Lenovo จากบริษัทไม่มีใครรู้จัก สู่แบรนด์คอมพิวเตอร์ ขายดีสุดในโลก /โดย ลงทุนแมน
ผู้ที่ครองส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือ PC ได้มากที่สุดในโลกก็คือ “Lenovo” แบรนด์จากประเทศจีน ที่สามารถแซง HP และ Dell จากสหรัฐอเมริกา จนขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของโลกได้เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2013 และยังคงรักษาตำแหน่งอันดับ 1 ได้จนถึงปัจจุบัน
Lenovo ยังถือเป็นบริษัทจีนที่ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทระดับโลกได้เป็นบริษัทแรก ๆ ก่อนบริษัทระดับโลกในยุคปัจจุบันอย่างเช่น Alibaba, Tencent, Huawei และ Xiaomi
แล้ว Lenovo ทำได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จากข้อมูลของ Gartner ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านเทคโนโลยีชั้นนำของโลก จำนวน PC ที่ส่งมอบทั้งปี 2020 แบรนด์ที่ครองส่วนแบ่งตลาดโลกได้มากที่สุดก็คือ
อันดับ 1 Lenovo จากจีน 24.9%
อันดับ 2 HP จากสหรัฐอเมริกา 21.2%
อันดับ 3 Dell จากสหรัฐอเมริกา 16.4%
อันดับ 4 Apple จากสหรัฐอเมริกา 8.2%
อันดับ 5 Asus จากไต้หวัน 6.0%
คำว่า PC ในความหมายของ Gartner จะแปลว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ซึ่งครอบคลุมผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และแล็ปท็อป
แล้วก่อนจะกลายมาเป็นบริษัทที่ขาย PC ได้มากที่สุดในโลก Lenovo มีจุดเริ่มต้นอย่างไร ?
ย้อนกลับไปในปี 1984 หรือเมื่อ 37 ปีก่อน ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
“Liu Chuanzhi” เป็นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่ทำงานวิจัยอยู่ที่สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (CAS)
ตอนนั้น คุณ Liu รู้สึกว่าสิ่งที่คิดค้น มักจะจบลงแค่ในห้องทดลองและไม่ได้ถูกต่อยอดนำไปใช้ประโยชน์กับคนหมู่มาก
คุณ Liu ในวัย 40 ปี จึงขอเงินทุนจาก CAS มาได้ 2 แสนหยวน หรือราว 1 ล้านบาท เพื่อเปิดบริษัทเกี่ยวกับสินค้าเทคโนโลยีเอง
หลังจากได้ทุนมาแล้ว เขาก็ได้รวบรวมทีมงานที่เป็นนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรคอมพิวเตอร์ชาวจีนอีก 10 คนและได้ก่อตั้งบริษัท ในตอนแรกชื่อว่า “Legend”
ในเวลานั้น ถือเป็นจังหวะที่ดี เพราะประเทศจีนกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน จากยุคเหมาเจ๋อตง ที่ระบบเศรษฐกิจถูกวางแผนโดยรัฐและไม่ค้าขายกับต่างประเทศ มาเป็นยุคเติ้งเสี่ยวผิง ที่เริ่มปฏิรูปเศรษฐกิจ
โดยให้ภาคเอกชนมีบทบาทมากขึ้นและเริ่มค้าขายกับต่างประเทศ
แต่ Legend มีอุปสรรคสำคัญก็คือ ด้วยความที่ทีมงานมีพื้นฐานมาจากการเป็นนักวิจัย การเลือกประเภทสินค้าจึงไม่ค่อยตรงกับความต้องการของตลาด ซึ่งก็ได้ทำให้บริษัทต้องลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้ง
โดย Legend เริ่มจากการนำเข้าโทรทัศน์สีมาขายแต่ล้มเหลว
จึงเปลี่ยนมาพัฒนานาฬิกาข้อมือดิจิทัล แต่ก็ล้มเหลว
พอเปลี่ยนมาให้บริการตรวจสอบคุณภาพคอมพิวเตอร์ก่อนถึงมือลูกค้า ก็ยังคงล้มเหลว
จนกระทั่ง Legend หันมาลงทุนพัฒนาแผ่นวงจรพิมพ์ หรือ PCB เพื่อให้คอมพิวเตอร์ของ IBM ที่นำเข้ามา ใช้งานเป็นภาษาจีนได้ ซึ่งก็ถือว่าได้ผลตอบรับดี
หลังจากนั้น Legend จึงได้เริ่มนำเข้าคอมพิวเตอร์จากต่างประเทศ แล้วขายระบบภาษาจีนพ่วงด้วย
ทำให้คอมพิวเตอร์ที่บริษัทนำเข้ามา ขายดีมาก ซึ่งนี่ถือเป็นจุดเปลี่ยนแรกที่สำคัญ เพราะ Legend ได้เริ่มเรียนรู้ความต้องการของตลาด จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าต่างประเทศ
ในเวลาต่อมา Legend จึงต่อยอดกิจการด้วยการไปตั้งบริษัทย่อยที่ฮ่องกง เพื่อผลิตและส่งออก PCB จนกระทั่งในปี 1990 บริษัทก็ได้เริ่มผลิตคอมพิวเตอร์แบรนด์ของตัวเองและสามารถนำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงได้ในปี 1994
ผลิตภัณฑ์แรก ๆ ของ Legend ที่ประสบความสำเร็จคือเมนเฟรมคอมพิวเตอร์
ก่อนที่บริษัทจะเริ่มผลิตคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและแล็ปท็อปตามมา
จนในที่สุด Legend ก็มีรายได้หลักมาจากการขายคอมพิวเตอร์ที่เป็นแบรนด์ของตัวเองและได้กลายเป็นแบรนด์คอมพิวเตอร์ที่มียอดขายมากที่สุดในประเทศจีน ด้วยส่วนแบ่งตลาดกว่า 43% ในปี 1998
ซึ่งนอกจากการวิจัยพัฒนาคอมพิวเตอร์แล้ว กลยุทธ์ที่ทำให้ Legend ครองตลาดจีนได้ก็คือการขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้า เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ได้มากที่สุด รวมถึงการสร้างเครือข่ายและความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวแทนจัดจำหน่าย
หลังจากประสบความสำเร็จในประเทศแล้ว Legend จึงตั้งเป้าหมายใหญ่ขึ้น
ด้วยการก้าวสู่ตลาดโลก ภายใต้การนำของ CEO คนใหม่ที่ชื่อว่า “Yang Yuanqing”
คุณ Yang เริ่มงานที่ Legend ตั้งแต่ตอนที่บริษัทเปิดรับสมัครพนักงานครั้งแรกเมื่อปี 1988 โดยเริ่มจากตำแหน่งพนักงานขาย ซึ่งก็สร้างผลงานได้โดดเด่น จนไปเข้าตาประธานบริษัทอย่างคุณ Liu
คุณ Yang จึงได้เลื่อนขั้นมาเป็นหัวหน้ากลุ่มธุรกิจ PC ในวัยเพียง 29 ปี
ก่อนที่จะรับตำแหน่ง CEO ในปี 2001 ขณะที่อายุ 37 ปี
เพื่อเตรียมก้าวสู่ตลาดโลก Legend จึงรีแบรนด์ในปี 2003 ด้วยการเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “Lenovo” ซึ่งมาจากคำว่า “Le” จากชื่อบริษัทเดิม Legend รวมกับคำว่า “Novo” ที่แปลว่า ใหม่ ในภาษาละติน
ต่อมาในปี 2004 บริษัท IBM ได้ประกาศขายธุรกิจคอมพิวเตอร์
ซึ่ง IBM เป็นบริษัทผู้นำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์จากสหรัฐอเมริกา โดยนับเป็นบริษัทแรก ๆ ในโลกที่เริ่มขาย คอมพิวเตอร์จนมีแล็ปท็อป “ThinkPad” ที่โด่งดัง และครองส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์เป็นอันดับ 3 ของโลกในขณะนั้น เป็นรองจาก Dell และ HP
แต่สาเหตุสำคัญที่ IBM ตัดสินใจขายธุรกิจคอมพิวเตอร์ เพราะมองว่าเทคโนโลยีเครื่องคอมพิวเตอร์ ถูกคู่แข่งเลียนแบบได้ง่าย แถมยังแข่งกันตัดราคาขาย ทำให้อัตราการทำกำไรต่ำ บริษัทจึงอยากโฟกัสธุรกิจที่สร้างกำไรได้ดี อย่างพวกซอฟต์แวร์และกลุ่มให้บริการ มากกว่า
ที่น่าสนใจก็คือ ทั้งที่ Dell ก็เสนอซื้อเช่นกัน แต่ IBM กลับเลือกขายธุรกิจคอมพิวเตอร์ให้กับ Lenovo ซึ่งในตอนนั้นยังเป็นบริษัทจากประเทศจีนที่แทบไม่มีคนรู้จัก
โดย IBM ให้เหตุผลว่าตอนนั้นรัฐบาลจีนกำลังผลักดันบริษัทจากจีนให้ได้เติบโตในระดับโลก
IBM จึงตอบสนองความต้องการของรัฐบาลจีน เพื่อเปิดโอกาสให้ IBM เข้าไปบุกตลาดจีนได้ง่ายขึ้น
Lenovo ที่อยากขายสินค้าไปทั่วโลก จึงตกลงซื้อธุรกิจคอมพิวเตอร์ของ IBM ในปี 2005 ด้วยมูลค่า 1.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นบริษัทแรก ๆ ของจีน ที่มีดีลการเข้าซื้อกิจการต่างประเทศ
นั่นจึงทำให้ Lenovo ได้โรงงานผลิตคอมพิวเตอร์ของ IBM ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย ได้ช่องทางการจัดจำหน่ายและฐานลูกค้าทั่วโลก รวมถึงได้ทีมงานจาก IBM ซึ่งทำให้บริษัทมีพนักงานเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ที่สำคัญก็คือ ไลน์ผลิตภัณฑ์กลุ่ม “Think” ที่ขายดีที่สุดของ IBM อย่าง ThinkPad ที่เป็นแล็ปท็อป และ ThinkCentre ที่เป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ก็จะเปลี่ยนโลโกจาก IBM มาเป็น Lenovo
และนี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ Lenovo ซึ่งแต่เดิมแทบไม่มียอดขายในต่างประเทศเลย สามารถเติบโตแบบก้าวกระโดดจากบริษัทคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 9 ของโลก ขึ้นมามีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 3 ของโลก แทนที่ IBM ทันที
นอกจากนี้ การรวมพนักงานนานาชาติของทั้ง 2 บริษัท ทำให้ Lenovo ปรับโครงสร้างกรรมการบริษัทและทีมบริหารให้มีสัดส่วนชาวจีนและอเมริกันเท่า ๆ กัน
อีกมุมที่ Lenovo ให้ความสำคัญไม่แพ้การมีสินค้าขายไปทั่วโลก ก็คือการปรับวัฒนธรรมองค์กร ธรรมาภิบาล รวมถึงมาตรฐานบัญชี ให้มีความเป็นสากล
ยกตัวอย่างเช่น แม้ในตอนนั้นตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงจะกำหนดให้ส่งงบประมาณเพียงปีละ 2 ครั้ง แต่ CFO หญิงผู้วางรากฐานที่สำคัญให้ Lenovo อย่างคุณ Mary Ma เลือกให้บริษัทเปิดเผยงบประมาณปีละ 4 ครั้งเป็นรายไตรมาส ตามมาตรฐานสากล
จากการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ Lenovo จึงเปลี่ยนจากบริษัทท้องถิ่น มาเป็นบริษัทข้ามชาติ
ซึ่งถือได้ว่าเป็นบริษัทข้ามชาติแห่งแรกที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศจีน
แต่หลังจากนั้นไม่นาน Lenovo ก็ต้องเจอความท้าทายครั้งใหญ่ เพราะผลจากวิกฤติการเงินโลกในปี 2008 ทำให้ผลประกอบการปี 2009 ของบริษัทพลิกเป็นขาดทุนมากถึง 7.4 พันล้านบาท
ในปี 2009 คุณ Yang ที่ได้เลื่อนตำแหน่งไปเป็นประธานกรรมการบริษัทในปี 2004 ได้ขอกลับมารับตำแหน่งเป็น CEO อีกครั้งเพื่อนำบริษัทให้กลับมามีกำไร รวมถึงเร่งเพิ่มยอดขายและขยายส่วนแบ่งตลาด ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนสูง แต่คุณ Yang ขอเวลา 4 ปี แล้วค่อยวัดผล
คุณ Yang เริ่มจากการฟื้นฟูตลาดเดิมที่ทำกำไรได้ดีอยู่แล้ว นั่นก็คือ ฐานลูกค้าเดิมจาก IBM อย่าง PC สำหรับลูกค้าองค์กร และฐานลูกค้าเดิมของ Lenovo อย่างตลาดในประเทศจีน
ขณะเดียวกันก็บุกตลาดใหม่ ๆ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตแรงและมีจำนวนประชากรมาก อย่างเช่น อินเดีย เพื่อขยายฐานลูกค้าไม่ให้พึ่งพาชาวจีน มากเกินไป
ซึ่งกลยุทธ์เชิงรุกนี้ช่วยเพิ่มรายได้ได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังต้องแลกกับการทุ่มงบประมาณก้อนใหญ่ เพื่อทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก และทำการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขาย
Lenovo จึงได้เพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายขึ้นนอกเหนือจาก ThinkPad ที่เป็นแล็ปท็อปพรีเมียมราคาสูง อย่างเช่น IdeaPad ที่เป็นแล็ปท็อปราคาเข้าถึงง่าย รวมถึง Yoga ที่ฟังก์ชันการใช้งานเป็นได้ทั้งแล็ปท็อปและแท็บเล็ต
นอกจากนี้ Lenovo ได้เร่งขยายส่วนแบ่งตลาดจากการควบรวมกิจการมากมาย ยกตัวอย่างเช่น
ปี 2011 Lenovo ซื้อบริษัทอิเล็กทรอนิกส์เยอรมันที่ชื่อ Medion ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของ Lenovo ในเยอรมนีเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวทันที และ Lenovo ยังตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัท NEC ของญี่ปุ่น ทำให้กลายเป็นบริษัท PC ที่ใหญ่สุดในญี่ปุ่น
ปี 2012 Lenovo ซื้อบริษัทคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่สุดในบราซิลที่ชื่อ CCE ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการเจาะตลาดอเมริกาใต้
ปี 2018 Lenovo ซื้อกิจการคอมพิวเตอร์ของ Fujitsu ประเทศญี่ปุ่น
ผลลัพธ์จากแผนงานที่นำทีมโดยคุณ Yang หลังจากวิกฤติการเงินโลก ก็ถือว่าเกินความคาดหมาย
เพราะ Lenovo สามารถเพิ่มสัดส่วนรายได้จากประเทศอื่น ๆ และลดสัดส่วนจากจีนลงได้ จาก 46% ในปี 2010 เหลือเพียง 23% ในปัจจุบัน โดยรายได้ของ Lenovo กว่า 80% ยังมาจากธุรกิจคอมพิวเตอร์
ในด้านของส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์ Lenovo สามารถชนะ Dell จนขึ้นมาเป็นที่ 2 ของโลกได้เป็นครั้งแรกในปี 2011 ก่อนที่จะแซง HP ขึ้นมาเป็นที่ 1 ของโลกในอีก 2 ปีถัดมา และยังครองอันดับ 1 มาจนถึงปัจจุบัน
ความสำเร็จของการปลุกปั้นธุรกิจคอมพิวเตอร์ของ Lenovo ก็ได้ทำให้ คุณ Yang ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน CEO ที่เก่งที่สุดในโลก รวมถึงผู้ก่อตั้งอย่างคุณ Liu ที่ได้รับฉายาว่าเป็น “ไฮเทคฮีโรแห่งประเทศจีน”
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
คุณ Liu Chuanzhi ผู้ก่อตั้ง Lenovo มีลูก 2 คน
หนึ่งในนั้นคือลูกสาวที่ชื่อว่า Liu Qing หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า “Jean Liu”
หลังจากที่ Jean Liu จบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และทำงานที่ Goldman Sachs มา 12 ปี
เธอก็ย้ายมารับตำแหน่งเป็น COO ให้กับบริษัทสตาร์ตอัปของจีนที่ชื่อ Didi Dache
เธอมีบทบาทสำคัญในการควบรวมกิจการระหว่าง Didi Dache กับบริษัทคู่แข่งอย่าง Kuaidi Dache ในปี 2015 ที่เปลี่ยนมาใช้ชื่อใหม่เป็น “Didi Chuxing” แอปพลิเคชันเรียกแท็กซี่และส่งอาหารอันดับ 1 ของจีน
ปัจจุบัน เธอดำรงตำแหน่งประธานบริษัท ซึ่งเป็นผู้นำคนสำคัญของ Didi Chuxing ร่วมกับผู้ก่อตั้งอย่างคุณ Cheng Wei ที่ดำรงตำแหน่งเป็น CEO และประธานกรรมการ จนถูกจัดอันดับจากนิตยสาร Time ให้เป็น 1 ใน 100 คน ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกเมื่อปี 2017
ซึ่งก็เรียกได้ว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เลยทีเดียว..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.economist.com/business/2013/01/12/from-guard-shack-to-global-giant
-https://www.economist.com/business/2001/09/13/legend-in-the-making
-https://www.ft.com/content/2bb25562-4ae0-11d9-a0ca-00000e2511c8
-https://www.cnbc.com/2016/12/01/china-based-lenovos-ride-to-top-spot-of-pc-business.html
-https://www.marketwatch.com/story/why-ibm-selling-server-unit-to-lenovo-is-bad-news-for-hp-1390500250
-https://www.wsj.com/articles/the-worlds-largest-pc-maker-is-no-longer-a-bargain-11550742853
-https://www.theverge.com/2012/1/3/2677691/ex-ibm-ceo-revisits-selling-pc-business-samuel-palmisano
-https://en.wikipedia.org/wiki/Lenovo
-https://en.m.wikipedia.org/wiki/Market_share_of_personal_computer_vendors
-https://investor.lenovo.com/en/financial/results.php
同時也有405部Youtube影片,追蹤數超過0的網紅キッズライン♡Kids Line,也在其Youtube影片中提到,チャンネル登録♥Subscribe♥subscrever♥الاشتراك♥채널등록 Kids Lineキッズライン http://goo.gl/6BqZ2v こうくんねみちゃん https://goo.gl/qxggwV キッズラインWorld https://goo.gl/rdeRJ4 トイキッ...
「story maker」的推薦目錄:
- 關於story maker 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於story maker 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於story maker 在 Facebook 的最讚貼文
- 關於story maker 在 キッズライン♡Kids Line Youtube 的最佳貼文
- 關於story maker 在 DJ Macky Suson Youtube 的最讚貼文
- 關於story maker 在 DJ Macky Suson Youtube 的最佳解答
- 關於story maker 在 Story Maker - Home | Facebook 的評價
- 關於story maker 在 Facebook Story Maker - Create Beautiful Video Stories Online 的評價
- 關於story maker 在 Story Maker - YouTube 的評價
- 關於story maker 在 Facebook Story Template - PhotoADKing 的評價
- 關於story maker 在 My Story Maker - Write Your Own Illustrated Fairy Tales 的評價
- 關於story maker 在 Story maker 的評價
story maker 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
Google Maps ธุรกิจที่สะสมข้อมูล โลกทั้งใบ ไว้ในมือ /โดย ลงทุนแมน
สมาร์ตโฟน คือสิ่งประดิษฐ์ที่เข้ามาทำให้พฤติกรรมการดำเนินชีวิตของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงและหนึ่งในนั้นก็คือวิธีการดูแผนที่
แอปพลิเคชันแผนที่ดิจิทัล ที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คือ “Google Maps” ได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้บอกเส้นทาง หรือแม้แต่ดูสภาพการจราจรเรียลไทม์
จนหลายคนอาจจินตนาการไม่ออกแล้วว่าในยุคที่แผนที่ยังเป็นกระดาษ
เราเดินทางไปสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยกันอย่างไร
แล้วเส้นทางการรวบรวมข้อมูลโลกทั้งใบไว้ในมือของ Google Maps มีความเป็นมาอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปีก่อน หรือในปี 2003 ที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
คู่พี่น้องชาวเดนมาร์กที่ชื่อ Lars และ Jens Eilstrup Rasmussen กับเพื่อนชาวออสเตรเลียอีก 2 คน
ได้ร่วมกันก่อตั้งสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับแผนที่ดิจิทัล ที่มีชื่อว่า “Where 2 Technologies”
ในปีถัดมา Where 2 Technologies ได้เข้าไปนำเสนอไอเดียธุรกิจของพวกเขา
ให้กับบริษัท Search Engine ยักษ์ใหญ่ของโลก นั่นคือ Google
และนี่คือจุดเริ่มต้นของ Google Maps
Google ตัดสินใจซื้อกิจการ Where 2 Technologies ในปี 2004
และในปีเดียวกัน Google ยังซื้อกิจการเพิ่มเติมอีก 2 บริษัท
บริษัทแรกคือ Keyhole ที่พัฒนาเทคโนโลยีด้านการสร้างแผนที่ 3 มิติ
โดยใช้ดาวเทียมและภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งต่อมาก็คือ Google Earth
และอีกบริษัทคือ ZipDash บริษัทที่พัฒนาระบบให้บริการข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์
หลังจากใช้เวลาพัฒนาต่อไประยะหนึ่ง ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2005 Google ก็ได้เปิดตัว Google Maps
ซึ่งเป็นความตั้งใจของ Google ที่จะให้บริการแผนที่ดิจิทัลบนเว็บไซต์ เพื่อทำให้การหาเส้นทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งทำได้ง่าย สามารถค้นหาสถานที่ได้ ซูมเข้าออก และเลื่อนแผนที่ได้เอง
ที่มากกว่านั้นก็คือ Google ต้องการสะสมข้อมูลของโลกทั้งใบไว้ด้วย
แม้ในตอนนั้นจะมี MapQuest และ Yahoo! Maps ที่ให้บริการแบบนี้มาก่อนแล้ว
แต่ความนิยมของ Google Maps ก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนกลายมาเป็นผู้ชนะได้
จาก 3 การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในปี 2007
จุดเปลี่ยนแรกก็คือ การเริ่มให้บริการ Google Street View
แม้จะเป็นฟีเชอร์ที่ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์สูง ในเรื่องความเป็นส่วนตัวของภาพถ่าย ซึ่งในตอนหลัง Google ได้แก้ไขแล้ว แต่ Street View ก็เป็นฟีเชอร์ที่ถูกใจผู้ใช้งาน และทำให้ Google Maps ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาก
Street View มีขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้งาน Google Maps ได้เห็นภาพสถานที่จริงประกอบด้วย ช่วยให้ผู้ใช้งานค้นหาสถานที่ทำได้สะดวกขึ้น
โดยภาพ Street View เหล่านี้ Google Maps จะใช้รถยนต์ที่ติดกล้องซึ่งพัฒนาขึ้นมาเอง และให้คนขับรถออกไปบันทึกภาพ
แต่ถ้าเป็นในพื้นที่ที่รถเข้าไม่ถึง อย่างเช่น ตามสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นภูเขา ก็จะเป็นคนแบกกล้องเดินไปบันทึกภาพแทน
Google Maps เริ่มต้นรวบรวมภาพ Street View ใน 5 เมืองของสหรัฐอเมริกา
จนในปัจจุบันมีข้อมูลกว่า 187 ประเทศ และสามารถดูภาพ Street View แบบ 360 องศาได้
จุดเปลี่ยนที่สองก็คือ เริ่มให้บริการบนโทรศัพท์มือถือ
Google Maps ได้พัฒนาให้ใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถืออย่าง BlackBerry และ Palm ได้
นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่ทำให้ Google Maps สามารถพกติดตัวไปใช้งานที่ไหนก็ได้
จุดเปลี่ยนที่สามและเป็นครั้งสำคัญที่สุดก็คือ เริ่มให้บริการในรูปแบบ “แอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน”
ในปี 2007 ยังเป็นปีที่ iPhone รุ่นแรกของโลกเปิดตัว และแอปพลิเคชันแผนที่บน iPhone
ทาง Apple ได้ร่วมกันพัฒนากับ Google และใช้ฐานข้อมูลทั้งหมดจาก Google Maps
ต่อมาในปี 2012 Apple ได้หยุดการใช้ฐานข้อมูลจาก Google Maps และหันมาพัฒนาแอปพลิเคชัน Maps ด้วยตัวเอง
แต่กลับกลายเป็นว่า Apple Maps ได้กลายเป็นหนึ่งในสิ่งที่ Apple ทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ
โดยได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความไม่ถูกต้องของข้อมูล และปัญหาข้อผิดพลาดทางเทคนิค
จนถึงขั้นที่ CEO ของ Apple อย่าง Tim Cook ต้องออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการ
จุดอ่อนของ Apple Maps ก็คือการไม่ได้เป็นเจ้าของข้อมูลเองแบบ Google
แต่ใช้วิธีนำข้อมูลจากพาร์ตเนอร์ทั่วโลกมาใช้ต่ออีกที
หลังจากประเด็นร้อนของ Apple Maps เพียง 1 วัน
Google Maps ก็เริ่มพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับระบบปฏิบัติการ iOS ทันที
ต่อยอดจากเวอร์ชันของ Android ที่ให้บริการมาตั้งแต่ปี 2008 แล้ว
และ 3 เดือนหลังจากนั้น แอปพลิเคชัน Google Maps
ก็เปิดตัวบน App Store อย่างเป็นทางการ
ซึ่งภายในเวลาเพียง 2 วันก็ถูกดาวน์โหลดไปกว่า 10 ล้านครั้ง
แต่นอกเหนือจาก MapQuest และ Yahoo! Maps แล้ว
Google Maps ก็ต้องเผชิญกับคู่แข่งใหม่อย่าง Waze
ที่มีจุดเด่นคือเป็นแอปพลิเคชันแผนที่ ที่เป็น Social Network ด้วย
นั่นจึงทำให้ผู้ใช้งาน สามารถแชร์และอัปเดตข้อมูลได้เองแบบเรียลไทม์ เช่น จุดนี้เพิ่งเกิดอุบัติเหตุทำให้รถติด
Google จึงเข้าซื้อกิจการ Waze ปี 2013 และนั่นทำให้ Google Maps สามารถแสดงข้อมูลเรียลไทม์อย่างจุดที่มีการปิดถนนหรือซ่อมถนนได้
Google Maps ยังได้ต่อยอดการบริการที่ใช้ประโยชน์จากแผนที่ไปอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น
- การแสดงจุดที่กำลังเกิดภัยธรรมชาติ
- การรีวิวร้านค้าหรือโรงแรมของผู้ที่ไปใช้บริการ
- ข้อมูลจำนวนผู้ใช้บริการในสถานที่ต่าง ๆ ในแต่ละช่วงเวลา สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการหลีกเลี่ยงช่วงที่มีผู้คนแออัด
หรืออย่างช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 ก็เพิ่มตัวเลือก COVID-19 Info
ที่ใช้แสดงสถิติเกี่ยวกับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในพื้นที่ต่าง ๆ อีกด้วย
ด้วยการใช้งานที่สะดวก ข้อมูลมีความแม่นยำ และยังมีฟีเชอร์การใช้งานที่เป็นมากกว่าแผนที่
จึงทำให้ปัจจุบัน Google Maps กลายเป็นแอปพลิเคชันแผนที่ อันดับหนึ่งของโลก
ที่มีผู้ใช้งานหลักพันล้านคนต่อเดือน ในกว่า 220 ประเทศทั่วโลก
แล้ว Google Maps มีรายได้จากอะไรบ้าง ?
ได้ชื่อว่า Google ก็แน่นอนว่ารายได้ทางแรกคือจากค่าโฆษณา
ซึ่งในความจริงแล้ว Google Maps ให้บริการฟรีแบบยังไม่เริ่มเก็บค่าโฆษณามาตลอด
โดยทางบริษัทอธิบายว่า ได้ใช้เวลาทดลองอยู่นานว่าจะเริ่มสร้างรายได้จากโฆษณาอย่างไร
ไม่ให้กระทบประสบการณ์ของผู้ใช้งาน
จนกระทั่งปี 2019 Google Maps เริ่มให้บริการโฆษณาบนแพลตฟอร์มอย่างจริงจัง
ซึ่งก็มีอยู่หลายรูปแบบ อย่างเช่น Promoted Pins และ Nearby
โดยปกติ ตำแหน่งที่ตั้งใน Google Maps จะมีไอคอนมาตรฐานแสดงถึงกิจการแต่ละประเภท
เช่น รูปแก้วกาแฟสำหรับร้านกาแฟ หรือรูปเตียงสำหรับโรงแรม ซึ่ง Google Maps ได้ให้ธุรกิจหรือร้านค้าใช้ Promoted Pins หรือคือการใช้โลโกของแบรนด์ตัวเอง แทนไอคอนเหล่านั้นได้
ยกตัวอย่างเช่น ตำแหน่งของ Starbucks แสดงด้วยโลโกนางเงือกสีเขียว หรือโรงแรม Hilton แสดงด้วยโลโกตัวอักษร H สีแดง
ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มการจดจำให้กับแบรนด์เองแล้ว ผู้ใช้งาน Google Maps ยังสะดวกมากขึ้นจากการใช้กิจการชื่อดังที่ทุกคนรู้จักเป็นจุดอ้างอิงในการหาเส้นทางได้
หรืออย่างฟีเชอร์ Nearby ที่ให้ผู้ใช้งานใช้ค้นหาสถานที่ใกล้ตัว อย่างร้านอาหาร ร้านกาแฟ ปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ หรือโรงแรม ซึ่งกิจการที่จ่ายค่าโฆษณา ก็จะปรากฏขึ้นมาเป็นอันดับแรก ๆ
นอกจากค่าโฆษณาแล้ว รายได้อีกทางของ Google Maps ก็คือการให้บริการแพลตฟอร์มแผนที่
เพื่อเป็นข้อมูลเชื่อมต่อไปยังแอปพลิเคชันที่ต้องการใช้แผนที่ดิจิทัล เช่น แอปพลิเคชันเรียกรถ หรือดิลิเวอรี ซึ่งในปัจจุบัน มีกว่า 5 ล้านเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่ใช้ Google Maps เป็นฐานข้อมูล
ถ้ามองไปถึงโอกาสในการสร้างมูลค่าจาก Google Maps ในอนาคต ก็ต้องบอกว่ายังมีอยู่อีกมาก
อย่างพวกข้อมูลเส้นทาง ถนน การจราจรจำนวนมหาศาลที่ Google Maps สะสมมา จะเป็นคลังข้อมูลที่สำคัญในการพัฒนา Waymo หรือยานพาหนะขับเคลื่อนอัตโนมัติของ Alphabet ได้
หรือจะเป็นการเติบโตไปกับเทรนด์ Augmented Reality หรือ AR อย่างเช่น เกม Pokémon GO ที่ร่วมพัฒนาโดย Nintendo, Pokémon และ Niantic
ซึ่ง Niantic ก็คือบริษัทเกม AR บนสมาร์ตโฟน ที่แยกออกมาจาก Google และอยู่ในเครือ Alphabet
ถึงตรงนี้คงจะพอเดาได้ว่า แผนที่ในเกม Pokémon GO ก็มาจากฐานข้อมูลของ Google Maps นั่นเอง
Google Maps ที่เพิ่งสร้างรายได้อย่างเป็นทางการให้ Google ได้เพียง 2 ปี จึงยังคิดเป็นสัดส่วนเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้ของ Google และ Alphabet เท่านั้น
แต่นั่นจึงทำให้น่าจับตามองต่อไปว่า
Google Maps ที่ครอบครองข้อมูลของโลกทั้งใบ
จนเปรียบได้กับทรัพย์สินล้ำค่าที่ Google สะสมมานาน
จะสร้างรายได้ให้กับ Google มากขนาดไหนในอนาคต..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.cnbc.com/2020/12/05/how-google-maps-came-to-dominate-navigation-.html
-https://www.cnbc.com/2021/05/18/how-does-google-make-money-advertising-business-breakdown-.htm
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-04-10/google-flips-the-switch-on-its-next-big-money-maker-maps?sref=i3mD6rA5l
-https://www.theguardian.com/technology/2015/feb/08/google-maps-10-anniversary-iphone-android-street-view
-https://medium.com/@lewgus/the-untold-story-about-the-founding-of-google-maps-e4a5430aec92
-https://www.investopedia.com/articles/investing/061115/how-does-google-maps-makes-money.asp
story maker 在 Facebook 的最讚貼文
A story about a woman who is a big trouble maker in her family. Harassing her own mother and sister.
In today’s Fiza O and Girlfriends, we will be sharing stories of toxic family member/s. You can PM me, email to [email protected] or whatsapp to 83890280
‘Among her latest offences, she stole her mother’s phone and threatened to keep it unless the older woman willed all of her assets to her.
Ng also posed as her sister on Facebook, posted insulting messages such as calling her a “crazy killer murderer” and emailed the same material to her employer.’
story maker 在 キッズライン♡Kids Line Youtube 的最佳貼文
チャンネル登録♥Subscribe♥subscrever♥الاشتراك♥채널등록
Kids Lineキッズライン http://goo.gl/6BqZ2v
こうくんねみちゃん https://goo.gl/qxggwV
キッズラインWorld https://goo.gl/rdeRJ4
トイキッズ https://goo.gl/v5FPt9
アニメキッズ https://goo.gl/2aTjuN
Blog https://ameblo.jp/kidsline
Twitter https://twitter.com/kidslineTV
HP http://kidsline.tv/
story maker 在 DJ Macky Suson Youtube 的最讚貼文
This is my "safe space". Two weeks ago, I received the news that I am getting fired from my job of 10 years because "I was not performing". I will talk about that more later on because I am just trying to figure out how I can go back home with all the things I have in Singapore for ten years.
But for the past two weeks, I have been keeping myself preoccupied with the things I can control; like reviving my magazine business, understanding Youtube Shorts, Story Pins, and this amazing app called Clubhouse. I have a few weeks left, and I am not extending my stay here because I am just ready to go back home and start my career as a full-time content creator. #Shorts
For now, I am showing you what my room is as a messy content creator. Who can relate? #ClubHouse #ContentCreatorsLife #YoutubeShorts #StoryPins #TikTokSingapore
story maker 在 DJ Macky Suson Youtube 的最佳解答
This is my "safe space". Two weeks ago, I received the news that I am getting fired from my job of 10 years because "I was not performing". I will talk about that more later on because I am just trying to figure out how I can go back home with all the things I have in Singapore for ten years.
But for the past two weeks, I have been keeping myself preoccupied with the things I can control; like reviving my magazine business, understanding Youtube Shorts, Story Pins, and this amazing app called Clubhouse. I have a few weeks left, and I am not extending my stay here because I am just ready to go back home and start my career as a full-time content creator. #Shorts
For now, I am showing you what my room is as a messy content creator. Who can relate? #ClubHouse #ContentCreatorsLife #YoutubeShorts #StoryPins #TikTokSingapore
story maker 在 Facebook Story Maker - Create Beautiful Video Stories Online 的推薦與評價
Make Your Story Engaging with Animation. Want your Facebook stories to pop off the page? VistaCreate's your ultimate Facebook video maker. ... <看更多>
story maker 在 Story Maker - Home | Facebook 的推薦與評價
Story Maker. 417 likes. 品牌精神self 【Story】【Emotion】【Life】【Flower】 ... <看更多>