สุโขทัย 3 วัน 2 คืน ไปเช็คอินทั้งที ไม่ควรพลาด
ไม่ว่าจะนั่งรถยนต์ จับรถไฟ หรือขึ้นเครื่องไปสุโขทัย
เราก็จะพบกับความสนุก ความสุข และสงบ
ใครอยากหลีกหนีความวุ่นวาย จะแบกเป้หรือลากกระเป๋า
สุโขทัยก็ยินดีต้อนรับด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน
วัดวามากมาย อาหารอร่อย ผู้คนก็อัธยาศัยดี
เหมาะแก่การเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ
สมกับความหมายที่แปลว่า “รุ่งอรุณแห่งความสุข”
--------------------------
ครัวสุโข เมื่อเครื่องลงจอดถึงสนามบินสุโขทัยก็เรียกว่ามาถึงแหล่งท่องเที่ยวแทบจะในทันที เพราะเพียงแค่นั่งรถต่อมาอีกไม่ไกล ก็จะได้พบกับทุ่งนาและพื้นที่เกษตรอินทรีย์กว้างๆ รอต้อนรับทั้งนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจจะมาทำกิจกรรมเรียนรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์ ซึ่งมีครบทั้งแพ็คเกจวันเดียวและพักค้างคืน หรือจะเพียงแวะมากินอาหารอร่อยและดีต่อสุขภาพก็ได้เหมือนกัน บรรยากาศห้องอาหารเป็นสไตล์บ้านไม้ชนบท โปร่งๆ ลมโกรก สบายตาด้วยแปลงเกษตรอินทรีย์รายล้อม ทั้งนาข้าว แปลงบัว แปลงผักสวนครัว คอกควาย ให้ออกไปเดินชมและถ่ายรูปกันเพลินๆ ส่วนอาหารแต่ละจานก็ใช้วัตถุดิบจากโครงการเกษตรอินทรีย์มาปรุงอย่างพิถีพิถัน เมนูแนะนำก็เช่น ขาหมูกับหมั่นโถวทอด ที่อร่อยเข้ากันมาก และยังมีส้มตำผักน้ำ ไข่เจียวผักน้ำ เมี่ยงใบคะน้า บวบผัดไข่ ฯลฯ กินคู่กับข้าวไรซ์เบอร์รี่ และห้ามพลาดซิกเนเจอร์ดริ๊งค์อย่าง น้ำใบข้าวปั่น และน้ำมะยงชิดปั่น ดื่มแล้วสดชื่นมาก
ที่ตั้ง : ต.คลองกระจง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย
เวลาเปิด-ปิด : 08:00-18:00 น. เปิดทุกวัน
โทร. : 055 647 290
โรงพักสวรรคโลก มาถึงเมืองสวรรคโลกต้องไม่พลาดเดินขึ้นโรงพัก ไม่ใช่เพราะโดนจับนะ แต่แวะมาชมอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่อย่างโรงพักเรือนปั้นหยา ที่สร้างมาตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่สองต่างหาก โดยโรงพักแห่งนี้ทำหน้าที่มาตั้งแต่สมัยยังเป็นจ.สวรรคโลก ก่อนจะกลายเป็นอำเภอหนึ่งของจ.สุโขทัยช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ลักษณะเป็นเรือนไม้ยกใต้ถุนสูง มีบันไดขึ้นด้านหน้าสองฝั่ง ตรงทางเข้ายังคงเก็บรักษาระฆังตีบอกเวลาและหวูดเตือนภัยสมัยสงครามเอาไว้ แถมยังใช้งานได้ดีอีกด้วย ส่วนภายในเปิดโล่ง มีตู้จัดแสดงอุปกรณ์ที่ตำรวจใช้กันในสมัยนั้น ทั้งวิทยุสื่อสาร เครื่องแบบ เหรียญตรา ที่วางปืนยาว ภาพถ่ายสมัยก่อน ตู้เซฟฝากเงินขนาดยักษ์ โต๊ะสิบเวร โต๊ะทะเบียนประวัติผู้ต้องหา ไปจนถึงห้องขังและโซ่ตรวน ที่ยังคงรักษาสภาพดั้งเดิมไว้เป็นอย่างดี และยังสามารถเข้าไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกได้ด้วย
ที่ตั้ง : ถ.หน้าเมือง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน
โทร. : 055 644 215
สตรีทอาร์ทสวรรคโลก มาเดินเล่นในตลาดสวรรคโลกนอกจากจะได้บรรยากาศร้านค้าเก่าแก่ที่เหมือนหยุดจะเวลาไว้กับที่ แวะชิมก๋วยเตี๋ยว หรือสั่งโอเลี้ยงมาดื่มแล้ว ผ่านมาถึงถนนพิศาลสุนทรกิจ ก็ยังจะได้พบกับความเก๋ของภาพสตรีทอาร์ตที่บอกเล่าถึงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเอเชีย ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของศิลปินจากประเทศในภูมิภาคอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นไทย กัมพูชา มาเลเซีย และสิงคโปร์ ฝากไว้บนกำแพงอาคารเก่า กระจายอยู่ตามมุมต่างๆ ให้โพสต์ท่าเก๋ๆ กันอีกหลายภาพ
ที่ตั้ง : ถ.พิศาลสุนทรกิจ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน
สถานีรถไฟสวรรคโลก สถานีรถไฟเก่าแก่อายุร่วมร้อยปีของไทย และถือเป็นสถานีสุดท้ายของทางรถไฟสายเหนือฝั่งตะวันตก โดยสถานีแห่งนี้แยกออกมาจากสถานีชุมทางบ้านดารา จ.อุตรดิตถ์ ทุกวันนี้จึงมีรถไฟผ่านสถานีเพียงวันละ 1 ขบวนเท่านั้น ส่วนภายในสถานีนอกจากตัวอาคารไม้ทางสีไข่ไก่ที่ยังคงรูปแบบดั้งเดิมทุกอย่างแล้ว ความน่าทึ่งของสถานีนี้ก็อยู่ที่ระบบส่งสัญญาณขบวนรถไฟเข้าออกที่ยังใช้วิธีส่งสัญญาณด้วยมือ ผ่านอุปกรณ์หน้าตาแปลกและเก่าแก่ไม่แพ้สถานี ด้วยการเคาะจังหวะบอกสถานีถัดไป รวมทั้งโทรศัพท์แบบหมุนตัวเลขที่ยังสามารถใช้โทรได้จริงๆ อีกต่างหาก นอกจากจะแวะมาชมสถานีรถไฟแล้ว ข้างๆ ยังมีร้านกาแฟเก่าแก่ให้เข้าไปนั่งสั่งเครื่องดื่มและซึมซับบรรยากาศด้วย
ที่ตั้ง : ถ.พิศาลสุนทรกิจ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน
โทร. : 055 641 106
สิบสองหน่วยตัด ร้านอาหารไทยชื่อแปลกหูที่มาจากลายผ้าทอและความชอบส่วนตัวของคุณบาส เจ้าของร้าน ซึ่งเป็นนักสะสมผ้าและงานศิลปะโบราณ จนเกิดเป็นร้านอาหารกึ่งพิพิธภัณฑ์ที่สวยงามร่มรื่นตั้งแต่ทางเข้า ภายในจะพบกับเรือนไม้ติดกระจก ล้อมรอบด้วยบ่อน้ำ แซมด้วยไม้ใหญ่และไม้ดอกโดยเฉพาะชงโคที่ออกดอกสีชมพูสะพรั่ง มีทั้งโต๊ะนั่งติดริมน้ำและในห้องแอร์ ท่ามกลางของโบราณที่จัดแสดงตามทางเดินและรอบโต๊ะกินข้าว โดยเฉพาะบรรดาผ้าทอมือโบราณที่ทางคุณบาสประมูลมาได้จากต่างประเทศซึ่งล้วนแต่มีความงดงาม และบางผืนก็มีราคาแพงมาก ในส่วนเมนูอาหารเน้นไปทางอาหารไทย ที่ปราณีตทั้งหน้าตาการจัดจานและรสชาติ เมนูแนะนำมีมากมาย เช่น หมูสามชั้นทอดน้ำปลา ต้มยำรวมมิตรทะเลน้ำข้น แกงคั่วใบชะพลูปู หมูมะนาว ลาบคุณยาย ยำตะไคร้กุ้งสด ตำทอด ฯลฯ นอกจากนี้คุณบาสยังทำสวนเมล่อนอยู่ข้างกัน จานที่ขาดไม่ได้จึงเป็นเมล่อน สดๆ หวานๆ หั่นมาชิ้นพอดีคำไว้กินปิดท้ายให้ชื่นใจ
ที่ตั้ง : ต.ย่านยาว อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย
เวลาเปิด-ปิด : 09:00-21:00 น. ปิดวันจันทร์
โทร. : 080 029 7752
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย เมืองโบราณที่มีความสำคัญควบคู่มากับความรุ่งเรืองของอาณาจักรสุโขทัย โดยมีฐานะเป็นเมืองลูกหลวงของอาณาจักรสุโขทัย และเป็นยังแหล่งผลิตภาชนะเครื่องเคลือบสังคโลกที่สำคัญในยุคโบราณด้วย
ในเขตกำแพงเมืองมีการขุดพบทั้งวัดและเตาเผาสังคโลกอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น วัดช้างล้อม ซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางตัวเมืองศรีสัชนาลัย มีเจดีย์ทรงลังกาล้อมรอบด้วยช้างปูนปั้นแบบเต็มตัวรวม 39 เชือก วัดเจดีย์เจ็ดแถว อยู่ตรงข้ามกับวัดช้างล้อม โดดเด่นที่หมู่เจดีย์ซึ่งสร้างจากอิทธิพลของหลายศิลปะทั้งลังกาและพุกาม โดยเฉพาะพระพุทธรูปปางนาคปรกที่ประดิษฐานในซุ้มจรนำซึ่งถือเป็นรูปแบบพุทธศิลป์ที่ไม่เหมือนใคร วัดนางพญา มีลักษณะเด่นที่ลวดลายปูนปั้นบนผนังวิหารที่อ่อนช้อยงดงามทั้งรูปมนุษย์กึ่งวานร และพรรณพฤกษาต่างๆ รวมไปถึงวัดบนเขา นั่นคือ วัดเขาพนมเพลิง ที่มีศาลเจ้าแม่ละอองสำลี และวัดเขาสุวรรณคีรี ซึ่งมีเจดีย์ทรงระฆังที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานประวัติสาสตร์สรีสัชนาลัย ทุกวันนี้ภายในอุทยานฯ สามารถเข้ามาเที่ยวชมได้ด้วยตัวเองทั้งแบบปั่นจักรยาน ซึ่งก็มีร้านให้เช่าอยู่ตรงทางเข้า หรือจะเลือกนั่งรถนำเที่ยวหน้าตาคลาสสิคก็สะดวกเหมือนกัน
ที่ตั้ง : ต.ศรีสัชนาลัย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย
เวลาเปิด-ปิด : 08:30-16:30 น. เปิดทุกวัน
โทร. : 055 950 714
วัดพิพัฒน์มงคล วัดดังในอ.ทุ่งเสลี่ยม ซึ่งก่อตั้งโดยท่านเจ้าคุณพระมงคลพัฒนพิธาน เมื่อราว 30 กว่าปีก่อน จากนิมิตของท่านเจ้าคุณขณะธุดงค์ขณะผ่านมาปักกลดในบริเวณนี้ โดยมีเทพารักษ์มาบอกให้ขุดลงไปใต้ดินบริเวณนั้นแล้วจะพบกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งปรากฏว่าได้ขุดพบซากวัดโบราณ และพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะสุโขทัย ทำจากทองคำ ขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว จนต่อมาก็มีพุทธศาสนิกชนที่ศรัทธาร่วมบริจาคที่ดิน พระพุทธรูปต่างๆ รวมทั้งปัจจัย จนกลายเป็นวัดที่เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างศิลปะล้านนาอย่างงดงามอลังการแบบในปัจจุบัน และเป็นวัดสำคัญที่สายบุญตั้งใจมาทำบุญโดยเฉพาะ จึงเนืองแน่นไปด้วยผู้มีจิตศรัทธาไม่เว้นแต่ละวัน
ที่ตั้ง : ต.ทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย
เวลาเปิด-ปิด : 08:00-17:00 น. เปิดทุกวัน
โทร. : 055 659 164
วัดทุ่งเสลี่ยม เป็นที่ประดิษฐานของ หลวงพ่อศิลา พระพุทธรูปสำคัญซึ่งค้นพบโดยชาวบ้านที่ไปหามูลค้างคาวภายในถ้ำเจ้าราม ลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางนาคปรกแกะจากหินทรายขาว ศิลปะนครวัด-ลพบุรี หน้าตักกว้าง 43 เซนติเมตร ต่อมาครูบาก๋วนจากวัดแม่ปะหลวง อ.เถิน จ.ลำปาง อัญเชิญหลวงพ่อลงมาสำเร็จ ก็ตกลงให้ประดิษฐานไว้ที่วัดทุ่งเสลี่ยม นานหลายสิบปี จนกระทั่งถูกขโมยและมีคนไปพบที่อังกฤษว่าชาวต่างชาติประมูลไปได้ จึงร้องให้ทางการไทยขอคืนโดยมีนักธุรกิจไทยช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายจนขอคืนสำเร็จ แล้วอัญเชิญกลับมาประดิษฐานที่วัดทุ่งเสลี่ยมตามเดิมในปี 2540 ขณะที่ความศักดิ์สิทธิ์และการผจญภัยของพระพุทธรูปองค์นี้ ก็ยังคงเป็นเรื่องที่บอกเล่าต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
ที่ตั้ง : ต.ทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน
โทร. : 055 626 370
บ้านกลางนา ร้านอาหารบรรยากาศสบายๆ บนสระน้ำขนาดใหญ่ ได้ลมโชยเบาๆ ยามเย็นจะยิ่งชิลมากขึ้นเพราะมีวงดนตรีเล่นสดด้วย โดยทางร้านจัดที่นั่งให้เลือกทั้งแบบติดริมน้ำและในห้องแอร์ ส่วนเมนูอาหารเน้นสไตล์ไทยๆ อย่างเช่น ปีกไก่ทอดสมุนไพร กุ้งทอดซอสมะนาว ต้มโคล้ง ผัดคะน้าหมูกรอบ ต้มแป๊ะซะ ปลารากกล้วยทอดกรอบ และอีกมากมาย นอกจากนี้ทางร้านยังมีคาเฟ่อยู่ด้านหน้า มีให้เลือกทั้งกาแฟสด ชาไทย ชาเขียว น้ำผลไม้ รวมถึงไอศครีมอีกหลายรสด้วย
ที่ตั้ง : ต.ศรีสัชนาลัย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย
เวลาเปิด-ปิด : 11:00-22:00 น. เปิดทุกวัน
โทร. : 081 441 6185
Legendha Sukhothai โรงแรมเก่าแก่ที่อยู่คู่กับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยมาหลายสิบปีและปรับเปลี่ยนโฉมไปตามกาลเวลาจนกลายป็นที่พักอันดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวนานาชาติเลือก ภายในรีสอร์ทอบอวลไปด้วยความเป็นไทยตั้งแต่ทางเข้า เมื่อข้ามสะพานข้ามคลองแม่รำพันมาแล้วจะเจอกับล็อบบี้และห้องนวดแผนไทย และหากเดินต่อไปก็จะพบกับสระว่ายน้ำขนาดใหญ่กลางหมู่เรือนไทย ให้อารมณ์ว่ายน้ำที่แปลกไปอีกแบบ ในส่วนของห้องพักซึ่งอยู่ในหมู่เรือนไทยก็แวดล้อมด้วยแมกไม้ร่มรื่น ภายในห้องกว้างขวาง ตกแต่งสะท้อนความเป็นไทย มีตั่งกับหมอนสามเหลี่ยมให้เอนหลังเล่น เตียงกว้างนอนสบาย มีไดร์เป่าผม ทีวีจอแบน มินิบาร์ ครบทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีห้องอาหารน้ำค้าง ที่บริการทั้งอาหารเช้าและดินเนอร์พร้อมการแสดงรำไทย ส่วนด้านหลังโรงแรมยังติดกับโบราณสถานวัดช้างล้อม ให้เดินออกไปถ่ายรูปเล่นได้ด้วย
ที่ตั้ง : ต.เมืองเก่า อ.เมืองสุโขทัย จ.สุโขทัย
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน
โทร. : 055 697 214
同時也有8部Youtube影片,追蹤數超過56萬的網紅ไอวิลเลียม - I William,也在其Youtube影片中提到,ก่อนที่ผมสมัครเป็นทหารผมก็งงมากกับเครื่องแบบทหาร ตอนนั้นผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก ในคลิปนี้ผมจะพยายามอธิบายให้คุณเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับเคร...
「เครื่องแบบ」的推薦目錄:
- 關於เครื่องแบบ 在 TripTravelGang Facebook 的最佳貼文
- 關於เครื่องแบบ 在 มติพล ตั้งมติธรรม Facebook 的最讚貼文
- 關於เครื่องแบบ 在 Roundfinger Facebook 的精選貼文
- 關於เครื่องแบบ 在 ไอวิลเลียม - I William Youtube 的精選貼文
- 關於เครื่องแบบ 在 feelthai Youtube 的精選貼文
- 關於เครื่องแบบ 在 AskWhole TV Youtube 的精選貼文
- 關於เครื่องแบบ 在 เจ้าบ่าวนอกเครื่องแบบ - เบียร์ พร้อมพงษ์【MV CUTDOWN】 的評價
- 關於เครื่องแบบ 在 เครื่องแบบชุดนักเรียน ประเทศไหนบังคับใส่ชุดนักเรียนอยู่บ้าง? | ลองเล่า 的評價
- 關於เครื่องแบบ 在 ชุดเครื่องแบบกากีที่ถูกระเบียบและการติดเครื่องหมาย - #EP1 的評價
เครื่องแบบ 在 มติพล ตั้งมติธรรม Facebook 的最讚貼文
"หน้ากากอนามัย" ในยุคกลาง
ในช่วงยุคกลาง มนุษย์เราได้พบกับโรคระบาดที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่เราเคยพบมาจนถึงทุกวันนี้ นั่นก็คือ กาฬโรค (Plague) หรือที่รู้จักกันในนาม Black Death
โรคนี้คร่าชีวิตชาวยุโรปในยุคกลางไปราว 75 ถึง 200 ล้านคน และลดประชากรโลกจาก 475 ล้าน เหลือเพียง 350–375 ล้านคนในศตวรรษที่ 14 ยูโรปต้องใช้เวลาอีกกว่า 200 ปีกว่าที่จำนวนประชากรจะกลับมายังยุคก่อน black death โรคระบาดนี้ทำให้การพัฒนาแทบทุกอย่างในยุโรปต้องหยุดชะงัก
ในยุคนั้น เรายังไม่มีความเข้าใจเรื่องโรคระบาดและต้นเหตุของการทำให้เกิดโรคติดต่อเท่าไหร่ ทฤษฎีโรคระบาดที่แพร่หลายที่สุดในยุคนั้น ก็คือ Miasma Theory ที่กล่าวว่าตัวการของโรค (โรคใดๆ ก็ตาม) คือกลิ่นเหม็นเน่าที่ลอยออกมาจากซากศพ
ด้วยเหตุนี้ Plague Doctor ในยุคศตวรษที่ 17 จึงใส่ "เครื่องแบบ" (เปรียบได้กับ PPE (Personal Protective Equipment) ในยุคปัจจุบัน) ที่ทำจากหน้ากากมีจงอยปาก เพื่อใส่เครื่องหอมลงไปจนเต็มเพื่อกลบกลิ่นเหม็นเน่าจากซากศพที่กองเต็มท้องถนน (เพื่อพยายามจะกลบ miasma นั่นเอง) และเสื้อโค้ทที่ยาวคลุมถึงข้อเท้า กับหมวก
Plague Doctor นั้นจะได้รับการว่าจ้างจากเมืองที่มีการพบโรคระบาด และจะถูกผูกมัดโดยสัญญาว่าจ้างที่จะต้องรักษาผู้ติดกาฬโรคทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือคนจน แต่จะไม่รักษาอาการเจ็บป่วยอย่างอื่น Plague Doctor จึงถูกเรียกไปในเมืองที่มีการระบาด สภาพเครื่องแบบที่เห็นนี้ จึงเป็นสัญญาณแห่งความตาย และสร้างความสะพรึงกลัวให้กับชาวเมืองในศตวรรษที่ 17 ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม วิธีการ "รักษา" ของ Plague Doctor นั้นก็ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าไหร่ ด้วยความเข้าใจทางการแพทย์อันล้าหลังในยุคนั้น วิธีการรักษานั้นอาจจะใช้การกรีดให้เลือดออกเพื่อระบายโรคร้าย (bloodletting) หรือการเอากบหรือปลิงไปวางบนตุ่มหนองเพื่อ "รักษาสมดุลของร่างกาย" นอกไปจากนี้คนที่มาทำงานเป็น Plague Doctor ส่วนมากนั้นก็ไม่ได้เป็นผู้ที่ความความรู้ทางการแพทย์ (ในยุคนั้น) จริงๆ บางคนก็อาจจะเป็นเพียงพ่อค้าที่ไม่เคยมีประสบการณ์การรักษาคนมาก่อน ที่เพียงแค่มาหางานอย่างอื่นทำ
จนกระทั่งในปี 1880 ทฤษฎีการติดโรคแบบ miasma theory จึงไม่เป็นที่ยอมรับอีกต่อไป และถูกแทนที่ด้วย germ theory of disease ที่เราใช้กันในปัจจุบัน ทฤษฎีนี้ระบุว่าเชื้อของโรคหนึ่งๆ จะเป็นตัวการที่ทำให้เกิดโรคนั้นๆ และเราจึงมุ่งเน้นไปที่การกำจัดและกีดกันเชื้อโรค อย่างที่เราใช้ยาฆ่าเชื้อ ล้างมือ ใส่หน้ากาก และชุด PPE ที่ทำจากพลาสติกกันน้ำเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค อย่างที่เราทำกันทุกวันนี้
ทุกวันนี้ เราทราบว่ากาฬโรคนั้นเกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรีย Yersinia pestis และถูกแพร่เชื้อผ่านทางหมัดที่เกาะอยู่บนหนู เมื่อหมัดที่มีเชื้อแบคทีเรียนี้กัดผิวหนังของมนุษย์ เชื้อนี้จะแพร่กระจายเข้าไปในระบบทางเดินน้ำเหลือง ทำให้เกิดเป็น bubonic plague และมีอาการไข้ขึ้น ไข้จับสั่น เกิดตุ่มบวมขึ้นตามท่อน้ำเหลือง จนในที่สุดจะเกิดเนื้อตาย (necrosis) เนื้อเยื่อเปลี่ยนเป็นสีดำ และเสียชีวิตในที่สุด นอกจากนี้หากเชื้อกาฬโรคเข้าไปในกระแสเลือดจะกลายเป็น Septicemic plague เกิดสารพิษกระจายไปทั่วร่าง เกิดเลือดไหลภายในผิวหนังและอวัยวะภายในจนผิวเปลี่ยนเป็นสีม่วง ไอและอาเจียนออกมาเป็นเลือด และหากเชื้อเข้าไปในปอด จะกลายเป็น Pneumonic plague ที่จะทำให้เกิดอาการจามและไอที่สามารถแพร่กระจายเชื้อแบคทีเรียฟุ้งไปในอากาศได้ ซึ่งสำหรับกรณีสองกรณีหลังนี้ หากไม่ได้รับการรักษา มักจะมีอัตราการเสียชีวิตเกือบ 100% ในขณะที่ bubonic plague นั้นมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 30-90% แต่การค้นพบยาปฏิชีวนะทำให้อัตราการเสียชีวิตนั้นตกลงมาเหลือเพียงแค่ 10%
ความร้ายแรงของกาฬโรคนี้ ทำให้กาฬโรคเป็นอาวุธชีวภาพแรกๆ ที่มนุษย์นำมาใช้ในการสงคราม ชาวจีนและยุโรปโบราณเอาซากสัตว์ที่ตายไปเจือปนในแหล่งน้ำที่ข้าศึกใช้ดื่มกิน ศพผู้เสียชีวิตจากกาฬโรคได้ถูกเหวี่ยงเข้าไปในกำแพงเมืองระหว่างที่ทำการปิดล้อมเมือง แม้กระทั่งในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง หน่วยวิจัยของกองทัพญี่ปุ่นก็ได้ทำการทดลองอาวุธชีวภาพกับนักโทษและพลเรือนชาวจีนและเกาหลี ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองทั้งสหรัฐและสหภาพโซเวียตก็ยังมีการทดลองเพื่อหาแนวทางการการลำเลียง pneumonic plague ไปยังทหารของข้าศึก รวมไปถึงการทดลองการตัดต่อพันธุกรรมของโรคเพื่อการทหาร
แม้กระทั่งในทุกวันนี้ กาฬโรคก็ยังไม่ได้หมดไป เราก็ยังพบการติดเชื้อกาฬโรคอยู่ปีละประมาณ 600 รายทั่วโลก อย่างไรก็ตาม กาฬโรคเป็นโรคที่สามารถรักษาได้ง่ายโดยใช้ยาปฏิชีวนะ (ต่างจากไวรัสซึ่งไม่สามารถใช้ยาปฏิชีวนะได้)
จะเห็นได้ว่าเรื่องของโรคระบาดนั้นสัมพันธ์กันอย่างเหนียวแน่นกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความเข้าใจของมนุษย์ที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เรามีวิธีการจัดการที่ดีขึ้น แม้กระทั่งในระหว่างวิกฤตโคโรน่าไวรัสนี้ เทคโนโลยีก็ทำให้เราสามารถตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัสในระดับที่เราไม่สามารถทำได้มาก่อนเพียงแค่ในรุ่นพ่อแม่ของเรา นอกไปจากนี้เรายังสามารถพัฒนาวัคซีนได้รวดเร็วขึ้น เรามีความเข้าใจในเรื่องของสุขอนามัยที่ดีกว่าเดิม และเราล้างมือกันเป็นประจำ เรามีหน้ากากป้องกันที่ได้ผลกว่าหน้ากากจงอยปากอีกาอย่างที่ plague doctor ใช้ในยุคกลาง การแพทย์เรามีมาตรฐานที่สูงกว่าในอดีตเป็นอย่างมาก และเครื่องช่วยหายใจก็ทำให้ผู้ที่อาการหนักหลายๆ รายยังคงมีออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงร่างกายได้ ที่สามารถพยุงอาการเอาไว้จนกว่าร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา
แม้กระนั้นก็ตาม การค้นคว้าวิจัยเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคระบาดนั้นไม่ได้หยุดอยู่นิ่ง และวิทยาศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ต้องมีการอัพเดตเสมอ แม้กระทั่งระหว่างวิกฤตโคโรน่าไวรัสนี้ เราก็ยังค้นพบอะไรใหม่ๆ เรื่อย ทั้งเกี่ยวกับเรื่องของไวรัสโคโรน่า และเกี่ยวกับการจัดการกับโรคระบาดเอง แนวทางการจัดการโรคระบาดของแต่ละประเทศนั้นเป็นอะไรที่น่าสนใจ และเมื่อใดก็ตามที่เราพ้นจากวิกฤตนี้ไปแล้ว เป็นที่แน่ชัดว่าเราจะต้องมีความเข้าใจในการจัดการกับโรคระบาดได้ดีขึ้นเป็นอย่างแน่นอน
ภาพ: Paul Fürst, engraving, c. 1721
อ้างอิง/อ่านเพิ่มเติม:
[1] https://en.wikipedia.org/wiki/Plague_(disease)
[2] https://en.wikipedia.org/wiki/Black_Death
[3] https://en.wikipedia.org/wiki/Plague_doctor
เครื่องแบบ 在 Roundfinger Facebook 的精選貼文
อะไรหนอที่ทำให้เราชอบหนังเรื่องนี้
***เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของเรื่อง***
ที่ใดมีรักที่นั่นมีเสรีภาพ
ที่ใดมีอำนาจที่นั่นไม่มีรัก
1
วินาทีแรกที่รู้สึกเป็นพวกเดียวกันคือตอนที่เพลง "ดีเกินไป" ของสไมล์บัฟฟาโล่ดังขึ้นมาในหูฟังของดิว หนังก็พาย้อนกลับไปในสมัยวัยรุ่นอีกครั้ง จากนั้นสิ่งต่างๆ ก็ค่อยๆ ห่อโลกใบนั้นหุ้มเราไว้ ตู้สติ๊กเกอร์ เพจเจอร์ Nirvana วงพราว โมเดิร์นด็อก และที่เด็ดสุดคือภาพสามมิติที่เคยนั่งจ้องกันจนตาจะถลนออกมา เหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนกลับไปในวันวัยที่เรารักที่สุดอีกครั้ง
2
หนังมีการกำกับที่พอดีๆ ไม่ฟูมฟาย แต่ใช้รายละเอียดทางอารมณ์ของคนแตกต่างกันมาปะทะกัน ความรู้สึกเศร้า กลัว แพ้ น้อยใจ ไร้คนเข้าใจ มันค่อยๆ บ่มเพาะจากข้างใน ไม่ต้องแสดงออกมากแต่เราสัมผัสความรู้สึกของตัวละครและน้ำตาซึมไปพร้อมกับพวกเขาได้
3
หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยเงื่อนไขยากๆ เต็มไปหมด ถ้าเล่าเรื่องย่อให้ฟังคงต้องเงยหน้าถามผู้กำกับว่าจะทำให้คนดูคล้อยตามได้จริงหรือ เช่น การกลับชาติมาเกิด และความสัมพันธ์ของครูหนุ่มกับนักเรียนม.สาม แต่สำหรับเราแล้วหนังเรื่องนี้ทำได้ และทำได้ดีมากด้วย
4
ชอบที่เรื่องราวในวัยเด็กเกิดที่หมู่บ้านเล็กๆ ที่ถ้าทำอะไรผิดก็รู้กันไปทั่ว ทำให้เห็นว่าชีวิตของเรานั้นไม่ได้เป็นของเราโดยเสรี แต่เราต้องดำเนินชีวิตตามความคาดหวังของสังคมซึ่งมักถือไม้บรรทัดคอยวัดความถูกต้องดีงามของเราอยู่เสมอ ไม้บรรทัดนั้นมักมาพร้อมอำนาจในแบบเดิมๆ ทำให้มันไม่ค่อยถูกตั้งคำถามว่าเราจะวัดความถูกต้องดีงามได้ด้วยมาตรฐานเดียวจริงหรือ
5
อำนาจในเรื่องแสดงผ่านครู หมอ และทหาร ซึ่งใช้อำนาจแห่งความรู้ ความจริงทางวิทยาศาสตร์ และกำลัง+เครื่องแบบ เพื่อตีกรอบความถูกต้องดีงามขึ้นมา และ "ตบ" ให้คนที่อยู่นอกกรอบกลับเข้ามาในกรอบ (น่าสนใจว่าถ้าในสามสถานะเหล่านี้มีเกย์หรือตุ๊ดอยู่ในนั้นด้วย เรื่องอาจซับซ้อนขึ้นอีก แต่ก็ยากเกิ๊น)
6
เมื่อมี "กรอบ" ให้ผู้คนรู้ว่าอะไรถูกต้อง คนที่อยู่นอกกรอบก็จะเป็นตัวประหลาดในสายตาของคนทั่วไป ถูกจับจ้อง จัดการ เปลี่ยนแปลง ให้กลับเข้ากรอบแห่งความดีงามหนึ่งเดียวนั้น "สายตาชาวบ้าน" จึงทำงานต่อจาก "อำนาจ" ในการตรวจตรา "ตัวประหลาด"
7
ผู้ใช้อำนาจมักเชื่อว่าตัวเองทำลงไปด้วยความหวังดี และเชื่อว่าระเบียบและ "ความปกติ" นั้นจะทำให้ทุกคนมีความสุข โดยมิค่อยได้คิดว่า "ความปกติ" ของตนไปกำจัดเสรีภาพของใครหรือเปล่า
8
เมื่อมีการใช้อำนาจย่อมมีการขัดขืนอำนาจนั้น แต่ในเมื่อไม่สามารถสู้กับอำนาจโดยตรง ก็เปลี่ยนไปเป็นการหลบซ่อน อึดอัด ปวดร้าว ถึงวันหนึ่งอาจระเบิดออกมา แต่ถ้าคิดวิธีต่อต้านอำนาจนั้นไม่ออก สิ่งที่พอทำได้คือ "หนีไปเสียจากที่นี่"
9
นั่นคือความรู้สึกว่า "ที่นี่ไม่ใช่ที่ของฉัน" ฉะนั้นฉันจะหนีไป "ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่" นี่เป็นความรู้สึกของหนังและงานศิลปะจำนวนมากในยุคสมัยนี้ ซึ่งน่าสนใจว่าทำไมเป็นเช่นนั้น
10
เป็นไปได้ไหมว่า "ไม้บรรทัด" ในสังคมเราแข็งแรงและชัดเจนเสียจนไม่เปิดโอกาสให้เกณฑ์ความดีความงามความจริงของคนในแบบอื่นได้แสดงออกมา ทั้งในแง่ของเจนเนอเรชั่น เพศ ความคิดทางการเมือง ฯลฯ ซึ่งมีความหลากหลายมากไปกว่าสิ่งที่คนมีอำนาจอยากให้เป็นแค่หนึ่งเดียว
11
ครอบครัวก็เป็น "อำนาจ" อีกรูปแบบหนึ่งที่กดทับลงบนบ่า เมื่อภพทะเลาะกับพ่อจนตัดขาดพ่อลูกกัน และทุกคนในบ้านก็อยู่ข้างพ่อ ทันใดนั้นภพก็เป็น "คนไร้บ้าน" ทันที เป็นเหตุผลให้เขาต้องเดินทางไปหา "ที่ของฉัน" ที่ที่รู้สึกว่าอยู่แล้วสบายใจ ที่ที่ยอมรับเขาในแบบที่เขาเป็น (แน่นอนว่าครอบครัวคนจีนก็ยิ่งทำให้ประเด็นเรื่องเพศซีเรียสมากขึ้นไปอีก)
12
ขณะที่ดิวยังตัดสัมพันธ์กับแม่ไม่ขาด จึงมีเยื่อใยที่จะทนอยู่ต่อไปในสถานที่เดิม ยังมีบางสิ่งที่รู้สึก belong to
13
ผมดูหนังเรื่องนี้ตอนโตแล้ว ทำให้ย้อนคิดกลับไปว่าผมเคยเป็นคนหนึ่งในสมัยมัธยมที่ชอบแซวเพื่อน LGBTQ ยิ่งดูก็ยิ่งเข้าใจว่าอำนาจแห่งไม้บรรทัดนั้นมีผลต่อมุมมองของเราที่มีต่อเพื่อนร่วมสังคมมากน้อยแค่ไหน และมันไม่ใช่แค่เรื่องเพศเท่านั้นหรอก
14
และนั่นคือคุณูปการของหนังเรื่องนี้ มันทำให้เราเห็น "ข้างใน" ของคนที่เราเคยตัดสินเขาอยู่ไกลๆ โดยไม่เข้าใจอะไรเขาเลย สิ่งที่หนังเก่งมากคือสามารถทำให้เราเอาใจช่วยกรณีที่ข้ามเส้นศีลธรรมของไม้บรรทัดในใจซึ่งสร้างโดยมาตรฐานสังคมอย่างความสัมพันธ์ของครูกับศิษย์ชั้นมัธยมได้
15
ที่เราหย่อนเกณฑ์ตัดสินถูก-ผิด ดี-ชั่วลงก็เพราะเรามองเห็นเหตุผลของ "มนุษย์" สองคนที่รักกันอย่างมาก (ขนาดข้ามภพช้ามชาติ) ซึ่งเป็นความท้าทายมหึมาที่หนังพาผมก้าวข้ามไปได้ และรู้สึกเอาใจช่วยในสิ่งที่ถ้าคิดด้วยสมองคงไม่มีวันคล้อยตาม แต่หนังชวนให้เราใช้หัวใจในการมองความสัมพันธ์นี้
16
สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างดูหนังเรื่องนี้คือ ผมค่อยๆ เปลี่ยนโหมดจากการใช้ความคิดไปเป็นการใช้ความรู้สึก ค่อยๆ เปลี่ยนสถานะจาก "ผู้พิพากษา" ไปเป็น "เพื่อนมนุษย์" และได้เห็นว่าเราไม่ควรใช้ไม้บรรทัดใดๆ วางทาบลงบนชีวิตของใครอื่นที่ไม่มีวันเหมือนเรา, และมนุษย์ไม่มีวันเหมือนกัน
17
ฉากซาบซึ้งใจที่สุดคือตอนที่ครูใหญ่ประจำโรงเรียนมาพูดกับภพครั้งสุดท้ายเมื่อโดนไล่ออกจากคลิปหลุดที่ถูกถ่ายขณะกอดกับลูกศิษย์ เปล่าเลย, ผมไม่ได้น้ำตาไหลเพราะคำพูดซึ่งเป็นวรรคทองของเรื่องที่ว่า "อย่าให้บาดแผลในอดีตมาขัดขวางการเติบโตของเรา" แต่ผมร้องไห้เมื่อได้เห็น "อำนาจ" มองมาด้วยความเข้าใจ และโอบกอดคนคนนั้นอย่างยอมรับในตัวตนที่เขาเป็น, สิ่งนั้นคือ "เสรีภาพ" ของชีวิตที่ปลดล็อกปมแน่นภายในใจของ "ผู้ที่หวาดกลัวและต้องใช้ชีวิตภายใต้อำนาจ" มาโดยตลอดอย่างภพ ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามเหลือเกิน
18
เมื่อ "อำนาจ" ไม่ใช้ไม้บรรทัดที่ตัวเองคิดว่าถูกต้องดีงามวางทาบเพื่อตัดสินคนอื่น เราอาจหาวิธีอยู่ร่วมกันได้โดยได้เรียนรู้ความสวยงามที่หลากหลายซึ่งกันและกัน เมื่อมีเสรีภาพที่จะเป็น ที่จะคิด ที่จะทำในแบบเรา "อำนาจ" ก็จะกลับมาอยู่ในตัวเราในการตัดสินใจดำเนินชีวิต และที่แห่งนั้นจะเป็นของเรา, วินาทีที่ครูใหญ่กอดภพ ผมรู้สึกว่าตรงนั้นแหละที่ภพได้เจอ "ที่ของฉัน"
19
"ที่ของเรา" จึงเป็นสถานที่ลับซุกซ่อนในหุบเขาไกลผู้คน ณ ที่แห่งนั้นเราจะได้เป็นตัวเราจริงๆ เราจะเป็นใครก็ได้ รักใครก็ได้ พูดอะไรกันก็ได้ คนเราจำเป็นต้องมีที่แบบนี้อยู่ในโลกใบนี้ และที่แบบนี้จะสมบูรณ์ที่สุดตอนที่มีอีกอย่างน้อยหนึ่งคนที่จะ "ไปด้วยกัน" คนคนนั้นเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้เราได้เป็นในแบบที่เราเป็นจริงๆ
20
ความรู้สึกไม่ belong to อาจเกิดจากความคาดหวังของคนรอบตัวอันนำมาซึ่งความกดดันในตัวเองให้ต้องเป็นไปตามที่สังคมคาดหวัง ทั้งเรื่องการใช้ชีวิต ความสำเร็จ ตัวตน ฯลฯ หันไปทางไหนก็เจอแต่ "ไม้บรรทัด" ไม่มี "พื้นที่ปลอดภัย" ให้เราได้เป็นอย่างใจเลย เราอยู่ภายใต้ "อำนาจ" ที่มาในรูปแบบความคาดหวังให้เราเป็นนู่นนี่ตลอดเวลา เราเก็บความรู้สึกต่อต้านไว้ภายใน ปวดร้าว ไม่มีคนเข้าใจ สุดท้ายก็กลายเป็นบาดแผลเรื้อรังนำมาซึ่งโรคร้ายของจิตใจ
21
"ดิว, ไปด้วยกันนะ" พาเราเที่ยวท่องไปในหัวใจของตัวละครสองคนที่เสาะแสวงหาพื้นที่ปลอดภัยที่จะได้เป็นตัวเอง ขณะเดียวกันมันก็พาเราเข้าไปสำรวจหัวใจของเราที่โหยหาพื้นที่นั้นเช่นกัน
22
อะไรทำให้เราลุ่มหลง "ความรัก" กันมากมายขนาดนั้น ถึงที่สุดแล้ว "ความรัก" มันคือการยอมรับ เข้าใจ และให้อภัยในทุกสิ่งที่อีกคนหนึ่งเป็น มันคือ "บ้านของหัวใจ" ที่ให้เรากลับไปพำนักได้ทุกเมื่อในวันที่โลกทั้งใบไม่เข้าใจหรือกระทั่งเกลียดชังเรา
23
เราจึงหลงรัก "ความรัก" เราจึงต้องการมันอย่างโหยหา เพราะต่อหน้าคนที่รักเราเท่านั้นที่เราจะรู้สึกได้ถึงเสรีภาพแห่งชีวิตอย่างแท้จริง
24
หากเราจะรักเพื่อนมนุษย์ สิ่งที่ทำได้คือหัก "ไม้บรรทัด" ส่วนตัวในใจของตัวเองเสียเถิด เลิกหยิบไม้บรรทัดไปเที่ยวตัดสินคนอื่นว่าควรทำตัวอย่างไร ดำเนินชีวิตอย่างไร เพราะทุกครั้งที่ทำเช่นนั้น เรากำลังทำให้คนคนนั้นเป็นทุกข์และกดดัน โดยเราอาจไม่รู้ตัวเลยว่าที่เราชอบตัดสินคนอื่นก็เพราะเราโดนตัดสินมาทั้งชีวิต เมื่ออยู่ในสถานะที่มีอำนาจมากกว่าเราจึงตัดสินพิพากษาคนอื่นบ้าง และที่ใดมีการตัดสินจากไม้บรรทัดส่วนตัว ที่แห่งนั้นไม่มีความรัก
25
การโดดสะพานลงไปโดยไม่รู้ว่า "ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร" ของภพและหลิวในตอนท้ายเรื่องคือสิ่งสะท้อนความรู้สึก "ไม่มีที่ไป" ในโลกไร้รักจากคนรอบข้าง "ขอแค่ได้ไปจากที่นี่" คือความรู้สึกของคนที่มองไม่เห็นว่าจะสร้างความรักให้เกิดขึ้นได้อย่างไรอีก นั่นเป็นความเศร้าขั้นสุดในโลกมนุษย์ที่ชอบตัดสินพิพากษาด้วยความถูกต้องดีงามตามที่ตนเห็นว่าดี โดยไม่เปิดพื้นที่ให้เสรีภาพและความรักในหัวใจ
26
การโดดบันจี้จั๊มพ์โดยปลดล็อกอุปกรณ์เกี่ยวข้อเท้าแล้วทิ้งตัวลงสู่อากาศว่างเปล่าเบื้องล่างนั้นไม่ต่างจากสัญลักษณ์ของการปลดตัวเองออกจาก "อุปกรณ์เซฟตี้" ที่สังคมสร้างขึ้นมาว่า ถ้าเป็นแบบนี้จะปลอดภัย แต่ทั้งคู่เลือกแล้วว่าพอกันทีกับ "ความปลอดภัยที่ไม่ได้เป็นในสิ่งที่ฉันเป็น" ความปลอดภัยที่ไม่มีความรัก ว่าแล้วก็ปล่อยตัวเองร่วงหล่นไปสู่ชะตากรรมปลายเปิดอย่างเสรี กับอนาคตที่มิอาจล่วงรู้
27
ว่าแต่, การจะมีเสรีภาพ เราต้องแลกด้วยชีวิตเลยหรือ?
...
#ดิวไปด้วยกันนะ
เครื่องแบบ 在 ไอวิลเลียม - I William Youtube 的精選貼文
ก่อนที่ผมสมัครเป็นทหารผมก็งงมากกับเครื่องแบบทหาร ตอนนั้นผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก ในคลิปนี้ผมจะพยายามอธิบายให้คุณเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับเครื่องแบบของทหารอเมริกันครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
Facebook ► facebook.com/iwilliamsiam
Instagram ► iwilliamsiam
Twitter ► https://twitter.com/iwilliamsiam
Email ► hoksatang@gmail.com
Patreon ► patreon.com/iwilliamsiam
ถ้าอยากส่งอะไรทางไปรษณีย์โปรดส่งอีเมลก่อนครับ แล้วผมจะให้ที่อยู่ ผมไม่มีตู้ไปรษณีย์ที่เกาหลีและผมไม่อยากแจกที่อยู่ให้ทุกคนในอินเตอร์เนต เผื่อถ้ามีคนเกาเหนืออยากมาหาผมที่บ้าน 555
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
อุปกรณ์
กล้อง 1► https://www.amazon.com/PANASONIC-Mirrorless-12-60mm-Megapixels-DMC-G85MK/dp/B01M050N05/ref=sr_1_3?ie=UTF8&qid=1514801969&sr=8-3&keywords=g85
กล้อง 2 ► https://www.amazon.com/Canon-Rebel-Digital-Body-Only/dp/B00T3ERFFW
กล้อง 3 ► https://shop.gopro.com/APAC/refurbished/refurbished-hero4-black/CHDNH-B11.html
เลนส์ 1 ► https://www.amazon.com/Canon-50mm-1-8-STM-Lens/dp/B00X8MRBCW/ref=sr_1_1?s=electronics&ie=UTF8&qid=1491104627&sr=1-1&keywords=50+mm+canon+lens+1.8
เลนส์ 2 ► https://www.amazon.com/Canon-8114B002-18-55mm-Certified-Refurbished/dp/B00L9IRHU8/ref=sr_1_5?s=electronics&ie=UTF8&qid=1491104673&sr=1-5&keywords=canon+lens+18-55mm
ไมค์ ► https://www.amazon.com/Rode-VMGO-Lightweight-Microphone-Super-Cardio/dp/B00GQDORA4/ref=sr_1_1?s=electronics&ie=UTF8&qid=1491104712&sr=1-1&keywords=rode+go
โดรน ► http://www.dji.com/mavic?site=brandsite&from=nav
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
#iwilliam #ทักษะทหาร #เครื่องแบบ
เครื่องแบบ 在 feelthai Youtube 的精選貼文
เครื่องแบบ cessna caravan ร่อนลงจอดที่สนามบินเชียงใหม่
เครื่องแบบ 在 AskWhole TV Youtube 的精選貼文
คำถามนี้จากผู้ชมฝากมา ขอโทษด้วยครับที่ทำการบ้านให้ช้าเพราะช่วงนี้มีงานมาแทรกทั้งเดือนเลย ใครอยากให้เราถามเรื่องอะไรเม้นไว้ใต้คลิปนี้เลยนะครับ
-------------------------------------------------------------------------------------------------
ติดตามพวกเราได้ที่ : https://www.facebook.com/AskwholeTV
ติดต่อโฆษณา : askwholetv@gmail.com
เครื่องแบบ 在 เครื่องแบบชุดนักเรียน ประเทศไหนบังคับใส่ชุดนักเรียนอยู่บ้าง? | ลองเล่า 的推薦與評價
... เครื่องแบบ ชุดนักเรียน #ไม่ยอมใส่ชุดนักเรียน อย่าลืม! กด "Subscribe" เพื่อติดตามได้ที่ https://www.youtube.com/user/springnewsonline ... ... <看更多>
เครื่องแบบ 在 ชุดเครื่องแบบกากีที่ถูกระเบียบและการติดเครื่องหมาย - #EP1 的推薦與評價
ชุด เครื่องแบบ กากีที่ถูกระเบียบและการติดเครื่องหมาย #EP1 หลักสูตร บุคลิกภาพในงานราชการ ศิลปการวางตนของคนทำงานและการจัดพิธีการ Cr.วิทยากร อ.ธนกฤต โทร. 09... ... <看更多>
เครื่องแบบ 在 เจ้าบ่าวนอกเครื่องแบบ - เบียร์ พร้อมพงษ์【MV CUTDOWN】 的推薦與評價
เพลงแทนคำสัญญาจากผู้ชายธรรมดาๆ #เจ้าบ่าวนอกเครื่องแบบ MV เพลงที่ 5 จากอัลบั้มเสาหลักของบ้านแรงงานของนาย ของเบียร์ พร้อมพงษ์ เพลง : เจ้าบ่าวนอกเครื่องแบบ ศิลปิน ... ... <看更多>