Pernah berniaga lebih dari 15 jenis perniagaan namun belum berhasil! Malah sehingga sanggup KORBAN kan masa beliau bersama keluarga demi mengejar “benda” yang beliau sendiri tidak tahu pengakhirannya di mana ...
MegaLive Result RichWorks hari ini kita bawakan Master Stokis bagi jenama Real Consumer Community (RCC) yang merupakan produk Larutan Pemanis Stevia & Fiber Detox Stevia. Tuan Azlan Bin Mohd Shafer akan kongsikan cabaran yang beliau hadapi sebelum menjadi Usahawan Stokis Berjaya!
Tambah beliau lagi, beliau pernah hadiri sesi Intensif Magnet Kekayaan dan Kejayaan lebih 3 kali dan setiap kali sesi memberikan impak dan results yang berbeza. Apa turning point beliau sehingga berjaya menjana sales sebanyak itu dengan hanya menjadi stokis sahaja?
Jom ikuti perkongsian beliau secara LIVE 8.30 malam ini di Facebook Page, YouTube dan Instagram Azizan Osman.
Tag 3, 5, 10 rakan-rakan anda yang lain untuk sama-sama tonton.
Bangkit Berniaga Bangsaku!
#AzizanOsman
#BangkitBerniagaBangsaku
#MerdekakanBangsaKita🇲🇾
#SokongPerniagaanKecilSederhana
#RoadShowKibarkanJalurGemilang
Have done business with more than 15 types of business but haven't succeeded! Even if he is willing to sacrifice his time with his family to chase ′′ things ′′ that he himself doesn't know where the end is...
MegaLive Result RichWorks today we bring Master Stockist for the Real Consumer Community (RCC) brand which is a Stevia Sweetener & Fiber Detox Stevia & Fiber Detox. Sir Azlan Bin Mohd Shafer will share the challenges he faced before becoming a Successful Stockist Entrepreneur!
Added him again, he has attended the Intensive Magnet session of wealth and success over 3 times and every session gives different impact and results. What's his turning point until he managed to generate that much sales by just being a stockist?
Let's follow his sharing LIVE 8.30 tonight on Facebook Page, YouTube and Instagram Azizan Osman.
Tag 3, 5, 10 of your other friends to watch.
Rise up to my Bangs!
#AzizanOsman
#BangkitBerniagaBangsaku
#MerdekakanBangsaKita🇲🇾
#SokongPerniagaanKecilSederhana
#RoadShowKibarkanJalurGemilangTranslated
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「10 types of entrepreneur」的推薦目錄:
- 關於10 types of entrepreneur 在 Azizan Osman Facebook 的最佳貼文
- 關於10 types of entrepreneur 在 People Persona Facebook 的最佳貼文
- 關於10 types of entrepreneur 在 謙預 Qianyu.sg Facebook 的最佳貼文
- 關於10 types of entrepreneur 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的精選貼文
- 關於10 types of entrepreneur 在 大象中醫 Youtube 的最佳貼文
- 關於10 types of entrepreneur 在 大象中醫 Youtube 的最佳解答
10 types of entrepreneur 在 People Persona Facebook 的最佳貼文
นักวิทยาศาสตร์สามารถจัดกลุ่มได้กี่ประเภท
The new-type modern scientists
.
.
วิทยาศาสตร์ทำให้โลกพัฒนาเร็วขึ้นแบบ เขย่ง ก้าว กระโดด ทั้งด้านการใช้พลังงาน การสื่อสาร การเดินทาง ยานพาหนะ และอีกมากมาย จากภาพวาด กลายเป็นวัตถุล้ำสมัย จาก สิ่งประดิษฐ์ กลายเป็น นวัตกรรม จากก้อนความคิดความสังสัย กลายเป็นงานวิจัย กลายเป็นคำตอบใหม่ๆที่จับต้องได้จริงๆ...
.
เวลาเรานึกถึงภาพนักวิทยาศาสตร์ เรามักนึกหน้าอัลเบิร์ต ไอสไตน์ ลอยมาก่อน และอาจนึกถึงหน้าคนอื่นๆไม่ออกอีกนาน (อย่าบอกผมว่าคุณคิดถึง นิวตัน ฮอค์กิ้นส์ หรือนักวิทยาศาสตร์ไทย จ้างให้ก็ไม่เชื่อ)
.
ซึ่งก็ไม่แปลกครับ เพราปู่ท่านชาญฉลาดและคิดค้นทฤษฎีเจ๋งๆที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกมากมายแถมมาพร้อมโควตสุดเท่ “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” (เล่นเอาคนไม่ชอบเรียนหนังสือเฮ) แถมสไตล์ก็ไม่เหมือนใครตามชื่อของแก (ไอ-สไตล์ หรือ สไตล์กู ยูโนะ?) หนวดฟู หัวยุ่ง เล่นเอาแกกลายเป็น สเตอริโอไทป์ ต้นแบบของนักวิทยาศาสตร์ในหนังแทบทุกเรื่องตั้งแต่ Back to the Future เป็นต้นมา ทั้งๆที่จริงๆแล้วตอนนี้
.
นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ๆ หนุ่มสาว สวย หล่อ แซ่บจนคุณอาจคิดถึง โทนี่สตาร์ค หรือ อีลอน มัสก์ได้เลย
.
แต่อีกหนึ่งสิ่งที่คุณและคนส่วนใหญ่อาจเคยสงสัยแต่ไม่รู้แน่นอนก็คือ นักวิทยาศาสตร์ยุคใหม่มีกี่ประเภทและพวกเค้าทำอะไรกันบ้าง ยังคงใส่ชุดกราวขาวชลูด ใส่แว่นตาใหญ่ๆเอาไว้กันไฟและแสงเลเซอร์กันอยู่บ้างมั้ย 555 มันไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้วครับ
.
เราไปดูกันดีกว่าว่า 10 ประเภทของนักวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ The new-type modern scientists เป็นแบบไหนบ้าง
.
1. Business Scientist นักวิทยาศาสตร์ผู้มีทักษะในการบริหารและสื่อสาร นักวิทฯเหล่านี้มักมีความรู้พื้นฐานที่หลากหลายและค่อนข้างกว้าง ถ้าเป็นอาจารย์ก็สอนได้หมด ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แต่อาจไม่สุดในสายใดสายหนึ่ง(บางคนก็อาจสุดด้วย เก่งจัด) ซึ่งก็ไม่เป็นไรเพราะพวกเค้ามีหัวธุรกิจ และสามารถทำกำไรจากสิ่งประดิษฐ์ของคนอื่นได้ ปิดจ๊อบให้คุณได้ และที่สำคัญคนกลุ่มนี้มักกลายเป็นผู้บริหารของสถาบันใหญ่ๆ และรวยกว่ากลุ่มอื่นๆ (ยกเว้นกลุ่มที่ 4 ด้านล่าง)
.
.
2. Communicator Scientist นักวิทยาศาสตร์ผู้ถนัดสื่อสาร (Rare Items มากๆ) นักวิทฯผู้มีความรู้หลากหลายคล้ายกับกลุ่มแรก แต่แตกต่างนิดหนึงตรงที่จะเด่นด้านการสื่อสารกว่าการบริหารในภาพใหญ่มาก เรียกว่าเป็นเซลล์ก็ขายเก่ง และเป็นกลุ่มนักวิทย์ฯที่น่าจะมีศิลปะมาผสมผสานในทักษะเฉพาะทางมากที่สุด พวกเค้าจะมีบุคคลิกดีกว่านักวิทฯกลุ่มอื่นๆ มีสเน่ห์กว่า แต่งตัวดีกว่าและพูดเก่งกว่า จึงไม่แปลกที่มักเห็นเค้าตามหน้าจอทีวี ในฐานะผู้เชี่ยวชาญและคอมเมนเตเตอร์อยู่บ่อยๆ หรือบางทีก็อาจกลายเป็นผู้ช่วยไม่ก็ รัฐมนตรี กันเลยทีเดียว
.
.
3. Developer Scientist นักวิทยาศาสตร์สายพัฒนาต่อยอด ผมชอบกลุ่มนี้ที่สุด เพราะแม้ว่านักวิทย์ฯกลุ่มนี้จะไม่ได้ริเริ่มสิ่งประดิษฐ์หรืองานวิจัยหลักๆเป็นของตัวเอง แต่ด้วยทักษะการสื่อสารบวกความสามารถในผสานการทำงานเป็นทีม และการต่อยอดให้ใช้ได้จริงถูกต้องเหมาะสมกับกลุ่มคน พวกเค้าคือกลุ่มที่ทำให้มีผลิตภัณฑ์หรือโปรดักช์ใหม่ๆถูกผลิตออกมาเป็นรูปธรรมมากที่สุด และทำให้สภาพแวดล้อมความเป็นวิทยาศาสตร์สามารถควบคู่ไปกับธุรกิจได้ ที่สำคัญพวกเค้ามีความคิดสร้างสรรค์ไม่เลวทีเดียวและมักเป็นกลุ่มที่นักลงทุนหรือผู้ประกอบการชื่นชอบเป็นพิเศษ มหาเศรษฐีแบบ บิล เกตต์ ก็น่าจะมาจากกลุ่มนี้ก่อนจะกลายเป็น Entrepreneur ซะเอง
.
.
4. Entrepreneur Scientist นักวิทยาศาสตร์ผู้ลงทุน กลุ่มนี้ สายนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ รวย เก่ง มีความรู้กว้างๆ มีความชอบหลากหลาย และที่สำคัญมีเส้นสายที่ลึกล้ำเหลือเชื่อ กลุ่มนี้จะมีความเป็นนักวิทย์ฯกับนักธุรกิจและการลงทุน ผสมกันอยู่แบบครึ่งๆ ไม่ต้องเริ่มอะไรเอง แค่คิดแล้วโยนให้คนอื่นทำ ไม่ก็ไปลงทุนในความคิดคนอื่นๆ แล้วก็ทำกำไรมหาศาล เพราะพวกเค้าเก่งไฟแนนซ์ด้วย
.
.
5. Explorer Scientist นักวิทยาศาสตร์ผู้ชื่นชอบการค้นหา สายนี้เจ๋ง ไม่สนใจเรื่องเงิน กำไรหรือขาดทุน พวกเค้าสนใจเฉพาะการหาคำตอบใหม่ๆที่ไม่เคยมีใครค้นพบ การเจอพื้นที่ใหม่หรือเรื่องใหม่ที่ไม่เคยมีใครไปถึง พวกเค้าจะพยายามหาจิ๊กซอตัวใหม่ๆเพื่อมาขยายความเข้าใจในเรื่องที่พวกเค้าศึกษา ทักษะและชุดความรู้เฉพาะด้านที่ลึกมากๆคือจุดเด่น และ passion ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มาเต็มและน่ายกย่องของคนกลุ่มนี้ ข้อเสียก็คือพวกเค้า(บางคน) ชอบทำงานคนเดียว อย่ามายุ่งกับกู!
.
.
6. Investigator Scientist นักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้ Dig Deep สายโหด มีความรู้ความเข้าใจในเชิงลึก รับผิดชอบทั้งการวางแผน การหาและประกอบข้อมูลทั้งขนาดใหญ่และขนาดลึก รวมถึงมีความเข้าใจในภาพกว้างหรือแลนสเค็ปของงานที่รับผิดชอบทั้งหมด พวกเค้าทำงานเป็นทีมและสามารถรับผิดชอบหลายๆอย่างในเวลาเดียวกันได้ เจอพวกเค้าได้ตาม สถาบันวิจัย (ถ้าพวกเค้ายอมออกมานอกเหนือจากตอนกินข้าว-กลับบ้านนอนนะ)
.
.
7. Policy Scientist นักวิทยาศาสตร์สายนโยบาย กลุ่มผู้มีความรู้มีตรรกะเหตุผลแบบนักวิทย์ฯ แต่ก็มีความเข้าอกเข้าใจผู้คนมากเป็นพิเศษ อาจเพราะต้องทำงานกับผู้คนที่หลากหลายเพื่อมากำหนดนโยบายในการแก้ปัญหาต่างๆ ทั้ง รัฐบาล นักการเมือง ภาคธุรกิจ เอ็นจีโอ นักเคลื่อนไหว เกษตกร หรือแม้แต่ชาวบ้านทั่วไป กลุ่มนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีจิตวิทยาความเป็นมนุษย์สูง หรืออาจแบ่งง่ายว่า มีความเป็น นักวิทยาศาสตน์ 75% นักการเมือง 25%
.
.
8. Regulator Scientist นักวิทยาศาสตร์สายควบคุมกำกับ นักวิทย์กลุ่มนี้เก่ง มีความรู้เฉพาะทางลึกซึ้งในแต่ละด้านที่ตัวเองถนัดและศึกษามา มีมาตรฐานสูง มีระเบียบ และมีระดับทักษะการประเมินหรือตรวจสอบสิ่งต่างๆได้ดีกว่ากลุ่มอื่นๆ แทบทุกองค์กรต้องการนักวิทย์กลุ่มนี้มาเป็นผู้ควบคุมคุณภาพและดูแลเรื่องความปลอดภัยในการทดลอง
.
.
9. Teacher Scientist คุณครูนักวิทย์ผู้แม่นยำในเชิงทฤษฎีและมีทักษะในการสื่อสาร รวมทั้งเป็นผู้อุทิศตนประสิทประสาทวิชาส่งต่อความรู้ให้นักวิทย์ฯรุ่นใหม่ๆ พวกเค้าคือผู้อดทน เป็นนักอ่าน และเป็นผู้ที่มีทักษะความเป็นมนุษย์ผู้เข้าอกเข้าใจผู้อื่น มากที่สุดในบรรดาทุกกลุ่ม (ขอสดุดีและขอบคุณครับจารย์)
.
.
10. Technician Scientist กลุ่มนี้เท่สุด(แต่จะเก่งสุดรึเปล่าไม่รู้ เพราะวัดยาก) สำหรับผม เพราะเป็นผู้ปฏิการในห้องแล็ปหรือห้องวิจัยตัวจริง เหมือนช่างเชื่อมในโรงงาน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงในกองไฟ ยังไงยังงั้น ด้วยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในเชิงลึกที่หาคนมาทำแทนลำบาก และด้วยทักษะที่ต้องใช้เวลาฝึกจนชำนาญ คนกลุ่มนี้ก็คล้ายกับ STEM ที่เราต้องการจะเพิ่มให้มากที่สุดในประเทศ ถ้ามีนักวิทยาศาสตร์สาธารณสุขมากๆ การแพทย์และการป้องกันโรคระบาดของเราก็จะเข้มแข็ง ถ้ามีนักวิทยศาสตร์สายวัสดุอุปกรณ์ หรือเครื่องจักร อุตสาหกรรมของเราก็จะก้าวหน้า ถ้ามีนักวิทย์สายเกษตรเยอะๆ ชาวนาชาวไร่ของเราก็จะสามารถเพิ่มผลผลิตและลดความผิดพลาดของสินค้าได้มากขึ้นและรวยขึ้นหลายเท่า นักวิทยาศาสตร์เฉพาะทางในทุกๆด้าน จึงมีความจำเป็นต่อโลกใบนี้มากเหลือเกิน ในปัจจุบัน
.
.
.
เอาล่ะจบแล้ว จริงๆผมเชื่อนะครับว่าทุกคนมีความเป็นนักวิทย์อยู่ในตัว ถ้าคุณเชื่อและตัดสินใจด้วยเหตุผล มากกว่าความรู้สึก (ยกเว้นเรื่องความรักให้เรื่องหนึงอะ) เพราะนักวิทยาศาสตร์จะไม่เชื่อและไม่กลัวในสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ และไม่ยอมจำนนจนกว่าจะได้คำตอบที่ดีที่สุด...... แต่ในท้ายที่สุดความเป็นมนุษย์ คุณธรรม และความจริงของวิทยาศาสตร์ ผสมผสานกันเท่านั้นถึงจะช่วยเปลี่ยนโลกใบนี้ให้ดีขึ้นได้
#peoplepersona
#เขย่งก้าวกระโดด
#modernscientists
ขอบคุณข้อมูลจาก :
https://sciencecouncil.org/about-science/10-types-of-scientist/
10 types of entrepreneur 在 謙預 Qianyu.sg Facebook 的最佳貼文
【你問我答Round 1】Part 2/3
Me leading my mum to recite the Deliverance Mantra before our lunch.
Once a serial entrepreneur, my mum is an extremely smart woman, but likes to play dumb when it comes to mantra recitation.
I say I will only come out for meals with her, if she recites the mantra.
She says she can only do it when I recite with her. (I have been doing that with her for years, and she still says she can't remember, but has no problem recalling the top 3 prizes for 4D in the last month... #facepalm)
#sillytrivia
.
Answering the second question from my AMA, Ask Me Anything, in my Saturday's post.
.
【我們的身體是祭壇】
QUESTION 2: from Tay Yeng Hwee
"Morning Ji Qian, does eating meat gives us more sin? What do you recommend meat eaters to do (other than giving up meat)?"
My answer:
往生淨土、超生出苦
南無阿彌陀佛
南無阿彌陀佛
南無阿彌陀佛
This is the 往生短咒, Short Mantra for Rebirth to Pureland.
Recite it for 7 times before every meal and dedicate the merits to the animals killed for your meal. This enables the animals to break free from the animal realm and eventually be reborn in the Pureland.
At the same times, this cultivates compassion, gratitude and patience in us before every meal.
Did I mention it's free too? 😁
I practise not eating 3 types of meat: 不見殺、不聞殺、不為己殺.
I abstain from consuming animals that are killed within my sight, whose dying sounds are heard by me and killed specifically for me (e.g. live seafood). Such meats are considered impure. I also do not do fishing or prawning.
Shakyamuni Buddha wasn't a vegetarian. Buddha's top 10 disciples who attained the state of Arahants weren't either. They had to eat what they are given during their alms.
Way before microscopes were invented, Buddha had said these famous words:
一杯清淨水,
八萬四千蟲,
如果不持咒,
如同殺眾生。
A glass of clean water comprises 84,000 living organisms. If a mantra isn't recited before consuming it, it carries the same sin of killing.
The practice of vegetarianism started from the Liang Dynasty, when 梁武帝 Emperor Wu passed a decree stating all members of the Sangha must practised vegetarianism. Hence, Buddhists in Chinese countries adopt the practice of vegetarianism.
Humans get to live at the expense of other beings. Otherwise, we will all die.
We eat the cells of animals, the cells of plants, the offspring of animals, the offspring of plants, as well as the milk of other animals meant for their offspring.
They perish to feed the life force in us.
When we talk about eating meat, it should not be limited to only animals we see with our naked eyes, like ducks, pigs, cows and fishes.
That would be too narrow-minded and simplistic.
As we expand our view of the universe, we will see that anything that can grow and has life is a living thing. Taking away its ability to live is killing. Why shouldn't that include vegetables and tiny-weeny bacteria too?
Should one life be more valued than another, based on size?
Yet, no matter how minuscule a life is, every life has a Buddha nature in it.
When we fall sick, we consume medication to kill the bad bacteria in us.
When we bath, we wash away bacteria with anti-bacterial soap.
When we plough the soil to grow our crops, we trample on worms and bugs, and use pesticides to kill anything that threaten our harvest.
Man injects hormones into animals and modifies the genetics of plants to have them grow in a manner we fancy. That is manipulative killing.
Countless animal testing are done to invent new medication and formulate the daily products we used.
Can we eat less medication? (More hospitals are being built.)
Can we buy less products? (More malls are opening in the real world and virtual world.)
Even plastic straws kill lives.
From a universe's viewpoint, nothing is truly meat-free and sin-free.
When a vegetarian consumes vegetables and gluten deliberately made in the form and texture of animal meat, the thought of eating animals is still prevalent. That does not mean less killing.
Our bodies is a sacrificial altar, a collective life force built from all these animals, plants and micro-organisms that died.
Hence, when we do not use our bodies for the collective good of all living beings, but only living for ourselves, that is the greatest sin of all.
The cells of the food we consume continue to grow inside us. When we recite Buddhist mantras/sutras, we are nourishing the cells with powerful positive energies, and transforming the "meat" (葷) nature into a "vegetarian" (素) nature.
(Ever heard of the Hidden Messages in Water by Dr Masaru Emoto?)
As we eradicate our negative karma with every recitation, the animals and organisms also get their negative karma purified.
冥陽兩利、利己利他、共同成就。
One can definitely opt to be a vegetarian, if he believes that means less suffering for the animals. Some Bazi are also more inclined to be vegetarians. Excessive consumption of meat can also lead to health issues.
But like what Buddha expounded, if a deliverance mantra isn't recited before the meal, that does not negate the sin of killing.
Yeng Hwee's religious affinity definitely lies in Buddhism, and not Western religions.
Don't be like my mum. I hope Yeng Hwee gets to start early, so that the merits he accumulated will not only help him and his ancestors, but also be passed on to his children (if there is enough...).
#BESTinheritanceEVER #祖先有德 #後代昌盛
Thank you for your belief in me to ask this question, Yeng Hwee. 🙏