เชียร์ให้ไปดู Vivarium
มีนักเขียนดังของโลก 2 คน ที่ชื่อของพวกเขา กลายมาเป็นสมญานามให้ตระกูลย่อยของหนังสยองขวัญ ด้วยสไตล์ที่เด่นล้นจนสร้างหมุดหมายให้แนวทางความสยอง คนแรกคือ H.P.Lovecraft (Lovecraftian) อีกคนคือ Fraz Krafta (Kafkaesque) แม้งานของ Kafka จะมิได้มุ่งเน้นไปที่การสร้างบรรยากาศความเขย่าขวัญโดยตรง แต่ลักษณะเหนือจริงพิลึกพิลั่นของความไม่เป็นปกติที่ค่อย ๆ แทรกซึมเข้าสู่โลกแสนสามัญของมนุษย์ จนทำให้มนุษย์ถูกกำราบจากอำนาจที่มองไม่เห็น; ระบบราชการ คือศัตรูตัวฉกาจที่มักถูกเปรียบถึงในงานเขา (ซึ่งต่างจาก Lovecraft ที่เป็นเผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตทรงภูมิ) จึงทำให้ชื่อเขาถูกหยิบยืมไปใช้อธิบายความสยองในแนวทางนี้
.
ใครอยากรู้จักงานเขย่าขวัญแบบ Kafkaesque ต้องไปดู Vivarium เราไปดูมาแล้ว บอกเลยว่าไม่ประนีประนอม ผู้กำกับไม่ยอมอธิบายใดใดทั้งสิ้น จงตายในโลกอันไร้เหตุและผลซะ
ถ้าต้นปีดู The Lighthouse ฝั่งชกมุมแดงจาก เลิฟคราฟต์ไปแล้ว กลางปีเตรียมถูกน็อคจากมุมน้ำเงิน คราฟกาต์ ต่อได้เลย มึนพอกัน แต่มึนคนละฟีล
.
คำเตือนก่อนดู ทำใจสบาย ๆ และอย่าเข้าสายเด็ดขาด เพราะถ้าคุณพลาดฉากแรก คุณอาจพลาดสิ่งที่ดูเหมือนเป็นคำอธิบายเดียวของเรื่องที่ผู้กำกับพยายามบอกใบ้ให้
.
ถ้าว่างงงงงงงงงงงงงงงงงงงง(?)จะมาเขียนแบบยาว ๆ
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「lighthouse lovecraft」的推薦目錄:
- 關於lighthouse lovecraft 在 horrorclub.net Facebook 的最佳貼文
- 關於lighthouse lovecraft 在 一頁華爾滋 Let Me Sing You A Waltz Facebook 的最讚貼文
- 關於lighthouse lovecraft 在 horrorclub.net Facebook 的最佳貼文
- 關於lighthouse lovecraft 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的精選貼文
- 關於lighthouse lovecraft 在 大象中醫 Youtube 的最佳解答
- 關於lighthouse lovecraft 在 大象中醫 Youtube 的精選貼文
lighthouse lovecraft 在 一頁華爾滋 Let Me Sing You A Waltz Facebook 的最讚貼文
很久沒有碰到這種狀況,看完某部電影當下只浮現一個反應:「我到底看了什麼?」
《燈塔 The Lighthouse》就是屬於那一種作品,你拚了命地想要歸類它,卻始終找不到一個合適的詞彙,說驚悚也可,說燒腦也可,說超現實也可,說超自然也可;你又拚了命了想要形容給朋友聽,說《鬼店》不夠到位,說希區考克也不完全,說大衛林區稱不上類似,說衛斯安德森大概只有一些構圖相仿,接著選擇了一個可能有點涉及關鍵劇情的名詞形容之,它很「克蘇魯」,下一秒卻於訪談中看到,Robert Eggers 在撰寫劇本和拍攝時根本無意連結,更沒特別喜愛 H. P. Lovecraft;然後,思緒被捲入鬼打牆的漩渦,如鯁在喉,不停糾結在我到底看了什麼、導演腦袋到底裝了什麼、怎麼會有這麼ㄎㄧㄤ又並非胡鬧的劇情?
一般懸疑片或燒腦片,創作者希望觀眾從線索中自行尋找出答案,答案依然為非常重要的一環,《燈塔》卻反其道而行,劇情演了,隱喻給了,訊息傳達了,但看完之後卻更難確定其中告訴我們的任何一點或一條線是從頭到尾成立,此二人是否真實存在,此過程是否真實發生,時空背景究竟發生在哪裡、外在時間過了多久?你愈想愈懷疑,愈看愈像神話,像寓言,像妄想,像人們口耳相傳下某處杳無人煙小島曾經存在的傳說,甚至還是一個全然不可信的主述者所說的故事。
從前作《女巫》便能窺知一二,導演偏好取材自民間傳說、神話野史等口耳相傳真假參半的史料,第二部長片《燈塔》不但大膽採用黑白攝影,更以 1.19:1 早期有聲電影的畫面比例呈現,迷濛色調、明暗對比、陰鬱蒼茫,在簡單的背景設定中塑造出一種凝滯溽濕又混亂不安的抽象迷人氛圍。殺海鷗會帶來厄運,殺海鷗會帶來厄運,這是劇中唯一最清晰不過的線索,兩個男人一老一少困在孤立無援的海島上,終日與簡陋小屋、成群海鷗、苦力勞動和那一座燈塔為伍,然而從殺了一隻海鷗開始,一切風雲變色,彷彿報應降臨般狂風驟雨節節加劇,漸漸喪失理智的兩人醒了又醉,醉時交心,醉了又醒,醒時相殺,狹窄室內陳設不停變換,分不清當下究竟是醉是醒,是夢境還是現實。
電影中所有的符號與象徵都是極其重要的表現手法,與世隔絕的孤寂放大了人性極其脆弱以及黑暗的瘋狂面,燈塔象徵著權力,人魚象徵著性慾,所有幻象都屬於男性的欲望,因此掌握燈塔的人就掌握權力,在一消一長之間,在你爭我奪之際,他無力抵抗的並非得知燈塔真面目的渴望,而是手握權勢的強烈誘惑,然而當真正如願以償時,一切又是轉頭空。隨著感官無限擴張,神智陷入恍惚,克蘇魯與希臘神話的色彩逐漸鮮明,在巨大光束照射之下,必然走向悲劇的結局無法公諸於世,否則見證者也會無可避免地步入後塵。
相當感謝 傳訊時代多媒體 環球家庭影音 與 誠品電影院 eslite art house 的熱情邀請,才有機會在大銀幕上浸入 Robert Eggers 由內而外塑造出的神秘體驗,在 Robert Pattinson 和 Willem Dafoe 高超演技,以及音效畫面天衣無縫的搭配下,如此體驗夾雜了瞠目結舌、妙不可言、拓展三觀的複雜衝擊,讓人不寒而慄,同時又不禁拍案叫絕,千萬別粗糙以恐怖片或驚悚片簡化《燈塔》,因為其所發揮的影像魔力,正是當代影壇可遇而不可求的一部藝術傑作。
lighthouse lovecraft 在 horrorclub.net Facebook 的最佳貼文
ADMIN REVIEW: The Lighthouse
มีสปอยเบาบางเป็นกลิ่นอาย
.
อันที่จริงแล้วมันอาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นในหนังเลย นอกจากพลังแห่งความเงี่ยน ความอิจฉา ผสานฤทธิ์สุรา มันอาจจะไม่มีผีทะเล อสูรกายใต้น้ำ วิญญาณ ทุกอย่างสามารถสรุปได้ว่าเป็นอาการอุปาทานจากภาวะตัดขาดสังคม จนจิตมโนขึ้นเป็นคุ้งเป็นแคว และหนังทั้งเรื่องสามารถเล่าได้เป็นประโยคบอกเล่าราบเรียบว่า "ชายสองคนพยายามยึดครองแสงไฟประภาคารเป็นของตัวเอง"
.
Willem Dafoe รับบทเป็นเจ้าของประภาคาร ส่วน Robert Pattinson คือลูกจ้างคนใหม่ของอาคารหลังนี้ หนังไม่ใคร่ให้รายละเอียดปูมหลังของตัวละครมากไปกว่านี้ในตอนต้น พวกเขาเปรียบเสมือนหน่วยสิ่งมีชีวิตเล็กจ้อยในเกาะร้างอันโดดเดี่ยวกลางทะเล คนดูจะค่อย ๆ ถูกดูดซึมให้รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ผ่านตัวลูกจ้างเป็นหลัก เราจะเริ่มค่อย ๆ รู้ว่าเขาเป็นคนจรหมอนหมิ่น ที่อพยพผลัดถิ่นเป็นแรงงานขาจรไปเรื่อย ๆ ด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตเช่นนี้ ทำให้เขาไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับสถานที่ใด การมาเยือนเกาะแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนการก้าวสู่โลกใบใหม่ที่เขาไม่คุ้นเคย เขาไม่เข้าใจธรรมเนียมของชาวเล (การอวยพรก่อนกินข้าว) ไม่ตระหนักถึงสัญญาณ และลางบอกเหตุจากธรรมชาติ (นกนางนวล, ทิศทางของลม) ในขณะที่ชายแก่คือทุกอย่างที่อยู่ตรงข้ามกับเขา ความเจนจัดรอบรู้ต่อสภาพแวดล้อมโดยรอบ เหนือสิ่งอื่นใด ชายแก่คือบุคคลเดียวที่สามารถขึ้นไปเชยชมแสงไฟบนยอดประภาคาร อันเปรียบเสมือนแหล่งแสงสว่างเพียงอย่างเดียวท่ามกลางดินแดนทมิฬ ในขณะที่ชายแก่เปรียบเสมือนกษัตริย์บนบัลลังก์ เขาเป็นเพียงกุลีที่ต้องทำงานหลังคดหลังแข็ง คอยรับใช้ตามคำสั่งของกษัตริย์ที่กดขี่ และควบคุมเขาทุกทาง "ถ้าฉันสั่งให้แกถอนตะปูออกจากไม้ทุกตัวมาขัดจนเลือดอาบ แกก็ต้องทำ ถ้าฉันสั่งให้แกมีความสุข แกก็ต้องมีความสุข"
.
ไม่มีใครแน่ใจได้ว่าแสงไฟบนยอดประภาคารมีอะไร แต่ดูเหมือนชายแก่จะหวงแหนไม่ยอมให้ชายหนุ่มขึ้นไป ในขณะที่ชายหนุ่มก็เสี้ยนกระส่ายอยากเข้าไปสัมผัสความสุกสกาวจากสมบัติบนหอคอยงาช้างแห่งนี้ สิ่งใดที่ถูกหวงห้ามไว้ สิ่งนั้นย่อมยั่วเย้าเสมอ
เปล่าประโยชน์ที่จะมานั่งตีความว่ามีอะไรในแสงไฟ นกนางนวลสื่ออะไร นางเงือกมาจากไหน เพราะนี่ไม่ใช่พื้นที่เป็นมิตรสำหรับคนนอกอย่างชายหนุ่ม หรือคนดู ไม่ว่าพวกเราจะพยายามทำความคุ้นเคยแค่ไหน องค์ความรู้เหล่านั้นก็อยู่สูงเกินกว่าเราจะทำความเข้าใจได้ - - ด้วยองค์ประกอบดังกล่าวที่เล่ามา สอดคล้องกับความสยองในแนวทาง H.P. Lovecraft ยอดนักเขียนแนวแฟนตาซีผู้ใช้ชีวิตอยู่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกงานเขียนแนว Cosmic Horror อันมีแก่นว่าด้วยความไร้ค่าด้อยสติปัญญาของมนุษย์ เมื่ออยู่ท่ามกลางจักรวาลอันยิ่งใหญ่ที่ยังมีมิติอีกมากมายที่ไม่สามารถได้รับคำอธิบายเป็นตรรกะเหตุผลได้ งานของ Lovecraft มักใช้ความแปลกแยก ความโดดเดี่ยวกระตุ้นความกลัวส่วนลึกในจิตใจมนุษย์ (มีการสันนิษฐานจากงานเขียนของ Lovecraft ว่าเขาเป็นพวกอนุรักษ์นิยมที่เชิดชูความเป็นคนผิวขาว และที่มาของความกลัวนึงของเขามาจากช่วงชีวิตที่ได้พำนักใน Brooklyn เมืองที่เต็มไปด้วยคนต่างด้าว และผู้อพยพ) ในขณะเดียวกันความกลัวก็เป็นตัวปลุกเร้าให้มนุษย์ออกค้นหาความหมายของสิ่งต่าง ๆ ซึ่งบ่อยครั้งตัวละครของเขามักต้องพบจุดจบในเชิงวิกลจริต หรือสูญเสียสติสัมปัชชัญญะไปเมื่อเขาใกล้คำตอบของความจริงที่อยู่เหนือกว่าสติปัญญาของมนุษย์.... "คนงานเก่าของฉันเสียสติไป และเอาแต่พร่ำเพ้อถึงแสงสว่าง" บทบรรยายในหนังกล่าวไว้ประมาณนี้ ตอนชายแก่เล่าให้ชายหนุ่มฟังถึงชะตากรรมของกุลีคนก่อน
.
หนังให้ภาพของตัวละครชายแก่ในฐานะผู้ยิ่งใหญ่อย่างชัดเจน ทั้งการให้ภาพแทนตัวชายแก่เป็นประภาคารเรืองแสง และจ้าวสมุทรผู้มาพร้อมหนวดปลาหมึกยั้วเยี้ย ไม่ว่าชายหนุ่มผู้ด้อยค่าของเราจะพยายามต่อกรเพื่อเอาชนะอำนาจอันยิ่งใหญ่เพียงใด แต่สุดท้ายมนุษย์ก็เป็นเพียงธุลีด้อยค่าไร้ความหมาย และไม่มีวันเอาชนะธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ไกลโพ้นได้อยู่ดี
.
The Lighthouse ไม่ใช่หนังที่ถูกสร้างมาเพื่อตอบสนองความบันเทิงของคนดูทั่วไป แต่เป็นงานระทึกขวัญที่ไว้ดื่มด่ำให้กับความอ่อนแอของมนุษยชาติในระดับ into the unknown!
.
ถือเป็นความหาญกล้าของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลายที่กล้าผลักดันเอาหนังแบบนี้เข้าโรง
ขอคารวะ!
House Samyan