เรื่องราวของ คนรวยสุดในเอเชีย / โดย ลงทุนแมน
ถ้าถามถึงคนรวยสุดในเอเชีย
ทุกคนคงนึกถึงคนจีน
ไม่ว่าจะเป็น แจ็ก หม่า เจ้าของ Alibaba
หรือ โพนี่ หม่า เจ้าของ Tencent
คนรวยสุดในเอเชียตอนนี้ไม่ได้เป็นคนจีน
แต่เป็นคนอินเดีย
และไม่ได้ทำธุรกิจเทคโนโลยี
แต่เป็นเจ้าของบริษัทน้ำมัน บริษัทโทรคมนาคม และบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในอินเดีย
หากเทียบกับธุรกิจในไทย เขาคนนี้จะเป็นเจ้าของบริษัท ปตท. เอไอเอส และเซเว่น อีเลฟเว่น ทั้งหมดรวมกัน
คนคนนี้ชื่อว่า Mukesh Ambani อ่านว่า มูเกช อัมบานี
อภิมหาเศรษฐีชาวอินเดียที่มีทรัพย์สินมูลค่ากว่า 1.8 ล้านล้านบาท
รวยกว่าเสี่ยธนินท์ บุคคลรวยสุดในประเทศไทย 3.4 เท่า
แถมเป็นชาวเอเชียคนเดียวที่รวยติด 1 ใน 10 ของโลก
แล้วเขาเป็นใคร มาจากไหน?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit แอปเขียนบล็อกอันดับ 1
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ความมั่งคั่งของมูเกช อัมบานี เริ่มต้นมาจากรุ่นคุณพ่อของเขา
ธีรุไภย อัมบานี พ่อของมูเกช อพยพจากอินเดียไปทำงานเป็นเสมียนตั้งแต่อายุ 17 ปี
ที่บริษัทค้าขาย A. Besse & Co. ในประเทศเยเมนตั้งแต่สมัยที่ยังถูกอังกฤษยึดครองเป็นอาณานิคม
แม้ว่าเรื่องนี้ดูเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นที่ยากลำบาก
แต่มันกลับเป็นโอกาสของธีรุไภย อัมบานี ที่ซึ่งเขาได้รู้จักกับเครือข่ายธุรกิจค้าขายระหว่างประเทศ
ทำให้ได้ดีลงานกับบริษัทมากมายที่ทำธุรกิจค้าขายสินค้าตั้งแต่น้ำตาล, เครื่องเทศ, สิ่งทอ รวมไปถึงน้ำมัน ในประเทศทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง รวมถึงเอเชีย
หลังจากสะสมประสบการณ์อยู่ 9 ปี
ธีรุไภย อัมบานี ตัดสินใจกลับมายังประเทศอินเดียเพื่อก่อตั้งกิจการของตัวเอง
ซึ่งก่อนหน้านั้นเพียงปีเดียว เขาก็ได้ให้กำเนิดลูกชาย มูเกช อัมบานี
63 ปีที่แล้ว คงไม่มีใครคิดว่ามูเกช อัมบานี
ลูกชายเสมียนที่กำลังจะอพยพกลับประเทศบ้านเกิด
กำลังจะสร้างอาณาจักรธุรกิจขนาดใหญ่ และจะกลายมาเป็นคนรวยสุดในเอเชีย
คำถามคือ เขาเริ่มสร้างธุรกิจอะไรขึ้นมา?
ธีรุไภย อัมบานี เริ่มต้นทำธุรกิจจากการนำเข้าเส้นใยสังเคราะห์ และ ส่งออกเครื่องเทศ
โดยออฟฟิศแรกมีขนาด 33 ตารางเมตร มีโต๊ะกับเก้าอี้ 3 ตัว พร้อมโทรศัพท์ 1 เครื่อง
จากประสบการณ์ที่เยเมน รวมกับคู่ค้าทางธุรกิจที่รู้จักกันดีจากต่างประเทศ
ทำให้ธุรกิจนำเข้า-ส่งออกของธีรุไภย เติบโตได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อรวมกับรัฐบาลประเทศอินเดียสมัยนั้นประกาศแผนพัฒนาอุตสาหกรรมระยะยาว
ทำให้ ธีรุไภย อัมบานี ปรับโครงสร้างธุรกิจกลายมาเป็นผู้ผลิตสิ่งทอ
ระหว่างที่พ่อกำลังวางรากฐาน
ด้านมูเกช อัมบานี คนลูก หลังจากเรียนจบปริญญาตรี
สาขาวิศวกรรมเคมีที่ University of Mumbai
ก็ได้สมัครเรียนต่อ MBA ที่ Stanford University ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องลาออกเพื่อมาช่วยธุรกิจคุณพ่อพร้อมๆ กับน้องชาย
เพราะธุรกิจกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
แต่แล้วพ่อของมูเกช ก็ได้เสียชีวิตลงกะทันหันแบบไม่มีพินัยกรรม
เรื่องนี้ดูเผินๆ เหมือนไม่มีอะไรแต่กลับทำให้พี่น้อง อัมบานี
ที่เข้ามาช่วยบริหารธุรกิจพร้อมๆ กันกลับทะเลาะกันร้ายแรงถึงขนาดต้องขึ้นศาล
สุดท้ายจบลงด้วยการที่แม่ต้องมาระงับศึก และผลก็คือ มูเกช อัมบานี คนพี่ได้เป็นผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ของครอบครัว Reliance Industries
หลังจากนั้น มูเกช อัมบานี ก็ได้นำบริษัทแห่งนี้ ต่อยอดอุตสาหกรรมสิ่งทอไปยังอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งภายหลังกลายมาเป็นธุรกิจหลัก
นอกจากนี้ เขาก็ยังก่อตั้งธุรกิจเข้าไปแข่งขันในธุรกิจกลุ่มอื่น เช่น
Reliance Retail ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นธุรกิจค้าปลีกใหญ่สุดในอินเดีย
ปัจจุบันมีจำนวนกว่า 10,901 สาขา และเปิดให้บริการกว่า 6,700 เมืองทั่วประเทศ
รวมถึง Reliance Jio Infocomm
ทำธุรกิจโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ของประเทศอินเดีย
ซึ่งปัจจุบันรองรับสมาชิกรายเดือนกว่า 307 ล้านคน
คิดเป็น 23% ของประชากรประเทศอินเดีย
แล้วปัจจุบัน Reliance Industries Limited ใหญ่ขนาดไหน?
ปี 2017 รายได้ 1.3 ล้านล้านบาท กำไร 1.3 แสนล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 1.7 ล้านล้านบาท กำไร 1.5 แสนล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 2.4 ล้านล้านบาท กำไร 1.7 แสนล้านบาท
โดยรายได้ทุกๆ 100 บาทของบริษัทมาจาก
ธุรกิจปิโตรเคมี 43 บาท
ธุรกิจโรงกลั่น 26 บาท
ธุรกิจเทเลคอม 18 บาท
ธุรกิจค้าปลีก 7 บาท
และอื่นๆ อีก 6 บาท
ปัจจุบัน Reliance Industries Limited มีบริษัทย่อย 269 บริษัท
พร้อมพนักงาน 194,056 คน และมีมูลค่าบริษัทสูงถึง 4 ล้านล้านบาท
มูลค่าระดับนี้ถือเป็นบริษัทใหญ่สุดในประเทศอินเดีย
แซงหน้าบริษัท Tata Consultancy Services บริษัทที่ปรึกษาในเครือ Tata Group
มูเกช อัมบานี ถือหุ้นอยู่ในบริษัทแห่งนี้กว่า 42%
และเมื่อรวมกับทรัพย์สินอื่นๆ ทำให้เขามีทรัพย์สินกว่า 1.8 ล้านล้านบาท
ซึ่งมากสุดในเอเชีย และมากเป็นอันดับ 10 ของโลก
ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีขนาดใหญ่โตขนาดนี้
แต่ Reliance Industries กลับยังมีมุมมองต่อธุรกิจดิจิทัลที่น่าสนใจ
ล่าสุดก็เพิ่งประกาศว่ากำลังจะก่อตั้งบริษัทเข้าสู่สมรภูมิ E-Commerce ในประเทศอินเดีย
ที่มีคู่แข่งคนสำคัญเป็นบริษัทค้าปลีกและบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Walmart และ Amazon จากประเทศสหรัฐอเมริกา..
ด้วยทุนเดิมที่ครอบครองร้านค้าปลีกมหาศาลรวมกับจำนวนผู้ใช้งานบนธุรกิจเครือข่ายที่คิดเป็น 1 ใน 4 ของประชากรประเทศอินเดีย ก็น่าจะสร้างความกังวลให้กับบริษัทอเมริกันได้ไม่น้อย
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่า.. มูเกช อัมบานีและครอบครัวอาศัยอยู่ในที่พักชื่อว่า แอนทีเลีย ซึ่งเป็นตึกสูงระฟ้ากว่า 27 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอย 398,000 ตารางเมตร
ประกอบไปด้วยห้องบอลรูมสำหรับจัดเลี้ยง ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ โรงภาพยนตร์ 50 ที่นั่ง สวนแนวตั้ง สวนลอยฟ้า จุดจอดเฮลิคอปเตอร์ 3 จุด และที่จอดรถ 6 ชั้น
พร้อมกับพนักงานที่คอยดูแลบ้านอีก 600 คน
ตึกแห่งนี้ถูกออกแบบให้แต่ละชั้นมีความกว้างแตกต่างกันออกไป แถมยังสามารถรองรับแผ่นดินไหวได้ 8 แมกนิจูด และรองรับแรงระเบิดได้เป็นอย่างดี
รวมๆ แล้ว ที่พักแห่งนี้มีมูลค่าประมาณ 60,000 ล้านบาท ซึ่งถ้าไม่นับพระราชวังบักกิงแฮมของราชวงศ์อังกฤษ
ตึกแอนทีเลียของครอบครัวอัมบานี จะเป็นที่อยู่อาศัยที่แพงสุดในโลก เลยทีเดียว..
╔═══════════╗
Blockdit แอปเขียนบล็อกอันดับ 1
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
References
-https://www.dhirubhai.net/off-to-aden
-https://www.nytimes.com/…/busi…/worldbusiness/15ambani.html…
-https://www.forbes.com/profile/mukesh-ambani/…
-https://www.ril.com/Financial-Statement-2018-19.aspx
-https://www.ril.com/…/Financial%20Presentation%20-%20Q4%20R…
-https://www.ril.com/ar2018-19/ril-annual-report-2019.pdf
-https://www.forbes.com/profile/mukesh-ambani/…
-https://sudsapda.com/top-lists/135391.html
-https://www.indiatoday.in/…/ambani-antilia-inside-pics-1317…
「amazon financial report 2017」的推薦目錄:
amazon financial report 2017 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
เรื่องราวของ คนรวยสุดในเอเชีย / โดย ลงทุนแมน
ถ้าถามถึงคนรวยสุดในเอเชีย
ทุกคนคงนึกถึงคนจีน
ไม่ว่าจะเป็น แจ็ก หม่า เจ้าของ Alibaba
หรือ โพนี่ หม่า เจ้าของ Tencent
คนรวยสุดในเอเชียตอนนี้ไม่ได้เป็นคนจีน
แต่เป็นคนอินเดีย
และไม่ได้ทำธุรกิจเทคโนโลยี
แต่เป็นเจ้าของบริษัทน้ำมัน บริษัทโทรคมนาคม และบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในอินเดีย
หากเทียบกับธุรกิจในไทย เขาคนนี้จะเป็นเจ้าของบริษัท ปตท. เอไอเอส และเซเว่น อีเลฟเว่น ทั้งหมดรวมกัน
คนคนนี้ชื่อว่า Mukesh Ambani อ่านว่า มูเกช อัมบานี
อภิมหาเศรษฐีชาวอินเดียที่มีทรัพย์สินมูลค่ากว่า 1.8 ล้านล้านบาท
รวยกว่าเสี่ยธนินท์ บุคคลรวยสุดในประเทศไทย 3.4 เท่า
แถมเป็นชาวเอเชียคนเดียวที่รวยติด 1 ใน 10 ของโลก
แล้วเขาเป็นใคร มาจากไหน?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit แอปเขียนบล็อกอันดับ 1
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ความมั่งคั่งของมูเกช อัมบานี เริ่มต้นมาจากรุ่นคุณพ่อของเขา
ธีรุไภย อัมบานี พ่อของมูเกช อพยพจากอินเดียไปทำงานเป็นเสมียนตั้งแต่อายุ 17 ปี
ที่บริษัทค้าขาย A. Besse & Co. ในประเทศเยเมนตั้งแต่สมัยที่ยังถูกอังกฤษยึดครองเป็นอาณานิคม
แม้ว่าเรื่องนี้ดูเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นที่ยากลำบาก
แต่มันกลับเป็นโอกาสของธีรุไภย อัมบานี ที่ซึ่งเขาได้รู้จักกับเครือข่ายธุรกิจค้าขายระหว่างประเทศ
ทำให้ได้ดีลงานกับบริษัทมากมายที่ทำธุรกิจค้าขายสินค้าตั้งแต่น้ำตาล, เครื่องเทศ, สิ่งทอ รวมไปถึงน้ำมัน ในประเทศทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง รวมถึงเอเชีย
หลังจากสะสมประสบการณ์อยู่ 9 ปี
ธีรุไภย อัมบานี ตัดสินใจกลับมายังประเทศอินเดียเพื่อก่อตั้งกิจการของตัวเอง
ซึ่งก่อนหน้านั้นเพียงปีเดียว เขาก็ได้ให้กำเนิดลูกชาย มูเกช อัมบานี
63 ปีที่แล้ว คงไม่มีใครคิดว่ามูเกช อัมบานี
ลูกชายเสมียนที่กำลังจะอพยพกลับประเทศบ้านเกิด
กำลังจะสร้างอาณาจักรธุรกิจขนาดใหญ่ และจะกลายมาเป็นคนรวยสุดในเอเชีย
คำถามคือ เขาเริ่มสร้างธุรกิจอะไรขึ้นมา?
ธีรุไภย อัมบานี เริ่มต้นทำธุรกิจจากการนำเข้าเส้นใยสังเคราะห์ และ ส่งออกเครื่องเทศ
โดยออฟฟิศแรกมีขนาด 33 ตารางเมตร มีโต๊ะกับเก้าอี้ 3 ตัว พร้อมโทรศัพท์ 1 เครื่อง
จากประสบการณ์ที่เยเมน รวมกับคู่ค้าทางธุรกิจที่รู้จักกันดีจากต่างประเทศ
ทำให้ธุรกิจนำเข้า-ส่งออกของธีรุไภย เติบโตได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อรวมกับรัฐบาลประเทศอินเดียสมัยนั้นประกาศแผนพัฒนาอุตสาหกรรมระยะยาว
ทำให้ ธีรุไภย อัมบานี ปรับโครงสร้างธุรกิจกลายมาเป็นผู้ผลิตสิ่งทอ
ระหว่างที่พ่อกำลังวางรากฐาน
ด้านมูเกช อัมบานี คนลูก หลังจากเรียนจบปริญญาตรี
สาขาวิศวกรรมเคมีที่ University of Mumbai
ก็ได้สมัครเรียนต่อ MBA ที่ Stanford University ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องลาออกเพื่อมาช่วยธุรกิจคุณพ่อพร้อมๆ กับน้องชาย
เพราะธุรกิจกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
แต่แล้วพ่อของมูเกช ก็ได้เสียชีวิตลงกะทันหันแบบไม่มีพินัยกรรม
เรื่องนี้ดูเผินๆ เหมือนไม่มีอะไรแต่กลับทำให้พี่น้อง อัมบานี
ที่เข้ามาช่วยบริหารธุรกิจพร้อมๆ กันกลับทะเลาะกันร้ายแรงถึงขนาดต้องขึ้นศาล
สุดท้ายจบลงด้วยการที่แม่ต้องมาระงับศึก และผลก็คือ มูเกช อัมบานี คนพี่ได้เป็นผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ของครอบครัว Reliance Industries
หลังจากนั้น มูเกช อัมบานี ก็ได้นำบริษัทแห่งนี้ ต่อยอดอุตสาหกรรมสิ่งทอไปยังอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งภายหลังกลายมาเป็นธุรกิจหลัก
นอกจากนี้ เขาก็ยังก่อตั้งธุรกิจเข้าไปแข่งขันในธุรกิจกลุ่มอื่น เช่น
Reliance Retail ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นธุรกิจค้าปลีกใหญ่สุดในอินเดีย
ปัจจุบันมีจำนวนกว่า 10,901 สาขา และเปิดให้บริการกว่า 6,700 เมืองทั่วประเทศ
รวมถึง Reliance Jio Infocomm
ทำธุรกิจโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ของประเทศอินเดีย
ซึ่งปัจจุบันรองรับสมาชิกรายเดือนกว่า 307 ล้านคน
คิดเป็น 23% ของประชากรประเทศอินเดีย
แล้วปัจจุบัน Reliance Industries Limited ใหญ่ขนาดไหน?
ปี 2017 รายได้ 1.3 ล้านล้านบาท กำไร 1.3 แสนล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 1.7 ล้านล้านบาท กำไร 1.5 แสนล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 2.4 ล้านล้านบาท กำไร 1.7 แสนล้านบาท
โดยรายได้ทุกๆ 100 บาทของบริษัทมาจาก
ธุรกิจปิโตรเคมี 43 บาท
ธุรกิจโรงกลั่น 26 บาท
ธุรกิจเทเลคอม 18 บาท
ธุรกิจค้าปลีก 7 บาท
และอื่นๆ อีก 6 บาท
ปัจจุบัน Reliance Industries Limited มีบริษัทย่อย 269 บริษัท
พร้อมพนักงาน 194,056 คน และมีมูลค่าบริษัทสูงถึง 4 ล้านล้านบาท
มูลค่าระดับนี้ถือเป็นบริษัทใหญ่สุดในประเทศอินเดีย
แซงหน้าบริษัท Tata Consultancy Services บริษัทที่ปรึกษาในเครือ Tata Group
มูเกช อัมบานี ถือหุ้นอยู่ในบริษัทแห่งนี้กว่า 42%
และเมื่อรวมกับทรัพย์สินอื่นๆ ทำให้เขามีทรัพย์สินกว่า 1.8 ล้านล้านบาท
ซึ่งมากสุดในเอเชีย และมากเป็นอันดับ 10 ของโลก
ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีขนาดใหญ่โตขนาดนี้
แต่ Reliance Industries กลับยังมีมุมมองต่อธุรกิจดิจิทัลที่น่าสนใจ
ล่าสุดก็เพิ่งประกาศว่ากำลังจะก่อตั้งบริษัทเข้าสู่สมรภูมิ E-Commerce ในประเทศอินเดีย
ที่มีคู่แข่งคนสำคัญเป็นบริษัทค้าปลีกและบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Walmart และ Amazon จากประเทศสหรัฐอเมริกา..
ด้วยทุนเดิมที่ครอบครองร้านค้าปลีกมหาศาลรวมกับจำนวนผู้ใช้งานบนธุรกิจเครือข่ายที่คิดเป็น 1 ใน 4 ของประชากรประเทศอินเดีย ก็น่าจะสร้างความกังวลให้กับบริษัทอเมริกันได้ไม่น้อย
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่า.. มูเกช อัมบานีและครอบครัวอาศัยอยู่ในที่พักชื่อว่า แอนทีเลีย ซึ่งเป็นตึกสูงระฟ้ากว่า 27 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอย 398,000 ตารางเมตร
ประกอบไปด้วยห้องบอลรูมสำหรับจัดเลี้ยง ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ โรงภาพยนตร์ 50 ที่นั่ง สวนแนวตั้ง สวนลอยฟ้า จุดจอดเฮลิคอปเตอร์ 3 จุด และที่จอดรถ 6 ชั้น
พร้อมกับพนักงานที่คอยดูแลบ้านอีก 600 คน
ตึกแห่งนี้ถูกออกแบบให้แต่ละชั้นมีความกว้างแตกต่างกันออกไป แถมยังสามารถรองรับแผ่นดินไหวได้ 8 แมกนิจูด และรองรับแรงระเบิดได้เป็นอย่างดี
รวมๆ แล้ว ที่พักแห่งนี้มีมูลค่าประมาณ 60,000 ล้านบาท ซึ่งถ้าไม่นับพระราชวังบักกิงแฮมของราชวงศ์อังกฤษ
ตึกแอนทีเลียของครอบครัวอัมบานี จะเป็นที่อยู่อาศัยที่แพงสุดในโลก เลยทีเดียว..
╔═══════════╗
Blockdit แอปเขียนบล็อกอันดับ 1
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
References
-https://www.dhirubhai.net/off-to-aden
-https://www.nytimes.com/2008/06/15/business/worldbusiness/15ambani.html?pagewanted=all
-https://www.forbes.com/profile/mukesh-ambani/?list=rtb#4c1b8382214c
-https://www.ril.com/Financial-Statement-2018-19.aspx
-https://www.ril.com/getattachment/b9a51ff7-41b4-421c-bf35-c589cbc66eb6/Financial%20Presentation%20-%20Q4%20Results.aspx
-https://www.ril.com/ar2018-19/ril-annual-report-2019.pdf
-https://www.forbes.com/profile/mukesh-ambani/?list=rtb#28053369214c
-https://sudsapda.com/top-lists/135391.html
-https://www.indiatoday.in/lifestyle/photo/ambani-antilia-inside-pics-1317117-2018-08-17
amazon financial report 2017 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
THE IVY LEAGUE 8 มหาวิทยาลัยที่มีเงินเท่ากับ 1 ประเทศ / โดย ลงทุนแมน
มูลค่าเงิน 4.2 ล้านล้านบาท..
เรากำลังพูดถึงเงินกองทุนของ 8 มหาวิทยาลัยเอกชน
ไม่ใช่ GDP ของประเทศใดประเทศหนึ่งแต่อย่างใด
กองทุนเหล่านี้ถูกตั้งขึ้นมา เพื่อใช้ในการบริหารมหาวิทยาลัย สนับสนุนงานวิจัย และใช้เป็นแหล่งเงินทุนให้กับนักศึกษาในการเข้าเรียน
โดยย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1954 กลุ่มมหาวิทยาลัย 8 แห่ง ได้รวมตัวกันภายใต้ชื่อ Ivy League
ซึ่งจุดประสงค์หลัก คือ การรวมตัวกันเพื่อจัดแข่งกีฬาร่วมกัน
โดยทุกมหาวิทยาลัยจะตั้งอยู่ในโซน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา
แล้ว 8 มหาวิทยาลัยนี้มีอะไรบ้าง และ กองทุนใหญ่ขนาดไหน?
1. Harvard
มีมูลค่ากองทุน 1.3 ล้านล้านบาท
2. Yale
มีมูลค่ากองทุน 9.1 แสนล้านบาท
3. Princeton
มีมูลค่ากองทุน 8.0 แสนล้านบาท
4. Pennsylvania
มีมูลค่ากองทุน 4.2 แสนล้านบาท
5. Columbia
มีมูลค่ากองทุน 3.4 แสนล้านบาท
6. Cornell
มีมูลค่ากองทุน 2.2 แสนล้านบาท
7. Dartmouth
มีมูลค่ากองทุน 1.7 แสนล้านบาท
8. Brown
มีมูลค่ากองทุน 1.1 แสนล้านบาท
โดยมหาวิทยาลัยเหล่านี้จะมีรายได้หลักจากเงินบริจาคจากศิษย์เก่า ค่าเล่าเรียนจากนักเรียน และ ผลตอบแทนจากการนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารทุน และสินทรัพย์อื่นๆ ซึ่งรวมถึง Venture Capital และ Private Equity อีกด้วย
แล้วผลตอบแทนจากการลงทุนในปี 2560 ใครทำได้ดีสุด?
จากรายงานประจำปีของแต่ละมหาวิทยาลัย
Princeton สามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 14.2% ซึ่งมากที่สุดใน 8 กลุ่มมหาวิทยาลัย
ในขณะที่ Yale, Pennsylvania, Dartmouth, Brown สามารถทำได้ที่ 12.0%-13.2%
Harvard และ Cornell มีผลตอบแทนประมาณ 10.0%
ส่วน Columbia อยู่ในอันดับสุดท้าย ที่ 9.0%
โดยในแต่ละมหาวิทยาลัยจะมีวิธีการในการแบ่งสัดส่วนในการลงทุนที่ต่างกันไป
แต่สิ่งที่ทุกมหาวิทยาลัยมีเหมือนกัน คือ
การลงทุนใน Venture Capital และ Private Equity ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นกว่าประเภทอื่นมาก
แล้วศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยใน Ivy League มีใครบ้าง?
Barack Obama
ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 44 จบจาก Harvard
Bill Clinton
ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 42 จบจาก Yale
Jeff Bezos
ผู้ก่อตั้ง Amazon และบุคคลรวยที่สุดของโลกในปัจจุบัน จบจาก Princeton
Elon Musk
CEO ของ Tesla จบจาก Pennsylvania
Warren Buffett
นักลงทุนชื่อดังของโลก จบจาก Columbia
หรือแม้แต่
Emma Watson นักแสดงในเรื่อง Harry Potter จบจาก Brown
เราจะเห็นได้ว่ามหาวิทยาลัยใน Ivy League ได้สร้างศิษย์เก่าที่มีส่วนสำคัญต่อโลกของเราไว้ในหลายด้าน
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
ถ้าเราคิดว่ามหาวิทยาลัยมีรายได้จากค่าเล่าเรียนเป็นหลัก เราอาจคิดผิด
ตัวอย่างเช่นในปี 2560 Harvard มีรายได้จาก ค่าเล่าเรียน คิดเป็น 22% ของรายได้ทั้งหมด
ในขณะที่รายได้หลักจะมาจากเงินบริจาค ซึ่งมากถึง 44% ของรายได้ทั้งหมด..
╔═════════════════╗
Blockdit แอปที่เป็นเหมือน คลังความรู้ขนาดใหญ่
อ่านฟรี โหลดเลย Blockdit.com/download
╚═════════════════╝
References:
-Princeton Report of the Treasurer 2017–18
-Harvard University Financial Overview
-https://news.yale.edu/…/investment-return-123-brings-yale-e…
-https://www.bestcollegereviews.org/history-ivy-league/
-https://www.columbiaspectator.com/…/columbia-endowment-rep…/
-https://www.theclassroom.com/definition-ivy-league-college-…
amazon financial report 2017 在 Annual Report 2017 PTT Public Company Limited - Investor ... 的推薦與評價
in 2017. 1,995,722. THB million. 004. Annual Report 2017 ... borders of Chiang Rai to sell coffee seeds directly to Amazon's coffee roasters ... ... <看更多>