็กใช้วัตถุดิบจากออสเตียเลีย, กระเป๋าทำจากวัสดุที่มีคุณภาพใช้ได้ทนนาน, รองเท้าที่ศิลปินชื่อดังเลือกใช้
.
โดยสินค้าใดๆ ก็ตามที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในตลาดรู้สึกว่ามีคุณค่าจะขายได้แพงกว่าสินค้าประเภทเดียวกัน
.
โดยคุณค่าสามัญ หลักๆ มีอยู่ 14 อย่าง ซึ่งสามารถอ่านต่อได้ใน “หนังสือขายดีเพราะขึ้นราคา”
.
ส่วนคุณค่าเฉพาะตัว ซึ่งใกล้ตัวหลายคนมากที่สุด มันเป็นคุณค่าที่สามารถตอบสนองความต้องการส่วนตัวของลูกค้าได้ ถ้าเราสามารถเพิ่มคุณค่าเฉพาะตัวเข้าไปในสินค้าและบริการได้ ของที่เคยขายได้ในราคาถูกก็สามารถกลายเป็นของที่แพงได้ในพริบตาเลยทีเดียว
.
แต่ก่อนจะเพิ่มคุณค่าเฉพาะตัวได้ คุณต้องเข้าใจก่อนว่า แท้จริงแล้วลูกค้าซื้ออะไรกันแน่
.
ผู้ขายส่วนใหญ่มักคิดว่า “ลูกค้าซื้อสินค้าและบริการที่เรานำเสนอ” แต่ถ้ามาลองพิจารณาให้ลึกลงไปจะพบว่า ความจริงแล้ว “ลูกค้าซื้อคุณค่าที่ได้รับจากสินค้าและบริการนั้นๆ ต่างหาก”
.
มีรุ่นน้องของผมคนหนึ่งเขาทำอาชีพเป็นช่างภาพ เคยเข้ามาปรึกษาผมว่าจะทำยังไงให้ได้ลูกค้าเยอะๆ และ ขายได้ในราคาแพง เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาก็ชอบต่อราคาเสียต่ำเตี้ยเรี่ยดิน และที่ตลกไปกว่านั้นคือ มันมีคนที่ยอมให้ราคาต่ำขนาดนั้นจริงๆ มันก็เลยเป็นช่องว่างให้ลูกค้าเอาราคานั้นมากดราคาของเขา
.
ผมก็เลยขอเพจที่รุ่นน้องคนนี้ใช้เป็นช่องทางโปรโมทและรับงาน ซึ่งพอเข้าไปดูสิ่งที่ผมเห็นคือ มีแต่โพสรูปผลงาน แล้วใช้แคปชั่นประมาณว่า “รับถ่ายรูปงานแต่ง รับถ่ายรูปบัณฑิต รับถ่ายรูปท่องเที่ยว ฯลฯ”
.
ผมจึงบอกรุ่นน้องคนนี้ไปว่า “ก่อนจะทำธุรกิจ คุณต้องเข้าใจก่อนว่า คุณอยู่ในธุรกิจอะไร และ ลูกค้าซื้ออะไรจากคุณ” ย้ำว่า “คุณอยู่ในธุรกิจอะไร ไม่ใช่สิ่งที่คุณกำลังทำ”
.
ถ้าบอกว่า ถ่ายภาพ แต่งภาพ จัดฉาก อันนั้นคือ รายการสิ่งที่คุณทำ ไม่ใช่ประเภทธุรกิจที่คุณอยู่
.
ฉะนั้น อาชีพช่างภาพ คือ “อาชีพที่อยู่ในธุรกิจเก็บความทรงจำ” และ “ลูกค้าก็ต้องซื้อความทรงจำ” และเมื่อเรารู้ว่าเราอยู่ในธุรกิจอะไร เราก็สามารถที่จะบอกเล่าข้อมูลเพื่อเพิ่มคุณค่าเข้าไปได้
.
นั่นหมายความว่า ภาพที่ลูกค้าแต่ละคนถ่าย ลึกลงไปมันมีเรื่องราวและความทรงจำเสมอ เช่น ลูกค้าที่แต่งงาน เขาต้องฝ่าฟันเรื่องราวอะไรมาบ้างกว่าจะมีวันนี้ คนที่ถ่ายรูปบัณฑิตเขาเหนื่อยมากแค่ไหนกว่าจะเรียนจบ บางคนอาจถึงขั้นต้องส่งตัวเองเรียนด้วยซ้ำ แล้วคนที่มาท่องเที่ยวเขาอาจจะแบกรับภาระจากงานที่หนักอึ้งมา หรือ เขาอาจจะมาเที่ยวกับคนรักครั้งแรกก็ได้
.
ให้บอกเล่าคุณค่า ที่เป็นเรื่องราว ความทรงจำ ลงไปในคอนเทนต์ ไม่ใช่โพสต์แต่ว่าวันนี้ถ่ายงานอะไร แล้วนี่จะเป็นจุดขายและเสน่ห์ของช่างภาพ
.
หลังจากที่ผมแนะนำรุ่นน้องแบบนี้ไป เขาก็ไปทำตาม ปรากฎว่าผ่านไป 3 เดือน เขาโทรมานัดเจอผมเพื่อขอเลี้ยงกาแฟและขอบคุณผมหลายครั้งมาก เพราะเขาบอกว่าตั้งแต่ที่ทำตามคำแนะนำของผม ลูกค้าก็เข้ามามากขึ้น มีคนมาจ้างซ้ำมากขึ้น คนต่อราคาก็น้อยลง แถมพอมีลูกค้ามากขึ้นเขายังสามารถเลือกลูกค้าได้อีก ใครที่เอาราคาเจ้าอื่นมากดราคาเขาก็บอกจุดเด่นของตัวเองไปแบบเต็มปากเต็มคำ ซึ่งก็มีหลายคนที่พยายามกดราคาตอนแรก ก็ยอมจ่ายเขาในราคาที่กำหนดในที่สุด
.
จะเห็นว่าเมื่อเรารู้ว่าเราอยู่ในธุรกิจอะไร เราจะรู้ว่า “คุณค่า” ไม่จำเป็นต้องอยู่ในตัวสินค้าเสมอไป เพราะหลายครั้งมันก็อยู่ในตัวผู้ขายเองนั่นแหละ
.
ฉะนั้นเราควรใส่ความเป็นตัวเองลงไป โดยเฉพาะคนที่ทำธุรกิจแบบซื้อมาขายไป หรือ พูดง่ายๆ คือ ขายของเหมือนๆ กับคนอื่น ควรให้ความสำคัญกับข้อนี้ เพราะตัวเราไม่เหมือนใคร ถ้าเราใส่ความเป็นตัวเองลงไป ยังไงก็ไม่มีทางเหมือนคนอื่น
.
อย่างเช่น การขายหนังสือออนไลน์ของผม ที่เป็นสินค้าที่มีอยู่ทั่วไป ที่ไหนก็มี ร้านหนังสือก็เยอะแยะ แต่ธุรกิจของผมอยู่ในธุรกิจสื่อการเรียนรู้ ซึ่งมีอยู่มากมายเต็มไปหมด ผมจึงใส่บริการเลือกหนังสือที่เหมาะและสามารถแก้ปัญหาให้ลูกค้าที่เฉพาะเจาะจงได้ในแบบของตัวเองลงไป หรือ พูดง่ายๆ คือ เป็นคลินิกที่จ่ายยาเป็นหนังสือ มันจึงทำให้ผมไม่เหมือนใคร ถึงแม้สินค้าจะเหมือนทั่วไป แต่ลูกค้าก็เลือกซื้อเพราะเรา เพราะเชื่อมั่นในตัวเรา
.
ทุกวันนี้มีลูกค้าประจำมากมาย ทักมาหาผมอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อให้ผมจัดหนังสือให้เขาตามข้อมูลการอ่านที่ผมมี โดยไม่ต้องบอกชื่อหนังสือหรืออธิบายใดๆ ขอแค่แจ้งสรุปยอดมา เขาก็พร้อมที่จะโอนเงินให้ผมทันที
.
คุณเห็นไหมว่าลูกค้าไม่ได้เชื่อมั่นในสินค้าเลย แต่เขาเชื่อมั่นในตัวผมต่างหาก เขามั่นใจว่าผมสามารถเลือกสิ่งที่ดีที่สุดและเหมาะสมให้กับเขาได้แน่นอน นี่แหละคือ “คุณค่าเฉพาะตัว” ของผม
.
ถามว่ามีไหมลูกค้าที่เข้ามาถามราคา หรือ เอาราคาร้านอื่นมากด
.
คำตอบคือ “มี” แต่ผมก็ตอบไปแบบเต็มปาก ว่าจะซื้อที่อื่นก็ได้ เพราะผมไม่แข่งราคากับใคร ถ้าคุณซื้อกับผม คุณจะมีคนแนะนำให้ยาวๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะซื้อผิด แถมหลายครั้งยังตั้งโจทย์ในการอ่านให้อีก เช่น ถ้าคุณขายออนไลน์ คุณต้องปรับคอนเทนต์ตรงไหนบ้าง ระหว่างที่อ่านก็ส่งการบ้านให้ผมฟีดแบคได้ตลอด และสุดท้ายลูกค้าก็ควักเงินซื้อหนังสือจากผมในราคาเต็ม
.
แต่ถ้าถามว่า มีไหม คนที่เห็นราคาแล้ว “ไม่ซื้อ”
.
คำตอบก็คือ “มี” เช่นกัน แต่ผมก็คัดเลือกลูกค้า เพราะเราไม่จำเป็นต้องขายทุกคน เราควรเจาะกลุ่มลูกค้าที่มองเห็นหรือมีโอกาสจะมองเห็นคุณค่าเฉพาะตัวของเราเท่านั้น และการคัดลูกค้าก็เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.
เพราะลูกค้าที่เข้ามาด้วยเหตุผลด้านราคา จะไม่มีความจงรักภักดี เขาจะซื้อของที่ราคาถูกเท่านั้น และไม่มีทางเลยที่คุณจะขายถูกกว่าชาวบ้านไปตลอดได้ วันไหนที่มีคนขายถูกกว่าเขาก็ไปหาเจ้าอื่นอยู่ดี
.
แต่ลูกค้าที่เข้ามาเพราะคุณค่าของเรา เขาก็มีโอกาสกลับมาซื้อซ้ำสูง แถมยังมีโอกาสสูงที่จะบอกต่อคนอื่นๆ ให้มาซื้อของๆ เราอีกมากมาย
.
นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า การขายของราคาถูก ไม่ใช่วิธีที่ดี เพราะกลยุทธ์นี้ใช้ได้กับบริษัทขนาดใหญ่ที่สายป่านยาวและมีเงินทุนหนาเท่านั้น เพราะการขายถูกคือหนึ่งในกลยุทธ์ธุรกิจเขา
.
เช่น ขายถูกเพราะต้องการครองส่วนแบ่งการตลาด ขายถูกเพื่อแย่งชิงฐานลูกค้า ขายถูกเพราะต้องการบีบคู่แข่งให้ถอนตัวออกจากตลาด แล้วเมื่อครองตลาดได้แล้ว ก็ค่อยขึ้นราคาเอากำไรคืนทีหลัง จะเห็นว่ากลยุทธ์การขายของราคาถูกมีแต่บริษัทใหญ่เท่านั้นที่เป็นผู้ชนะ
.
แต่ถ้าการลดราคา หรือ ขายของถูก ไม่ได้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ผมกล่าวมานี้ บอกเลยว่าอย่าทำแบบนั้นเด็ดขาด เพราะมันคือการฆ่าตัวตายด้วยการวางระเบิดเวลาทำลายตัวเองชัดๆ
.
เพราะฉะนั้น ถ้าคุณยังไม่อยากเป็นผู้แพ้ในสงครามราคานี้ ผมแนะนำให้อ่าน “หนังสือ ขายดีเพราะขึ้นราคา” แล้วนำไปปรับใช้กับธุรกิจตัวเองโดยด่วน เพราะนอกจากมันจะทำให้คุณก้าวออกจากสงครามราคาที่แดงเดือดนี้ได้แล้ว มันยังทำให้คุณได้กำไรกลับมาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยอีกต่างหาก
.
.
.
“เปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น
ด้วยการอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม”
.
แต่ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองควรอ่านเล่มไหน
ทักมาปรึกษาสมองไหลได้เลย
.
สั่งซื้อหนังสือออนไลน์ง่ายๆ ส่งตรงถึงหน้าบ้านคุณ
ได้ที่ Inbox เพจ #สมองไหล
อาชีพช่างภาพ 在 ILoveToGo Facebook 的最佳解答
ถึงแฟนๆพี่เคท Katherline Lyndia ผมจะบอกว่าพวกคุณมีพลัง และพลังอยู่ในเม้าส์คุณ! ถ้าคุณเห็นสมควรให้พี่เคทได้เป็น "New York best photographer worldwide!" ก็เข้าไป vote ได้ที่นี่ฮะ ttps://katherlinelyndia.see.me/exposure2014
เอาหละ ถามแฟนๆ Photo Corner หน่อยว่า ถ้าผมไปสัมภาษณ์พี่เคทโทนๆนี้ จะดูน่าสนใจดีไหมฮะ
คำว่า "ช่างภาพอาชีพ" ต่างจากคำว่า "อาชีพช่างภาพ" แค่ไหน
"ช่างภาพอาชีพ" คืออะไร มันคือ "มืออาชีพ" อะแล้ว "อาชีพช่างภาพ" คืออะไร มันคือถ่ายแล้วได้ตังค์
เออ ฟังแล้ว งงๆ คือไอ้สองอย่างมันก็ไม่ต่างกันตรงที่มันก็ได้ตังค์เหมือนกันแหละ แต่ ช่างภาพอาชีพ ดูเหมือนจะได้ตังค์มากกว่าและมั่นคงกว่า ในความเห็นผมนะ ผมฟังๆดู การเป็น "ช่างภาพอาชีพ" ดูจะเป็นจุดหมายปลายทางของหลายๆคนมากกว่า "อาชีพช่างภาพ"
โอเค มันก็ใช่ "ช่างภาพอาชีพ" หรือ "Professional" คือการหาเลี้ยงตัวเองได้ด้วยการถ่ายรูป
แต่สำหรับมือใหม่ ผมคิดว่ามันเหมือนเป็น "Final Image" ที่เวลามือใหม่ดูภาพสวยๆของไอดอลเรา แล้วไม่รู้ว่า การจะได้ Final image แบบเค้ามาเนี่ย ต้องผ่านกระบวนการอย่างไรบ้าง ตอนนั้นอาจจะคิดง่ายๆแค่มีกล้อง เลนส์แบบเดียวกับเค้า ทำโฟโฟ่ช็อปแบบเค้า แล้วจะได้แบบเค้าแน่ๆ ซึ่งมันไม่ใช่
การที่จะยังชีพด้วยการถ่ายภาพที่เรียกว่า "ช่างภาพอาชีพ" มันมีอะไรข้างในอีกเยอะ และเมื่อยังชีพได้แล้ว จะทำยังไงถึงจะอยู่ได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย...
ถามแฟนๆ Photo Corner อย่างที่จั่วหัวไว้นะ หัวข้อโทนๆนี้ ใครคิดอย่างไรกันบ้าง ไม่มีถูก ไม่มีผิด อยากได้ไอเดียฮะ
อาชีพช่างภาพ 在 Daddy On Duty Youtube 的精選貼文
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ TV Thai town ที่สนับสนุนทริปนี้ครับ
ทริปนี้เราไปไกลถึงขนากเลย Blue mountain กันเลยทีเดียวซึ่งเป็นที่ตั้งของพระเอกของเรา River caves cayon ทริปนี้หลงหลายรอบมาก ก่อนจะไปแนะนำให้ศึกษาเส้นทางดีนะครับ แต่สุดท้ายก็รอดมาได้5555
FOLLOW ME
Facebook https://www.facebook.com/TOTODADDYONDUTY
Instagram https://www.instagram.com/kittiphob_jorn
ตามดูคลิปเก่าได้ที่
ล่าช้าง https://youtu.be/cQNlRBaIHNs
อาชีพช่างภาพ https://youtu.be/99HvIeFq-T0
จุดถ่ายรูปยอดฮิต https://youtu.be/sYJJ_jUmfYM
คลิปเที่ยว https://youtu.be/f6Q1VzmLvmc
อาชีพสัก https://youtu.be/_shV3TfyDlI
อาชีพเด็กเสริฟ https://youtu.be/HdXpW-yZQ2w
อาชีพส่งอาหาร https://youtu.be/ZcjvIr50fTM
อาชีพส่งหนังสือพิมพ์ https://youtu.be/S-4dDFKg0wU
คนไทยตกปลา https://youtu.be/TMvqpu6kXdc
Music by https://goo.gl/IMZC9A
อาชีพช่างภาพ 在 Daddy On Duty Youtube 的最佳貼文
#daddyonduty #คนไทยในออสเตรเลีย #อาชีพคนไทยในออสเตรเลีย
Subscribe : https://bit.ly/2WNlpmt
ยากมาออสเตรเลียต้องทำยัง วิธีเตรียมตัวมาออสเตรเลีย ไปหาคำตอบในคลิปนี้ได้เลยครับ สำหรับคนที่ยังมีข้อสงสัย โพสถามได้เลยเดี๋ยวผมมาตอบ
เว็บไซต์หางานหาบ้านของ ออสเตรเลีย www.gumtree.com.au
เว็บไซต์หางานหาบ้าน ของคนไทยในออสเตรเลีย www.natui.com.au
FOLLOW ME
Facebook https://www.facebook.com/TOTODADDYONDUTY
Instagram https://www.instagram.com/kittiphob_jorn
ตามดูคลิปเก่าได้ที่
ล่าช้าง https://youtu.be/cQNlRBaIHNs
อาชีพช่างภาพ https://youtu.be/99HvIeFq-T0
จุดถ่ายรูปยอดฮิต https://youtu.be/sYJJ_jUmfYM
คลิปเที่ยว https://youtu.be/f6Q1VzmLvmc
อาชีพสัก https://youtu.be/_shV3TfyDlI
อาชีพเด็กเสริฟ https://youtu.be/HdXpW-yZQ2w
อาชีพส่งอาหาร https://youtu.be/ZcjvIr50fTM
อาชีพส่งหนังสือพิมพ์ https://youtu.be/S-4dDFKg0wU
คนไทยตกปลา https://youtu.be/TMvqpu6kXdc
Music by https://goo.gl/IMZC9A
อาชีพช่างภาพ 在 Daddy On Duty Youtube 的精選貼文
Taronga Zoo สวนสัตว์ขนาดใหญ่เดินทางง่ายในSydney ไม่ว่าจะทางเรือ หรือทางรถ ก็สะดวกสบาย
FOLLOW ME
Facebook https://www.facebook.com/TOTODADDYONDUTY
Instagram https://www.instagram.com/kittiphob_jorn
ตามดูคลิปเก่าได้ที่
ล่าช้าง https://youtu.be/cQNlRBaIHNs
อาชีพช่างภาพ https://youtu.be/99HvIeFq-T0
จุดถ่ายรูปยอดฮิต https://youtu.be/sYJJ_jUmfYM
คลิปเที่ยว https://youtu.be/f6Q1VzmLvmc
อาชีพสัก https://youtu.be/_shV3TfyDlI
อาชีพเด็กเสริฟ https://youtu.be/HdXpW-yZQ2w
อาชีพส่งอาหาร https://youtu.be/ZcjvIr50fTM
อาชีพส่งหนังสือพิมพ์ https://youtu.be/S-4dDFKg0wU
คนไทยตกปลา https://youtu.be/TMvqpu6kXdc
Music by https://goo.gl/IMZC9A
อาชีพช่างภาพ 在 ปี 2020 - 2021 อาชีพช่างภาพยังน่าทำอยู่ไหม - Facebook 的推薦與評價
ปี 2020 - 2021 อาชีพช่างภาพ ยังน่าทำอยู่ไหม ——————————— กลุ่มหาช่างภาพสินค้า https://www.facebook.com/groups/767694230458165. ... <看更多>