ONE SUMMER STORY สายสัมพันธ์ที่มิอาจตัดขาด
ตัวอย่าง: https://youtu.be/NP-7nPsmOdQ
ONE SUMMER STORY ดัดแปลงจากหนังสือการ์ตูนในชื่อเดียวกันของ เรตโตะ ทาจิมะ บอกเล่าเรื่องราวของ มินามิ ซากุตะ สาวน้อยนักกีฬาว่ายน้ำที่ได้รับเครื่องรางจากคุณแม่ ก่อนที่เธอจะพบว่า โมจิ เพื่อนร่วมรั้วโรงเรียนที่มีงานอดิเรกเป็นอาจารย์สอนเขียนอักษรญี่ปุ่นเองก็มีเครื่องรางแบบเดียวกัน มินามิ สืบสาวราวเรื่องจนพบว่าแท้จริงแล้ว เครื่องรางนี้ถูกส่งมาจากพ่อแท้ ๆ ของเธอที่หย้าร้างกับคุณแม่ไปเมื่อครั้งที่เธอยังเด็ก และถูกยกย่องให้เป็นหัวหน้าลัทธิประหลาดในเวลาต่อมา นั่นทำให้เธอรู้สึกสนใจในตัวพ่อและอยากทำความรู้จักกับพ่อที่แท้จริง มินามิ จึงตัดสินใจใช้หน้าร้อนที่มีไปกับการเดินทางเพื่อทำความรู้จักพ่อแท้ ๆ ของเธอให้มากขึ้น
ONE SUMMER STORY เป็นหนังที่ค่อนข้างละเมียดละไมในการปูเนื้อเรื่องพอสมควร หนังเปิดด้วยการพาคนดูไปสัมผัสความอบอุ่นของครอบครัว ซากุตะ ความเหมือนกันของพ่อ(ใหม่)ของมินามิ กับตัวมินามิ ก่อนจะค่อย ๆ เผยให้เห็นจุดด่างพล้อยระหว่างพ่อลูกคู่นี้ ที่เป็นตัวจุดชนวนเรื่องราวเพื่อบอกคนดูว่า แท้จริงแล้วผู้ชายคนนี้คือพ่อคนใหม่ของเธอ
เนื้อเรื่องหลัก ๆ จึงเป็นการพาไปสำรวจความคิดของเด็กมัธยมอย่าง มินามิ ที่เธอไม่มั่นใจว่าการเดินทางไปหาพ่อแท้ ๆ ของเธอนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วหรือไม่ เพราะลึก ๆ แล้วเธอเองก็ไม่มั่นใจว่าแม่จะรู้สึกอย่างไรที่เธอไปพบกับพ่อที่หย่าร้างกันไปแล้ว ระหว่างทาง ONE SUMMER STORY จึงถ่ายทอดให้เห็นว่า มินามิ แม้จะเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่จะได้พบกับพ่อ แต่ก็แอบแฝงไปด้วยความกลัวในจิตใจไม่น้อยเลย
แต่ท้ายที่สุด สายเลือดก็ไม่ใช่อะไรที่ตัดขาดกันง่าย ๆ ONE SUMMER STORY สะท้อนให้เห็นว่าแม้มินามิจะไม่รู้จักพ่อแท้ ๆ ของเธอมาก่อนเลย ไม่เคยสัมผัสตัวตนของพ่อเธอ จนก่อตัวเป็นความกลัวขึ้นมา แต่การได้ลองใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเธอก็พบว่าทั้งเธอและเขามีความเหมือนกันมากกว่าที่ตัวเธอจินตนาการไว้
ONE SUMMER STORY เป็นหนังที่มีมุมกล้องน่าสนใจ และหลาย ๆ ฉากก็ถ่ายทำออกมาได้ค่อนข้างสวย แต่ในทางกลับกัน บางฉากในหนังกลับให้ความรู้สึกเหมือนดูโฆษณามากกว่า
#จดอ #JUSTดูIT
#เทศกาลหนังญี่ปุ่น
#JapaneseFilmFestival #HouseEdition
#JapanFoundationBangkok
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「japanesefilmfestival」的推薦目錄:
japanesefilmfestival 在 JUST ดู IT. Facebook 的最佳解答
STOLEN IDENTITY แค่โทรศัพท์หายความตายก็มาเยือน !
ตัวอย่าง: https://youtu.be/QE_NgXe2M1g
STOLEN IDENTITY ภาพยนตร์ดัดแปลงจากนวนิยายในชื่อเดียวกันจากปลายปากกาของ อะคิระ ชิงะ (ฉบับแปลไทยชื่อ แค่ทำโทรศัพท์มือถือหายทำไมต้องกลายเป็นศพ) บอกเล่าเรื่องราวของ หนุ่มดวงซวยโทมิตะ ที่ลืมโทรศัพท์มือถือเอาไว้บนรถ Taxi แต่โชคดี(?)ในความโชคร้าย ที่มีคนเก็บไว้ได้ และได้ อาซามิ แฟนสาวไปตามโทรศัพท์คืนให้ ก่อนจะพบว่าข้อมูลต่าง ๆ ในโทรศัพท์ได้ถูกแฮ็คไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยและมันค่อย ๆ แผ่วงกว้างไปสู่คนรอบตัว ไม่เว้นแม้แต่ความสัมพันธ์ระหว่าง โทมิตะ และ อาซามิ ก็ค่อย ๆ เกิดรอยร้าวมากขึ้นทุกที
STOLEN IDENTITY เป็นเหมือนหนังที่คอยเตือนให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังและมีแผนสำรองให้กับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอยู่เสมอ ๆ แม้จุดเริ่มต้นของเรื่องราวจะเกิดขึ้นจากการเหตุการณ์เล็ก ๆ อย่างลืมโทรศัพท์ไว้บนรถแต่ STOLEN IDENTITY ก็ขยายวงกว้างของข้อผิดพลาดนี้ให้ออกมาน่ากลัว และระทึกขวัญได้อย่างยอดเยี่ยม
ในยุคที่ SmartPhone มีคุณสมบัติมากมายหลากหลายอย่าง ที่ผู้ใช้แทบจะถ่ายโอนความเป็นตัวตนทุกอย่างลงไปในมือถือเพียงเครื่องเดียว เพราะความสะดวกสบาย จบครบในขั้นตอนสั้น ๆ ในทางกลับกันโทรศัพท์มือถือก็นับเป็นหนึ่งในทรัพย์สินส่วนตัวที่หายบ่อยสุด ๆ เช่นกัน แน่นอนว่าอันตรายที่ตามมามันก็ยิ่งมากขึ้นไปด้วย
ทุกวันนี้เราสามารถจ่ายเงินผ่านโทรศัพท์ได้ มีแอพธนาคาร มี Social Network ต่าง ๆ ที่ Login ไว้แล้วเรียบร้อย แม้จะใส่พาสเวิร์ดป้องกันไว้มากแค่ไหน แต่คนส่วนใหญ่ก็มักหยิบเอาสิ่งใกล้ตัวมาตั้งเป็นพาสเวิร์ดอยู่เสมอ นั่นทำให้การแฮ็คข้อมูลเองก็ไม่ใช่ร่างยากอีกต่อไป STOLEN IDENTITY เลยหยิบเอาเรื่องนี้มาสะท้อนให้เห็นถึงความน่ากลัวจากความผิดพลาดแค่เพียงเล็กน้อยแต่กลับมีอิทธิพลขนาดที่สามารถเปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล
STOLEN IDENTITY เป็นการผสมผสานหนังรักและหนังฆาตกรรมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยการเปิดเรื่องด้วยความน่ารักสุดแสนหวานของ อาซามิ และ โทมิตะ ก่อนที่หายนะจะตามมาแล้วค่อย ๆ ทำให้เห็นฝันร้ายของความสัมพันธ์ว่าความรู้สึกและความเชื่อของคนนั้นเปราะบางแค่ไหน
แต่อย่างไรก็ตาม หนังก็ค่อนข้างมีจุดที่ไม่เมคเซนส์แบบเห็นชัด ๆ เป็นจุดใหญ่อยู่ในเรื่อง แม้ว่าจะเป็นการตลบหลังเพื่อสร้างความช๊อคให้กับคนดู แต่ความไม่เมคเซนส์ ทำให้ทำใจเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้ค่อนข้างยาก
#StolenIdentity
#JapaneseFilmFestival #HouseEdition
#JapanFoundationBangkok
japanesefilmfestival 在 Mumu Ngui Facebook 的最佳貼文
#colormetrue 我只看了一点预告,就知道这一定又是一部非常好看的日本电影。(不是业配,真心推荐) ❤
每年 #JFF 都会精挑引进一些非常有意思的日本电影来马来西亚,而且电影票也很便宜,今年也不例外。(还赠送可爱贴纸😍)
为了不 SPOILER,木木就只和各位分享一小部分昨晚和妻子一起看的这部 COLOR ME TRUE。不夸张,金她整个哭到脸部都扭曲了 😂 (铁心肠的我也几度哽咽了)
故事建立在日本的 60 年代,喜欢复古 feel 的你一定会爱上这电影所呈现的时代感。小制片男主爱上了一位来自黑白电影的公主,(和电影里的人物谈恋爱这题材真的绝啊!) 公主穿越空间来到了男主世界,男主让公主认识了 “颜色“ 的魔力。
当然故事发展两人自然的就开始暧昧啊,互相爱慕啊之类,某些原因他们是不能触碰对方,彼此相爱但又得和对方保持距离看到很纠心,所以电影里有很多特别的桥段,比如很唯美的隔着玻璃镜亲吻等。
很多大电影看了后很快就会忘记了那电影带来的感受,这部就是那种你看了后会不断的回味他的细节,沉溺在他们的暧昧,久久不能回来。
哎呀,总之去看啦,不会点你的啦。💑
Japanese Film Festival SG GSCMOVIES #japanesefilmfestival #japanesefilmfestival2019