First cryptocurrency fund approved in Switzerland
สวิตเซอร์แลนด์ อนุมัติ! กองทุน Crypto ตัวแรก ที่ถูกต้องตามกฎหมาย!!
By HELEN PARTZ
การยอมรับ Cryptocurrency ยังคงได้รับแรงผลักดันในสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากหน่วยงานด้านการเงินในท้องถิ่นให้การอนุมัติด้านกฎระเบียบเพิ่มเติม สำหรับเครื่องมือการลงทุนใน crypto
โดยหน่วยงานกำกับดูแลตลาดการเงินของสวิส (FINMA) ได้อนุมัติ Crypto Market Index Fund เป็น"กองทุน crypto แรก ตามกฎหมายของสวิส" ที่ผู้มีอำนาจประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 29 กันยายน
ซึ่งกองทุน launched โดย Crypto Finance เป็นผู้จัดการสินทรัพย์ของชาวสวิสและบริหารงานโดยบริษัทจัดการการลงทุนอย่าง PvB Pernet von Ballmoos AG ที่เป็นผู้ดูแล SEBA Bank AG
FINMA ตั้งข้อสังเกตว่า กองทุนที่ได้รับการอนุมัติใหม่นี้ จำกัดเฉพาะนักลงทุนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม โดยส่วนใหญ่ลงทุนในคริปโตเคอเรนซีหรือสินทรัพย์ดิจิทัล “บนพื้นฐานของเทคโนโลยีบล็อกเชนหรือ distributed ledger technology”
ด้านหน่วยงานกำกับดูแล กล่าวว่า กองทุน Crypto Market Index Fund สามารถลงทุนใน cryptocurrencies ชั้นนำที่มี "ปริมาณการซื้อขายที่สูง"
จากข้อมูลของ Crypto Finance กองทุนจะติดตาม performance ของ Crypto Market Index 10 ซึ่งเป็น product ที่บริหารโดย SIX Swiss Exchange
“วัตถุประสงค์ของ Crypto Market Index 10 คือ การวัด performance ของสินทรัพย์และ tokens crypto ที่ใหญ่ที่สุด มีสภาพคล่องที่ดี และเพื่อให้เป็นเกณฑ์มาตรฐานที่ลงทุนได้ สำหรับสินทรัพย์ประเภทนี้” Crypto Finance กล่าว
FINMA เสริมว่า นักลงทุนจะต้องลงทุนผ่านคู่สัญญาที่จัดตั้งขึ้น ซึ่งอยู่ใน member countryของ Financial Action Task Force เท่านั้น และต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบป้องกันการฟอกเงิน
ในการร่วมอนุมัติกองทุน FINMA ยังได้อนุมัติ SEBA Bank AG ให้เป็นบริการรับฝากทรัพย์สินระดับสถาบัน โดยให้ใบอนุญาต CISA แก่บริษัท
ก่อนหน้านี้ หน่วยงานอนุญาตให้ SIX Swiss Exchange เปิดตัว digital marketplace และศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ ที่ distributed ledger technology ในต้นเดือนกันยายน
สำหรับนักลงทุนที่ สนใจ ข้อมูลการลงทุนเชิงลึก
จากบทวิเคราะห์ระดับโลก รวมหลักแสนต่อปี
สามารถ สมัครเข้าดูได้ที่ห้องเรียนวงในครับ
สนใจ คอมเม้นใต้บทความได้เลย
--------------------------------
แอดปลา
同時也有18部Youtube影片,追蹤數超過87萬的網紅Paul Pattarapon พอล ภัทรพล,也在其Youtube影片中提到,อีกหนึ่งคำถามที่คนถามกันเข้ามาเยอะมากครับ นั่นก็คือลงทุนต่างประเทศดีกว่าในประเทศจริงมั้ย ?! ซึ่งEP.นี้ผมจะมาวิเคราะห์ให้ฟังกันครับ เนื้อหาแน่นๆคลิปเดี...
「index fund」的推薦目錄:
index fund 在 Facebook 的最讚貼文
Tại sao không nên nghe lời khuyên của chuyên gia chứng khoán
Khi một chuyên gia nào đó khuyên bạn nên mua chứng khoán X, có hai trường hợp có thể xay ra: chuyên gia đó sở hữu chứng khoán X, hoặc chuyên gia đó không sở hữu chứng khoán X.
Nếu chuyên gia đó không sở hữu chứng khoán X, thì có lẽ X chưa phải là cổ phiếu hái ra tiền như chuyên gia đó nghĩ.
Nếu chuyên gia đó sở hữu chứng khoán X, lời tuyên bố của chuyên gia đó có thể đúng, nhưng không đáng tin cậy. Khi bạn sở hữu chứng khoán X, việc làm có lợi nhất cho bạn là nhiều người khác mua X, đẩy giá X lên, và bạn có thể bán X thu lợi nhuận.
Khi chủ cửa hàng tuyên bố rằng đồ ăn nhà hàng ông ngon nhất quả đất, lời tuyên bố này có thể là đúng, nhưng nhiều khả năng ông chỉ muốn người ta đến ăn hàng để ổng giàu.
Khi người sử hữu cổ phiếu X tuyên bố rằng cổ phiếu X đáng mua, lời tuyên bố này có thể là đúng, nhưng nhiều khả năng người đó chỉ muốn người khác mua X để họ giàu.
Nếu không nghe lời khuyên của chuyên gia để mua chứng khoán thì nên nghe lời khuyên của ai?
Không ai cả.
Chỉ nên mua cổ phiếu nếu bạn thực sự hiểu ngành tài chính và tin tưởng vào cổ phiếu đó.
Nếu chỉ biết sơ sơ, thay vì đầu tư vào một cổ phiếu cụ thể, đầu tư vào index fund. Index fund hiểu sơ sơ là chỉ số đầu tư vào các công ty phản ánh tình trạng chung của thị trường. Ví dụ S&P 500 là index fund đầu tư vào 500 công ty lớn trên sàn chứng khoán Mỹ. Một công ty riêng lẻ có thể lên xuống thất thường, nhưng thị trường chung chung thì có xu hướng tăng lên về lâu dài.
Năm 2007, Warren Buffett có đặt cược 1 triệu đô rằng trong chu kỳ 10 năm từ 2008 đến 2018, chỉ số chứng khoán S&P 500 sẽ mang lại lợi nhuận cao hơn bất kỳ một hedge fund nào (hedge fund là quỹ đầu tư chạy bởi chuyên gia chứng khoán). Protégé Partners (một quỹ đầu tư) nhận lời cá cược và chọn 5 hedge funds. Sau 10 năm, S&P 500 mang lại lợi nhuận 7.1% một năm, còn 5 hedge fund này mang lại lợi nhuận 2.2% (sau khi trừ phí quản lý).
Điều đó chứng tỏ rằng các chuyên gia mang tiếng am hiểu thị trường thế này kia nhưng kết cục thì vẫn thua thị trường (can’t beat the market). Người dân không cần biết gì về chứng khoán, chỉ cần bỏ tiền vào thị trường là sẽ có lãi nhiều hơn là ngồi chọn cổ phiếu.
index fund 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
สรุปประเด็นจากกองทุนบัวหลวง “กางกลยุทธ์ พิชิตหุ้นสหรัฐฯ”
BBLAM x ลงทุนแมน
ช่วงเวลาที่ผ่านมา คงไม่มีตลาดหุ้นไหนสามารถทำผลงานได้โดดเด่น อย่างตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา
ที่ทำให้นักลงทุนสัมผัสได้ถึงความร้อนแรง จนเกิดคำถามว่า หลังจากนี้ โอกาสของหุ้นสหรัฐอเมริกาจะเป็นอย่างไร ?
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา ลงทุนแมน ร่วมพูดคุยกับ 2 ผู้เชี่ยวชาญจากกองทุนบัวหลวง
คือ คุณพูนสิน เพ่งสมบูรณ์ AVP, Portfolio Solutions
และ คุณนวรัตน์ เจียมกิจรุ่ง SVP, Product Development
ถึงประเด็นสำคัญในการลงทุนหุ้นสหรัฐอเมริกาในช่วงเวลานี้
เรื่องราวสำคัญที่นักลงทุนควรรู้ จะมีอะไรบ้างนั้น ?
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟังเป็นข้อ ๆ แบบเข้าใจง่าย
1. ภาพรวมของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ?
ความร้อนแรงของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลมาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ
- นโยบายการเงินการคลัง ที่สามารถส่งต่อไปยังภาคธุรกิจ และภาคการบริโภคได้จริง
- การกลับมาของภาคธุรกิจ ทั้งจากกลุ่มธุรกิจที่เติบโต และกลุ่มธุรกิจที่ฟื้นตัวจากปีก่อน
ประเด็นที่ต้องจับตาต่อจากนี้คือ เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกากำลังเข้าสู่ช่วง Mid Cycle ซึ่งแปลว่า เราอาจจะไม่ได้เห็นการปรับตัวขึ้นแรง ๆ ของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาเหมือนในช่วงที่ผ่านมา
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนจากนี้ไป จึงต้องมีการคัดเลือกหุ้นรายตัว รายกลุ่มอุตสาหกรรมให้มากขึ้น
2. ความน่าสนใจของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา อยู่ที่ตรงไหน ?
ย้อนกลับไปช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาพบปัญหาระหว่างทางมาโดยตลอด
ไม่ว่าจะเป็น สงครามการค้ากับจีน หรือผลกระทบจากวิกฤติโควิด 19 ประกอบกับการเติบโตของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาที่เริ่มตั้งแต่ปี 2009 ก็ดูเหมือนจะจบรอบไปแล้วในปีที่ผ่านมา
ถ้าดูตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ปี 2020 ออกมา -30% แต่ที่น่าสนใจก็คือ สหรัฐอเมริกาฟื้นตัวกลับมาได้ค่อนข้างเร็ว โดยเห็นได้จาก GDP ไตรมาส 3 ปี 2020 ปรับตัวขึ้นกลายเป็น +33%
และถ้าหากสังเกตดัชนี S&P 500 ก็ยิ่งฟื้นตัวแรงไม่แพ้กัน
โดยใช้เวลาฟื้นตัวจากวิกฤติโควิด 19 แค่ 1 เดือนเท่านั้น และก็ยังทำ New High ต่อเนื่อง อย่างในปี 2021 นี้ก็ +20% จากต้นปีอีกด้วย
ซึ่งต่างไปจากวิกฤติซับไพรม์ปี 2007 ที่ต้องใช้ระยะเวลาฟื้นตัวกว่า 18 เดือน แต่เมื่อฟื้นตัวกลับมาได้ ก็ไปต่อได้ดีเช่นกัน
ดังนั้น จุดที่น่าสนใจของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา เมื่อสังเกตจาก 2 วิกฤติที่ผ่านมาก็คือ เมื่อสหรัฐอเมริกาประสบภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจแล้ว มักจะกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว และก็ดีกว่าเดิมเสมอ
3. แล้วจุดขับเคลื่อนสำคัญ ที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาฟื้นตัวได้เร็ว คืออะไร ?
ปัจจัยที่ 1 คือ อำนาจทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ผ่าน 2 เครื่องมือสำคัญ นั่นคือ
- นโยบายทางการเงิน ที่จะช่วยให้ตลาดการเงินของสหรัฐอเมริกายังคงดำเนินต่อไปได้ โดยการซื้อสินทรัพย์ต่าง ๆ ในตลาด เพื่อพยุงราคาไม่ให้ถูกเทขาย
เช่น พันธบัตรรัฐบาล, Mortgage-Backed Securities (ตราสารทางการเงินที่มัดรวมสินเชื่อบ้านเข้าด้วยกัน โดยมีสถาบันการเงินเป็นคนกลางจับคู่ระหว่างผู้กู้ยืมและนักลงทุน), หุ้นกู้ในกลุ่ม Fallen Angels ที่ถูกปรับลดระดับเครดิตต่ำกว่า BBB (Non-Investment Grade)
- นโยบายการคลัง ที่จะช่วยเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา
เช่น การอัดฉีดเงินกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐไปให้ชาวอเมริกันที่ได้รับผลกระทบจากการว่างงาน
เนื่องจากโครงสร้าง GDP สหรัฐอเมริกามาจากภาคการบริโภค 70%
ดังนั้น หากชาวอเมริกันกลับมาบริโภคได้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็จะกลับคืนมาด้วย
แต่ก็ต้องยอมรับว่า ทั้ง 2 นโยบายที่ว่านี้ คงจะมีแต่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น ที่สามารถทำได้
หากเป็นประเทศอื่น ๆ เราคงเห็นปัญหาตามมาอีกมากมาย เช่น ประเทศไทยที่มีสัดส่วนการบริโภคแค่ 1 ใน 4 ถ้าหากเราอัดฉีดเม็ดเงินเช่นนั้นก็จะเกิดปัญหาค่าเงินบาทอ่อนหรือปัญหาเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นแรง เป็นผลมาจากการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่มากเกินไป
โดยเหตุผลที่สหรัฐอเมริกาสามารถทำเช่นนี้ได้ เพราะความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจโลกครองสัดส่วน 1 ใน 4 ของมูลค่า GDP โลก และเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ก็ยังเป็นเงินสกุลหลักของการค้าระหว่างประเทศ
ปัจจัยที่ 2 คือ โครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งและหลากหลาย ส่งผลให้ภาพรวมฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
หากสังเกตดัชนี S&P 500 จะพบว่า Market Cap. ของกลุ่มเทคโนโลยี 27% สูงเป็นอันดับที่ 1 ถัดมาจะเป็นกลุ่ม Health Care 13% และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย 12% ล้วนเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต
ที่น่าสนใจคือ เทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเราขึ้นเรื่อย ๆ เสมือนเป็นปัจจัยที่ 5 ของชีวิตคนเรา และหลากหลายกลุ่มเทคโนโลยีอนาคตอย่าง Innovation, FinTech, Digital Advertising ยังมีส่วนสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ การจ้างงาน และการแข่งขันในอนาคตอีกด้วย
นอกจากนี้ วิกฤติโควิด 19 ยังเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตของสินค้าเทคโนโลยี และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เช่น การช็อปปิงออนไลน์, การดูวิดีโอสตรีมมิงแทนการเข้าโรงภาพยนตร์
ขณะที่ภาคธุรกิจเอง ก็หันมาให้ความสนใจ Digital Advertising มากกว่าป้ายบิลบอร์ดเดิม ๆ ส่งผลให้ลดต้นทุน, ลดขั้นตอน Supply Chain ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งหมดนี้ จึงทำให้เชื่อว่า หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐอเมริกาจะยังเติบโตตามผลประกอบการต่อไปได้
4. หลังจากการฟื้นตัว ก้าวต่อไปคือการเข้าสู่ Mid Cycle ?
เมื่ออัตราการว่างงานลดลง ซึ่งคาดว่า 8-10 เดือนข้างหน้า ก็จะสามารถกลับเข้าสู่ระดับปกติก่อนเกิดวิกฤติโควิด 19 ได้ ขณะเดียวกัน Fed ก็เริ่มส่งสัญญาณถอนคันเร่งมาตรการกระตุ้น ด้านสวัสดิการว่างงานก็เริ่มลดลง สะท้อนได้ว่า สหรัฐอเมริกากำลังเข้าสู่ช่วง Mid Cycle
ดังนั้น เราน่าจะไม่ได้เห็นสภาพคล่องท่วมตลาดเหมือนอย่างเคยอีกต่อไป
กลยุทธ์การลงทุนในช่วง Mid Cycle จึงต้องเลือกลงทุนหุ้น Growth เช่น หุ้นเทคโนโลยี
หรือลงทุนหุ้นที่จะได้รับผลประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ ในโครงการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังผลักดันอยู่ในขณะนี้ เช่น
- American Rescue Plan วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นสวัสดิการชดเชยการว่างงาน
- Infrastructure Bill วงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศ
- American Families Plan วงเงิน 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมนุษย์
- American Jobs Plan วงเงิน 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน, Health Care, อุตสาหกรรม EV, พลังงานสะอาด
- U.S. Innovation and Competition Act วงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อแข่งขันกับจีน
หากโครงการเหล่านี้ได้รับการอนุมัติทั้งหมด จะกลายเป็นเม็ดเงินพัฒนาเศรษฐกิจที่เยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา ที่จะช่วยพัฒนาประเทศระยะยาว 5-10 ปี เลยทีเดียว
5. ตอนนี้ Master Fund ระดับโลก มองการลงทุนหุ้นสหรัฐอเมริกาอย่างไร ?
หลังจากที่กองทุนบัวหลวงได้พูดคุยกับผู้จัดการกองทุน J.P. Morgan หนึ่งใน Master Fund ระดับโลก
พบว่า หากเป็นการลงทุนระยะกลาง J.P. Morgan กำลังพุ่งเป้าไปที่กลุ่มธุรกิจที่จะได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจหลังจากผ่านวิกฤติโควิด 19 เช่น
- กลุ่มธุรกิจ Reopening ที่เชื่อว่าจะกลับมาฟื้นตัว และได้รับประโยชน์จากความต้องการซื้อที่อัดอั้นมาจากวิกฤติโควิด 19 เช่น การจองโรงแรม, การเช่ารถ, ร้านอาหาร
- กลุ่ม Health Care ทั้งในแง่ของการรับมือกับโควิด 19, การพัฒนาวัคซีน, การวิจัยเชื้อกลายพันธุ์ และพฤติกรรมพร้อมจ่ายของคนเราเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง จึงมองว่ากลุ่มยา และกลุ่ม Biotech ยังเติบโตได้ดี
- กลุ่มพลังงานสะอาด จากการผลักดันนโยบาย EU Green Deal ขณะที่ต้นทุนของพลังงานลม และพลังงานโซลาร์เซลล์ ที่ถูกลงมากเมื่อเทียบกับพลังงานดั้งเดิม รวมทั้งกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์กักเก็บพลังงานก็น่าสนใจ
ขณะเดียวกัน หากเป็นการลงทุนระยะยาว J.P. Morgan กำลังจับตากลุ่มธุรกิจที่สอดรับกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า
ซึ่งนอกจาก 3 กลุ่มข้างต้นแล้ว ก็ยังมีกลุ่มเครื่องจักรอัตโนมัติ หรือกลุ่ม Smart ต่าง ๆ เช่น Smart Home, Smart TV ที่กำลังเติบโตตามโลกอนาคต อีกด้วย
6. กลยุทธ์การลงทุนหุ้น Growth ในช่วงเวลานี้ ?
กลยุทธ์การวิเคราะห์ลงทุนหุ้น Growth ของ J.P. Morgan จะออกเป็น 2 รูปแบบ นั่นคือ
- รูปแบบ Bottom Up คือการวิเคราะห์หุ้นรายตัวเป็นหลัก
- รูปแบบ Micro Focus คือการวิเคราะห์ลงรายละเอียดเล็ก ๆ เพราะเชื่อว่าจุดเล็ก ๆ จะนำไปสู่ความแตกต่างจากบริษัทอื่นอย่างมีนัยสำคัญได้ เช่น Facebook ที่กำลังได้รับประโยชน์จากโฆษณาออนไลน์อย่างต่อเนื่อง
เป้าหมายคือ การค้นหาหุ้นสหรัฐอเมริกาที่กำลังเติบโตมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ภายใต้ 3 ลักษณะสำคัญคือ
- ธุรกิจที่มีผลต่อการบริโภค หรือการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป
- ธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว มีกำไรที่แข็งแกร่ง
- ธุรกิจที่มีการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น (Momentum) ทิศทางเชิงบวก ดังนั้นต้องรู้จักทำใจให้นิ่งเพื่อรอจังหวะ Momentum ที่ดีได้
อีกหนึ่งกลยุทธ์การลงทุนที่สำคัญก็คือ การปรับพอร์ตลงทุนอยู่เสมอ โดยจะลดน้ำหนักหุ้นที่มีราคาปรับตัวขึ้นมานานหลายปี และตลาดรับรู้ข่าวทั้งหมดแล้ว
เช่น กลุ่มเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Microsoft, Apple ถูกลดสัดส่วนตั้งแต่ปีที่แล้ว เพื่อนำเงินไปลงทุนหุ้นที่จะเป็น “Big Winner” ตัวต่อไป แต่ก็ไม่ได้ขายหมดทั้งพอร์ต เพราะยังมองว่าเป็นธุรกิจที่ดีระยะยาว
นอกจากนี้ ด้วยความเป็นกองทุนแบบ Active ของ J.P. Morgan ยังมองเห็น 2 กลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจคือ
- กลุ่มการเงิน โดยจะลงทุนทั้งสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น และกลุ่ม Online Payment
- กลุ่มเทคโนโลยี 5G และ EV โดยที่มองลงลึกไปถึง “ทองแดง” ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของกลุ่มเทคโนโลยี จึงเข้าไปลงทุนบริษัท Freeport-McMoRan หนึ่งในธุรกิจเหมืองแร่ทองแดงที่ใหญ่ที่สุดในโลก
7. ตัวอย่างธุรกิจที่เข้าข่ายหุ้น Growth ที่น่าสนใจ ?
ธุรกิจในกลุ่ม Digital Advertising เช่น Snap Inc. เจ้าของแอปพลิเคชัน Snapchat ที่มียอดผู้ใช้งานเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังมีการขยายฐานผู้ใช้งานไปยังประเทศอินเดีย ทำให้มีโอกาสเติบโตในเรื่องของเม็ดเงินโฆษณาได้อีกมาก ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมา รายได้ของ Snapchat ก็เติบโตเฉลี่ยปีละ 46%
ธุรกิจในกลุ่มต่อมาก็คือ Online Payment เช่น PayPal ที่ได้ประโยชน์จากการใช้ชีวิตในยุค New Normal และตอบโจทย์ในการชำระเงินยุคใหม่
ซึ่งจากผลการดำเนินงานในไตรมาสล่าสุด PayPal มีจำนวนบัญชี Active User เติบโต 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่จำนวนธุรกรรมเติบโต 40% จากปีก่อนหน้า
ธุรกิจในกลุ่มสุดท้ายก็คือ ธุรกิจนอกกลุ่มเทคโนโลยี เช่น John Deere ผู้ผลิตและจำหน่ายรถแทรกเตอร์ อุปกรณ์การเกษตรที่นำเทคโนโลยีมาใช้กับการเกษตร ตอบโจทย์การเกษตรสมัยใหม่และเทรนด์ความยั่งยืน
หากสหรัฐอเมริกามีการเก็บภาษีจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก็จะเป็นประโยชน์โดยตรงกับ John Deere
ซึ่งหุ้น 3 ตัวนี้ ก็เป็นหุ้นที่ J.P. Morgan ลงทุนเป็น Top Holding อีกด้วย
8. ตอนนี้หุ้น Growth แพงไปหรือยัง ?
ในมุมมองของกองทุนบัวหลวง คิดว่าหุ้น Growth ยังไม่แพงเกินไป ถึงแม้ว่าจะผ่านช่วงสูงสุดไปแล้ว แต่ก็ยังมีโอกาสเติบโตได้อยู่
โดยหากมาดูในส่วนของค่ากลางของ P/E Ratio S&P 500 พบว่า อยู่ที่ 20 เท่า สะท้อนให้เห็นว่า ยังมีโอกาสที่เรายังสามารถหาหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตในราคาที่สมเหตุสมผลได้อยู่
และที่ผ่านมาดัชนี S&P 500 ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ P/E ทยอยปรับลดลง ซึ่งมีสาเหตุมาจากกำไรของบริษัทเติบโตอย่างรวดเร็ว
โดยในปี 2021 มีการคาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทใน S&P 500 จะโต 60% ในขณะที่ในปี 2022 S&P มีการคาดการณ์ว่ากำไรจะโตต่ออีก 15% จากปี 2021
จากตรงนี้ก็จะเห็นได้ว่า ยังมีอีกหลายธุรกิจที่ผลการดำเนินงานยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อยู่
9. ผลตอบแทนการลงทุน ด้วยกลยุทธ์แบบ J.P. Morgan เป็นอย่างไร ?
จากกลยุทธ์ Active Management ที่เน้น Micro Focus ทำให้กองทุน JPM US Growth ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นสหรัฐอเมริกา มีผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างดีมาอย่างต่อเนื่อง
หากเรามาดูผลการดำเนินงานของกองทุน JPM US Growth จะพบว่า ถ้าดูย้อนหลังไป 3 ปี เฉลี่ยต่อปีแล้ว ผลตอบแทนจะเท่ากับ 27% สูงกว่าเมื่อเทียบกับ Benchmark ที่เป็น Russell 1000 ที่เน้นเฉพาะหุ้นเติบโต ซึ่งถ้าย้อนหลัง 5 ปี ผลการดำเนินงานก็ดีกว่าเช่นกัน
เมื่อมาดูการจัดอันดับของ Morningstar พบว่ากองทุน JPM US Growth อยู่ใน First Quartile คือเป็นหนึ่งในกองทุนที่ทำผลการดำเนินงานได้ดีอยู่ในเกณฑ์ดีที่สุดในกลุ่มอีกด้วย
หากมาดูด้าน Valuation ของกองทุน JPM US Growth จะเห็นว่า กองทุนนี้มี P/E Ratio ที่ต่ำกว่า Benchmark แต่มีอัตราการเติบโตของกำไร (%EPS Growth) สูงกว่า Benchmark และ S&P 500
10. เราจะลงทุนหุ้นสหรัฐอเมริกาในรูปแบบกองทุน ได้อย่างไร ?
กองทุน B-USALPHA เป็นกองทุน Feeder Fund ที่ลงทุนในกองทุนหลัก คือ JP Morgan US Growth Fund ไม่ต่ำกว่า 80%
ซึ่ง JP Morgan US Growth Fund เป็นกองทุนแนว Active Management เน้นลงทุนในหุ้นที่เติบโตสูงกว่าที่ตลาดมองไว้
และในส่วนที่เหลือผู้จัดการกองทุนของบัวหลวง ก็อาจลงทุนในหุ้นสหรัฐอเมริกาที่น่าสนใจเป็นรายตัว
ซึ่งน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีระยะยาวได้ เหมือนที่ทำกับ B-FUTURE และ B-CHINE-EQ
กองทุนนี้ ยังมีนโยบายการจ่ายเงินปันผล เพราะปัจจุบันอยู่ในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ
ผู้ลงทุนส่วนใหญ่จึงหันมาหาสินทรัพย์เสี่ยง หรือหุ้น กันมากขึ้น การจ่ายเงินปันผลจะช่วยให้ผู้ลงทุนมีเงินระหว่างทาง ไม่ต้องคอยดูจังหวะการขายทำกำไร และสามารถลงทุนได้นานขึ้น
11. สุดท้ายแล้ว แนวทางของกองทุน B-USALPHA จะช่วยบริหารพอร์ตการลงทุนภาพรวมของคุณได้อย่างไร ?
ในมุมมองการจัดพอร์ตลงทุน การกระจายสินทรัพย์เสี่ยงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
ในมุมมองของกองทุนบัวหลวงคือ การจัดพอร์ตให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยง ทั้งในส่วนสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและเสี่ยงสูง
ในส่วนสินทรัพย์เสี่ยงสูงที่เป็นหุ้นทั่วโลก ส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ การเอามาเป็นแกนหลักของพอร์ต (Core Port) กับเอาเป็นตัวเร่งในแต่ละธีม (Thematic) โดยส่วนที่เป็นแกนหลัก ควรที่จะให้มีการกระจายหลายประเทศ และหลายกลุ่มอุตสาหกรรม
แล้วควรลงทุนในหุ้นสหรัฐอเมริกาเท่าไร ? หากอ้างอิงจาก MSCI Index มีสัดส่วนบริษัทในสหรัฐอเมริกา กว่า 58% อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับความชอบ ความเสี่ยงที่รับได้ และความเข้าใจของแต่ละคนด้วย
เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดใหญ่ที่พัฒนาแล้ว มีผลการดำเนินงานดีที่สุดใน 10 ปีที่ผ่านมา คือปีละ 14% และมีความผันผวนต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ
สรุปได้ว่า การลงทุนหุ้นสหรัฐอเมริกา ถือว่าเป็นของต้องมีในพอร์ต และกลยุทธ์การลงทุนแบบ Active ในหุ้นเติบโต ย่อมมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนที่ดีด้วย นั่นเอง..
index fund 在 Paul Pattarapon พอล ภัทรพล Youtube 的最佳貼文
อีกหนึ่งคำถามที่คนถามกันเข้ามาเยอะมากครับ นั่นก็คือลงทุนต่างประเทศดีกว่าในประเทศจริงมั้ย ?!
ซึ่งEP.นี้ผมจะมาวิเคราะห์ให้ฟังกันครับ เนื้อหาแน่นๆคลิปเดียวจบ รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอนครับ !!!
สำหรับใครที่อยากใกล้ชิดกับผมมากกว่านี้และให้การสนับสนุนช่องเพื่อสร้างสรรคอนเทนต์
แบบนี้ต่อๆไปสามารถเข้าไปสมัคร Membership กันได้ตามลิงก์ข้างล่างนี้ครับ
https://www.youtube.com/channel/UCunVACpk7PRWB1tz1VrhrrA/join
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาตลอดครับ สำหรับใครที่ยังไม่ได้กดติดตาม สามารถเข้าไป
กดติดตามได้ที่ YouTube : https://www.youtube.com/paulpattarapon
ช่องทางการติดตาม
Facebook : https://www.facebook.com/paulpattaraponofficial
Instagram : https://www.instagram.com/paulpattarapon
Website : https://www.paulpattarapon.com
สนใจติดต่อโฆษณา และทำวิดีโอ YouTube
โทร : 092-664-8245
Email : paulpattarapon@anymindgroup.com
Powered by AnyMind Group
#MoneyMatters #PaulPattarapon #พอลภัทรพล
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/IzVvZn-ReFw/hqdefault.jpg)
index fund 在 Fit Money Youtube 的精選貼文
สอน Forex เบื้องต้น : อินดิเคเตอร์ Double MA Cross Draw Histogram และอนาคตของ MT5
คลิปสอนในวันนี้ เครื่องมือที่แจกนั้นง่ายมาก ๆ เลย คือ 2 เส้น EMA ตัดกันและวาดเส้น Histogram ขึ้นมา ประโยชน์ของมัน คือ ช่วยสะกิดใจเราให้รู้ว่า เรากำลังเทรดสวนเทรนด์หรือเปล่า
เนื้อหาของอินดิเคเตอร์ Double MA Cross Draw Histogram MT5 สั้นมาก ประมาณ 5 นาทีก็จบแล้วครับ (เลื่อนไปนาทีที่ 37 ได้เลย) แต่เรื่องเล่าก่อนเข้าเรื่องประมาณ 6-7 เรื่องที่ต้องบอกเลยว่า ไม่ฟังถือว่า...พลาด...จริง...จริ๊ง
* สามารถดาวน์โหลดอินดิเคเตอร์ได้จากลิ้งก์ด้านล่างนี้เลยครับ
https://www.forexmiracle.org/2021/03/Double-MA-Cross-Draw-Histogram.html
* เริ่มต้นเรียนรู้การเทรด Forex จากพื้นฐาน ทีละขั้นตอน ได้จากสารบัญที่พี่แดงทำไว้ให้แล้วจากลิ้งก์นี้เลยครับ
https://www.forexmiracle.org/search/label/Index
* เทรด Forex ไม่ใช่เรื่องยาก เราสามารถเปิดเป็นพอร์ตทดลอง Forex Demo เทรดไปก่อน เพื่อเรียนรู้และฝึกฝนฝีมือ โดยที่ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เมื่อพร้อมแล้วค่อยลงทุนจริงก็ได้ มีโบรกเกอร์ที่ผมแนะนำด้านล่างนี้เลยครับ ระบบเสถียรดีและฝากถอนเงินง่ายครับ *
♥ XM - http://bit.ly/FitXM มีโบนัสสำหรับท่านที่สมัครใหม่
♥ Exness - http://bit.ly/FitExness สมัครง่ายสุด ฝากถอนเร็วสุด
♥ Weltrade - http://bit.ly/FitWel มีบัญชีเซ็นต์ สเปรด Fix
♥ HotForex - http://bit.ly/FitHot มีระบบกองทุนติดตามผ่านแอป
♥ Infinox - https://bit.ly/FitInfinox ระบบเสถียร สเปรดทองแคบ
♥ PepperStone - http://bit.ly/FitPepperstone ระบบเสถียร เงินต้นปลอดภัย
https://www.forexmiracle.org/
https://www.facebook.com/forexmiracleorg/
======================================
* หากเทรดเดอร์ที่รู้ว่าตนเองชอบ เทรดเก็บสั้น จบในแท่งเดียว แนะนำไบนารีออปชั่นครับ *
♥ IQ Option - http://bit.ly/FitIQOption เทรดง่าย จ่ายจริงผ่านธนาคารไทย
======================================
♥♥ VPS Forex ในราคาสุดคุ้ม ♥♥
https://bit.ly/FitVps
======================================
♥♥ - - ขอบคุณมากครับผม - - Thanks - - ♥♥
======================================
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/9FNoN06V-YY/hqdefault.jpg)
index fund 在 Chris Quimbo Youtube 的最佳貼文
Where Newbie Investors Can Dip Their Toes in the Stock Market
Hello everyone! Welcome! If you've often asked yourself where to start when it comes to stock market investing, then this video is for you. It has simple and basic information that will get you started. I know this is quite daunting, I felt the same way before I started, but I promise you it's all worth it.
(00:00 - 0:33) Intro
(0:33 - 1:33) What are index funds and ETFs?
(1:33 - 2:32) What are the 3 types of funds?
(2:32 - 3:17) Why I like index funds and ETFs?
(3:17 - 4:26) What's my top pick for index fund and ETF?
(4:26 - 4:47) Some investing motivation
(4:47 - 5:11) Outro
Homework after watching this video:
S and P 500 index
Index fund and ETFs
Diversification
Mutual funds
Dollar cost averaging
Compound interest
ETFs I've mentioned in the video:
Vanguard's S and P 500 (VOO)
ARK Innovation (ARKK)
Advisorshares Cannabis (YOLO)
Schwab S and P 500 (SWPPX)
▶︎SUBSCRIBE!
http://bit.ly/2bZX2J4
▶︎CHECK OUT MY TRAVEL PHOTOS ON INSTAGRAM: @chrisquimbo
please help me get to 20k!
My Youtube gear:
Iphone 8plus
Velbon Tripod
Canon G7X Mark 2
Post production:
Mac Air (Final Cut Pro)
If you want to create content, I say do it. Do it now, do it today. It doesn’t have to be for anyone, do it for yourself.
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/tq1hZmMiKLk/hqdefault.jpg)
index fund 在 What Are Index Funds? - YouTube 的推薦與評價
... <看更多>