BMW กับแผนการเป็นเบอร์ 1 ของโลก ในตลาดรถหรูพลังงานไฟฟ้า
BMW X ลงทุนแมน
รถยนต์คันแรกของ BMW เกิดขึ้นเมื่อ 93 ปีก่อน โดยมีชื่อรุ่น BMW 3/15 PS
ซึ่งเวลานั้น สร้างกระแสไปทั่วโลกเมื่อสามารถชนะการแข่งขันรายการ Alpine Rally
ตั้งแต่ ณ วันนั้น BMW ก็พัฒนาทั้งดีไซน์รถที่สวยหรูและเทคโนโลยีที่ถูกอัปเกรดขึ้นเรื่อย ๆ
จนกลายเป็นแบรนด์รถยนต์ระดับ Luxury แถวหน้าของโลก
ด้วยยอดขายปีละมากกว่า 2 ล้านคัน
สิ่งที่น่าสนใจคือความสำเร็จ ณ วันนี้ BMW กลับไม่ได้นิ่งเฉย
เมื่อเป้าหมายล่าสุดของ BMW ในอนาคตอันใกล้
คือต้องการเป็นผู้นำระดับโลกในตลาดรถหรูพลังงานไฟฟ้า
รู้หรือไม่ว่า ภายในปี พ.ศ. 2568 หรืออีก 4 ปีข้างหน้า
BMW จะมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 25 รุ่น โดยมีถึง 12 รุ่น ที่เป็น EV Car
ส่วนที่เหลือก็จะเป็นรถกลุ่ม Hybrid ประเภทต่าง ๆ
ยิ่งหากเจาะลึกเรื่องนี้ลงไปอีกจะพบว่า โรงงานผลิตของ BMW ใน 15 ประเทศทั่วโลก
ได้เปลี่ยนการใช้พลังงานไฟฟ้าในโรงงานที่มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 100%
จนถึงกระบวนการผลิตรถต่าง ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต
ทำไม BMW ถึงให้ความสำคัญและจริงจังกับเรื่องเหล่านี้
และหากทำสำเร็จตามแผน BMW จะได้ประโยชน์อะไรบ้าง
ลงทุนแมนจะวิเคราะห์ให้ฟัง
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก คาดการณ์ว่าในปี 2050
หากโลกยังคงมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ อาจต้องเผชิญสารพัดวิกฤติ
เช่น หลายเมืองอาจเกิดน้ำท่วมรุนแรง, ผลผลิตทางการเกษตรทั่วโลกตกต่ำ
แล้วหนึ่งผู้ก่อการร้ายที่ทำให้โลกร้อนก็คือ รถที่วิ่งบนท้องถนนทั่วโลก
ที่ปล่อยก๊าซ CO2 ในแต่ละปีกันอย่างมหาศาล
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ภาครัฐและค่ายผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกไม่ได้นิ่งนอนใจ
เพราะต่างรู้ดีว่า หากโลกถูกทำร้ายจนวันหนึ่งทนไม่ไหว
มลพิษต่าง ๆ ที่สะสมมายาวนาน ก็จะระเบิดออกมา
แน่นอนว่า มนุษย์ทุกคนจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
ทำให้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ต่างเดินหน้ามุ่งไปสู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
เพราะนี่คือยนตรกรรมไร้ควันพิษ พร้อมทั้งรัฐบาลในแต่ละประเทศก็สนับสนุนเรื่องนี้จริงจัง
BMW ก็เชื่อว่า หากเริ่มสตาร์ตไปที่เทรนด์รถพลังงานไฟฟ้าเร็วกว่าคนอื่น ๆ
โอกาสที่จะยืนเป็นเบอร์หนึ่งในอุตสาหกรรมรถหรูในอนาคตก็ไม่ใช่เรื่องยาก
เหตุผลก็เพราะเมื่อถึงวันที่ท้องถนนทั่วโลกพร้อมใจไปสู่รถพลังงานไฟฟ้า
BMW ก็จะมีเทคโนโลยีที่เหนือกว่า, ฐานลูกค้าที่มากกว่า และแบรนด์ที่คนทั่วโลกเชื่อมั่น
รู้หรือไม่ว่า จริง ๆ แล้ว BMW เริ่มต้นพัฒนาเทคโนโลยีรถไฟฟ้าตั้งแต่เมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว
โดยมีชื่อว่า BMW 1602e ซึ่งเป็นการผลิตเพื่อทดลองไม่ได้จำหน่ายในตลาด
มาถึงในปี พ.ศ. 2551 หรือเมื่อ 13 ปีที่แล้ว
BMW เริ่มหันมาจริงจังกับการผลิตรถพลังงานไฟฟ้าภายใต้ชื่อ “Project i”
ซึ่งก็ผลิตรถออกมาหลายรุ่น พร้อมกับได้เสียงตอบรับที่ดี
จนปัจจุบันไอคอน i กลายเป็นจุดขายของ BMW ถึงการเป็นรถแห่งอนาคตไปแล้ว
ยกตัวอย่าง รุ่นที่เพิ่งเปิดจองในเมืองไทยเมื่อกลางปีที่ผ่านมา
BMW iX3 รถอเนกประสงค์ขับเคลื่อนไฟฟ้า 100%
ซึ่งนอกจากระบบชาร์จไฟฟ้าที่รวดเร็วแค่ 34 นาทีก็ชาร์จได้ถึง 80%
และหากเราชาร์จเต็ม 1 ครั้ง รถ iX3 คันนี้สามารถวิ่งได้ไกลถึง 460 กิโลเมตร
ทำความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว
หรืออีกหนึ่งรุ่นที่สร้างกระแสให้ BMW โด่งดังไปทั่วโลก
และยังเป็นรถที่ใครหลาย ๆ คนรอให้มาเปิดขายในไทยอย่างเป็นทางการนั่นคือ BMW i4
เพราะนี่คือ Gran Coupé รุ่นแรกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%
และหากชาร์จเต็ม 1 ครั้งรถรุ่นนี้สามารถวิ่งได้ไกลถึง 600 กิโลเมตร
พร้อมกับทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แต่ที่น่าทึ่งก็คืออัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเพียงแค่ 4 วินาที
ส่วนเรื่องดีไซน์การออกแบบทั้งภายนอกและภายใน เรื่องนี้ไว้ใจ BMW ได้
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาดีไซน์การออกแบบรถยนต์ BMW ถือว่ายืนระดับต้น ๆ ของโลก
รถตระกูล i ก็เช่นกันที่มาพร้อมสไตล์เรียบหรูแต่แฝงไปด้วยการเป็นรถของคนรุ่นใหม่
อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นว่า แผนของ BMW ไม่ใช่แค่การมุ่งไปสู่ตลาดรถไฟฟ้าอย่างเดียว
แต่ยังรวมไปถึงโรงงานและกระบวนการผลิต
ทีนี้หลายคนคงถามว่าเพราะอะไร ?
หลายคนอาจยังไม่รู้ แม้รถไฟฟ้าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 เวลาวิ่งอยู่บนถนน
แต่ในอีกมุมหนึ่ง กระบวนการผลิตอลูมิเนียมและเซลล์แบตเตอรี่ของรถไฟฟ้า
กลับมีแนวโน้มจะปล่อยก๊าซคาร์บอนมากกว่ากระบวนการผลิตรถเครื่องยนต์สันดาป
และเพื่อแก้ปัญหานี้ ภายในปี พ.ศ. 2573
BMW จึงมีนโยบายลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 80% ในการผลิตรถแต่ละคัน
พร้อมมุ่งเป้าที่จะลด carbon footprint ใน supply chain ให้ได้ 20%
การจะทำเรื่องนี้ให้เป็นจริงได้ นอกจากระบบบริหารสภาพแวดล้อมในโรงงาน
ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด 100% แล้วนั้น
แนวคิดรีไซเคิลก็ยังถูกนำมาใช้ อีกด้วย
ใครจะคิดว่า 99% ของเสียจากการผลิตรถยนต์ 2.5 ล้านคันในแต่ละปี
BMW จะใช้เทคโนโลยีรีไซเคิลชั้นสูงเพื่อฟื้นคืนสภาพให้ไม่ต่างจากของใหม่
และวิธีนี้ก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่ามากหากเทียบกับต้องผลิตชิ้นส่วนใหม่
ที่น่าสนใจหากนำโรงงานผลิตรถยนต์ของ BMW มาเทียบกับค่ายรถยนต์อื่น ๆ
ที่ผลิตในประเทศเยอรมนีผลปรากฏว่า BMW ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ในการผลิตต่ำกว่าโรงงานอื่น ๆ
ส่วนในประเทศไทยเรา ก็มีความเป็นไปได้สูง
ที่ในอนาคตข้างหน้า BMW จะผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ ก็ได้ลงทุนสร้างโรงงานประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูง
ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
หลายคนอาจตั้งคำถาม ทำไม BMW ถึงต้องลงทุนกับเรื่องเหล่านี้ด้วยเงินมหาศาล
เชื่อว่า BMW น่าจะรู้ดีว่าในอนาคตอันใกล้โลกของยนตรกรรม
ต้องเปลี่ยนถ่ายจากรถเครื่องยนต์สันดาปมาสู่รถพลังงานไฟฟ้า
หากเริ่มต้นเร็วกว่าคนอื่น ก็จะได้เปรียบในทุกมิติการแข่งขัน
และในขณะเดียวกัน BMW มีความเชื่อที่ว่า
สิ่งแวดล้อม สังคม ธุรกิจของตัวเอง ทุกอย่างมันต้องเติบโตไปพร้อม ๆ กัน..
References:
-https://www.press.bmwgroup.com/global/article/detail/T0342172EN/the-bmw-group-emphas:izes-its-consistent-focus-on-sustainability-at-the-2021-iaa-mobility:-more-stringent-co2-targe:ts-go-hand-in-hand-with-concrete-measures-and-concepts-for-implementation
-https://www.bmw.co.th/th/topics/fascination-bmw/electromobility/sustainability.html
-https://www.bmw.co.th/th/topics/fascination-bmw/all-news/2019/21-06-19-bmw-the-future-of-mobility.html
-https://car.kapook.com/view115047.html
-https://www.greenpeace.org/thailand/story/1729/1-5degrees/
-https://www.bmw.co.th/th/topics/fascination-bmw/all-news/2019/21-06-19-bmw-the-future-of-mobility.html
同時也有15部Youtube影片,追蹤數超過87萬的網紅彭昱凱(阿凱):09-1688-1688,也在其Youtube影片中提到,2021/09/26 鄉民盛傳Alpina輪胎不用打氣,今天就來跟大家分享一下,這到底是怎麼一回事...
「alpine bmw」的推薦目錄:
- 關於alpine bmw 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於alpine bmw 在 สมองไหล Facebook 的最讚貼文
- 關於alpine bmw 在 TopGear TW 極速誌 Facebook 的最佳解答
- 關於alpine bmw 在 彭昱凱(阿凱):09-1688-1688 Youtube 的精選貼文
- 關於alpine bmw 在 紳士痞子 x JNIF Youtube 的最佳解答
- 關於alpine bmw 在 7Car小七車觀點 Youtube 的最佳解答
- 關於alpine bmw 在 The All-New BMW Alpina B8 Gran Coupe | BMW USA 的評價
- 關於alpine bmw 在 Myrack車架專家- BMW G31實裝Thule Vector Alpine 380L 亮黑 ... 的評價
- 關於alpine bmw 在 BMW。Alpine - Mobile01 的評價
- 關於alpine bmw 在 BMW E92 M3 in Alpine White - Pinterest 的評價
alpine bmw 在 สมองไหล Facebook 的最讚貼文
BMW คือ รถในฝันของผมตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย และในวันนี้ความฝันของผมก็เป็นจริงแล้วในวัย 24 ปี ถือว่าเร็วเกินฝัน เพราะถ้าย้อนกลับไปสมัยเรียน หรือ ปีที่แล้ว ด้วยราคาของรถ และ ความเป็นไปได้ของรายได้ ณ ตอนนั้น ผมคิดว่าตัวเองจะได้นั่งรถ BMW อย่างเร็วสุดก็คงอายุ 40 ปี ที่สำคัญ คือ ผมถอยมันออกมาในวันที่ 13 สิงหาคม ซึ่งตรงกับวันคนถนัดซ้ายสากลพอดี (เพราะผมถนัดซ้าย)
.
อย่างไรก็ตาม หากการซื้อรถ BMW คันนึง เป็นเพียงแค่การได้เป็นเจ้าของรถหรู ก็คงไม่ใช่ สมองไหล เพราะแน่นอนว่าการพิชิตรถในฝันในครั้งนี้ มันได้ให้บทเรียนทั้งในด้าน การเงิน ธุรกิจ การตลาด และ แรงบันดาลใจ กับผมมากมาย ผมจึงกลั่นออกมาเป็น 3 ข้อคิด มาเล่าให้ทุกคนฟังในบทความนี้ครับ
.
1. เมื่อไหร่ที่คุณบอกตัวเองว่า “คุณจ่ายไหว” นั่นคือ สัญญาณว่า “คุณจ่ายไม่ไหว” เพราะถ้าคุณจ่ายไหวจริงๆ คุณต้องสามารถซื้อของสิ่งนั้นได้เลยทันทีโดยไม่ต้องถามคำถามนี้กับตัวเอง เพราะมันไม่ได้มีผลอะไรต่ออนาคตของคุณ เหมือนกับที่เวลาที่คุณซื้อหมากฝรั่งนั่นแหละ คุณไม่มานั่งคิดหรอก ว่าคุณจะจ่ายค่าหมากฝรั่งไหวไหม
.
นี่คือ คำพูดที่ M.J. DeMarco ได้กล่าวเอาไว้ในหนังสือ The Millionaire Fastlane ซึ่งผมคิดว่าจริงมากๆ เพราะผมเคยมีประสบการณ์ถามตัวเองว่า “จ่ายไหวไหม คงจ่ายไหวแหละ” เวลาจะซื้อของ โดยเฉพาะการซื้อผ่อน และ สุดท้ายก็ต้องผ่อนแบบทุลักทุเลจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดทุกที
.
นับตั้งแต่ผมอ่านหนังสือเล่มนี้จบ ทุกครั้งที่ผมมีคำถามในหัวระหว่าง “จ่ายไหว” กับ “จ่ายไม่ไหว” (ซึ่งก็มักจะลงเอยด้วยการหลอกตัวเองว่า “จ่ายไหว”) ผมจะไม่ซื้อของสิ่งนั้นอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะอะไรที่ไม่ใช่ทรัพย์สิน หรือ การลงทุน
.
ดังนั้น ทุกครั้งที่ผมจะซื้อของ ไม่ว่าของสิ่งนั้น จะเล็ก จะใหญ่ จะถูก หรือ จะแพง ผมจะต้องมีเงินสดพร้อม และ ไม่มีคำถามว่าจ่ายไหวไหม
.
ทุกครั้งที่ผมจะซื้ออะไรก็ตาม ผมจะต้องเลือกระหว่าง “ซื้อสด” หรือ “ซื้อผ่อน” เท่านั้น ไม่ใช่ เลือกได้แค่ “ซื้อผ่อน” แล้วมานั่งคิดว่าผ่อนไหวไหม เพราะจุดจบ คือ การใช้ชีวิตด้วยความกังวลทุกที ฉะนั้น ถ้าเป็นแบบนี้อย่าฝืนครับ ถ้าวิธีทำเงินเดิมมันซื้อไม่ได้ ก็ไปเปลี่ยนวิธีทำเงินก่อน แล้วค่อยมาซื้ออีกที
.
การซื้อรถ BMW ในครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมมีเงินพร้อมสำหรับซื้อสดได้ทันทีโดยไม่เดือดร้อนชีวิตในอนาคต ไม่ว่าจะเจอวิกฤตอะไรก็ตาม ซึ่งผมก็ใช้วิธีนี้มาตั้งแต่ซื้อคอมพิวเตอร์ ซื้อกล้อง และ ทุกอย่างในชีวิตแล้ว
.
ผมจึงเดินเข้าไปในโชว์รูม แล้วถามเซลล์ว่า “ช่วยอธิบายข้อเสนอ ระหว่าง ซื้อสด กับ ซื้อผ่อน (ผมขอดาวน์ 60%)ให้ผมหน่อย เพราะผมอยากรู้ว่า แบบไหนดีกว่ากัน”
.
ปรากฎว่า
- ข้อเสนอในการซื้อเงินสด คือ ได้ส่วนลด 100,000 บาท
- ส่วนข้อเสนอในการซื้อผ่อน คือ ได้ส่วนลด 50,000 บาท และ ผ่อน 0%
.
ซึ่งปกติ เวลาเราผ่อน เราจะต้องเสียดอกเบี้ยประมาณ 2-3 % ซึ่งผมอยากจะขอผ่อนแค่ 4 ปี นั่นหมายความว่า ผมสามารถประหยัดเงินที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 120,000 บาท และ ได้ส่วนลดอีก 50,000 บาท
.
คำถาม คือ ถ้าผ่อนไม่ต้องเสียดอก แถมได้ส่วนลดน้อยกว่าซื้อสดแค่ครึ่งเดียว แล้วจะจ่ายเงินสดไปทำไม ?
.
ผมจึงเลือกซื้อผ่อน โดยขอดาวน์ 60% เพราะไม่อยากผ่อนต่อเดือนสูง (ประมาณ 2X,XXX) และ ขอผ่อน 4 ปี 1,000,000 บาท เพราะไม่อยากผ่อนยาว
.
และ แน่นอนว่า เมื่อเราซื้อของในจุดที่เราเลือกได้ว่าจะซื้อสด หรือ ซื้อผ่อน และ ไม่มีคำถามในหัวว่า จ่ายไหวไหม เราก็จะได้เป็นเจ้าของมันแบบสบายใจ ไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง และ ใช้ชีวิตต่อไปด้วยความมั่นใจ
.
2. พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไรก็ตาม มันจึงทำให้บทบาทหน้าที่ของธุรกิจ โดยเฉพาะฝ่ายขาย หรือ เซลล์ ต้องเปลี่ยนตามไปด้วย ซึ่งหากใครดื้อด้าน ยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ ทำธุรกิจแบบเดิมๆ ทำงานแบบเดิมๆ ก็เตรียมตัวหายไปจากชีวิตของลูกค้าได้เลย
.
ยกตัวอย่าง การตัดสินใจซื้อรถ BMW ซึ่งในครั้งนี้ตัวผมได้ใส่หมวกเป็นลูกค้าและสัมผัสมันโดยตรง
.
คือ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน ถ้าคุณจะซื้อรถสักคันหนึ่ง สิ่งที่คุณทำก็คือ การถามข้อมูลจากเพื่อน ถามพ่อแม่ ถามคนใกล้ตัวที่มีความรู้ จากนั้นก็ตระเวณไปตามโชว์รูมต่างๆ เพื่อตัดสินใจอีกครั้ง
.
ซึ่งตัวแปรที่มีผลในการตัดสินใจซื้อรถของลูกค้า ก็คือ เซลล์
.
ดังนั้น โชว์รูมไหน มีเซลล์ที่ขายเก่ง พูดเก่ง นำเสนอเก่ง ให้รายละเอียดเก่ง ปกปิดจุดอ่อนเก่ง ก็จะได้เงินของลูกค้าไป ยิ่งถ้าเซลล์สามารถทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ก่อนโดยที่ไม่ยอมให้เขาไปเจอข้อเสนออื่นที่ดีกว่าจากคู่แข่งด้วยยิ่งดี
.
แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว เพราะก่อนที่ลูกค้าจะซื้ออะไร เขาจะ “ค้นหาข้อมูล” จากออนไลน์ก่อนเสมอ ทั้งรุ่นรถ เปรียบเทียบราคา จุดเด่น จุดด้อย และ ข้อเสนอต่างๆ
.
ส่วนตัวก่อนที่ผมจะตัดสินใจซื้อ ผมได้ศึกษาข้อมูล ดูรีวิวมาเป็นเดือน บอกเลยครับว่า ไม่มีข้อมูลจากเว็บไหน หรือ คลิปไหนจากยูทูปที่ผมยังไม่ดู แต่ละคลิปผมดูซ้ำมากกว่า 5 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลรายละเอียดตัวรถ ความรู้สึกในการขับขี่ ความปลอดภัย ข้อดี ข้อเสีย ราคา และ ข้อเสนอต่างๆ ผมดูมาหมดแล้ว จนมาจบที่รถรุ่น Bmw 220i gran coupe m sport
.
เห็นไหมครับว่า ลูกค้าตัดสินใจซื้อตั้งแต่บนออนไลน์แล้ว เขาไม่เดินไปฟังเซลล์แล้วตัดสินใจที่หน้าร้านอีกแล้ว ที่สำคัญคือ เซลล์ที่เราเลือกจะติดต่อไป ก็คือ คนที่เขาทำคอนเทนต์ ให้ข้อมูล รีวิว ให้กับเราได้ดีที่สุด ละเอียดที่สุด น่าเชื่อถือที่สุด โดยเฉพาะคนที่บอกข้อเสียด้วย ไม่ใช่อวยอย่างเดียว
.
นั่นหมายความว่า ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไรอยู่ ถ้าคุณไม่ทำ “ออนไลน์” คุณก็จะไม่สามารถเข้าไปอยู่ในช่วงเวลาที่ลูกค้ากำลังตัดสินใจได้ และ ถ้าคุณไม่เข้าไปอยู่ในช่วงที่ลูกค้าตัดสินใจ มันก็ไม่มีทางเลยที่ลูกค้าจะเดินไปหาคุณที่หน้าร้าน เพื่อจ่ายเงินให้กับคุณ
.
เพราะคนเราจะซื้อของกับคนที่เรา รู้จัก ไว้ใจ และ เห็นว่าเขาโปร่งใส เท่านั้น ซึ่งการทำคอนเทนต์บนออนไลน์ ก็เหมือนการทำความรู้จักลูกค้า ที่สำคัญคือ การทำความรู้จักบนออนไลน์ มันง่ายกว่าต่อหน้า เพราะลูกค้าจะไม่มีกำแพงปิดกั้นคุณ เพราะเขาไม่ต้องกลัวว่าจะโดนคุณขายของ หรือ จะโดนคุณหลอก เขาสามารถเลือกได้ว่าจะดูคุณไหม ถ้าดีก็ดูต่อ ไม่ดีก็แค่เปลี่ยนไปดูคนอื่น มันจึงทำให้ลูกค้าเปิดใจง่ายกว่า
.
แต่การทำความรู้จักต่อหน้า ลูกค้าจะตั้งกำแพงขึ้นมาก่อน เขาจะมีอคติกับทุกคำพูดของคุณว่าจะเชื่อ หรือ ไม่เชื่อดี เขาจะมีข้อโต้แย้งในหัวขึ้นมาตลอดเวลา และ ไม่เปิดใจง่ายๆ
.
ถ้าลูกค้าเขาเข้ามาดู ฟัง อ่าน คอนเทนต์ของคุณในออนไลน์มากๆ มันก็เหมือนเขารู้จักคุณ คุณเป็นเพื่อนเขา ในระดับนึงแล้ว แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่จ่ายเงินให้กับคุณล่ะ จริงไหม ?
.
ต่อมาในหมวกของเซลล์ ต้องบอกว่าเมื่อพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าเปลี่ยนไป บทบาทหน้าที่ของเซลล์ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน คือ เซลล์ไม่ได้มีหน้าที่ขายเหมือนแต่ก่อนแล้ว เพราะหน้าที่ขาย หน้าที่นำเสนอ หน้าที่โน้มน้าว ให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อมันได้ย้ายไปอยู่ในคอนเทนต์บนออนไลน์แล้ว
.
แต่หน้าที่ของเซลล์ คือ
.
(1) อำนวยความสะดวก คือ คุณไม่ต้องพูดโน้มน้าวใดๆ เพราะลูกค้าเขาตัดสินใจมาตั้งแต่ที่บ้านแล้ว คุณไม่ต้องนำเสนอข้อมูลใดๆ เพราะเขาดูมาหมดแล้ว คุณไม่ต้องปกปิดข้อเสียใดๆ เพราะมันจะยิ่งทำให้เขาเห็นว่าคุณไม่จริงใจ เพราะไม่มีอะไรเกี่ยวกับสินค้าของคุณที่ลูกค้าไม่รู้
.
คุณมีหน้าที่แค่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าซื้อได้ง่ายที่สุด บริการให้ประทับใจที่สุด ให้ข้อเสนอที่ดีที่สุด
.
อย่างตัวผม เมื่อเดินเข้าไปใน โชว์รูม สิ่งที่ผมถามเซลล์ คือ ได้ส่วนลดเท่าไหร่ ซื้อสดมีข้อเสนออะไรบ้าง หรือ ถ้าซื้อผ่อนมีข้อเสนออะไรบ้าง สามารถเปลี่ยนขุดแต่งให้ผมพร้อมวันออกรถได้ไหม ผมรู้จักกับร้าน ติดฟิล์ม และ เคลือบแก้วดีๆ อยู่แล้ว สามารถให้เขาเอารถไปติดฟิล์ม และ เคลือบแก้วเลยโดยที่ผมไม่ต้องมาโชว์รูมเองหลายรอบได้ไหม ทำให้เสร็จทุกอย่างเลย ผมมาโชว์รูมอีกครั้ง คือ วันขับรถออกเลย สามารถจัดการให้ได้ไหม ?
.
หน้าที่ของเซลล์ คือ อำนวยความสะดวกตามที่ผมขอให้ได้ และ บริการให้ผมประทับใจที่สุด
.
เห็นไหมครับว่า คำถาม มันไม่ใช่ รถรุ่นไหนดี รุ่นนี้ขับเป็นยังไง ราคาเท่าไหร่ มีข้อดี ข้อเสียตรงไหนบ้าง แบบสมัยก่อนแล้ว
.
(2) Upsell ให้ลูกค้าจ่ายเงินเพิ่ม คือ เวลาลูกค้าดูข้อมูลมา ลูกค้าดูแค่สิ่งที่เขารู้ว่าเขาต้องการเท่านั้น แต่เมื่อลูกค้าเดินมาหน้าร้าน หน้าที่ของเซลล์ คือ ทำให้เขาจ่ายเงินเพิ่มขึ้นอีก ในสิ่งที่เขาไม่รู้ว่าเขาต้องการ โดยแลกกับความคุ้มค่าที่ลูกค้า (อาจจะ) ไม่รู้มาก่อน
.
อย่างตัวผม ตอนแรกราคารถอยู่ที่ 2,169,000 บาท แต่พอมาซื้อจริงๆ เซลล์เสนอว่าจะเพิ่มการรับประกันรถ หรือ BSI จากเดิม 3 ปี 60,000 กิโลเมตร เป็น 5 ปี 100,000 กิโลเมตร โดยเพิ่มเงินอีกแค่ 80,000 บาทไหม เพราะรถยุโรปเวลาเข้าเช็คระยะที่ศูนย์แต่ละครั้ง ต้องเสียเงินหลักหมื่น แต่ถ้ายังอยู่ใน BSI จะเข้าศูนย์ และ ซ่อมกรณีเกิดจากตัวรถฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ที่สำคัญรถส่วนใหญ่ 3 ปีแรกไม่ค่อยเข้าศูนย์หรอก มันจะไปหนักช่วงปีที่ 4 เป็นต้นไปมากกว่า
.
ซึ่งเมื่อผมคิดคำนวณแล้ว คือ “ตกลง” ผมได้ความคุ้มค่า เซลล์ได้เงินเพิ่ม Win Win และยังไม่รวมพวกชุดแต่ง และ อื่นๆ อีก ที่ผมต้องจ่ายเงินเพิ่มจากเดิมที่ไม่ได้คิดตรงนี้ เพราะผมไม่รู้ว่าตัวเองต้องการมาก่อน ซึ่งเป็นหน้าที่ของเซลล์ที่จะต้องยื่นข้อเสนอ เพื่อ Upsell ให้ลูกค้าจ่ายเงินเพิ่มให้ได้ กลายเป็นว่าสุดท้ายผมต้องจ่ายเงินไปรวมๆ ประมาณ 2,2XX,XXX บาท
.
สรุปคือ คอนเทนต์ก็เหมือนเซลล์แมนที่ทำหน้าขายแทนคุณ เมื่อเขาปิดการขายลูกค้าคนไหนได้ คอนเทนต์ก็จะส่งลูกค้าที่ ตัดสินใจแล้ว และ พร้อมซื้อ มาให้คุณ ส่วนคุณมีหน้าที่แค่นั่งอยู่เฉยๆ ให้ลูกค้าเดินเข้ามาหาเอง จากนั้นก็อำนวยความสะดวก บริการ และ Upsell ให้ลูกค้าจ่ายเงินเพิ่มด้วยความพอใจแบบ Win Win ซึ่งผมเรียกหลักการนี้ว่า “Inbound Content Marketing หรือ การตลาดโดยใช้คอนเทนต์แบบแรงดึงดูด”
.
ซึ่งผมได้สอนแบบเจาะลึกถึงรายละเอียด และ กระบวนการ เอาไว้ในคลาส Online Signature 2021 ทั้งหมดแล้ว หากคุณอยากจะนั่งเฉยๆ แล้วให้ลูกค้าวิ่งเข้าหาเองได้ ก็สามารถเข้ามาลุยด้วยกันได้ครับ
.
3. เหตุผลที่ผมเลือกซื้อ BMW ไม่ใช่แค่เพราะมันเป็นรถยุโรป ขับแล้วเท่ สมรรถนะเยี่ยม ที่อยากมีไว้ในครอบครองเท่านั้น แต่มันมีผลกับการทำงานในเชิงจิตวิทยาของผมด้วย
.
หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่า BMW ไม่ได้เริ่มต้นธุรกิจจากการผลิตรถยนต์ แถมยังเคยตกอับถึงขนาดเอาเศษเหล็กมาทำเครื่องครัวขายเพื่อความอยู่รอดมาแล้ว
.
ย้อนกลับไปในปี 1916 ก่อนจะมาเป็น BMW บริษัทมีชื่อว่า Rapp Motorenwerke ทำธุรกิจผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน จากนั้นไม่กี่ปีต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น Bayerische Motoren Werke ซึ่งเป็นชื่อเต็มของ BMW โดยโลโก้ที่เราเห็นกันทุกวันนี้จนจำขึ้นใจ ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากลักษณะการหมุนของใบพัดเครื่องบิน รวมเข้ากับสีฟ้าและขาว ซึ่งเป็นสีประจำแคว้นบาวาเรีย (Bavaria) ที่ตั้งของบริษัท BMW โดยเครื่องยนต์ของเครื่องบิน BMW IIIA เป็นเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดในยุคนั้น ต่อมา เครื่องยนต์ BMW IV ก็สามารถสร้างสถิติโลกเพดาลบินสูงสุดได้
.
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า BMW กำลังไปได้ดี แต่ทุกอย่างก็พังลง เมื่อเยอรมนีแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 ผลจากสงครามทำให้การผลิตเครื่องยนต์เครื่องบินกลายเป็นเรื่องผิดกฎหมายในเยอรมนี จากผลของสนธิสัญญาแวร์ซาย
.
BMW ที่เคยผลิตแต่เครื่องยนต์เครื่องบินมาโดยตลอด ต้องหันไปผลิตเครื่องมือทำฟาร์ม และเบรกรถไฟ ซึ่งในระหว่างนั้นเอง Max Friz หัวหน้านักออกแบบของ BMW ก็ได้วางแผนออกแบบ รถมอเตอร์ไซค์ ควบคู่ไปด้วย
.
จนในปี 1923 BMW ก็เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์คันแรก ที่มีชื่อรุ่นว่า R32 ซึ่งเปิดตัวในงาน Berlin Motor Show
.
หลังจากนั้นในปี 1928 ธุรกิจผลิตรถยนต์ของ BMW ก็เริ่มต้นขึ้น โดย BMW 3/15 PS คือรถยนต์รุ่นแรกที่ใช้ชื่อของ BMW และกลายเป็นที่ฮือฮาทันที เพราะสามารถชนะการแข่งขันรายการ Alpine Rally ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าร่วมแข่งขัน
.
หลังจากนั้นในปี 1933 ก็ได้เปิดตัว BMW 303 ซึ่งเป็นรถรุ่นแรกที่มาพร้อมกับกระจังหน้าแบบไตคู่ (Kidney Grille) จนรูปแบบดังกล่าวได้กลายมาเป็นเอกลักษณ์ของรถ BMW ทุกรุ่นในปัจจุบัน
.
แต่ก็เหมือนเดจาวู เมื่อทุกอย่างกำลังไปได้สวย BMW ก็ล้มลงอีกครั้ง เมื่อเยอรมมีแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 อีกครั้ง ทั้งโรงงานรวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ พังเกือบหมด
.
BMW ต้องกลับไปผลิตของใช้ในครัวเรือน ก่อนจะกลับมาสร้างมอเตอร์ไซค์ได้อีกครั้งในปี 1948 และรถยนต์ในปี 1951
.
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง BMW กลับมาขายรถที่จัดเต็มเรื่องสมรรถนะ ซึ่งถือว่าเป็นรถที่มีเทคโนโลยีล้ำสุดในช่วงเวลานั้น
.
แต่ดูเหมือนว่า จุดสูงสุดของวิศวกรรมจะเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับจุดต่ำสุดของ BMW
.
เนื่องจากช่วงหลังสงคราม คนสนใจแต่ปากท้องของตัวเอง และคงไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อรถคันใหญ่ที่มีวิศวกรรมล้ำหน้าราคาแพง ทำให้รถของ BMW ขายได้ไม่ค่อยดี ส่วนตลาดมอเตอร์ไซค์ก็เริ่มซบเซา
.
สุดท้ายบริษัทมีปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก จนถึงขั้นที่ว่าบอร์ดของบริษัท ตอบรับข้อเสนอการควบรวมกิจการกับทาง Daimler-Benz อย่างไรก็ตาม ดีลนี้ไม่เกิดขึ้น เพราะถูกต่อต้านจากทั้งคนงานและผู้ถือหุ้นรายย่อย
.
Herbert Quandt หนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัท ตัดสินใจหาเงินมาซื้อหุ้นในส่วนที่จะขายให้ทาง Daimler-Benz นั้นเอาไว้เอง ทำให้ BMW ยังคงเป็นบริษัทคู่แข่งกับ Benz ต่อไป ซึ่งผ่านมา 59 ปี ปัจจุบันคนตระกูล Quandt ก็ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน BMW Group อยู่
.
ต่อมากิจการของ BMW ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ BMW มีการปรับเปลี่ยนให้รถที่ทำออกมามีขนาดเล็กลง สามารถตอบโจทย์คนทั่วไปมากขึ้น และ เติบโตขึ้นผ่านการซื้อขายบริษัทอื่นๆ ตามมาอีกหลายครั้ง ทั้งแบรนด์ MINI และ Rolls-Royce จนปัจจุบัน BMW มีมูลค่ากว่า 1.4 ล้านล้านบาท
.
หลายคนอาจจะคิดว่า ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เส้นทางของเขาคงจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่เคยล้มเหลว ไม่เคยเจอวิกฤตอะไรมาก่อน
.
แต่สำหรับ BMW พวกเขาต้องดิ้นรนถึงขนาดต้องทำหม้อทำกระทะขายเพื่อความอยู่รอดมาแล้ว
.
แต่ไม่ว่า BMW จะเจอกับสงครามโลกกี่ครั้ง จะเจอวิกฤตกี่หน แต่เขาก็ “ไม่ยอมแพ้” และ ต่อสู้จนกลับมาเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จได้เสมอ
.
ชีวิตคนเราก็เช่นกัน ผมทั้งเคยทำธุรกิจเจ๊ง ถึงกับต้องขอยืมเงินเพื่อน 100 บาท เพื่อมาซื้อมาม่า กับ ไข่ไก่กินประทังชีวิต 1 สัปดาห์ ดิ้นรนอีกหลายเดือน และ ไปขออาศัยอยู่บ้านเพื่อน เมื่อตอนสมัยเรียน นอกจากนี้ธุรกิจของผมก็เจ๊งเพราะโควิด-19 ไม่ต่างกับใครอีกหลายคน
.
เราทุกคนล้วนมีวันที่ดี และ มีวันที่ร้ายสลับกันไป ดังนั้น ทุกครั้งที่ผมขึ้นไปนั่งบนรถของ BMW หน้ามองตรง มือจับพวงมาลัย แล้วสูดลมหายใจลึกเข้าเต็มปอด
.
มันเหมือนเป็นเครื่องเตือนใจผมว่า “ต่อให้จะเจอวิกฤตอะไร เจอวันที่แย่แค่ไหน จงอย่ายอมแพ้ จงสู้ต่อไป ก้าวไปข้างหน้า แล้วเราจะประสบความสำเร็จได้ เหมือนกับ BMW …”
.
และนี่คือ เหตุผลที่ผมเลือก BMW เพราะทุกครั้งที่ผมเหยียบคันเร่งของรถ มันก็เหมือนผมกำลังเหยียบคันเร่งให้ชีวิตของตัวเอง
.
ปล. หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยเจอวิกฤต และไม่ยอมแพ้ BMW คือ รถที่เหมาะสมกับคุณที่สุดครับ ถ้าคุณอยากเป็นเจ้าของรถอย่าง BMW ก็ทักไปหาคุณปุ๋ย ที่ดูแลผมอยู่ได้เลย เขาดูแลดีมากๆ ครับ
.
โทร 090-6786187 | ID Line : pueybmw | เพจ : ปุ๋ย เซลรถหรู ภาคใต้ | Facebook : ปุ๋ย บี้เอ็ม ภาคใต้
.
ปล.2 ส่วนใครอยากนั่งอยู่เฉยๆ แล้วให้คอนเทนต์บนออนไลน์ ดึงดูดลูกค้าวิ่งเข้าหา ก็เข้ามาลุยกับผมและพี่น้องอีกมากกว่า 300 คน ในคลาส Online Signature 2021 ได้ครับ
.
ทักไลน์มาได้ที่ @samounglai
alpine bmw 在 TopGear TW 極速誌 Facebook 的最佳解答
【激鬥黃昏之牛戰三雄】
隨著本週新一代GR 86於國際發表,暴力小鴨GR Yairs也在展開台灣限量預售,由豐田旗下賽車部門TOYOTA GAZOO Racing所主導開發的車款可說是搶盡了國內汽車媒體的版面。當然,我們也不能忘了第一個打響GR名號的Toyota GR Supra。因此,在這悠閒的週日早晨,就讓我們一起來回顧這場新任牛魔王與同級三大對手的經典戰役吧!
#Toyota #GRSupra #Porsche #718CaymanGTS #BMW #M2Competition #Alpine #A110
----------------------------------
延伸閱讀:
Porsche 911 Carrera 2 vs. Lotus Evora GT410 vs. Jaguar F-Type
大考:跑車 https://bit.ly/2Q8AKeK
----------------------------------
網站 https://www.topgeartw.com
Youtube https://bit.ly/2UxJozN
IG https://www.instagram.com/topgeartaiwan/
alpine bmw 在 彭昱凱(阿凱):09-1688-1688 Youtube 的精選貼文
2021/09/26 鄉民盛傳Alpina輪胎不用打氣,今天就來跟大家分享一下,這到底是怎麼一回事
alpine bmw 在 紳士痞子 x JNIF Youtube 的最佳解答
‼️‼️快點訂閱 紳士痞子 x JNIF YouTube‼️‼️► https://goo.gl/L5rmZG
👉快去「紳士痞子 x JNIF」的FB粉專按讚吧 ► https://reurl.cc/v5vxN
JN期待已久的背包終於來了
之前卡在埃及真的是等了非常久
趕快來看看有多帥吧
特別感謝:台灣都樂車頂架代理、運動相機彈藥庫
JN IG👉 jnif_jn
小紅IG👉jnif_xxred
子翔IG👉jnif_0
Youtube 紳士痞子 x JNIF /製作/商案/業配/演出
👉LINE:JNIFSTUDIO
👉WeChat:JNIFSTUDIO
#G21 #車頂架 #Thule #bmw #彈藥庫 #旅行架
alpine bmw 在 7Car小七車觀點 Youtube 的最佳解答
●1989 年 10 月在倫敦車展正式發表,使 Elan 之名自 1972 年舊款停產後重返車壇。
●由 Peter Stevens 主導的 Lotus 團隊操刀設計。
●Lotus 首款採用前輪驅動配置。
●底盤為具備龍骨的獨立設計,車身以塑鋼材質製作 (NA 空重 997kg,渦輪 1,020kg,Kia Elan 空重 1,070kg) 。
●車頭運用掀燈設計,搭配來自 Renault Alpine GTA 的尾燈組。
●敞蓬為手動啟閉,可收納至座艙與行李廂間隱藏式空間。
●1991 年獲得英國 British Design Council 設計獎。
●車身長寬高為 3,880x1,730x1,270 (mm),軸距則為 2,250mm。
●1994 年日內瓦車展推出限量 800 輛的 Elan S2,搭載 16 吋胎圈組及強化版懸吊。
●1995 年 Lotus 將 Elan 的生產權售予 Kia,1996 年後 Kia Elan 登場,將尾燈改為自行設計版本,座椅與方向盤也有所更動 (日規稱為 Kia Vigato),1999 年停產。
●Lotus 時期動力配置提供源於 Isuzu 的 1.6 升 4XE1 直列四缸汽油引擎,搭配 5 速手排變速箱。
●自然進氣版本 Lotus Elan 具備 132ps 最大馬力,0-100km/h 加速需時 8.2 秒;渦輪增壓版本 (Elan SE) 具備 164ps 最大馬力,0-100km/h 加速需時 7.2 秒。
●Kia 時期改採 1.8 升 T8D 直列四缸自然進氣汽油引擎,最大馬力 151ps,0-100km/h 加速需時 7.4 秒。
●國內時任 Lotus 總代理三信商事引進約 5 輛 Lotus Elan,報價約 228 萬元
●時任 Kia 總代理進輪約在 1997 年引進 Kia Elan,報價為 149 萬元,數量僅 2 輛。
●Lotus Elan 產量 4,655 輛,Kia Elan 產量 1,056 輛,合計 5,711 輛。
#Lotus
#Kia_Elan
#記得開啟CC字幕喔
延伸閱讀:https://www.7car.tw/articles/read/74351
更多車訊都在【小七車觀點】:https://www.7car.tw/
【七哥試駕都在這邊】:https://reurl.cc/O1xnWr
--------------------------------------
「小七哥」親自實測嚴選的商品都在【七車坊】
https://shop.7car.tw/
台灣商用車專屬網站【商車王】
https://www.truck.tw/
記得訂閱追蹤YouTube唷 》》》
7Car →https://reurl.cc/pdQL7d
7Car新聞頻道 →https://reurl.cc/MvnRrm
台灣車文庫 →https://reurl.cc/ar61QQ
alpine bmw 在 Myrack車架專家- BMW G31實裝Thule Vector Alpine 380L 亮黑 ... 的推薦與評價
BMW G31實裝Thule Vector Alpine 380L 亮黑車頂行李箱 https://reurl.cc/5lqXkn 【Thule來自瑞典的第一品牌!】 優雅的運動感設計,加上俐落流暢的上蓋和底部, ... ... <看更多>
alpine bmw 在 BMW。Alpine - Mobile01 的推薦與評價
BMW 。Alpine - 如題最近接到BMW雜誌,裡面一篇關於116i可以加裝Alpine喇叭組,據說有音場設定,價錢要兩萬多,真有效果嗎?有人安裝了嗎? ... <看更多>
alpine bmw 在 The All-New BMW Alpina B8 Gran Coupe | BMW USA 的推薦與評價
Witness the future of the BMW Alpina B8 Gran Coupe: https://www.bmwusa.com/future-vehicles/alpina-b8. ... <看更多>