【比《天能》更燒腦的影集神作?
看《西方極樂園》追劇學英文】
上 CATCHPLAY+ 訂閱「雙享無限看」
>> https://bit.ly/3iHL0UH
艾美獎頒獎了!
今年無奈採取完全線上頒獎典禮
主持人努力搞笑
也頒發出戲劇類最佳影集《繼承之戰》
我私心期待的是 Westworld 得最佳男女配角
可惜沒有!
還是來跟大家介紹一下
這部精彩的科幻作品
《西方極樂園》 Westworld
-
你或許熟悉專拍燒腦電影的導演 #諾蘭
喜歡鑽研《#全面啟動》和《#天能》
但你認識他的天才編劇弟弟嗎?
#強納森諾蘭 曾跟導演哥哥合作
編寫《#星際效應》和《#頂尖對決》
以及《#黑暗騎士三部曲》等賣座大片
近幾年更主創神劇《#西方極樂園》
入圍並榮獲多項電視大獎
《西方極樂園》現已演到第三季
也是本「英文」學習單元
終於第一次介紹「英語」影集!😂
以下就來看 Westworld
《西方極樂園》故事摘要:
A sci-fi drama set in an Old West theme park where guests interact with automatons in scenarios that are developed, overseen and scripted by the park's creative, security and quality assurance departments.
The park caters to high-paying guests who may indulge their wildest fantasies within the park without fear of retaliation from the android hosts, who are prevented by their programming from harming humans.
本科幻劇背景設在一座西部時代主題樂園裡,遊客能在由樂園創意部所研發、安全部所監控、品管部所編寫的情境中跟機器人互動。
樂園迎合鉅額消費的遊客,他們可在樂園裡放縱自己最狂野的幻想,而不必怕機器接待員報復,因為他們的程式不允許他們傷害人類。
-
《西方極樂園》其實改編自電影
原作編導Michael Crichton
就是《#侏儸紀公園》的作者
同樣都是科幻的主題樂園 theme park
不過將侏羅紀改成美國西部時代
也把恐龍換成了仿生人 android
一旦機器發展出知覺 sentience
人類終將面臨機器人的反叛 revolt
如同貫穿第一季的關鍵台詞
出自 #莎士比亞 的經典名著
《#羅密歐與茱麗葉》:
"These violent delights will have violent ends."
「狂暴的歡愉,將有狂暴的終結。」
-
本劇圍繞著人工智慧和機器人的主題
其實英文有很多單字稱呼機器人
像是大家熟悉的 robot
是指模仿人類的機器
bot 則是自動程式
例如聊天機器人 chatbot
機器人也可叫 android
又被翻成仿生人,可簡稱 droid
另外還有 humanoid
指人形機器人或似人的生物
以及自動機械裝置 automaton
-
再來看看其他劇中重要單字:
-dissonant: 脫序;不和諧的。反義詞是「共鳴」resonant
-enlightened:(對人生在世的真諦)徹悟的,覺悟的,看透的
-host: 接待員;(宴客的)主人;主持人
-narrative: 劇情,敘事。敘事者或旁白則是 narrator
-orientation: 導覽,環境介紹
-reverie: 幻想,夢想;白日夢(pleasant dream-like thoughts)
-role play: 角色扮演
-sentient: 有知覺力的;有感覺力的(able to experience feelings)
-
本劇真的很有諾蘭兄弟的風格
每集發展出乎意料、令人欲罷不能
一層一層不斷揭露更多轉折爆點
故事也像極了 #莊周夢蝶
究竟是仿生人活在人類造的世界裡
還是人類活在仿生人造的世界裡?
我們所存在的世界
會不會也是經過精心設計的樂園呢?
還沒有看的人
可以直接上 CATCHPLAY+
訂閱「雙享無限看」>> https://bit.ly/3iHL0UH
艾美獎各大得獎作品,都可以在這個平台看到
還有哪部影集大推,跟我說說吧!
#艾美獎好劇一站匯集 #CATCHPLAYPLUS
#還有官方字幕翻譯 #沙發馬鈴薯放鬆時刻
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過8,900的網紅HowtinFlix,也在其Youtube影片中提到,睇完齣戲諗返轉頭, 我覺得D主角係壞人嚟, 手段殘忍, 非常過份 sosad Patreon: https://www.patreon.com/howtindog FB page: https://www.facebook.com/howtindogs/ #howtindog #旅遊特輯 #血鑽...
michael crichton 在 หนังโปรดของข้าพเจ้า Facebook 的最讚貼文
Disclosure (1994) สามารถดูได้ใน Netflix
• ในยุคปัจจุบัน หลังกระแส MeToo ที่ทำให้ทั่วโลกตื่นตัวเรื่องการคุกคามทางเพศจากผู้มีอำนาจในที่ทำงาน การได้เห็น Disclosure หนังปี 1994 พูดเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาถือว่ามาก่อนกาลมาก แถมยังฉลาดเขียนบทให้คนมีอำนาจเป็นเพศหญิงด้วย
• แต่จริง ๆ ในช่วงนั้นยังมีหนังอีก 2 เรื่องที่พูดประเด็น sexual harassment คือ Oleanna ปี 1994 ของเดวิด มาเม็ต (คนเขียนบท Glengarry Glen Ross, Wag the Dog) ว่าด้วยเรื่องนักศึกษาเข้าพบอาจารย์เพื่อถามเหตุว่าทำไมสอบตก และ Gross Misconduct หนังที่ นาโอมิ วัตต์ ได้รับบทนำครั้งแรกในบทนักศึกษากล่าวหาว่าอาจารย์ข่มขืนเธอ
• หนังเป็นส่วนผสมระหว่างแนว courtroom dramas หรือว่าความในศาล แต่ในหนังอยู่แค่ขั้นตอนไกล่เกลี่ย ผสมกับการเมืองในองค์กร ชิงดีชิงเด่นสลับเตะขัดขากันเข้มข้นมาก
• ไมเคิล ไครช์ตัน คนเขียนนิยายเรื่อง Disclosure โด่งดังจากนิยายแนวไซไฟทริลเลอร์มากกว่า เช่น Westworld, Jurassic Park, Congo, และ Timeline ส่วนในเรื่องนี้มีความเป็นเทคโนโลยีสอดแทรกเข้ามานิดนึง คือพูดถึง VR เทคโนโลยีเสมือนจริงที่สแกนรูปร่างคนได้ แอบล้ำกว่ายุคนี้เสียอีก
• เดมี่ มัวร์ ฉากนั้นฉากเดียวคือร้อนแรงมาก ถ้าสมัยนี้อาจต้องมาถกเถียงกันว่าพูดถึงอำนาจของเพศหญิงแต่หนังเล่าจากสายตาผู้ชาย (ทั้งกำกับ/เขียนบท/กำกับภาพ ชายล้วน)
-------------------------------------
'ทอม แซนเดอร์ส' (Michael Douglas) หัวหน้าฝ่ายผลิตชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์ไอทีที่กำลังวุ่นวายกับความผิดพลาดของแผนกตัวเอง คาดหมายว่าตัวเองจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นรองประธานก่อนควบรวมบริษัท แต่กลับต้องประหลาดใจเมื่อบริษัทเลือกแต่งตั้ง 'เมเรดิช' (Demi Moore) อดีตคนรักเก่าของซึ่งเป็นคนนอกให้กลายมาเป็นเจ้านาย และในการประชุมสองต่อสองคืนนั้นเอง เธอเป็นฝ่ายรุกเข้าหาโดยที่เขาพยายามปฏิเสธ ก่อนที่วันต่อมาเขาต้องตกเป็นจำเลยในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเจ้านายคนสวยของตัวเอง ซึ่งปฏิเสธอย่างไรก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะประวัติเก่าเขาช่ำชองเรื่องผู้หญิงและความคุ้นเคยกันในฐานะกิ๊กเก่า
.
ถ้ามาดูในยุคนี้ที่เรื่อง sexual harassment ถูกอธิบายกันแพร่หลายทั้งในซีรีส์ The Morning Show และในหนังเรื่อง Bombshell ว่าการคุกคามทางเพศมันไม่ได้จำกัดแค่การแต๊ะอั๋งหรือข่มขืน แต่ยังกว้างไปถึงการใช้อำนาจบีบหรือกดดันคนฐานะต่ำกว่าให้ตกอยู่ในสภาพจำยอม (เจ้านาย/ลูกน้อง) และยังกว้างไปถึงการใช้คำพูด, ท่าทาง, และสายตาที่ทำให้อีกฝ่ายกระอักกระอ่วน ซึ่งพอย้อนไปดูหนังที่สร้างปี 1994 ก็ต้องประหลาดใจว่าค่านิยมการตีความหมายของหนังค่อนข้างก้าวหน้าทีเดียว ในแง่ของการแยกแยะความเหมาะสม ถึงแม้ตัวเรื่องจะมีความชายเป็นใหญ่อยู่พอสมควร ดังจะเห็นได้จากไอเดียของหนังมันประมาณว่า การคุกคามทางเพศโดยผู้มีอำนาจไม่ได้จำกัดแค่เจ้านายเพศชายกระทำต่อลูกน้องเพศหญิง เพราะถ้าผู้หญิงมีอำนาจก็มีแนวโน้มจะคุกคามทางเพศได้เหมือนกัน
.
แต่เรามองเป็นความฉลาดของหนังที่จะพูดประเด็นนี้โดยกลับหัวกลับหางจากความเป็นไปได้ส่วนใหญ่ ถ้าย้อนไปช่วงยุค 90's ยังไงเพศชายก็มีอำนาจในตำแหน่งใหญ่ ๆ ของบริษัทมากกว่าเพศหญิง แล้วถ้าพล็อตแบบนี้จะเล่าเพื่อให้คนตระหนักถึงความสำคัญของ sexual harassment เล่าแบบเจ้านายผู้ชายเกลี้ยกล่อมลูกน้องสาวให้มีอะไรด้วยแต่ไม่สำเร็จ เลยฟ้องลูกน้องว่ามาลวนลามตัวเองมันก็คงเป็นพล็อตที่ตลกมาก ๆ หรือถ้าจะบิดเป็นให้ลูกน้องฟ้องเจ้านายก็ได้อยู่ ก็จะเหมือนหนังในปัจจุบันที่ทำให้เห็นว่าโครงสร้างการใช้อำนาจปกป้องคนตำแหน่งใหญ่ ๆ ที่มีความสำคัญกับบริษัทเพื่อปิดปากคนตัวเล็ก ๆ จะเป็นอย่างไร
.
พอหนังมันเล่าโดยให้เจ้านายเพศหญิงฟ้องลูกน้องเพศชาย เราเลยรู้สึกว่าเทียบกับยุคสมัยแล้วมันสร้างผลกระทบและเขียนบทเชิงสอนได้เห็นภาพกว่า สามารถจับเอาพฤติกรรมต่าง ๆ มาลงรายละเอียดว่าไม่เหมาะสมอย่างไร เช่น ทอม แซนเดอร์ส เองก็ตีก้นและนวดไหล่เลขาสาวด้วยความไม่รู้ตัวว่าผิด ซึ่งเลขาก็ไม่กล้าพูดอะไรเพราะเขาเป็นเจ้านาย มันมีอำนาจที่เหนือกว่าปิดปากไปโดยปริยายอยู่ หรืออย่างเมเรดิช ที่สามารถใช้สถานะเจ้านายเหนือกว่าคอยกลั่นแกล้งทอม ให้ดูไม่ดีในสายตาคนบริษัท เช่นแกล้งนัดเวลาผิด รวมถึงการขู่ด้วยตำแหน่งการงาน
.
รวม ๆ แล้วหนังสนุกดี เก่งด้วยที่สามารถเล่าการไกล่เกลี่ยในศาลพร้อม ๆ กับการเมืองในองค์กร บริษัทที่ต้องการปิดดีลควบรวมกิจการด้วยตัวสินค้าเดโม่สุดยอดเยี่ยม แต่ต้องปกปิดความผิดพลาดในขั้นตอนการผลิตว่าไม่สามารถทำออกมาขายในเชิงพาณิชย์ได้จนกว่าจะแก้ไขสำเร็จ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอุปสรรคที่เลื่อยขาทอม แซนเดอร์ส อยู่ แถมยังมาโดนบีบให้ลาออกจากข้อหาคุกคามทางเพศ ส่วนในศาลก็เล่าสนุก ทนายทั้งสองฝ่ายต่างพยายามจับผิดเล่นงานฝ่ายตรงข้าม เข้มข้นครบรสแบบนี้ต้องไม่พลาดเลย
Director: Barry Levinson (ผู้กำกับ Rain Man, Good Morning Vietnam)
novel: Michael Crichton
screenplay: Paul Attanasio (เขียนบท Quiz Show, Donnie Brasco, The Good German)
Genre: drama, thriller
8/10
#หนังโปรดของข้าพเจ้า
michael crichton 在 普通人的自由主義 Facebook 的最佳貼文
科學家的共識
「沒有那種叫做共識的科學。如果是共識,就不是科學,如果是科學,就不是共識。」
1960年,有個天文學家叫Frank Drake,花了兩週時間找外星來的信號,居然讓他收到一個訊號。雖然後來發現是假的,但已經造成了轟動,所以他組織了第一個SETI(尋找外星智慧)的大型會議,然後提出了一個有名的德雷克方程(Drake Equation):
可以和我們溝通的外星文明總數 =
銀河系星球生成的數目 x
星球擁有行星的比例 x
可以支持生命的行星比例 x
可以支持生命的行星演化出生命的比例 x
可以演化出生命的行星產生智能文明的比例 x
這些智能文明可以對外溝通的比例 x
這些有智能文明行星放送訊號的壽命
這個看起來很有道理的方程式,讓尋找外星智慧的活動,有一個很好的開始。但這個方程式右邊的每一個項目,不但我們不知道,甚至連要怎麼估算都沒有辦法開始,只能猜。如果是猜的話,那就是偏見。因此這個德雷克方程產生的數字,可以大到幾十億,也可以小到零。如果科學研究,指的是建立假說,然後找尋證據來檢驗假說,那尋找外星智慧一事,就不能說是科學。這是宗教。宗教的定義是,一個無法用證據檢驗的堅定信仰,而任由人各說各話。
但為什麼德雷克方程沒有受到科學家的訕笑?因為科學變成宗教已經不是一天兩天的事了。
1975年,國家科學院出了篇「多重核彈引爆的長期性全球影響」評估報告,雖然說核子戰爭對環境有不可逆的影響,但實際規模,無法評估。但一如德雷克找不到外星訊號,但引起大眾興趣一般,這個報告,讓不少科學家,開始注意「核子冬天」。有名的科普天文學家Carl Sagan在「科學」期刊,提出了估算對流層核爆灰塵的方程式,一如德雷克方程一樣,寫滿了無法估算的變數。但不同於德雷克方程,Sagan得出了數字,據此數字推算數目不大的核彈引爆,就會造成地球溫度降低35個攝氏度,且長達三個月。這是恐怖的數字,因為冰河期也才不過降了地球溫度十度左右。
Sagan和同為知名科普科學家的Paul Ehrlich,在科學期刊出刊前的幾個月,就開始積極在媒體曝光,Sagan本人,就上了知名脫口秀強尼.卡森秀40次,Ehrlich也有25次。目的是什麼呢?「我們現在做的事情,是報告一大群科學家所有的共識。」這「科學家的共識」就是核子戰爭不好,後果很嚴重,全人類都該反對。
這也就是這篇文章開頭的引言由來。侏儸紀公園的原作者,已故的麥可.克萊頓(Michael Crichton)在一篇2003年,加州理工的演講裡,從尋求外星智慧講起,再提到核子冬天的爭議,最後講全球暖化的荒謬,非常值得一觀,我特此摘要分享給讀者。
全文未完,此為會員專屬文章。
michael crichton 在 HowtinFlix Youtube 的最讚貼文
睇完齣戲諗返轉頭, 我覺得D主角係壞人嚟, 手段殘忍, 非常過份 sosad
Patreon: https://www.patreon.com/howtindog
FB page: https://www.facebook.com/howtindogs/
#howtindog #旅遊特輯 #血鑽