"วัคซีนโควิดฉีดเด็ก ไฟเซอร์ vs ชิโนฟาร์ม"
สัปดาห์ก่อน ก็เคยโพสต์เรื่องนี้ไปทีนึงแล้ว (https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2276971732433448&id=100003619303769) แต่ก็ยังมีผู้ปกครองส่งมาถามกันเรื่อยๆนะครับว่า
จะเลือกฉีดวัคซีนโควิดอะไรให้ลูกหลานดี ?
ระหว่างฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (ที่รัฐบาลจัดหาให้ ได้รับการรับรองจาก อย. และราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยแล้ว )
กับ วัคซีนชิโนฟาร์ม (ที่ยังไม่ได้รับการอนุญาตจาก อย. แต่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ขออาสาสมัครเด็ก 1 แสนคนทั่วประเทศ มารวมการทดลอง)
ซึ่งขอตอบซ้ำอีกครั้ง สั้นๆ ว่า ผมใช้หลัก "ขอเลือกวัคซีนแบบที่อเมริกาฉีด" คือ mRNA วัคซีนของไฟเซอร์ (และอีกไม่นาน คงรวมถึงโมเดอร์น่าด้วย) ซึ่งผ่านการฉีดเด็กมาแล้วหลายล้านโดสทั่วโลก ... ในขณะที่เพื่อนหมอบางคนเขาเลือกวัคซีนเชื้อตาย อย่างชิโนฟาร์ม มากกว่า เพราะน่าจะปลอดภัยกว่า
วันนี้อ่านเจอข่าวให้สัมภาษณ์ของคุณหมอเฉลิมชัย (นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา) ชี้แจงไว้ค่อนข้างละเอียดดี ก็ลองเอาเป็นแนวทางในการตัดสินใจกันดูนะครับ
-------
(รายงานข่าว)
1. ถาม : ถ้าไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด แล้วไปโรงเรียน จะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อมากน้อยเพียงใด
ตอบ : มีความเสี่ยงค่อนข้างมาก แต่ถ้านักเรียนรวมทั้งคุณครูและบุคลากรฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมาก นักเรียนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนก็จะมีโอกาสติดเชื้อน้อยลง
2. ถาม : ถ้าเด็กนักเรียนติดเชื้อแล้ว จะมีอาการรุนแรงมากน้อยเพียงใด เสี่ยงต่อการเสียชีวิตหรือไม่
ตอบ : เด็กเมื่อติดเชื้อแล้ว มักจะไม่แสดงอาการ ในส่วนน้อยที่แสดงอาการก็ไม่ค่อยรุนแรง และมีเด็กที่เสียชีวิตจากโควิดน้อยมาก
เมื่อเทียบกับผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัวจะเสียชีวิต 90-95% ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด ส่วนอายุน้อยกว่า 60 ปีไม่มีโรคประจำตัว เสียชีวิตเพียง 5-10% ส่วนในเด็กเสียชีวิตน้อยมากไม่ถึง 1%
3. ถาม : วัคซีนชนิดใดมีความปลอดภัยเหมาะสมที่จะฉีดในเด็กบ้าง
ตอบ : วัคซีนทุกชนิดที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาไทย (อย.) ถือว่ามีความปลอดภัยที่จะฉีดได้ทั้งสิ้น
4. ถาม : วัคซีนที่ได้รับการอนุมัติแล้วให้ฉีดในเด็กได้ มีอะไรบ้าง
ตอบ : อย.ไทยได้อนุมัติแล้วสองชนิด สำหรับฉีดเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปคือ Pfizer กับ Moderna และอยู่ในระหว่างกำลังพิจารณาอนุมัติให้กับ Sinopharm
ในระดับโลก อนุมัติให้ฉีด Pfizer และ Moderna ในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปได้
ส่วนที่ประเทศจีนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้มีการให้ฉีดวัคซีนเชื้อตายคือ Sinopharm ในเด็กอายุตั้งแต่สามขวบขึ้นไป
ส่วนคิวบา อนุมัติให้ฉีดวัคซีนโปรตีนเป็นฐานตั้งแต่สองขวบขึ้นไป
5. ถาม : วัคซีนที่อนุมัติแล้วให้ฉีดในเด็กได้ มีข้อมูลความปลอดภัยหรือผลข้างเคียงเป็นอย่างไรบ้าง
ตอบ : Sinopharm ซึ่งเป็นวัคซีนเทคโนโลยีเชื้อตาย มีแนวโน้มที่จะสร้างความสบายใจมากกว่า เพราะใช้ผลิตวัคซีนในเด็กมานานนับ 10 ปี เช่น ไอกรน โปลิโอ ตับอักเสบ ไข้หวัดใหญ่ และการฉีดในเฟสหนึ่งและสองที่ประเทศจีน รวมทั้งเฟสสามในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก็พบว่าปลอดภัยดี
ส่วนวัคซีน Pfizer ซึ่งเป็น เทคโนโลยี mRNA ณ ปัจจุบัน ก็ถือว่าปลอดภัยในการฉีดเด็ก แต่ในระยะยาวนานนับปี ยังจะต้องติดตามผลเรื่องความปลอดภัยหรือผลข้างเคียงกันต่อไป
6. ถาม : วัคซีนของ Pfizer ที่ฉีดในเด็กอายุ 12-17 ปีแล้วนั้น มีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง
ตอบ : วัคซีน Pfizer ถือว่ามีผลข้างเคียงในเด็กค่อนข้างน้อย สามารถฉีดได้ แต่ในผลข้างเคียงที่รุนแรงแม้พบน้อยมากที่ควรสนใจประกอบด้วย
กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ในทุกอายุพบ 12.6 รายต่อ 1 ล้านโดส โดยในเด็กจะพบมากกว่าในผู้ใหญ่ตั้งแต่ 1.2-27.3 เท่า โดยในเด็กชายจะพบมากกว่าเด็กหญิง 7.7 เท่า และพบในวัคซีน Pfizer พบมากกว่า Moderna 2.5 เท่า เด็กอายุ 12-15 ปี พบกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ 21 รายต่อ 1 ล้านโดส อายุ 16-17 ปี พบ 34 รายต่อ 1 ล้านโดส แพ้รุนแรงแบบช็อก (Anaphylaxis) พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 19 เท่าหรือ 95% และพบใน Pfizer มากกว่า Moderna ประมาณสองเท่า คือ 4.7 ราย เทียบกับ 2.5 ราย ต่อ 1 ล้านโดส
7. ถาม : วัคซีน Sinopharm มีผลข้างเคียงมากน้อยอย่างไร
ตอบ : ยังไม่มีตัวเลขรายงานทางวิชาการอย่างเป็นทางการ แต่จากกรณีศึกษาทั้งในประเทศจีนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พบว่ามีความปลอดภัยดี และมีประสิทธิผลในการป้องกันโรคสูง
8. ถาม : ขณะนี้ประเทศไทยมีวัคซีนที่พร้อมฉีดในเด็กและได้รับการอนุมัติแล้วกี่ตัว
ตอบ : วัคซีนที่พร้อมฉีดและได้รับการจดทะเบียนแล้วคือ Pfizer ส่วนที่ได้รับการอนุมัติแล้ว กำลังรอวัคซีนเข้ามาคือ Moderna และวัคซีนที่มีพร้อมฉีดและกำลังรอการอนุมัติจาก อย.คือ Sinopharm
9. ถาม : จากข้อมูลทั้งหมด ควรตัดสินใจอย่างไรดี
ตอบ : จากข้อมูลทั้งหมด คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองก็พอจะประเมินได้ว่า ครอบครัวของท่านเป็นผู้ที่ให้น้ำหนักความกังวลต่อผลข้างเคียงของวัคซีนมาก หรือความกังวลต่อการติดเชื้อแล้วมีอาการรุนแรงมาก ซึ่งแต่ละครอบครัว ก็คงจะแตกต่างกันไป และในครอบครัวที่ตัดสินใจจะฉีดวัคซีน ก็คงต้องพิจารณาระหว่าง Pfizer ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ส่วน Sinopharm อยู่ระหว่างกำลังอนุมัติ
ข่าวจาก
同時也有9部Youtube影片,追蹤數超過11萬的網紅ลงทุนแมน,也在其Youtube影片中提到,บทสรุปเส้นทาง บริษัทเทคโนโลยีจีนใน 4 ยุค ยุคที่ 1 : 1994-2000 ยุคก่อร่างสร้างฐาน ยุคที่ 2 : 2001-2008 ยุคแผ่ขยาย กลายเป็นอาณาจักร ยุคที่ 3 : 2009-20...
「เทคโนโลยี ปัจจุบัน」的推薦目錄:
- 關於เทคโนโลยี ปัจจุบัน 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的精選貼文
- 關於เทคโนโลยี ปัจจุบัน 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於เทคโนโลยี ปัจจุบัน 在 อ้ายจง Facebook 的最佳貼文
- 關於เทคโนโลยี ปัจจุบัน 在 ลงทุนแมน Youtube 的最佳解答
- 關於เทคโนโลยี ปัจจุบัน 在 BorntoDev Youtube 的最讚貼文
- 關於เทคโนโลยี ปัจจุบัน 在 Bie The Ska Youtube 的最佳解答
- 關於เทคโนโลยี ปัจจุบัน 在 บริบทเทคโนโลยีและนวัตกรรมไทยทั้งปัจจุบันและอนาคต คิดเพื่อชาติ ... 的評價
- 關於เทคโนโลยี ปัจจุบัน 在 คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยกรุงเทพ 的評價
เทคโนโลยี ปัจจุบัน 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
‘SASOM’ สตาร์ตอัพไทยกับความสำเร็จของดีลระดมทุนในเกาหลี
SASOM x ลงทุนแมน
ใครที่ทำธุรกิจ หรือดูซีรีส์เกาหลีที่เคยเป็น Talk of the Town อย่าง Start-Up
คงพอเห็นภาพว่า การจะเริ่มต้นทำธุรกิจ Startup ให้ประสบความสำเร็จนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะขั้นตอนการระดมทุนหรือ Funding
ซึ่งแผนธุรกิจจะต้องสามารถดึงดูด และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
เพื่อให้ได้ผู้สนับสนุน พร้อมเม็ดเงินลงทุน ที่จะทำให้โครงการในแผน กลายเป็นธุรกิจในโลกความจริง
รู้หรือไม่ว่า ตอนนี้มี Startup ไทยที่ไปไกลถึงขั้นระดมทุนในระดับ Pre-Series A จากบริษัทในเครือ Naver ที่เป็นบริษัทแม่ของ LINE Corporation แล้ว
Startup รายนี้เป็นใคร แล้วระดับ Pre-Series A คืออะไร ?
‘SASOM’ (สะสม) เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายของสะสมแบรนด์เนมและของหายาก
เปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 โดยทีมผู้ก่อตั้งเกิดแรงบันดาลใจในการพัฒนาแพลตฟอร์ม หลังกลับจากเรียนต่อในต่างประเทศ แล้วพบว่า ประเทศไทยยังไม่มีแพลตฟอร์มการซื้อขายของสะสม ทำให้คนไทยที่อยากซื้อหรืออยากขาย ของสะสมแบรนด์เนมหรือของหายาก ก็ต้องใช้บริการเว็บไซต์ต่างประเทศ
ซึ่งแน่นอนว่ามีขั้นตอนที่ยุ่งยาก มีค่าใช้จ่ายด้านภาษีหรือการนำเข้า แถมยังใช้เวลานาน
ที่สำคัญ ถ้าซื้อใน Social Media ก็เสี่ยงที่จะเจอสินค้าลอกเลียนแบบอีกด้วย
สิ่งเหล่านี้ เป็น Pain Point ที่ SASOM เล็งเห็น และตั้งใจพัฒนาแพลตฟอร์มให้ออกมาตอบโจทย์ โดยจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางหรือ Community ในการซื้อขาย
ภายใต้คอนเซปต์ “Next Generation Platform for Authentic Luxurious Transactions”
หรือการเป็นแพลตฟอร์มยุคใหม่ สำหรับซื้อขายของสะสมแบรนด์เนมหรือของหายาก
ปัจจุบัน SASOM ให้บริการในรูปแบบเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน โดยเป็นแหล่งรวบรวมสินค้ามือใหม่และมือสองกว่าหมื่นรายการ ทั้งในรุ่นยอดนิยม และรุ่น Limited Edition ที่มีเพียงไม่กี่ชิ้นบนโลก ตั้งแต่ราคาหลักพัน ถึงหลักล้าน
มีสินค้าหลายประเภท ทั้งรองเท้านักกอล์ฟ Sneaker Nike, Jordan, Adidas, Yeezy จนถึงของสะสมหายาก อย่างงานศิลปะ อัลบั้มเพลง และโมเดลของเล่น BE@RBRICK ที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่ม Millennial เเละ Gen Z
ซึ่งสินค้าเหล่านี้ โดยเฉพาะรุ่นที่มีจำนวนจำกัดหรือเป็น Limited Edition นั้น
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนในระดับที่น่าสนใจ ไม่แพ้การลงทุนอื่น ๆ
และอีกส่วนที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ หมัดเด็ดที่ทำให้ SASOM ประสบความสำเร็จ
นั่นคือการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อว่า สินค้าทุกชิ้นเป็นของแท้ 100%
โดยจะมีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยตรวจสอบสินค้าที่ลงประกาศอย่างละเอียด แล้วติดป้ายสัญลักษณ์เพื่อเป็นการรับประกัน และมีบริการก่อนและหลังการขาย ไม่ว่าจะเป็นการโปรโมตสินค้า บริการลูกค้าสัมพันธ์ การให้ข้อมูลที่เป็นราคากลาง
นอกจากนี้ SASOM ยังพัฒนา Price Chart ฟีเชอร์ใหม่ล่าสุด ที่รวบรวมข้อมูลราคาซื้อ-ขาย ทำให้สามารถประเมินราคาและมูลค่าของสินค้า เพื่อประกอบการตัดสินใจ
และในอนาคต ก็มีแผนจะนำระบบ AR (Augmented Reality) เข้ามาใช้ เพื่อพัฒนาการให้คำแนะนำแก่ลูกค้าอีกด้วย เรียกได้ว่า เป็นการเพิ่มโอกาสให้กับคนไทยได้เสนอขายหรือซื้อสินค้าที่เป็นของสะสมกับชาวต่างชาติ บนจุดนัดพบแห่งใหม่
ปัจจุบัน SASOM มียอดขายสินค้าเฉลี่ยเดือนละกว่า 10 ล้านบาท และมีเป้าหมายเพิ่มยอดขายเป็นเดือนละ 30 ล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้
โดยจะเน้นการขยายฐานผู้ซื้อ ผู้ขาย และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักของกลุ่มนักลงทุนของสะสมในไทยและต่างประเทศ
จากความโดดเด่นของแพลตฟอร์ม ทำให้ Startup อย่าง SASOM สามารถสร้างความเชื่อมั่น และประสบความสำเร็จในการระดมทุนระดับ Pre-Series A
ซึ่งเป็นการระดมทุนในระดับที่ 2 จาก 5 ระดับ ของธุรกิจ Startup โดยในขั้นนี้ ธุรกิจจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างชัดเจน และมีศักยภาพที่จะพัฒนาให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น
จากจำนวนผู้ประกอบธุรกิจ Startup ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ปัจจุบันการระดมทุนที่ประสบความสำเร็จในระดับนี้ ถือว่ามีจำนวนไม่มากนัก โดยผู้มาลงทุนกับ SASOM ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับเอเชีย
อย่าง Kream Corporation ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ในเครือ Naver หรือที่หลายคนรู้จักว่า เป็นบริษัทแม่ของ LINE Corporation
ถือเป็น Startup ไทยรายแรก ๆ ที่สามารถระดมทุนจากบริษัทแนวหน้าในเกาหลีใต้ ทำให้มีมูลค่ากิจการเพิ่มขึ้นเป็น 140 ล้านบาท และมีเงินทุนไปพัฒนาแพลตฟอร์ม ให้เข้าถึงและรองรับจำนวนผู้ซื้อและผู้ขายได้มากขึ้น
โดย SASOM จะจับมือเป็นหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner) กับ Kream Corporation
เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้ และเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยี Machine Learning ที่นำมาใช้เรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้งาน ระบบ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ที่ใช้ในการตรวจสอบสินค้า
ไม่เพียงเท่านี้ ในปีหน้า SASOM ยังมีแผนระดมทุนต่อเนื่องกับทาง Kream Corporation ในระดับ Series A ที่เป็นระดับสูงขึ้น
เพื่อยกระดับจากธุรกิจ Startup เป็นบริษัทชั้นนำ และก้าวสู่การเป็น The Collectors Paradise of Asia หรือสวรรค์ของนักสะสมแห่งเอเชีย ที่สามารถเทียบชั้นกับแพลตฟอร์มซื้อขายของสะสมและของหายากในระดับโลก
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://sasom.co.th
Reference
- Press Release Sasom
เทคโนโลยี ปัจจุบัน 在 อ้ายจง Facebook 的最佳貼文
เปิดประเด็นข้อเท็จจริง “จริงหรือไม่? อเมริกาและประเทศพันธมิตร ไม่อนุญาตให้คนจีนไปเรียนอีกต่อไป"
.
จริงๆมีคนถามมาตั้งแต่เมื่อวันก่อน และตอบไปในข้อความส่วนตัวแล้ว ถึงกรณีมีการโพสต์เนื้อหาบนโลกโซเชียลว่า "อเมริกา และหลายประเทศในยุโรปแบนนักศึกษาจีน" เลยอยากเขียนถึงเรื่องนี้สักหน่อย เผื่อเป็นข้อมูลสำหรับทุกคนในพิจารณาข้อเท็จจริงครับ
.
1. อเมริกาไม่ได้ "ห้าม" หรือ "ไม่อนุญาต" นักศึกษาจีนเข้าไปเรียนที่อเมริกาอีกต่อไป เหมือนกับที่มีการเขียนโพสต์ออกมาและแชร์ไปเป็นจำนวนมากก่อนหน้านี้ ยังคงมีนักศึกษาจีนได้รับการตอบรับเพื่อเข้าเรียนในอเมริกา และเริ่มเดินทางไปยังอเมริกาแล้วโดยเฉพาะเดือนสิงหาคมนี้ หลังจากอเมริกาผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดในการขอวีซ่าและเดินทางเข้าอเมริกา โดยอนุญาตให้นักเรียนจีนเดินทางเข้าอเมริกาได้ สำหรับโปรแกรมการศึกษาที่จะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2021 เป็นต้นไป มีเงื่อนไข “เดินทางเข้าอเมริกาล่วงหน้า ไม่เกิน 30 วัน ของเวลาเปิดเทอม - เริ่มคอร์ส”
.
แต่ต้องยอมรับว่า "มีข้อจำกัดมากขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น จากวิกฤติโควิด ค่าตั๋วค่าเดินทางแพงขึ้น ตามข้อมูลจาก SCMP (South Morning China Post) สื่อเอกชนที่รายงานเรื่องจีน นำเสนอสกู๊ป "The high price Chinese students pay for university in the US during the Covid-19 pandemic" เผยแพร่ 21 สิงหาคม 2564 ระบุ "ค่าตั๋วเครื่องบินจากจีนเข้าอเมริกา ราคาสูงมากทีเดียว ตัวอย่างเช่น ตั๋วเที่ยวเดียวจากปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้ ไปยังปลายทางมหานครนิวยอร์ก บอสตัน หรือเมืองใหญ่อีกหลายเมืองในอเมริกา ต้องจ่ายเงินสูงถึงราว 20,000 หยวน ( ประมาณ 1 แสนบาท)"
.
2. เรื่องของการเมือง มีผลกระทบจริงต่อการเรียนต่อในอเมริกาของนักเรียนนักศึกษาจีน แต่ยังสามารถไปได้อยู่ ไม่ใช่ ห้าม 100% ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น โดยในบทความของ SCMP (ที่อ้างอิงข้างบน) ยังระบุคำสัมภาษณ์นักศึกษาจีน
“ความสัมพันธ์ของสองประเทศยังคงมีปัญหา และกระแสชาตินิยมในจีนยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ การตัดสินใจเรียนต่อในอเมริกาไมใช่เรื่องง่ายเลย แต่หวังว่าจะคุ้มค่ากับเงินและอุปสรรคปัญหาต่างๆที่เจอ”
.
3. ตั้งแต่ช่วงสงครามการค้าจีนอเมริกาอย่างหนักเมื่อช่วงปี 2019 อเมริกาได้ประกาศแบนหลายสินค้าและบริษัทของจีน อย่างเช่น Huawei ซึ่งไม่เว้นแม้แต่สถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัยในจีนที่โดนแบนไปทั้งหมด 6 แห่ง (รวมถึงมหาวิทยาลัยที่อ้ายจงเรียนจบมา) โดยล้วนเกี่ยวข้องกับสายเทคโนโลยีและวิศวกรรมของจีน มีชื่ออยู่ในบทความของสื่อจีน South China Morning Post เมื่อปี2015 ว่า เป็น TOP5 มหาวิทยาลัยจีนที่ทำโปรเจคลับและสำคัญสุดๆให้แก่จีน
.
ในฐานะที่เป็นศิษย์เก่าสถาบันที่มีอยู่ในรายชื่อแบนของอเมริกา ผมจึงสอบถามไปยังเพื่อนคนจีนที่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัยแห่งนั้น โดยรับคำตอบว่า “เคยมีเหมือนกันที่อาจารย์ เจ้าหน้าที่ นักศึกษาปัจจุบัน และศิษย์เก่า รู้สึกว่า “ขอวีซ่าเข้าอเมริกายากขึ้นจริง”
.
4. ปี 2020 อเมริกาประกาศ “แบนและยกเลิกวีซ่านักศึกษาแก่นักศึกษาจีน” อย่างน้อย 2 รอบ สืบเนื่องมาตั้งแต่ความขัดแย้งทางการค้าในสงครามการค้าสองประเทศ โดยเหตุผลที่ยกเลิกวีซ่า อเมริกายกเหตุผล “นักศึกษาจีนเหล่านี้ มีความเกี่ยวข้องกับทางการทหารจีน และขโมยข้อมูลสำคัญของทางอเมริกาไปให้แก่ทางจีน” คาดว่ามีนักศึกษาจีนได้รับผลกระทบอย่างน้อย 3,000 – 5,000 คน จากจำนวนนักศึกษาจีนทั้งหมดที่เรียนในอเมริกาช่วงปีการศึกษา 2019-2020 372,000 คน คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของนักศึกษาต่างชาติหลักล้านคนในอเมริกา (อ้างอิงตัวเลขจาก China Daily สื่อจีน)
.
มีนักศึกษาจีนบางคนที่โดนแบนให้สัมภาษณ์กับสื่อ อย่างเช่น นักศึกษาหนุ่มจีนนาม “Dennis Hu” ให้สัมภาษณ์ต่อ CNN ว่า “เดินทางกลับจากอเมริกาไปยังบ้านในประเทศจีน เพื่อฉลองตรุษจีน (ช่วงจีนเกิดระบาดโควิด) และจะกลับไปต่อวีซ่าอเมริกา เพื่อกลับไปทำปริญญาเอกทางด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ให้จบ แต่ปรากฏว่าเขาเป็น 1 ในนักศึกษาจีนนับพันคนที่โดนแบนวีซ่า ไม่ให้กลับไปศึกษาต่อในอเมริกา และแน่นอนว่า เขาก็เหมือนกับทุกคนที่โดนแบน ยืนยัน ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆหรือเป็นสายลับให้กับรัฐบาลจีน”
.
5. เรื่องราวของความขัดแย้งทางการค้าและการเมือง ส่งผลกระทบต่อการไปเรียนอเมริกาของคนจีนมาสักพักใหญ่ๆแล้ว แต่ไม่ได้เป็นการแบนแบบหว่านแห ทุกมหาวิทยาลัย ทุกคน
“เหตุผลหลักๆมาจากประเด็นความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ การเกรงกลัวว่าข้อมูลสำคัญจะหลุดรั่วไหลไปยังรัฐบาลจีนและกองทัพจีน ผ่านทางนักเรียนนักศึกษาและนักวิจัยจีน โดยเฉพาะทางสายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ หรือเรียกรวมว่า STEM
.
บทความบนเว็บไซต์ Global Times สื่อกระบอกเสียงจีน ที่เผยแพร่เมื่อกรกฎาคมปีนี้ (2021) รายงานข้อมูล “ปัจจุบัน อเมริกาปฏิเสธวีซ่าแก่นักเรียนจีนที่ตั้งใจจะไปเรียนทางสาย STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์) มากกว่า 500 คน”
.
6. อีกหนึ่งบทความบนเว็บไซต์ Global Times เมื่อพฤษภาคม 2021 Global Times รายงานข้อมูลจาก Gewai Education บริษัทแนะแนวศึกษาต่ออเมริกา ซึ่งเผยข้อมูลการขอวีซ่าอเมริกาของนักเรียนจีนจำนวนหนึ่งโดนปฏิเสธ เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงอยู่ในหน่วยงานเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศจีน รวมถึง หน่วยงานปราบปรามคอรัปชั่นและตรวจคนเข้าเมือง
.
7. จากมาตรการของประเทศสหรัฐอเมริกา เข้มงวดเรื่องวีซ่าแก่นักเรียนนักศึกษาจีน รวมถึงนักวิจัยจีน ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัยและความมั่นคง เคยมีการนำเสนอข่าวออกมาโดยสื่อต่างประเทศเหมือนกันว่า ประเทศพันธมิตรของอเมริกาบางประเทศ มีการดำเนินนโยบายคล้ายๆกันนี้ อย่างเช่น ญี่ปุ่น ตามการรายงานข่าวของ The Straits Times
.
และ แคนาดา ก็เคยมีการเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยแคนาดา ระมัดระวังการทำวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยจีน เพราะข้อมูลอาจรั่วไหลไปถึงรัฐบาลจีน อย่างยิ่งทางการทหารจีน เป็นความวิตกกังวลและกลัวในประเด็นเดียวกันกับที่อเมริกาให้เหตุผลแบนวีซ่านักเรียนนักศึกษาและนักวิจัยจีน (ตามการรายงานของ CBC สื่อแคนาดา)
.
8. จีนตอบโต้นโยบายเข้มงวดแก่นักศึกษาจีนของอเมริกามาโดยตลอด ตั้งแต่ปี 2019 สงครามการค้าจีนอเมริกา รัฐบาลจีนออกประกาศเตือนประชาชนถึงการไปเรียนต่อและเที่ยวที่ประเทศสหรัฐอเมริกาให้ระมัดระวังในเรื่ิองของการขอวีซ่าที่มีข้อจำกัดมากขึ้น ให้ระยะเวลาอยู่ในอเมริกาลดน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะส่งผลโดยตรงต่อนักศึกษาจีนที่ต้องการไปเรียนต่อที่อเมริกา
.
9. ไม่ใช่อเมริกา “เพิ่มข้อจำกัดในการขอวีซ่าแก่ชาวจีน เพียงอย่างเดียว” ประเทศจีนเองก็เข้มงวดแก่ชาวอเมริกา อย่างเช่นเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2020 ทางการจีน ออกมาตรการ ‘เพิ่มข้อจำกัดในการออกวีซ่าแก่ชาวอเมริกัน ที่มีพฤติกรรมเชิงลบต่อเรื่องราวของจีนและฮ่องกง โดยในปี 2020 เป็นปีที่อเมริกายกเลิกวีซ่านักเรียนจีนหลักพันคน ตามการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญและสื่อต่างประเทศ อาทิ ABC News และ Wall Street Journal มองว่า “เบื้องลึกไม่ใช่ประเด็นความมั่นคงอย่างเดียว แต่เป็นการต่อต้านการออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่จีนนำไปใช้กับฮ่องกง”
.
10. การแก้ไขปัญหาสมองไหล-หัวกะทิ-ประชาชนผู้มีความสามารถไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ อย่างยิ่งในอเมริกา ให้กลับมายังประเทศจีน มีส่วนมาผลจากความขัดแย้งทางการเมืองและปัญหาทางการค้าจีนอเมริกา ทำให้คนจีนในอเมริกาเรียนจบ หรือทำงานในอเมริกาอยู่แล้ว ย้ายกลับจีนมากขึ้น แต่ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด เพราะจีนดำเนินนโยบายดึงดูดคนจีนเก่งๆให้กลับมาประเทศจีน ตั้งแต่ก่อนเกิดสงครามการค้าจีนอเมริกาและการขัดแย้งทางการเมืองอย่างหนัก
.
จากประสบการณ์จริงของอ้ายจง สมัยไปทำวิจัยที่เมืองซีอานปี 2014 ตอนนั้นที่แลปดีลกับมหาวิทยาลัยในอเมริกาและยุโรปเยอะมากในด้านทำการวิจัย
.
ภายใต้การร่วมมือแต่ละครั้ง ทางแลปและมหาวิทยาลัยจะดีลโดยตรงส่วนตัวกับอาจารย์-ศาสตราจารย์จีนที่ทำงานในอเมริกา ให้มาเป็นอาจารย์และนักวิจัยในมหาวิทยาลัยจีน โดยดึงดูดด้วยผลตอบแทนและโอกาสก้าวหน้าทางอาชีพ เพื่อให้คนเก่งหัวกะทิเหล่านี้มั่นใจว่า “คุ้มค่าในการกลับไปยังประเทศบ้านเกิดเมืองนอน” (อ่านบทความเต็มที่ผมเคยเขียนเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสมองไหลของจีน ได้ที่ https://www.blockdit.com/posts/60785b284bbb3e0c2e04f976)
.
#สรุป อเมริกาและประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศพันธมิตรของอเมริกา มีข้อจำกัดในการให้วีซ่าแก่ประชาชนชาวจีนจริง ในการเข้าศึกษาต่อและทำวิจัย แต่ขอเน้นย้ำว่า “ไม่ใช่การจำกัด หรือแบนแบบ 100%“ และจากตัวเลขตามที่มีรายงานออกมาจากสื่อต่างประเทศและสื่อจีนเอง จำนวนนักศึกษาจีนที่ได้รับผลกระทบ เอาแค่ในประเทศอเมริกา เป็นจำนวน “หลักพัน” จากทั้งหมด 3 แสนกว่าคนที่ศึกษาในอเมริกา ดังนั้น ไม่ใช่สัดส่วน 80% ที่โดนแบนและไล่กลับจีนแบบที่มีการแชร์ก่อนหน้านี้
.
โดยเหตุผลหลักของการแบนและจำกัดวีซ่าแก่คนจีน มาจากเหตุผล “ความมั่นคงและข้อขัดแย้งทางการเมือง” เน้นหนักไปที่การเกรงกลัวข้อมูลสำคัญหลุดไปยังรัฐบาลและทางกองทัพจีน ซึ่งสาขาการเรียนและการวิจัยที่โดนจับตามองเป็นพิเศษ ได้แก่ สาขาสาย STEM - วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์
.
อ้ายจงอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวทั้งจีน อเมริกา และประเทศอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเนื้อหา โดยใช้เป็นแหล่งข่าวภาษาอังกฤษ เพื่อทุกคนที่สนใจสามารถอ่านและตรวจเช็คข้อมูลได้ครับ
-https://www.scmp.com/news/china/diplomacy/article/3145877/high-price-chinese-students-pay-university-us-during-covid-19)
- https://news.cgtn.com/news/2020-05-30/U-S-bans-some-Chinese-students-from-entering-its-borders-QUoMxQGh4Q/index.html
- https://www.bbc.com/news/world-us-canada-54097437
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-09-10/u-s-revoked-over-1-000-chinese-visas-over-national-security
- https://www.theguardian.com/world/2020/sep/10/us-cancels-1000-china-student-visas-claiming-ties-to-military
- https://www.globaltimes.cn/page/202104/1222300.shtml
- https://www.globaltimes.cn/page/202105/1223713.shtml
- https://www.globaltimes.cn/page/202107/1228072.shtml
- https://global.chinadaily.com.cn/a/202008/13/WS5f3491d4a31083481725ffd7.html
- http://www.chinadaily.com.cn/a/202107/07/WS60e4dde8a310efa1bd6601c7_2.html
- https://www.straitstimes.com/asia/east-asia/japan-to-tighten-checks-on-visa-applications-by-chinese-students-researchers-over
- https://www.cbc.ca/news/politics/china-canada-universities-research-waterloo-military-technology-1.5723846
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน #จีน #อเมริกา #เรียนต่ออเมริกา #แบนวีซ่า
เทคโนโลยี ปัจจุบัน 在 ลงทุนแมน Youtube 的最佳解答
บทสรุปเส้นทาง บริษัทเทคโนโลยีจีนใน 4 ยุค
ยุคที่ 1 : 1994-2000 ยุคก่อร่างสร้างฐาน
ยุคที่ 2 : 2001-2008 ยุคแผ่ขยาย กลายเป็นอาณาจักร
ยุคที่ 3 : 2009-2015 ยุคอาณาจักรอินเทอร์เน็ตรุ่งเรือง
ยุคที่ 4 : 2016-ปัจจุบัน ยุค BIG DATA / AI
ในแต่ละยุคจะมีความน่าสนใจอย่างไร ให้เราได้เรียนรู้กันบ้าง? ร่วมพูดคุยกับคุณพิมพ์ขวัญ อดิเทพสถิตย์ เจ้าของเพจ China Talk with Pimkwan ทาง Blockdit
ใน #BREAKTHROUGH #ก้าวข้ามขีดจำกัดทางIDEA
ลงทุนแมน ลงทุนในความรู้
การลงทุนในความรู้ไม่มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรกด”Subscribe”ลงทุนแมนไว้ในทุกช่องทาง
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website -https://www.longtunman.com/
Blockdit - https://www.blockdit.com/longtunman
Facebook - http://facebook.com/longtunman
Twitter - http://twitter.com/longtunman
Instagram - http://instagram.com/longtunman
Line - http://page.line.me/longtunman
YouTube -https://www.youtube.com/longtunman
Spotify - https://open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Soundcloud - http://soundcloud.com/longtunman
Apple Podcasts - http://podcasts.apple.com/th/podcast/...
Clubhouse - @longtunman
#ลงทุนแมน #ห้องประชุมลงทุนแมน #ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง #BREAKTHROUGH #THEBRIEFCASE #longtunman #ลงทุนแมนORIGINALS #ลงทุนเกิร์ลTALK #ลงทุนเกิร์ล
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/SrvaAZPdy_E/hqdefault.jpg)
เทคโนโลยี ปัจจุบัน 在 BorntoDev Youtube 的最讚貼文
ใครที่กำลังมองหา Macbook Pro, Macbook Air, Mac Mini ตัวใหม่อยู่ กำลังมอง ๆ Apple M1 อยู่ มาดูกันดีกว่าว่า ปัจจุบัน Apple M1 นี้เหมาะไหมถ้าจะเอามาทำงานสาย Dev สาย ไอที !?
.
แล้วมีอะไรบ้างที่สายไอทีควรรู้เกี่ยวกับ Mac ตระกูลใหม่ Apple M1 นี้บ้าง ? มาลุยไปพร้อมกันได้เลย
.
▲ ติดตามช่องของเราได้ที่ : http://bit.ly/borntoDevSubScribe
▲ Facebook : https://www.facebook.com/borntodev
▲ Website : http://www.borntodev.com
.
?BorntoDev Channel คือ ช่องยูทูปที่เน้นสาระด้านเทคโนโลยี การพัฒนาโปรแกรม ไปพร้อมกับความสนุกสนาน และ รอยยิ้มเข้าไว้ด้วยกันทั้งในรูปแบบบทเรียน และ vlog.เพื่อการเปลี่ยนรูปแบบการเรียนรู้ด้านการพัฒนาโปรแกรม และ เทคโนโลยีแบบเดิม ๆ ที่เป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มให้เข้าถึง เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยพัฒนาเน้นไปที่รูปแบบการนำเสนอใหม่ ๆ ที่เป็นมิตรกับทุกคน
.
▲ กิจกรรมใน Channel BorntoDev เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินงานของ บริษัท บอร์นทูเดฟ จำกัด ที่เปิดรับ Partners ที่สนใจร่วมเปลี่ยนแปลงให้สังคมไทยเป็นสังคมด้านวิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น หากคุณสนใจสนับสนุน และ ก้าวไปพร้อมกัน สามารถติดต่อร่วมงานได้แล้ววันนี้
.
▲ ติดต่อโฆษณา สนับสนุน และ ร่วมงานได้ที่: support@borntoDev.com
หรือ ดูรายละเอียดได้ที่นี่ https://www.borntodev.com/partners/
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/3-Wl-jjIZFE/hqdefault.jpg)
เทคโนโลยี ปัจจุบัน 在 Bie The Ska Youtube 的最佳解答
วันนี้มาเปิดบ้านของบอสกีรติกันต่อครับ ซึ่งเป็นคนที่ผมขอขนานนามให้เลยว่าเป็น Tony Stark แห่งเมืองไทยครับ! เทคโนโลยีการทำงานต่างๆของเค้านี่บอกเลยว่าไม่ธรรมดาครับ จะเจ๋งขนาดไหน กดสับตะไคร้แล้วไปดูกันเลยครับ ในอยู่มั้ยครับ EP.3 คร้าบ
#อยู่มั้ยครับ #บอสกีรติ #เปิดบ้าน
กดติดตามคลิปใหม่ของพวกเรา มาใหม่ทุกวันอังคาร ศุกร์ อาทิตย์ ครับ
http://goo.gl/GQoaaP
*** เป็นเพื่อนกันและติดตามข่าวสารช่องทางของผม ***
Facebook ► https://www.facebook.com/BieTheSka
IG ► BieTheSka
Twitter ► BieTheSka
Line Sticker ► https://line.me/S/sticker/6175
*** ซื้อสินค้าของพวกเราสวยๆน่าสะสม The Ska Shop ***
Facebook ► https://www.facebook.com/theskashop
Line ID ► @TheSkaShop
*** หรืออยากเกาะติดแบบ Exclusive กับครอบครัวเดอะสกาฟิล์มติดตามได้ที่ ***
Facebook ► https://www.facebook.com/theskafilm
IG ► TheSkaFilm
Website ► http://www.theskafilm.com
จุดเริ่มต้นของความสนุกและเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ นั้น มาจากการที่ บี้ เดอะสกา (กฤษณ์ บุญญะรัง) ที่มีความชื่นชอบ และรักการทำคลิปวีดีโอเพื่อสร้างรอยยิ้มให้แก่คนรอบข้างโดยเริ่มจากเพื่อนๆในสมัยเรียนของเขา จนพัฒนาการทำวีดีโอคลิปด้วยตัวเองมาเป็นลำดับ จนกระทั่งปลายปี 2556 ได้ก่อตั้งบริษัท เดอะสกาฟิล์ม จำกัด และได้ผลิตสร้างสรรค์คอนเทนท์สนุกสนาน และเจอไปด้วยสาระ ออกมาอย่างมากมาย ในหลากหลายแพลทฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นรายการคู่มือมนุษย์ เจอประจำ เที่ยวมั้ยครับ และรายการอื่นๆ อีกมากมาย
ซึ่ง ณ ปัจจุบัน Channel Bie The Ska มีผู้ติดตาม (Subscribe) กว่า 8.6 ล้านคน เรียกได้ว่าเป็น “คอนเทนท์ครีเอเตอร์” ที่มียอดผู้ติดตามมากเป็นอันดับต้นๆของประเทศไทย ณ เวลานี้ และยังรวมไปถึงช่องต่างๆภายใต้สังกัด The Ska Film อาทิ The Snack, Epic Toys, Pleunpung, Fatzlip, Here Zone Teen, Yumaining และ The Ska Room ช่องน้องใหม่ในเครือ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบ หนังสั้น ซีรีย์ หรือ MV
ดังนั้น เดอะสกาฟิล์ม จึงเป็นบริษัทที่สามารถรองรับงานได้อย่างหลากหลาย และครบวงจรมากขึ้นในฐานะ Digital Media House ที่ทำงานได้ครบวงจรแบบ One Stop Services ตามเจตนารมณ์ และจุดมุ่งหมายที่สำคัญ ของบี้ เดอะสกา อยากเห็นคนทั้งโลกได้มีรอยยิ้ม และมีความสุข ดังสโลแกนที่ว่า “รู้มั้ยเวลาเพื่อนๆยิ้ม ผมอ่ะโคตรมีความสุขเลย^^
ติดต่องานสปอนเซอร์ ผลิตวีดีโอโฆษณา อีเว้นท์
TheSkaFilm@gmail.com
090-919-4567 (คุณทับทิม)
#TheSkaFilm #BieTheSka #บี้เดอะสกา
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/9bJqKzzbRXE/hqdefault.jpg)
เทคโนโลยี ปัจจุบัน 在 คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยกรุงเทพ 的推薦與評價
ขอเชิญศิษย์ปัจจุบันและศิษย์เก่า คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และผู้มีจิตศรัทธา ร่วมทำบุญกฐินพระราชทานประจำปี 2558 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ในวันอาทิตย์ที่ 15... ... <看更多>
เทคโนโลยี ปัจจุบัน 在 บริบทเทคโนโลยีและนวัตกรรมไทยทั้งปัจจุบันและอนาคต คิดเพื่อชาติ ... 的推薦與評價
บริบท เทคโนโลยี และนวัตกรรมไทยทั้ง ปัจจุบัน และอนาคต⎜คิดเพื่อชาติ⎜06.08.65 แขกรับเชิญ : • ศ.ดร. ... <看更多>