How does Yoga help me to have more self-love? Through self-acceptance.
⠀
In the beginning, there is a craving for magic formulas to remedy your pain. Unable to heal herself, she casts the healer out. It is natural that for a long time the eyes are still turned outwards and any attempt to define yourself starts from a comparison with something external to you. It's tiring to live belittling yourself all the time, isn't it?
⠀
The essence of Yoga is the attentive, observant and receptive look for everything that emerges in sensations, thoughts, emotions and movements, and it is the constant exercise of this gaze that strengthens in itself, before any intimate transformation, a process of rediscovering oneself. What am, am, feel or think all the time and I don't notice? Realizing that there is a vast world of “new” information to be appreciated is a beautifully grandiose thing for a person.
⠀
This attitude of openness to self-observation is, in itself, a way of welcoming and practicing self-acceptance. The honest quest to see what was previously invisible to your conscious eyes is also a permission you give yourself to be yourself. Every meaningful transformation and transmutation of life is preceded by an acceptance of who you are now.
⠀
Your ups and downs, joys and sorrows, qualities and defects, virtues and shadows, truths and omissions, are the scribbles of your story, ink on the sheet forming the paragraphs of your life and each letter or comma make up something of rich meaning for those you is today. Self-acceptance is not about being passive about your issues, but about not reacting in a denial or reactive way with yourself, and then evolving from what is seen.
⠀
Promise if you accept more this week? ☕️ good morning and beautiful week 💫
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過2萬的網紅per se,也在其Youtube影片中提到,「like a child in the rain, searching for anything...」 Buy our 2019 Calendar featuring songs from our new album now at: https://www.facebook.com/comme...
denial meaning 在 語言選物 Facebook 的最讚貼文
【podcast選物 no.5】談論悲傷的四件事
If you don’t name it, you can’t feel it.
不允許自己談悲傷的人,也聽不進別人談悲傷
--
節目名稱:Unlocking Us
主持人:布芮尼・布朗|《脆弱的力量》作者
你可以利用這個podcast節目,學幾個單字主題
🔹悲傷grief
🔹療傷healing
🔹心理學psychology
前往《語言選物IG》學例句 👉🏼 https://reurl.cc/8G7LVd
💔為何談悲傷是一件重要的事?
新學生詢問課程時,我常常先提醒一句,我提供的不是英語考試練習,是說話練習,過程中除了訓練 #怎麼說(文法、單字)以外,一樣重要的是訓練 #說什麼 。
想學好英語的人當中,許多人是為了擴展自己生活圈而來,想用英語在旅遊中交朋友,想用英語在會議上說服客戶,或是想用英語在海外找到新的合作夥伴,我們想用英語說自己的故事,但我們少的是英語能力,還是自己的故事?
發音道地、文法標準、單字搭配自然,這些 #怎麼說 的練習,當然十分重要,但只訓練 #怎麼說 ,就像不斷升級車子的性能:雖然時速0到100的加速越來越快,但如果不曉得該往哪去,速度也只是增加你繞圈的次數而已。多練習 #說什麼 ,讓語言跟著內容走,速度才能帶你抵達目的。關於說話練習,十多年的英語教學經驗中,我觀察到了兩件事:
1️⃣練習說話,不是從外在模仿別人說的範例,是 #善用問題 ,往內在探索自己的觀點與感受
2️⃣利用 #外語學習 來練習說話,具有母語所沒有的優點好處
關於第二點,下回有機會再多舉例說明,這次我想藉Brené Brown訪問David Kessler的一個節目來談談悲傷,如果你想練習找尋自己的觀點與感受,悲傷絕對是一個重要的單元,因為經歷悲傷就像樹木經歷旱澇,無論規模大小,都在年輪印下痕跡,想了解自己,不能不看悲傷印下的樣貌。另外,談論悲傷需要練習,毫無顧忌地揭露並非勇敢,我們需要多一些指導,鋪張細心的網,然後走進湧現的悲思裡。
那麼練習談論悲傷有哪些指導呢?
💔 談論悲傷的四件事
學術研究者與一般大眾認識悲傷的基礎,來自Elisabeth Kübler-Ross提出的五個心理階段:◎denial ◎anger ◎bargaining ◎depression ◎acceptance,與她合作出了兩本書的David Kessler,後來提出了第六個階段 ◎meaning ,在這集podcast中,他談了自己如何在2016年喪子之後找到意義,完成了關於悲傷的第六個階段的著作,但我想分享的,是他與主持人Brené Brown之間深刻溫暖的對話,關於談論悲傷需要知道的四件事情。
🚩if you don’t name it, you can’t feel it
悲傷引發的情緒,對自己或他人都一樣難受,為了避免困擾,許多人以為 #不談悲傷 才是成熟的表現,但就像交惡的鄰居,疏遠只是讓你與他陌生,不會讓他消失不見,越不談悲傷就越不懂悲傷,更糟的是,不允許自己悲傷的人,通常也聽不下別人的悲傷,「你是電影看太多喔?」,這不算成熟,這是漠然。
🚩grief is the death of something
悲傷來自 #消逝,但往往只有 #生命的消逝 被認真看待,弄丟的物品、變質的關係、搬家前最後一次關上門、畢業典禮後的最後一個夏天,我們很少願意好好告別,與消逝中的感受共處,總是催著自己略過悲傷,讓心情快點好起來。
🚩the worst loss is always your loss
曾經有個學生告訴我,她安慰即將裁掉員工的朋友時說:「你才幾個員工?我今年要裁的是你的好幾倍多!」她開心地告訴我,她的朋友後來就覺得好多了。
每個生命累積的經驗不同,我們太常比較誰的悲傷比較痛,贏的人可以掉淚,輸的人因為自己依然悲傷而覺得慚愧。新冠肺炎疫情中,無法在學校與朋友踢球的小孩流眼淚時,我們不該說服他失去工作的爸爸比較難過,出於同理,我們希望失去最多的人得到關注,但悲傷的強度沒有公制單位,我們無法客觀測量誰難過多於誰。
🚩judgement demands punishment
David Kessler在節目中提到,遭受喪子之痛的夫妻會離婚,不是因為小孩的去世,而是因為彼此無法接受對方難過的方式。「你如果也跟我一樣愛他,為何你沒有跟我一樣難過?」
評判的語言中,往往帶著精神折磨,你或者認為對方受苦不夠,但以 #比較 來降罪於人,得到的終究不會是平靜。
Brené Brown在節目中很認真地說明了她對Elisabeth Kübler-Ross與David Kessler的感謝,
她認為透過他們的著作與研究,在悲傷中浮沈無依的我們才於是了解:自責、失序、反覆都是正常(normalizing the internal crazy-making),當然光是一集podcast還不足以讓我們學會如何談自己的、聽別人的悲傷,但仔細讀到這裡的你,已經證明了自己對 #說什麼 的學習興趣,善用這樣的好奇,說自己的故事,語言能給予的多寡,只有你自己能決定。
聽完節目後衍伸討論話題
🔹Who do you talk to about your grief? Why?
🔹During the COVID-19 pandemic, what are some of the things that make you grieve?
🔹Do you think sharing grief is essential to building trust between friends?
記得按個讚讓我知道你喜歡我的分享,如果你想起誰也會喜歡讀這樣的內容,請幫我分享給你的朋友。
denial meaning 在 Roundfinger Facebook 的精選貼文
สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านเมื่อเช้าครับ :)
น้อง-พี่-ที่รัก:
รักกันไม่ได้แปลว่าจะต้องชอบกันทั้งหมด
(เขียนถึงเนื้อหาบางส่วนในภาพยนตร์)
---
1
ครั้งหนึ่งที่ป๊ากับพี่สาว (ซึ่งผมเรียกว่า แจ้) มีปากเสียงกัน ผมพยายามพูดอะไรบางอย่างให้สองฝ่ายคืนดี หายโกรธ ยกเหตุผลต่างๆ นานา สิ่งที่พี่สาวผมบอกกลับมาก็คือ "แกไม่ต้องยุ่งหรอกน่า เค้าอยู่กันมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว เดี๋ยวมันจางลงก็กลับมาคุยกันดีๆ เหมือนเดิม แค่ยังไม่ใช่ตอนนี้" และคำที่ผมจำได้แม่น "ไม่ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ คนในบ้านทะเลาะกันมันเป็นเรื่องปกติ"
...
2
เมื่อวานได้ดู "น้อง-พี่-ที่รัก" โดยมิได้คาดหวังว่าหนังจะเน้นความสัมพันธ์ของพี่ชาย-น้องสาวขนาดนี้ แต่ยิ่งนั่งดูไปมากเท่าไรก็ยิ่งคิดถึงตัวเองและพี่สาวมากขึ้นเท่านั้น
ถามว่าหนังสนุกไหม ตอบว่า-มาก มีมุกให้หัวเราะเกลื่อนกลาดไปทั้งเรื่อง มุกส่วนใหญ่น่ารัก โดน และไม่กริบ น่าจะเพราะการแสดงที่แสนจะพลิ้วของซันนี่และญาญ่า โดยเฉพาะซันนี่ที่เล่นแบบลืมไปเลยว่าตัวเองหล่อ จากสเต็ปของฮิวจ์ แกรนท์ เรื่องนี้เขาได้ข้ามไปสู่สเต็ปของจิม แคร์รีย์เป็นที่เรียบร้อย แต่นั่นแหละ-หนังเรื่องนี้มีมากกว่าความสนุก และอยากชวนไปดูกันเยอะๆ ครับ
ที่คิดถึงตัวเองกับพี่สาวเพราะหนังแสดงให้เห็นถึง "ความต่าง" ระหว่างสองคนนี้แบบสุดขั้ว พี่ชายก็ไม่เอาไหนได้แบบสุดๆ ไร้ระเบียบ เละเทะ เรื่อยเจื้อย เอาตัวรอดด้วยความกะล่อนไปวันๆ ตรงข้ามกับน้องสาวที่เป๊ะ เรียนเก่ง การงานดี กีฬาเลิศ ชีวิตสองคนนี้เหมือนฟ้ากับเหว
ผมกับพี่สาวไม่ได้ต่างกันขนาดนี้ แต่ก็มีส่วนคล้าย ผมค่อนไปทางไร้ระเบียบ รักอิสระ ขณะที่พี่สาวเรียนเก่ง มีระเบียบกับชีวิต ซึ่งผมคิดว่าพี่น้องส่วนใหญ่มักจะมี "ความต่าง" ในแบบของตน
...
3
มีคำพูดว่า "เพื่อนคือญาติที่เราเลือกได้เอง" กลับกันคือ "พี่น้องคือเพื่อนที่เราไม่ได้เลือก และเลือกไม่ได้" เกิดมาก็มีไอ้คนคนนี้อยู่ร่วมบ้านกับเราแล้ว ไม่ว่าจะเป็นยังไงเราก็ต้องใช้ชีวิตกับมันไปอีกหลายปี เผลอๆ ก็อาจจะทั้งชีวิต
เปลี่ยนคนก็ไม่ได้ เลิกคบหากันก็ไม่ได้
เชื่อเหลือเกินว่าบ่อยครั้งที่พี่หรือน้องจะคิดในใจว่า "ถ้ากูเปลี่ยนพี่น้องเป็นคนนั้นคนนี้ได้คงดี" แต่ประเด็นคือ-มึงเปลี่ยนไม่ได้ไงล่ะ
"พี่-น้อง" จึงเป็นความสัมพันธ์ประหลาด ไม่ได้เลือกคบกัน แต่ต้องทนกันไป ไม่ได้ชอบกันแต่ต้องอยู่กันไปแบบทู่ซี้ แล้วไอ้ความอยู่ด้วยกันนานนี่เองแหละที่สร้าง "ความผูกพัน" ขึ้นมา กระทั่งกลายเป็นความสัมพันธ์รสปะแล้ม คือ "ไม่ได้ชอบมึง แต่รักมึงนะ"
...
4
ในครอบครัวที่พี่หรือน้องคนใดคนหนึ่งมีบุคลิกที่ชัดเจน สุดโต่งไปทางใดทางหนึ่ง อีกคนจะกลายเป็นด้านตรงข้ามกับคนนั้นไปเลย
พี่-น้องคือกระจกกลับด้านของกันและกัน (ส่วนหนึ่งเป็นเช่นนั้น)
ความที่อยู่ด้วยกันมานาน พี่น้องเป็นความสัมพันธ์ที่ "เปรียบเทียบ" กันโดยไม่ตั้งใจ แม้ปฏิเสธแต่ก็อดไม่ได้หรอกที่จะเปรียบเทียบ บางทีการเปรียบเทียบนี้อยู่ลึกจนเราไม่รู้ตัว แต่มันมีอิทธิพลต่อ "ความเป็นเรา" มหาศาล
หากพี่เป็นเด็กเรียน ตอนแรกน้องจะพยายามฮึดสู้ แต่ถ้าทำได้ไม่ดี น้องจะเฉไปเอาดีทางอื่นทันที เช่น กลายเป็นคนบ้ากีฬา บ้าศิลปะ เล่นเกม หรืออะไรสักอย่างที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนในใบเกรด
หากพี่เจ้าระเบียบมากๆ น้องจะดื้อด้าน แหกกฎ หากน้องขยัน พี่อาจทำตัวกลับกันคือนั่งๆ นอนๆ สบายๆ หากน้องไปทางบุคลิกดี สำรวมเรียบร้อย พี่อาจหนีไปทางตลกโปกฮา และอื่นๆ อีกมากมาย ลองมองพี่น้องรอบตัวก็จะเห็น "กระจกกลับด้าน" เช่นนี้จำนวนไม่น้อย
เราต่างมีอิทธิพลต่อกันและกัน
พูดอีกอย่างคือ "เราต่างสร้างตัวตนของอีกคนขึ้นมา"
ซึ่งบ่อยครั้งไม่ได้สร้างให้อีกคนเหมือนเรา แต่กลับสร้างให้อีกคนแตกต่างจากเรา เพราะเขาต้องการ "หนี" ไปอีกทาง ไม่ให้ซ้ำทางพี่ ไม่ให้ทับทางน้อง
พี่-น้องจึงเป็นโจทย์แรกๆ ของชีวิตที่เราต้องเจอ โจทย์ที่ว่าเราจะ "เอาดี" แบบไหนบนเส้นทางตัวเอง หากสู้กับอีกคนหนึ่งบนทางเส้นนั้นไม่ได้ ยังเหลือทางไหนให้ไปอีก แล้วการหาทางออกเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่านี่เองที่หล่อหลอม "ตัวตน" ของเราขึ้นมาให้เป็นแบบที่เราเป็นตอนโตขึ้น
และการกลับด้านเช่นนี้เองที่ค่อยๆ สร้างความเป็น "คู่ตรงข้าม" ขึ้นมาในตัวเราสองคน ค่อยๆ ถ่างเราห่างจากกัน ค่อยๆ ทำให้เรามีโลกคนละใบ และเป็นไปได้ว่า--ค่อยๆ ทำให้เราเข้าใจกันและกันน้อยลงเรื่อยๆ
...
5
มองไปที่พี่ เราจึงเห็นว่าเขาอยู่บนโลกอีกใบหนึ่ง เราเป็นมนุษย์คนละดาวที่ถูกเสก (หรือสาบ) ให้มาอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน
โจทย์ที่สองที่คนมีพี่น้องค่อยๆ เรียนรู้ตั้งแต่ตอนเป็นวัยรุ่นไปจนถึงเป็นผู้ใหญ่ก็คือ แล้วเราจะอยู่ร่วมกับ "มนุษย์คนละดาว" อย่างไรให้มีความสุข การจะได้มาซึ่งคำตอบของโจทย์นี้ บางคนใช้เวลาทั้งชีวิต
ราวกับว่าเรามีพี่มีน้องที่ต่างกันก็เพื่อให้เราได้เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับคนที่แตกต่าง (มากน้อยก็ว่ากันไป) หนีไปไหนไม่ได้ ตัวอาจแยกจากกันบางเวลา แต่หัวใจมันผูกกันไปแล้ว
ไม่ชอบมัน แต่รักมัน
นี่คือแบบฝึกหัดความสัมพันธ์ในแบบที่ "คู่รัก" มอบให้ไม่ได้ เพราะความสัมพันธ์แบบคู่รักนั้นพร้อมจะ "บอกเลิก" กันได้เมื่อถึงจุดที่ทนไม่ไหว แต่พี่น้องจะไม่ยอมให้ความสัมพันธ์ไปถึงจุดนั้น เพราะเราต่างรู้กันว่าเราไม่มีวันเลิกเป็นพี่เป็นน้องกัน หรือหากต้องเลิกเป็นจริงๆ มันคงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิต เป็นแผลเป็นที่เหลือบไปเห็นทีไรก็เจ็บแปลบขึ้นมาทุกครั้ง
เราจึงประคับประคอง "ความต่าง" ด้วยทุกวิถีทางที่คิดออก
...
6
เช่นนี้แล้ว การเป็นพี่น้องจึงไม่ใช่ความสนุกสวยงามแบบภาพฝัน ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ดีเหลือเกินที่ไม่ตอกย้ำภาพฝันนั้น หากมันคือการ "ทำงาน" แบบหนึ่ง เป็นการทำงานทางด้านจิตใจที่จะยอมรับและยอมรักคนที่แตกต่างจากเราได้ด้วยหัวใจ มิใช่ด้วยการตัดสินพิพากษาเขาด้วยมาตรฐานส่วนตัว
เราจะรักพี่หรือน้องเราได้ก็ต่อเมื่อเราไป "ยืนในรองเท้าของเขา" สวมรองเท้าเขา มองชีวิตจากมุมของเขา เงื่อนไขของเขา ประสบการณ์ที่หล่อหลอมมาของเขา แล้วจึงจะเข้าใจว่าทำไมเขาเป็นแบบนั้น ทำไมเขาคิดเช่นนั้น แล้วเราอาจต้องประหลาดใจด้วยซ้ำว่า ที่เขาเป็นแบบนั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะเราเป็นแบบนี้
ความเข้าใจจะเกิดขึ้นเมื่อหมั่นสลับรองเท้ากันใส่ หมั่นแลกจุดยืนของกันและกัน แล้วเราจะไม่ตัดสินการกระทำของพี่หรือน้องด้วยจุดยืนของเราฝ่ายเดียว (เหมือนที่ "พี่ชัช" ในเรื่องตัดสินการช่วยเหลือของน้องสาวด้วยมุมมองของตัวเองในวันแต่งงาน)
พี่น้องเปิดโอกาสให้เรา "แลกรองเท้า" กันบ่อยกว่าความสัมพันธ์แบบอื่น ที่พร้อมจะให้อภัยน้อยกว่า
หลายครั้งผมคิดว่า ของขวัญมีค่าที่สุดที่พี่น้องจะมอบให้แก่กันไม่ใช่ข้าวของเลอเลิศอันใดเลย หากคือการให้อภัยกันด้วยหัวใจที่ไม่ติดค้าง อ้าแขนออกแล้วบอกว่า "ฉันโอเคกับความเป็นแก" แม้ในใจเราอาจอยากให้เขาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เราคิดว่าน่าจะดีกว่าที่เป็นอยู่ แต่นั่นอาจเป็นเพียงการตัดสินจากมาตรฐานส่วนตัวก็เป็นได้ การโอบกอดในสิ่งที่เขาเป็นนั้นอาจมีค่ามากกว่าการพยายามหยิบยื่นสิ่งที่ (เราคิดว่า) ดีให้แก่เขาด้วยซ้ำไป
...
7
ผมชอบที่หนังไม่ได้จบที่การเปลี่ยนแปลง "ตัวตน" ของพี่หรือน้อง ทั้งสองยังเป็นแบบที่ตัวเองเป็น คนเราไม่ได้เปลี่ยนกันง่ายๆ
พี่น้องในเรื่องไม่ได้เปลี่ยน "ตัวตน" หากเข้าใจมากขึ้นว่าเราควรเป็นพี่น้องกันด้วยความรู้สึกแบบไหน
เปลี่ยนจากการแบกรับน้ำหนักของการเปรียบเทียบ จับจ้องแต่ความต่าง ก่นด่าในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็น ให้กลายเป็นความปรารถนาดีต่อกัน
ใช่, ปรารถนาดีต่อกัน--เราอาจมีกันและกันเพื่อเรียนรู้สิ่งนี้
เราสามารถปรารถนาดีต่อกันได้โดยไม่ต้องถูกใจอีกฝ่ายไปเสียทุกเรื่อง และถ้าเราปรารถนาดีต่อเขา อยากเห็นเขามีความสุข เราอาจต้องยอมบางอย่าง เราอาจไม่จำเป็นต้องพยายามเปลี่ยนแปลงเขา เราเพียงดำเนินชีวิตข้างกันด้วยหัวใจที่เปี่ยมความคาดหวังให้อีกคนหนึ่งมีความสุขที่สุด
นี่คือบทเรียนเรื่อง "ความปรารถนาดีอย่างถูกวิธี" ที่พี่น้องสอนเรา
สิ่งที่พี่ชัชพูดกับหลาน (ลูกชายของน้องสาว) ในตอนท้ายเรื่องว่า "เป็นพี่แล้วนะ รักน้องให้มากๆ นะ" นั้นมีความหมายลึกซึ้งเมื่อตัวเขาเองได้ผ่านรอยปริแยกแห่งความสัมพันธ์ของพี่น้องมาแล้ว
"รักน้อง" นั้นแน่นอนอยู่แล้ว แต่ "รักยังไง" ต่างหากที่เราต้องใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจะเรียนรู้
...
8
หลังจากนั้นไม่กี่วัน พี่สาวก็ซื้อกับข้าวอร่อยๆ มาฝากป๊า แล้วทั้งครอบครัวก็นั่งล้อมวงกินข้าวพูดคุยกันตามปกติ
บ้านเรากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง แต่จะว่าไปก็น่าถามถึงความหมายของคำว่า "ปกติ" มันอาจเป็นแบบที่พี่สาวหรือแจ้ของผมบอกไว้ก็เป็นได้ว่า การทะเลาะกันก็เป็นเรื่องปกติอย่างหนึ่งของคนในบ้าน
เราอาจทะเลาะกันเพื่อเรียนรู้วิธีที่จะอยู่ด้วยกัน ให้เราค่อยๆ สอบผ่านวิชา "ความปรารถนาดีอย่างถูกวิธี" ไปทีละขั้น เหมือนกันกับความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่สาว ทุกวันนี้เราก็ยังเป็นมนุษย์คนละดาวซึ่งถูกเสก/สาบให้มาอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ไม่ได้ลงรอยไปเสียทั้งหมด แต่ยืนยันได้ว่าเรารักกันเสมอ
นี่คือสิ่งที่พี่สาวคนละดาวสอนผมโดยที่เธอไม่ได้พูด แต่ความสัมพันธ์บนความต่างอันยาวนานบอกใบ้ความลับของชีวิตบางอย่างกับผมว่า "การที่เราจะรักใครสักคน เราไม่จำเป็นต้องชอบทั้งหมดที่เขาเป็น"
ซึ่งความลับนี้อาจไม่ได้ใช้ได้เฉพาะกับ "พี่-น้อง" เท่านั้น
...
9
ผมกับพี่เคยมีช่วงเวลาที่เราห่างจากกันและหยุดพูดคุยกันไป แต่แล้ววันหนึ่งเราก็กลับมาคุยกันอีกครั้ง
ความสัมพันธ์ของพี่น้องบางคู่ไม่หวานหอมหรอกครับ ใครที่มีความสัมพันธ์ราบเรียบกับพี่น้องก็นับว่าโชคดี แต่ผมเองก็คิดว่าตัวเองโชคดีอีกแบบหนึ่ง
ผมได้รู้จักความรักที่มีรสขม และผมก็เชื่อว่าพี่สาวของผมก็ได้ลิ้มรสนั้นจากความรักระหว่างเราเช่นกัน
ถ้าต่างกันขนาดนี้แล้วเรายังรักกันได้ ถึงวันหนึ่งบทเรียนนี้น่าจะแผ่ขยายพื้นที่หัวใจให้เรารักคนที่แตกต่างที่ต้องพบเจอในชีวิตได้อีกมากมายนัก
นี่อาจเป็นเหตุผลที่เราถูกเสกให้อยู่ในบ้านหลังเดียวกันมาตั้งแต่เด็ก
ผมรู้ดีว่าพี่รักผม และผมก็รักพี่ เราไม่ได้ชอบทั้งหมดที่อีกคนเป็น แต่เราค่อยๆ เรียนรู้ที่จะยอมรับในสิ่งที่เราไม่ชอบนั้น
ผมอยากชวนพี่ไปดูหนังเรื่องนี้ แต่ก็รู้ดีว่ามันคงจะดูแปลกๆ ยังไงก็เถอะ ผมเชื่อว่าถ้าพี่ได้ดูเค้าจะคิดถึงผม ฉากที่พี่น้องกอดกันตอนท้ายเรื่องคงแทนความรู้สึกระหว่างเราได้ดี
ระยะห่างระหว่างเรานั้นห่างกันมาก ขณะเดียวกันก็ใกล้ชิดกันมาก
จะมีความสัมพันธ์แบบไหนสอนเราได้เช่นนี้อีก
อย่าเชื่อว่าความรักจะมีแต่รสหวาน และอย่าเชื่อว่าความรักที่ไม่หวานนั้นไม่สวยงาม
มันสวยงามอีกแบบหนึ่ง
ก็เหมือนพี่หรือน้องของเรานั่นแหละ-เขาสวยงามในแบบเขา
และสิ่งที่เราควรทำที่สุดคือโอบกอดความสวยงามนั้น
#น้องพี่ที่รัก
#BrotherOfTheYear
Sister-Brother-Baby:
Love each other doesn't mean we have to like each other all.
(write to some content in the film)
---
1
One time dad and sister (which I call jae) got into an argument. I tried to say something to two sides. Good night. I'm angry. All the reason. What my sister said back is " you don't have to mess with me. They live together. For decades, it will fade. We will come back to talk well as usual. Just not now " and the words I remember " no need to make a big deal. People in the house fight is normal "
...
2
Yesterday, I watched "Brother-Brother-darling" without expecting the movie to focus on brother-sister relationship like this. But the more I sit and watch, the more I think about myself and my sister.
If you ask if the movie is fun. I say - there are jokes to laugh at. Most of them are cute and not grip. It should be because of sunny and yaya, especially sunny playing forgetful. Let's say he's handsome from this hugh grant step. He has already crossed to Jim Carrie's steps, but that's it - this movie is more than fun and I want to invite you to watch a lot.
I miss myself and my sister because the movie shows the difference " between these two extreme. My brother can't want to go anywhere. No mess. Keep going to survive with the day. The perfect sister. Good at studying, good job. Great Sports. These two lives are like sky and abyss.
Me and my sister are not this different, but there is a similar part of me. I am quite unorganized, free love while my sister is good at studying, organized with life, which I think most brothers always have "different" in their own way
...
3
There is a word that "friends are relatives that we can choose they are" brothers are friends that we didn't choose and can't choose I was born, there is this person in our house with us. No matter what, we have to live with it. Many more years, maybe my whole life.
I can't change people. I can't stop being in relationship.
I believe that I often think in my heart, "if I could change this person, it would be good" but the point is - you can't change.
" Brother-sister " is a strange relationship. We don't choose to be together, but we have to endure each other. We don't like each other, but we have to live together for a long time that created " Bond " until it becomes a relationship. And it's " I don't like you but I love you
...
4
In a family where one brother or brother has a super clear personality. The other will become the opposite side of that person.
Brother-sister is a mirror back to each other's side (part of them)
Being together for a long time. Brothers is a relationship that " Compare " unintentionally. Even in denial, we can't help but compare. Sometimes this comparison is so deep that we don't realize, but it influences " US "
If you were a student, at first, you would try to fight. But if you didn't do well, you would go to get good things right away, such as becoming crazy, Sports, crazy, art, game or something that is not about studying in grade card.
If your brother is very organized, you will be stubborn and break the rules. If you are diligent, you may act back. Sit and sleep comfortably. If you go to a good personality, you may run away from the funny way. Funny way, and more. Let's see brothers around. I will see a few "mirrors" like this.
We all influence each other.
Another saying is " we all create one another's identity
I often don't create another person like us, but it makes another person different from us because he wants to "run away" the other way, not to repeat the way. I won't let you over the way.
Brother-sister is the first problem of our life that we have to find. What kind of "we will" do on our path. If we can't fight with another person on the road, there is still any way to go. Finding a solution like this over and over again. The handsome one who we are " to be the way we were when we were growing up.
And this kind of turning back that slowly creates the "opposite couple" in the two of us slowly spread us apart. Slowly makes us a different world and it's possible that -- slowly makes us understand each other less.
...
5
Look at my brother, I see that he is on another planet. We are human beings who are made (or) to be in the same house.
The second problem that people have siblings slowly learn from teenagers to mature. How can we live with "different stars" to be happy to get the answer to this problem. Some people spend their whole life.
As if we have different brothers, so that we can learn to live with different people (no matter how much we say). We can't go anywhere. We may be separated for some time, but our hearts are tied.
Don't like it but love it
This is the kind of relationship training that " couples " can't give because couples are ready to " break up " when it comes to the point where they can't stand it, but brothers won't let the relationship reach that point because we both know that we will never stop being brother. Sister or if you have to stop being, it would be the saddest thing in life. It's a scar that I see it, it hurts every time.
So we support "the difference" in every way we can figure out.
...
6
Like this, being a sibling is not a fun, beautiful dream. This movie is so good not to remind that dream. If it is to "work" a mental work to accept and love someone who is different from us with the heart. Not by judgement, judge him by personal standards.
We can only love my brother or brother when we go to "Stand in his shoes" wearing shoes. He looks at life from his angle. His condition. His handsome experience, then you will understand why he is like that. Why he thinks so. We may even be surprised that he is because we are.
Understanding will happen when switching shoes to exchange each other's stand and we will not judge the actions of brother or brother by one side. (like "brother chor cuddle hours" in judging sister's help with their own perspective in Wedding day)
Brothers open the opportunity for us to "exchange shoes" more often than other relationships that are less ready to forgive.
Many times, I think that the most valuable gift that brothers will give to each other, not a great thing. If it is to forgive each other with a heart that doesn't owe each other with open arms and say "I'm okay with you" even in our hearts, we may want him to change. In a way we think it's better than we are, but that may be just judging by personal standards. Embracing who he is is more valuable than trying to give him what (we think) is good.
...
7
I like that the movie doesn't end at changing "who" of both of you or sisters. It's still the way they are. People don't change easily.
Brothers and sisters don't change "who they are" if you understand what kind of feelings we should be brothers.
Change from carrying the weight of comparison, but the difference, cursing what the other is to be best wishes for each other.
Yes, wish for each other -- we may have each other to learn this
We can wish to be good to each other without liking the other. and if we wish to be good for him happy, we may have to give up something. We may not have to try to change him. We just live beside each other with a heart. Expectation for one another to be the happiest
This is the lesson about "best wishes" that brothers teach us.
What brother chor cuddle said to the grandchild (sister's son) at the end, "I am a brother now. I love you very much" is a deep meaning when he has passed the cremation of brothers relationship.
" love you " is for sure, but " how to love " is what we take a long time to learn.
...
8
After a few days, my sister bought some delicious rice for dad. Then the whole family sat around the band, eating and talking as usual.
Our house is back to normal again, but it's nice to ask about the meaning of " normal it may be the way my sister or jae said. Fighting is normal for people in the house.
We may fight to learn how to be together. Let us gradually pass the "best wishes" class. Same step by step with the relationship between me and my sister. Nowadays we are still human beings who are made / scalmed / scalmed in the same house. Not all the marks, but I can confirm that we always love each other.
This is what a different star sister taught me without saying, but a long relationship. Hints some secrets of life to me, "to love someone, we don't have to like all that they are"
This secret may not only be used with "Brother-sister"
...
9
My brother and I used to have a time when we were apart and stopped talking to each other. But then one day we came back to talk again.
Some brothers relationship is not sweet and fragrant. Anyone who has a smooth relationship with brothers is lucky. But I think I am lucky.
I have known bitter love, and I believe my sister also tasted it from our love.
If it's this different, we can still love each other until one day. This lesson should spread our heart space to love many different people who have to meet in life.
Maybe this is why we were conjured in the same house since we were young.
I know that you love me, and I love you. I don't like all that the other person is, but we slowly learn to accept what we don't like.
I want to invite you to watch this movie, but I know that it will look strange. I believe that if you watch it, they will miss me. The scene where brothers hug each other at the end, the story will replace our feelings.
The distance between us is so far apart, meanwhile, very close.
What kind of relationship can teach us like this?
Don't believe that love is only sweet and don't believe that love is not sweet.
It's beautiful in another way.
Just like our brother or brother - he is beautiful in his way.
And all we should do is embrace that beauty
#น้องพี่ที่รัก
#BrotherOfTheYearTranslated
denial meaning 在 per se Youtube 的精選貼文
「like a child in the rain, searching for anything...」
Buy our 2019 Calendar featuring songs from our new album now at:
https://www.facebook.com/commerce/products/1836550436472984/
《Missing Grass》a song from our 2019 project「Ripples, reflections and everything in between」available now on:
Apple Music: https://apple.co/2CdKxGt
iTunes: https://apple.co/2Uwa44K
Spotify: https://spoti.fi/2C9font
JOOX: https://joox.page.link/svXx6
KKBOX: https://kkbox.fm/PA3Ktf
MOOV: https://s.moov.hk/r?s=NbrBb5
MusicOne: https://bit.ly/2SYrhT0
Amazon Music: https://amzn.to/2Uq9QfK
StreetVoice: https://streetvoice.com/perse/songs/576716/
myMusic: https://bit.ly/2UsGUDG
蝦米音樂: https://bit.ly/2XY7abo
網易雲音樂: https://bit.ly/2HpLG1a
Facebook: http://www.facebook.com/persehk
YouTube: http://www.youtube.com/persehk
Instagram: http://www.instagram.com/persehk
Twitter: http://www.twitter.com/persehkofficial
contact us: persehkmusic@gmail.com
per se:
Stephen Mok - vocals, guitars
Sandy Ip - vocals, keyboards
【Missing Grass】// mark in time
Composed // per se
Lyrics // Stephen Mok @ per se
Arranged // per se
Produced // Victor Tse & Stephen Mok @ per se
running through life
like a child in the rain
never knew time would play the part of the playwright
lasting a lifetime
you look to the sky
searching for anything
to show you a sign
show you the meaning of life
something to live by
when all your days go by
when all your days go by
Everest will fall, aeons gone
wondering what in life carries on
At the end of the day, faces fade away
If this is goodbye, sing your song
lost in the crowd
stumbling, scrambling
trying to climb
out of this everyday timeline
place where the birds fly
when all your days go by
(story left behind)
with pages yet to write
deep in the night
you lie there alone with your eyes opened wide
watching the years as they pass by
someday you’ll be gone
now coping with fear
you raise up your hand write your name in the air
paint all the people you hold dear
till all can hear your song
till all can hear your song
like a child in the rain
searching for anything
like a child in the rain
searching for anything
OP: Frenzi Music Limited admin by Sony/ATV Music Publishing Ltd (Hong Kong)
denial meaning 在 Micaela ミカエラ Youtube 的最讚貼文
Coming at you from my dirty bland bedroom because it's the only room with decent air conditioning right now. I was talking to a friend last week (who is also an introvert) about how when we try to explain our quiet dispositions to Japanese people, we're usually met with denial, about how we couldn't possibly be introverts because we're not shattered shells of our former selves. There's a bit of misunderstanding behind what an introvert is, and what it means here, but I think when you explore the meaning you find that introverts are actually well suited to life in Japan. This Ted Talk is very interesting though:
Susan Cain - The Power of Introverts スーザン・ケイン 「内向的な人が秘めている力」
https://www.ted.com/talks/susan_cain_the_power_of_introverts?language=ja
I'm an INTP-T (Logician!) What is your personality type? Let me know in the comments!
https://www.16personalities.com/
私はINTP型(論理学者)の性格でした! 日本語で性格診断テスト (もちろん無料ですよ)あなたの結果もコメントで教えてー!
https://www.16personalities.com/ja
〜*☆ SOCIAL MEDIA LINKS ☆*〜
Snapchat: MIKAERADESU
Second Channel/セカンドチャンネル!
http://www.youtube.com/mikaeradesu
Follow Me On Twitter/ツイッターでフォローしてね!
http://www.twitter.com/ciaela
Posting Daily On Instagram/インスタグラムでフォローしてね!_
http://www.instagram.com/ciaela
☆☆私たちが使っているカメラ機材の紹介☆☆
ブログカメラ/Vlog Camera Canon G7X Mark II
http://goo.gl/GXBDb1
インサート用/Inserts: Canon Kiss 7Xi
http://amzn.to/1TY9n1P
☆☆ 全ての機材をこちらで確認できます!↓ All gear listed here! ☆☆
http://astore.amazon.co.jp/mikaeradesu-22
☆ Music In Today's Video ☆
Plain Loafer - Kevin McLeod
~Thank You For Watching ~
-~-~~-~~~-~~-~-
Please watch: "How To Make Japanese Nabe | カレー鍋を作ってみた"
https://www.youtube.com/watch?v=O5rg9eM5D8I
-~-~~-~~~-~~-~-
denial meaning 在 Denial Meaning - YouTube 的推薦與評價
... <看更多>