สุขสันต์เดือนแห่ง Pride ค่ะ 🌈 (คนด่าแอด อีห่าจะหมดเดือนแล้ว เพิ่งมาพูด) แต่นี่เพจฉัน ฉันบริหารงาน ถ้าฉันจะเขียนตอนธันวา ใครจะห้ามได้ 5555
.
พอพูดถึงหนังสยองที่มีความ LGBTQ หลายคนก็จะคิดถึง Freddy's Revenge (นิ้วขมิบ 2), Hellbent, Haute Tension, Ginger Snaps, Let the Right One In อะไรพวกนี้ใช่ไหม จริง ๆ มีหนังสยองอีกเรื่อง ที่นำเสนอความภาคภูมิใจของชาวรุ้งแบบงามสง่า แต่ไม่ค่อยมีใครนึกถึง เพราะหน้าหนังหยำฉ่าจนคนมองผ่าน นั้นก็คือเรื่อง Seed of Chucky หรือ แค้นฝั่งหุ่น ภาค 5 นั่นเองค่าาาาา
.
Seed of Chucky น่าจะเรียกได้ว่าเป็นภาคที่ประสาทแดก ต่ำตม เพ้อเจ้อที่สุดของซีรีส์ชุดนี้ นับจาก Bride of Chucky ที่ชักกี้ได้เจอแฟนสาวผู้รู้ใจจนกลายเป็นสองผัวเมียฆาตกร ในภาคนี้พวกมันข้ามหลักไสยศาสตร์ ชีววิทยา ชนิดถ้าชาร์ล ดาร์ลวิน ยังมีชีวิตอยู่ คงตกตะลึงพรึงเพริดที่เห็นตุ๊กตาสองตัวเอากันจนคลอดลูกออกมาได้ แหกทุกกฎทางธรรมชาติอย่างไม่น่าเชื่อ!!!
.
ว่าแต่หนังตุ๊กตาสี้กันจนตกลูก มันมา LGBTQ ตรงไหน?
นั้นเพราะตัวละคร Glen หรือลูกของของชักกี้ ทิฟฟานี่ เป็นตัวละครที่มีปมอัตลักษณ์ทางเพศที่ซับซ้อน เพราะนางเป็นคนสองบุคลิก บุคลิกปกติคือ Glen หนุ่มน้อยขี้อายผู้ไม่กล้าสู้คน ในขณะที่ลึก ๆ นางมีความเป็นหญิงในตัวซึ่งนางเรียกแฝดสาวผู้นี้ว่า Glenda หญิงร้ายที่มีความอำมหิตไม่แพ้พ่อและแม่ตัวเอง... ซึ่งทั้งชักกี้ และทิฟฟานี่ก็มีบทสนทนาถกเถียงกันว่า เราควรเรียกลูกว่าอะไรดี ช่างเป็นพ่อแม่ที่หัวก้าวหน้าเอามาก ๆ เลย
.
ตัวละคร Glen หรือ Glenda จึงสามารถถูกนำมาวิเคราะห์ได้ในมิติของ LGBTQ ตั้งแต่เสรีภาพในการเลือกเพศวิถี สิทธิของเด็กในการเลือกเพศตัวเอง (เป็นประเด็นที่ในโลกตะวันตกใส่ใจเป็นอย่างมาก) นอกจากนั้นเมื่อมองไปถึงรูปลักษณ์ตุ๊กตาที่ไม่มีการออกแบบอวัยวะเพศ นอกเหนือจากการถูกกำหนดหน้าตาเพื่อระบุว่าเป็นเพศไหน การไร้อวัยวะสืบพันธุ์เช่นนี้ จึงทำให้สถานะของตัวละครไม่สามารถถูกจำกัดได้จากบรรทัดฐานทั่วไปว่าจะต้องเป็นเพศไหน ๆ ไม่ใช่เพียงเรื่องเพศแค่นั้น แต่ตัวละคร Glen/Glenda ก็ยังต้องเลือกว่าเขาควรจะเป็นแค่ตุ๊กตาทั่วไป หรือเจริญรอยตามพ่อ และแม่ดี ซึ่งประเด็นเรื่องการเป็นตัวของตัวเองก็เป็น หัวข้อสามัญที่ชาว Pride ต่างก็ซึ้งใจกันดีอยู่แล้ว
.
ชื่อของ Glen และ Glenda เองก็ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังคัลต์คลาสสิคเรื่อง Glen or Glenda ของ Ed Wood ราชาหนังห่วยที่สุดของโลก โดยหนังเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์กึ่งสารคดีเล่าชีวิตของชายผู้พิศมัยการแต่งกายข้ามเพศ Don Mancini ผู้ให้กำเนิดหนังชุดแค้นฝั่งหุ่น ในชีวิตจริงเขาออกมายอมรับว่าตัวเองเป็นหนึ่งในชาว LGBTQ และเขาตั้งใจจะสร้าง Seed of Chucky ให้เป็นหนังที่สำรวจประเด็นเพศทางเลือก ซึ่งหนังเองก็มีองค์ประกอบความแตกแตนแบบชาว Pride ให้เราได้ขำไปกับจริตสุด Campy มี Gay Icon มากมายมาหวีดว้ายในหนังทั้ง Britney Spears (ถึงจะตัวปลอมก็เหอะ), ตัวแม่อย่าง Jennifer Tilly ผู้ให้เสียงพากย์ Tiffany มาเล่นเป็นตัวเองในร่างมนุษย์ ไปจนถึงการได้ผู้กำกับขวัญใจชาว queer ชื่อดังอย่าง John Waters (คนนี่แหละที่ทำหนังระดับตำนาน Pink Flamingo) มารับบทขายขำในหนังด้วย
.
แม้ Seed of Chucky อาจจะไม่ใช่หนังที่ประสบความสำเร็จทั้งทางรายได้ และคำวิจารณ์ แต่ในฐานะบทบันทึกทางวัฒนธรรม LGBTQ ต้องถือว่าหนังมีความร่วมสมัย และมาก่อนกาลมากจริง ๆ จนเราไม่อาจมองข้าม และควรนำกลับมาดูใหม่อีกครั้งด้วยแว่นปัญญาชน
แค้นฝั่งหุ่น ภาค 2 在 Log in 的推薦與評價
"CHUCKY แค้นฝังหุ่น" ที่สร้างสรรค์โดย Don Mancini ผู้เขียนบท Child's Play (ต้นฉบับ 1988) รวมถึงภาคต่อทุกภาคที่เคยมีมา (Child's Play 2- ... ... <看更多>