บันทึกมาราธอนที่ 9
---
1
รู้แหละว่าสภาพร่างกายไม่น่าทำ sub4 ได้ แต่คนเรามันต้องมีความฝัน (ฮ่าฮ่า) ก่อนนอนเลยเขียนแผนใส่แขนไว้ เอาไว้วิ่งในฝัน แต่ตื่นมามันยังอยู่ เลยไปวัดดวงดูในสนาม
2
ออกตัวไป 10 โลแรก ยั้งใจและยั้งขาเอาไว้ รู้ว่าเคยยางแตกเพราะเนิน Laguna มาแล้ว ตอนนั้นเล่นเอาเดินยาวไปจบที่ 5.19 ชม. ปิ้งย่างแบบพร้อมเสิร์ฟด้วยแดดเก้าโมง แต่วันนี้อาการดี หายใจไม่หอบ ประคองเพซ 5'20"-5'40" นาที/กม. ไปได้เรื่อยๆ จบ 10k ที่ 54 นาที -- อา...มีลุ้น
3
ยังวิ่งต่อขึ้นลงเนินเล็กใหญ่เหมือนเล่นรถไฟเหาะ สนาม Supersports Laguna Phuket Marathon นี่ขึ้นชื่อเรื่องนี้ หลายคนยกให้เป็นสนามที่ 'ไม่ง่าย' เพราะทางราบหายากกว่าเนิน จบ 21k ที่ 1.56 ชม. (ตามหลังแผนอยู่ 4 นาที) -- โอกาสที่จะทำได้คือ วิ่งเพซ 5'30" ไปให้ถึงโลที่ 32 (เพื่อชดเชย) ซึ่งยังแอบโกหกตัวเองว่า "เฮ้ย อาจจะทำได้"
4
หลังจากวิ่งวนช่วงกลับตัวแถวหาดในทอน เป็นส่วนของสนามที่ชิลล์มาก วิ่งริมทะเล ช่วงที่ออกจากหาดมาแล้วถนนดี บรรยากาศดีมาก นั่นคือช่วงเวลาแห่งความรื่นรมย์ครั้งสุดท้ายของการวิ่งวันนี้ของผม
5
โลที่ 26 เริ่มร้าวที่ขา พยายามคิดถึงข้อความที่เคยอ่านจากเว็บวิ่งของฝรั่ง เขาแนะนำว่า stay positive อาการปวดเป็นเรื่องปกติในช่วงนี้ ให้หัวเราะให้มัน ปัดมันทิ้ง แล้วเอ็นจอยวิวสองข้างทาง แน่นอนว่าภูเขาภูเก็ตนั้นสวย แต่ในใจร่ำร้องงอแงเหลือเกิน
6
พยายามกัดฟันวิ่งไปเรื่อยๆ "หน้าที่ของคุณคือ...วิ่งต่อไป" เว็บวิ่งเขาว่าไว้ แต่เนินก็โผล่มาเหมือนลูกสมุนตัวร้ายเหมือนจะถามว่า "นี่แน่ะ แกไม่ยอมใช่มั้ย โจมตีมันเข้าไปอีก อีก อีก" พยายามเอาชนะลูกสมุนจนเจอบอสใหญ่ เนินสูงปรี๊ด ก็ค่อยๆ ย่องขึ้นเขา--ตอนนี้ความเร็วหล่นไปเพซ 6 แต่ช่วงทางเรียบก็ยังกลับมา 5'40" ได้บ้าง แต่ขาร้าวระบมไปหมดแล้ว
7
ประมาณโล 28 ความคิดว่าจะเดินเริ่มแว้บเข้าหัว เริ่มตัดใจกับเป้าหมาย งอแงไปถึงขึ้นว่า จบ 4.30 ชม. ก็ได้น่าาา แต่ก็วิ่งต่อไป แล้วค่อยๆ นับถอยหลัง เช่น เอาให้ถึง 30 ก่อน แล้วก็...เอาให้ถึง 32
8
ระหว่างวิ่งเจอเพื่อนพี่น้องนักวิ่งตะโกนทักเยอะมาก ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ สำหรับคำว่า "สู้ๆ" บางคนก็วิ่งมาคุยกัน มีน้องคนหนึ่งถามว่า "พี่เอ๋ไหวมั้ย" ตอนนั้นอยากเห็นหน้าตัวเองมากว่าเป็นยังไง อะไรทำให้เธอถามประโยคนี้ 555 ช่วงโล 30 กว่าก็มีอีกคนหนึ่งถามว่า "พี่ได้ซ้อมบ้างมั้ย" คงเห็นสปีดที่ค่อยๆ กระดึ๊บไปทีละนิด ขอบคุณทุกคนเลยครับที่ทักกัน อ้อ เป็นการวิ่งที่ได้เซ็นหนังสือด้วย ให้คุณแบ๊ตที่โล 31 นับเป็นมิติใหม่มาก 555
9
เข้าสู่โลที่ 30 ว่ากันว่า นักวิ่งมาราธอนลงมาราธอนก็เพื่อมาเจอความรู้สึกช่วงนี้ คือความรู้สึกไม่ไหว ไม่อยากไปต่อแล้ว มันร้าว มันล้า มันหมด ต้องต่อสู้กับตัวเองว่าเอาไงต่อดี จะเดิน จะลดความเร็ว จะเลิก จะล้มเป้าหมาย นี่คือช่วงวิกฤตซึ่งจะเกิดขึ้นในระยะฟูลมาราธอนขึ้นไป เราวิ่งฟูลเพื่อมาเจอช่วงเวลานี้ มันรอคอยเราอยู่แถวๆ โลที่ 30 ในช่วงเวลานั้น เราจะจ๋อย เราจะดูอ่อนด้อยกว่าที่คิดว่าตัวเองเก่ง แต่เราก็สู้เท่าที่สู้ไหว เราจะตัวใหญ่ขึ้นด้วยใจไม่ยอมแพ้
10
ผมออกแบบการวิ่งใหม่หลังโล 32 นั่นคือ เดินสลับวิ่ง เพราะการเดินสัก 100 เมตรจะทำให้หลังจากนั้นวิ่งได้ดีขึ้น หรือเจ็บปวดน้อยลง แต่พยายามบอกตัวเองว่าห้ามเดินจนติดใจ ช่วงที่วิ่งก็จะขอแถมกับตัวเองตลอดว่า ไปอีกสามเสาไฟฟ้า ไปให้ถึงต้นไม้ใหญ่ต้นนู้น หรือเอาให้ถึงป้าย 35km ทำให้ยังพอจะวิ่งในเพซ 6'10"-6'20"
11
แต่พอหลังจากโล 37 ไปก็เริ่มร่วงไปเพซ 7 มาได้ฮึดอีกครั้งตอนสองโลสุดท้าย มีนักวิ่งหนุ่มสองคนไม่ชะลอฝีเท้าเลย ทั้งที่ก็ดูเหนื่อยและหมดแรงมาก ตอนนั้นคำนวณในใจว่า ถ้าวิ่งไม่หยุดน่าจะได้ 4.15 ชม. ตามเป้า ส่วน sub4 นั้นอย่าได้ถาม หลุดลอยไปนานแล้ว ผมวิ่งตามเพื่อนนักวิ่งไป เกาะเพซเขา ทำให้วิ่งเพซ 5'53" ในโลที่ 41 และ 4'54" ในช่วงท้าย
12
พอเห็นเส้นชัยแรงก็มาเอง สับเท้า (ลืมความระบม) เข้าเส้นชัยด้วยเวลา 4.12 ชม. ซึ่งดีใจมาก เพราะตอนเดินสลับวิ่งนี่ปลงแล้วว่าอาจจะไหลไป 4.30 ชม. นับเป็นสถิติที่ดีที่สุดของสนามลากูน่า จากคราวที่แล้วที่ยางแตกจบที่ 5.19 ชม. แน่นอนว่า ยิ้มแฉ่ง
13
และผมก็จำความรู้สึกของมาราธอนได้ทันที! เราวิ่งไกลเพื่อไปถึงจุดที่ต้องต่อสู้กับตัวเอง แล้วเวลาเอาชนะตัวเองได้มันรู้สึกดีเหลือเกิน เราเลือกทางไกลเพื่อไปสัมผัสความรู้สึกนี้ เป็นความรู้สึกที่การวิ่งสั้นให้ไม่ได้ เรื่องง่ายไม่มีสิ่งนี้ให้เรา -- เป็นสุขจากการข้ามผ่านเรื่องยาก
14
เข้าเส้นชัยมาเจอพี่ป๊อกและหมอเมย์ ระหว่างวิ่งเจอพี่ตูน พี่เอียด พี่นะ ตอนสวนกันก็เลยตะโกนทักทาย เจอพี่น้องนักวิ่งหลายคนทักทาย ถ่ายรูปกัน หลายคนบอกว่าวิ่งเพราะอ่านหนังสือผม Homo Finishers ดีใจมากๆ ครับ 😊
15
การวิ่งไม่ได้ทำให้เราฝึกเอาชนะด้านอ่อนแอของตัวเองเท่านั้น มันยังพาเราไปพบเพื่อนๆ ที่ชอบวิ่งเหมือนกันด้วย
16
ผมชอบสนามนี้ มันมีเสน่ห์เฉพาะตัว แน่ล่ะ ไม่ใช่สนามที่ง่าย แต่ก็เพราะไม่ง่าย เลยท้าทายให้เราพัฒนาแข้งขาและน่องให้มาลองลุยเพื่อทำให้ดีขึ้น เชื่อว่าถ้าใครมาลองสักครั้งจะอยากมาอีก ส่วนมาแก้แค้นหรือจะมาวิ่งกินลมชมวิวก็ว่ากันไป ผมเชื่อว่ามีคนติดใจสนามนี้คล้ายๆ กัน
17
อีกอย่างที่อยากพูดถึงแถมท้าย งาน Supersports Laguna Phuket Marathon ปีนี้จัดงานโดยรักษามาตรฐานของสุขอนามัยได้น่าชื่นชมมากครับ ทั้งการตรวจวัดอุณหภูมิ สแกนชื่อ ใส่หน้ากากเข้างาน Expo ตอนวิ่ง น้ำก็ปิดฝาหมดทุกขวด ถือว่าเป็นมาตรฐานแบบ New Normal ที่ทำให้นักวิ่งอุ่นใจในความปลอดภัย
18
วันนี้ sub4 ไม่สำเร็จ แต่ผมยังฝัน และจะกลับมาทำ sub4 ที่สนามนี้ให้ได้สักครั้ง สงสัยต้องซ้อมทางชันให้มากขึ้นอีกเยอะ แต่สำหรับนักวิ่งอนุบาลอ่อนซ้อมอย่างเรา 4.12 ชม. ก็นับเป็นผลลัพธ์ที่ทำให้กลับกรุงเทพฯ อย่างมีความสุขแล้ว
เป็นอีกวันที่ดี เป็นมาราธอนแรกและมาราธอนเดียวของปีนี้ เป็นมาราธอนที่ 9 ของชีวิต ขอบคุณภูเก็ต ขอบคุณลากูน่า ขอบคุณ Banyan Tree (บริการประทับใจมากครับ พนักงานน่ารักทุกคนจริงๆ) ขอบคุณพี่ตุ้มสำหรับมิตรภาพและการดูแลอย่างอบอุ่น และขอบคุณเพื่อนนักวิ่งทุกคนที่ทักทายกัน ยินดีกับทุกคนในทุกระยะทั้งที่เข้าเส้นชัยสำเร็จและพยายามอย่างเต็มที่ระหว่างทาง ✌
เรายังวิ่งกันต่อไป เพื่อเจอช่วงเวลาที่ต้องต่อสู้กับตัวเองว่าจะไปต่อหรือเลิก
และทุกครั้งที่เลือกไปต่อ เราก็จะพบความรู้สึกที่เต็มอิ่มตรงเส้นชัยเสมอ
เป็นความรู้สึกที่เรื่องง่ายให้ไม่ได้จริงๆ
#SPLM
#SupersportsLagunaPhuketMarathon
#phuketmarathon
#แขนของคนอ่อนแอแต่มีฝัน
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...