อีริคสัน คาดการณ์ภายในสิ้นปีนี้ยอดผู้ใช้ 5G ทั่วโลกจะพุ่งสูงถึง 190 ล้านราย และ จะทะยานสู่ระดับ 2.8 พันล้านราย ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า
อีริคสัน คาดว่า จำนวนผู้ใช้ระบบเครือข่าย 5G ทั่วโลกภายในสิ้นปี 2563 จะพุ่งสูงถึง 190 ล้านราย และจะเพิ่มเป็น 2.8 พนล้านราย ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และโอเชียเนียจะใช้เทคโนโลนีเซลลูลาร์ผ่าน 5G เป็นอันดับสองรองจากเทคโนโลยี LTE และจำนวนผู้ใช้ 5G จะเพิ่มเป็น 270 ล้านราย หรือคิดเป็น 21% ของจำนวนผู้ใช้มือถือทั้งหมด ภายนปี 2568
.
ซึ่งข้อมูลคาดการณ์ดังกล่าวได้ระบุไว้ในรายงาน Ericsson Mobility Report ประจำเดือนมิถุนายน 2563 รวมถึงข้อมูลประมาณการเติบโตของดาต้าอินเทอร์เน็ตและจำนวนผู้ใช้บริการในแต่ละภูมิภาค นอกจากนี้ยังทำการวิเคราะห์ถึงบทบาทเครือข่ายและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่หลายคนต้องทำงาน และใช้ชีวิตอยู่บ้าน โดยเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ต ทั้งยัง
.
Nadine Allen ประธานบริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “COVID-19 ทำให้พฤติกรรมการดำเนินชีวิตของผู้คนทั่วโลกเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับปริมาณการรับส่งข้อมูลบนเครือข่ายที่เปลี่ยนแปลงพื้นที่จากย่านธุรกิจไปสู่ชุมชนอย่างรวดเร็ว
.
โดยรายงานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า การใช้เครือข่ายมือถือและเครือข่ายอินเทอร์เน็ตบ้าน กำลังเพิ่มบทบาทมากขึ้นในฐานะโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ขณะที่ตลาดผู้ใช้เครือข่าย 5G บางแห่งเติบโตชะลอตัว เนื่องมาจากการแพร่ระบาดของ COVID-19
นอกจากการเพิ่มยอดผู้ใช้ 5G ยังมอบประโยชน์ให้กับภาคธุรกิจ และภาคประชาชน ถูกสร้างเพื่อต่อยอดพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ ซึ่งวิกฤตการณ์นี้แสดงถึงคุณค่าที่แท้จริงของระบบการสื่อสาร รวมถึงบทบาทสำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ
.
ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตต่อสมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่องในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียจะสูงถึง 25GB ภายในปี 2568 หรือเติบโตเฉลี่ย 33% ต่อปี รวมถึงการเปลี่ยนพฤติกรรมชองผู้บริโภคเนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ส่งผลให้การใช้งานเครือข่ายมือถือและอินเทอร์เน็ตบ้านก็เปลี่ยนแปลงเช่นกัน โดยย่านที่พักอาศัยมีปริมาณการใช้ดาต้าอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายบรอดแบนด์เติบโตราว 20-100%
.
ผลวิจัยล่าสุดโดย Ericsson Consumer Lab ระบุว่า 83% ของผู้ตอบแบบสำรวจจาก 11 ประเทศ ที่ใช้งาน ICT เผยว่า ช่วงล็อกดาวน์คนเหล่านั้นเปิดใช้บริการเทคโนโลยีต่างๆ มากขึ้น ที่ช่วยพวกเขาปรับตัวเข้ากับการใช้ชีวิตวิถีใหม่ผ่านการเชื่อมต่อเครือข่าย ขณะที่ 57% พวกเขาเก็บเงินเพื่อความมั่นคงทางการเงินในอนาคต โดย 1 ใน 3 มีแผนใช้เงินกับเครือข่าย 5G
.
ซึ่งจากรายงานของอีริคสัน ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้เห็นถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเสริมในการดำเนินธุรกิจทั่วโลก นอกจากเปิดโอกาสให้องค์กรสามารถเชื่อมต่อกับลูกค้า หรือดำเนินธุรกรรมการเงินผ่านอินเทอร์เน็ตอย่างไม่สะดุด ระบบเครือข่าย 5G ยังสร้างโอกาสการขยายธุรกิจไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ ๆ แก่ผู้ให้บริการ
ที่มา : https://www.ericsson.com/th/press-releases/2/2020/6/-ericsson-mobility-report-june-2020-thai-edition
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#5G #อีริคสัน #อินเทอร์เน็ต #COVID19
อีริคสัน 在 Ceemeagain Facebook 的精選貼文
ทรูจับมืออีริคสัน พัฒนาเครือข่าย 5G ด้วยเทคโนโลยี 5G RAN ซึ่งจะช่วยให้ทรูฯ เปิดบริการ 5G ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลางในส่วนตะวันตก และภาคใต้ตอนบนของประเทศไทยได้ #Ceemeagain #DailygizmoTV #5G
อ่านต่อ
https://www.dailygizmo.tv/2020/04/29/true-ericsson-5g/
อีริคสัน 在 Janie Thienphosuvan JT Facebook 的最讚貼文
#แม่คนหนึ่งที่ไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง
ในละครเพลิงบุญ 'พิม' บอกว่า 'ใจเริง' เป็น 'แม่ที่ไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง'
แต่ในความเป็นจริง หมอคิดว่าใจเริงไม่ได้รัก หรือมองเห็นคุณค่าในตัวเองเพียงสักนิด สิ่งที่ใจเริงยึดไว้มีแต่สิ่งของหรือผู้คนที่อยู่ภายนอก ไม่มีคุณค่าในใจที่มีความยั่งยืนเพียงพอจะเป็นหลักให้ตัวเอง มีแต่ความว่างเปล่าภายในจนต้องทำทุกอย่างให้รู้สึกว่ายังมีตัวตนอยู่
คนคนหนึ่งที่ภายในใจตัวเองว่างเปล่า ไม่มีหลักให้ยึดเหนี่ยว เมื่อต้องมาเป็นแม่ ก็กลายเป็นความยากลำบากของตัวเอง และส่งผลกระทบไปถึงลูก
'น้องโจ' เป็นลูกชายน่ารักน่าเอ็นดูของใจเริง แต่ก็เกิดมาด้วยความไม่ได้ตั้งใจของพ่อและแม่ พ่อก็มีภรรยาแล้ว ส่วนแม่อย่างใจเริงก็เพียงใช้ลูกเป็นเครื่องมือเพื่อทำตามความต้องการของตัวเอง
ก่อนจะคลอดลูก ใจเริงก็เป็นคนที่มีบุคลิกภาพแปรปรวนผิดปกติอยู่แล้ว อารมณ์ขึ้นลงอย่างมาก มีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น และทำอะไรเพื่อความต้องการของตัวเองโดยไม่คิดถึงผลที่ตามมาว่าจะมีผลกับตัวเองหรือคนรอบข้างอย่างไร
หลังจากคลอดลูก ใจเริงก็ยิ่งอาละวาดโวยวายหนัก หงุดหงิดโมโหทุกครั้งที่ลูกร้องไห้ บางทีก็ตะโกนใส่ลูก เธอรู้สึกว่าลูกชายช่างน่ารำคาญ และสร้างปัญหาให้เธอ บางครั้งก็ไม่สนใจทิ้งให้ลูกร้องไห้ และตัวเองก็ไปซื้อของใช้ส่วนตัว
สำหรับเด็กทารก ความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวแม่(หรือผู้ดูแลใกล้ชิด)เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะจะเป็นพื้นฐานให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีแนวโน้มในการมองโลกในแง่ดี มีความหวังเชื่อมั่นต่อตัวเองและคนรอบข้าง และมีแนวโน้มเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุข
ตามทฤษฎีพัฒนาการของ อีริค อีริคสัน นักจิตวิทยาช่าวอเมริกัน ในช่วงเด็กอายุ 0-1ปีเป็นช่วงที่เด็กจะสร้างในเรื่องของความไว้เนื้อเชื่อใจ (Basic trust) เด็กทารกจะไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เวลาหิว หรือเปียก รู้สึกไม่สบายอะไรก็ตาม สิ่งที่เด็กทารกจะทำได้คือ การร้องไห้อุแว้ๆ หากแม่(หรือผู้ดูแลใกล้ชิด)ให้ความสนใจเข้าไปดูว่าเด็กต้องการอะไร เช่น หิวนมก็ให้ดูดนม ปัสสาวะหรืออุจจาระก็เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ หากเป็นแบบนี้สม่ำเสมอ เด็กก็จะปลูกฝังความรู้สึกไว้ในใจว่า มีใครสักคนที่คอยดูแลและไม่ทอดทิ้งเขาเวลาที่เขาต้องการ ซึ่งจะปลูกฝังเกิดเป็นความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวแม่(หรือผู้ดูแลใกล้ชิด)ตามมา
เมื่อเขาไว้ใจและเชื่อใจแม่(หรือผู้ดูแลใกล้ชิด)ซึ่งเป็นคนที่ใกล้ชิดเขาที่สุดได้ เขาก็จะมีแนวโน้มสามารถไว้วางใจและเชื่อมั่นในตนเองและคนรอบข้างอย่างเหมาะสมได้ เติบโตเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี
แต่หากเด็กที่ไม่มีคนดูแลอย่างสม่ำเสมอ หรือมีคนดูแลที่อารมณ์ขึ้นๆลงๆ(ถ้าอารมณ์ดีก็เข้าไปดู ถ้าอารมณ์ไม่ดีก็ตะโกนโวยวายใส่) เวลาร้องไห้ไม่เข้าไปดูว่าเป็นอะไร เด็กก็จะมีแนวโน้มโตขึ้นเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ไม่ไว้วางใจคนอื่น (Mistrust)
มีงานวิจัยที่บอกว่าปัญหาสุขภาพจิตในแม่(หรือผู้ดูแลใกล้ชิด)จะส่งผลกระทบกับสุขภาพจิตของเด็ก
ถ้าใจเริงยังไม่ปรับปรุงตัวเอง ลูกก็อาจจะเติบโตมาเป็นแบบแม่อย่างเธอที่ดูแลเขามา นั่นก็คือ เป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อตัวเองโดยไม่คิดถึงคนรอบข้าง ขาดไร้ซึ่งคุณค่าในตัวเอง จนต้องไขว่คว้าทุกอย่างมาเป็นที่ยึดเหนี่ยวแบบที่ใจเริงเป็น และสร้างผลกระทบต่อตัวเองและสังคมรอบข้าง
เด็กวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า ซึ่งเด็กจะเติบโตมาเป็นแบบไหนก็ขึ้นกับสภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่ผู้ใหญ่ใกล้ชิด โดยเฉพาะคนในครอบครัวจะสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นกับเด็กนั่นเอง
#หมอมินบานเย็น
#เพลิงบุญ