กระบวนยุติธรรมทางเลือกกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของศาล
การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท จะพบว่ามีที่มาจากการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททาง อยู่ 2 ลักษณะคือ การไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางแพ่ง ตามมาตรา 20 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งกำหนดให้อำนาจศาลในการไกล่เกลี่ยให้คู่ความตกลงกันหรือประนีประนอมยอมความกันในข้อพิพาทนั้น สำหรับหลักเกณฑ์และวิธีการไกล่เกลี่ยของศาล ตลอดจนการแต่ตั้งผู้ประนีประนอม รวมทั้งอำนาจหน้าที่ของผู้ประนีประนอมให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในข้อกำหนดของประธานศาลฎีกาโดยความเห็นชอบของที่ประชุมแห่งศาลฎีกาตามมาตรา 20 ทวิ วรรค 3 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งประธานศาลฎีกาได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 20 ทวิ วรรค 3 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ประธานศาลฎีกาโดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาออกข้อกำหนดของประธานศาลฎีกาว่าด้วยการไกล่เกลี่ย พ.ศ. 2554 กับการไกล่เกลี่ยในคดีอาญาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะ ฉะนั้น ศาลในคดีอาญามักจะอาศัยมาตรา 15 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา นำหลักกฎหมายการไกล่เกลี่ยทางแพ่งซึ่งถูกออกแบบมาใช้ในคดีแพ่งเป็นการเฉพาะมาใช้ในการไกล่เกลี่ยคดีอาญาโดยอนุโลม แต่จะพบว่าจะใช้กระบวนการไกล่ในคดีอาญาอันยอมความได้
การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทได้มีการจัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทไว้ประจำศาล แยกต่างหากจากศูนย์สมานฉันท์และสันติวิธีในคดีอาญา โดยให้ศูนย์ไกล่เกลี่ยประจำศาลมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการเพื่อให้มีการไกล่เกลี่ยตามที่ผู้รับผิดชอบราชการศาลหรือองค์คณะผู้พิพากษามอบหมายหรือมีคำสั่ง ส่งเสริมและเผยแพร่วิธีการระงับข้อพิพาททางเลือก โดยเฉพาะการไกล่เกลี่ยจัดทำสารบบและสำนวนคดีไกล่เกลี่ย จัดทำและรายงานข้อมูลและสถิติเกี่ยวกับการดำเนินการไกล่เกลี่ยของศาล ตลอดจนการประเมินผลการดำเนินงานไกล่เกลี่ยของศาล จัดทำบัญชีผู้ประนีประนอมและประสานงานกับผู้ประนีประนอม รวมถึงรวบรวมผลการปฏิบัติงานของผู้ประนีประนอมประสานงานกับหน่วยงานอื่นเกี่ยวกับการดำเนินวิธีการระงับข้อพิพาททางเลือก ตลอดจนดำเนินการอื่นใดที่ผู้รับผิดชอบราชการศาลมอบหมาย
การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทผู้เขียนทำการศึกษาและทำความเข้าใจถึง 1. แนวคิดการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท 2. การดำเนินการให้มีการเกลี่ยเกลี่ยข้อพาท 3. ผู้ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และ 4. การสิ้นสุดกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ดังต่อไปนี้
1.แนวคิดการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท คือ การยุติหรือระงับข้อพาทด้วยความตกลงยินยอมของคู่ความเอง โดยมีผู้ไกล่เกลี่ยเป็นคนกลางช่วยเหลือ แนะนำ เสนอแนะ หาทางออกในการยุติหรือระงับข้อพิพาทให้แก่คู่ความ การแก้ไขปัญหาด้วยการไกล่เกลี่ยนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้คนกลางที่ไม่มีส่วนได้เสีย ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเรื่องที่เกิดขึ้น และไม่มีความสัมพันธ์กับคนที่เขาเป็นความกันได้เข้ามาช่วยคนที่เป็นความกันนั้นทำความเข้าใจปัญหาของเรื่องที่เกิดขึ้นว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง ทำไมหรือที่มาของเรื่องที่ว่าเป็นมาอย่างไร ความรู้สึกความคิดของคนที่เป็นความทั้งสองฝ่ายหรือทุกๆ ฝ่ายเป็นอย่างไรบ้าง และท้ายที่สุดจะร่วมกับคนที่เป็นความสำรวจดูว่าปัญหาและสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมีหนทางแก้ไขปัญหาได้อย่างไรบ้าง คนกลางในที่นี้เรียกว่า “ผู้ประนีประนอม”หรือ “ผู้ไกล่เกลี่ย”
หลักการที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของการไกล่เกลี่ย คือ แบบหรือแนวทางแก้ไขปัญหาในอันที่จะเกิดขึ้นหรือเป็นผลพวงของการไกล่เกลี่ยนี้ ต้องเป็นสิ่งที่คู่กรณียอมรับเท่านั้น เพราะไม่ว่าจะเป็นเป็นผู้ประนีประนอมหรือศาลก็ไม่สามารถบังคับให้คู่กรณียอมรับวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างหนึ่งอย่างใดในการไกล่เกลี่ยในศาลนี้ ผลของหลักการนี้เท่ากับเป็นการคืนสิทธิให้คู่กรณีเลือกแนวทางแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง ด้วยหลักการและวิธีการต่างๆ เหล่านี้ ย่อมเป็นหลักประกันได้ว่าแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการไกล่เกลี่ยในศาลนี้ คู่กรณีจะเป็นผู้เลือกด้วยตัวของพวกเขาเองและจะเป็นแนวทางที่ถูกใจคู่กรณี
2.การดำเนินการให้มีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
การดำเนินการให้มีการไกล่เกลี่ยแยกเป็น การเข้าสู่กระบวนการให้มีการไกล่เกลี่ย ประเภทคดีที่ให้มีการไกล่เกลี่ย และผลที่ได้จากกระบวนการไกล่เกลี่ย ดังนี้
2.1การเข้าสู่กระบวนการให้มีการไกล่เกลี่ย
ในกรณีมีคดีขึ้นสู่ศาลแล้ว หากผู้รับผิดชอบราชการศาลหรือองค์คณะผู้พิพากษาเห็นสมควรหรือเมื่อคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร้องขอและคู่ความฝ่ายอื่นตกลงให้มีการไกล่เกลี่ย ก็ให้ดำเนินการให้มีการไกล่เกลี่ยตามข้อกำหนดนี้ โดยคู่ความแจ้งความประสงค์ขอไกล่เกลี่ยต่อศูนย์ไกล่เกลี่ยหรือผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน
2.2 ประเภทคดีที่ให้มีการไกล่เกลี่ย
เพื่อประโยชน์ในการจัดให้มีการไกล่เกลี่ย ผู้รับผิดชอบราชการศาลอาจประกาศกำหนดลักษณะหรือประเภทของคดีที่ให้ศูนย์ไกล่เกลี่ยประจำศาลดำเนินการเชิญชวนคู่ความให้เข้าร่วมการไกล่เกลี่ย ทั้งนี้การกำหนดลักษณะหรือประเภทคดีดังกล่าวไม่เป็นการจำกัดลักษณะหรือประเภทของคดีอื่นที่อาจดำเนินการไกล่เกลี่ยได้ โดยปัจจุบันคดีที่สามารถไกล่เกลี่ยได้ ได้แก่
1. คดีแพ่ง
2. คดีอาญาความผิดอันยอมความได้
3. คดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องเอง
1.2.3 ผลที่ได้จากกระบวนการไกล่เกลี่ย
การไกล่เกลี่ยทำให้คู่ความสะดวก เพราะการไกล่เกลี่ยนั้นมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก รวดเร็วใช้เวลาในการไกล่เกลี่ยไม่มาก ประหยัดคู่ความไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการไกล่เกลี่ย พึงพอใจเพราะคู่ความมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทำให้พึงพอใจในข้อตกลง รักษาความสัมพันธ์การไกล่เกลี่ยไม่มีผู้แพ้ผู้ชนะทำให้ความสัมพันธ์ของคู่ความคืนมาดังเดิม สร้างความปรองดองสมานฉันท์คู่ความสามารถกลับมาอยู่ร่วมกันในสังคมได้โดยปกติสุข ทั้งนี้ข้อพิพาทอาจระงับด้วยการทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอม หรือโจทก์ถอนฟ้อง และที่สำคัญอีกประการข้อเท็จจริงในการไกล่เกลี่ยเป็นความลับ ในกรณีที่คู่ความไม่ได้ตกลงไว้เป็นอย่างอื่น ให้รักษาข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเป็นความลับ เว้นแต่เป็นการใช้เท่าที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติหรือบังคับให้เป็นไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ห้ามมิให้คู่ความที่เข้าร่วมในการไกล่เกลี่ยผู้ประนีประนอมหรือบุคคลภายนอก รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการไกล่เกลี่ยนำความลับไปอ้างอิงหรือนำสืบเป็นพยานหลักฐานในกระบวนการอนุญาโตตุลาการกระบวนพิจารณาของศาลหรือเพื่อดำเนินการอื่นใดไม่ว่าจะนำไปใช้ในรูปแบบใด
3. ผู้ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย
ผู้ที่ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย อาจเป็นองค์คณะผู้พิพากษา ทั้งนี้ องค์คณะผู้พิพากษาอาจไกล่เกลี่ยด้วยตนเองหรือให้ผู้พิพากษาคนหนึ่งหรือหลายคนในองค์คณะดำเนินการไกล่เกลี่ยก็ได้ หรือผู้รับผิดชอบราชการศาลหรือองค์คณะผู้พิพากษาอาจแต่งตั้งผู้ประนีประนอมเพื่อช่วยเหลือศาลในการไกล่เกลี่ยคดีเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ได้
4.การสิ้นสุดแห่งกระบวนการไกล่เกลี่ย
การสิ้นสุดแห่งกระบวนการไกล่เกลี่ย เมื่อมีกรณีดังต่อไปนี้ให้ถือว่ากระบวนการไกล่เกลี่ยสิ้นสุดลง
1. คู่ความตกลงระงับข้อพิพาทด้วยการถอนฟ้องหรือขอให้ศาลมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
2. คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ประสงค์ให้ทำการไกล่เกลี่ยอีกต่อไป
3. คู่ความไม่สามารถระงับข้อพิพาทได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด
4. ผู้ประนีประนอมเห็นว่าการดำเนินการไกล่เกลี่ยต่อไปจะไม่เป็นประโยชน์แก่คดี
5. ผู้รับผิดชอบราชการศาลหรือองค์คณะผู้พิพากษาที่แต่งตั้งเห็นว่าการดำเนินการไกล่เกลี่ยต่อไปจะไม่เป็นประโยชน์แก่คดี
เมื่อกระบวนการไกล่เกลี่ยสิ้นสุดลง ให้ผู้ประนีประนอมรายงานผลของการไกล่เกลี่ยให้ผู้รับผิดชอบราชการศาลหรือองค์คณะผู้พิพากษาทราบเพื่อดำเนินการต่อไปโดยเร็ว ในกรณีที่คู่ความตกลงระงับข้อพิพาทเพียงบางส่วนหรือตกลงรับข้อเท็จจริงบางประการและยินยอมให้นำข้อตกลงเช่นว่านั้น ไปใช้อ้างอิงในการพิจารณาพิพากษาของศาลได้ ให้ผู้ประนีประนอมจัดทำบันทึกข้อตกลงและรายงานให้ผู้รับผิดชอบราชการศาลหรือองค์คณะผู้พิพากษาทราบ
ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท 在 ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท - Thailand Arbitration Center (THAC) 的相關結果
รวมข้อมูลการไกล่เกลี่ย ไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง, หลังฟ้อง และขั้นตอนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เพื่อที่จะหาทางออกของข้อพิพาทต่างๆ รวมถึงข้อมูลการไกล่เกลี่ยอื่นๆอีกมากมาย. ... <看更多>
ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท 在 การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นศาลฎีกา 的相關結果
การไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทในชั้นฎีกา เป็นกระบวนการที่สำคัญในการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน โดยคู่ความต่างฝ่ายต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน เพื่อให้คดีความแล้วเสร็จไปจากศาล โดยคู่ความเกิดความรู้สึกที่ ... ... <看更多>
ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท 在 หลักเกณฑ์การไกล่เกลี่ย 的相關結果
๗๗. Page 4. หลักเกณฑ์การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในคดีอาญา. (๒) เมื่อคู่กรณีทั้งสองฝ่ายสมัครใจและประสงค์จะเข้าร่วมการไกล่เกลี่ย. ข้อพิพาททางอาญา และคดีนั้นมิได้อยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาล ให้คู่กรณี. ... <看更多>