ขีดจำกัดของโลก 9 ประการ
เรื่องโลกร้อนเป็นแค่ 1 ใน 9 เท่านั้น ! มีอีก 8 ตัว! คุณพระ!!
-----------------------
เมื่อไม่นานมานี้ได้ดูสารคดีเรื่อง Breaking Boundaries: The Science of Our Planet ใน netflix [ https://www.imdb.com/title/tt14539726/?ref_=nv_sr_srsg_0 ] น่าสนใจมาก
หนังพูดเรื่อง The 9 planetary boundaries หรือขีดจำกัดของโลก 9 อย่างที่มนุษย์กำลังสร้างผลกระทบโดยตรง และถ้าข้ามขีดอันตรายไปเมื่อไหร่ จะเกิดผลกระทบลูกโซ่ที่ทำลายระบบนิเวศของโลกอย่างหวนกลับมาไม่ได้อีกต่อไป
ซึ่งในบรรดา 9 อย่างนี้ เรารู้จักเรื่องโลกร้อนดีที่สุด แต่ที่เหลือ มีหลายอันที่มีคนพูดถึงน้อยมากๆ
ขีดจำกัดทั้ง 9 นี้ มีที่มาจากกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ นำโดย Johan Rockstrom [นามสกุลโคตรเท่] แห่งมหาวิทยาลัย Stockholm และวิล สเตฟเฟน (Will Steffen) จากมหาวิทยาลัย Australian National University เอางานวิจัยยาวนานกว่า 5 ทศวรรษ มาสรุปเป็นกระบวนการรักษาสมดุลของโลกให้เราเห็นชัดเจน 9 ประการ โดย Rockstrom เองเป็น presenter ของสารคดีชิ้นนี้ด้วย
นอกจากจะทำความรู้จักขีดจำกัดทั้ง 9 อย่างนี้แล้ว งานวิจัยก็ยังบอกเราด้วยว่าตอนนี้มนุษย์อยู่ในขีดอันตรายระดับไหนแล้วในแต่ละหัวข้อ
-----------------------
สถานการณ์: [Code Red] วิกฤติแล้วจ้า ฉิบหายแล้ว มี 2 ข้อ
1. Biodiversity loss [การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ] : สถานการณ์ วิกฤติ
- ว่าด้วยการสูญพันธ์ของสัตว์และพืช ใช่ 50 ปีที่ผ่านมา อัตราการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ หลักๆมาจากการสูญเสียที่อยู่อาศัยจากการกระทำของมนุษย์ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม เพื่อผลิตอาหาร น้ำ และทรัพยากร
- ต่อปี อัตราการสูญพันธุ์ในปัจจุบัน อยู่ที่ 1,000 ต่อ 1,000,000 ชนิด ต่อปี [0.1%] โดยอัตราการสูญพันธุ์ที่ปลอดภัย อยู่ที่ ไม่เกิด 10 ต่อ 1,000,000 ชนิดต่อปี [ 0.001%] เท่ากับเราเลย limit ที่ปลอดภัยมาแล้ว 100 เท่า!
2. Nitrogen Cycle and Phosphorus Cycle [ วงจรไนโตรเจนและฟอสฟอรัส] : สถานการณ์ วิกฤติ
- ใช้แล้วครับ ไนโตรเจนกับฟอสฟอรัส ในปุ๋ยเคมี NPK นี่แหล่ะ
- เรื่องนี้มีคนรู้น้อยมาก หลักๆคือการที่มนุษย์ผลิตอาหารมากขนาดนี้ เราต้องใช้ปุ๋ยจำนวนมหาศาล เราไปเก็บไนโตรเจนมาจากชั้นบรรยากาศ และขุดฟอสฟอรัสมาจากในดิน แล้วในกระบวนการเกษตร สารเหล่านี้โดนเก็บไว้ในพืชแค่นิดเดียว ที่เหลือไหลลงน้ำลงทะเล หรือกลายเป็นมลพิษในอากาศ
- ซึ่งผลพวงก็มีเช่น ปุ๋ยลงน้ำไปทำให้เกิด Algae Bloom [สาหร่ายเติบโต] ซึ่งพอตายทับถมกัน ก็ทำให้ออกซิเจนในน้ำลดลงเรื่อยๆ จนบางที่กลายเป็น "Dead Zone" หรือจุดที่สิ่งมีชีวิตไม่สามารถอยู่ได้อีกแล้ว เพราะขาดออกซิเจน ซึ่งทั่วโลกพบอยู่หลายร้อยแห่งแล้ว ปล่อยไปเรื่อยๆจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ทำระบบนิเวศพังทั้งระบบ
- ตอนนี้เราใช้ไนโตรเจนกับฟอสฟอรัสเพื่อผลิตอาหาร เกิดขีดจำกัดที่นักวิทยาศาสตร์กำหนดไว้ ประมาณ 2 เท่าในทุกๆปี
-----------------------
สถานการณ์: [Code Yellow] ต้องเฝ้าระวัง หากไม่เปลี่ยนแปลง วิกฤติแน่
3. Deforestation Land use Changes การตัดไม้ทำลายป่า และการเปลี่ยนแปลงผืนโลก : สถานการณ์ เฝ้าระวัง
- คือการเปลี่ยนป่าเป็นพื้นที่การเกษตรหรือเลี้ยงสัตว์[การผลิตเนื้อ ใช้ที่ดินเยอะมาก] ซึ่งนำไปสู่ทั้งความสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ [ข้อ 1. ] และเป็นการปล่อยคาร์บอนที่ถูกกักเก็บไว้ในต้นไม้กลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งก็ไปสร้างปัญหาภาวะโลกร้อนต่อ รวมถึงการเปลี่ยนน้ำทะเลให้เป็นกรดอีกด้วย
- ป่าคือ Carbon Sink หรือตัวดูดซับคาร์บอนที่ดีที่สุดที่เรามีอยู่ในธรรมชาติ การสูญเสียป่า คือการสูญเสียระบบจัดการคาร์บอนของดาวโลก
- การสูญเสียพื้นที่ป่าในประเทศหนึ่ง อาจสร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศในระดับโลก (เช่นป่า Amazon เป็นต้น)
4. Climate Change ภาวะโลกร้อน : สถานการณ์ เฝ้าระวัง
- ตัวโหดที่ทุกคนรู้จักดี ตอนนี้เราผ่านจุดที่คาร์บอนในชั้นบรรยากาศ อยู่ที่ 418 ppm [Parts per million] ซึ่งอาจจะนำไปสู่โลกที่อุณหภูมิสูงขึ้นประมาณ 2 องศา ซึ่งเป็นสิ่งที่ Paris Agreement ในปี 2015 ตั้งใจจะทำให้ได้ แต่อย่างไรระดับคาร์บอนได้ออกไซด์ก็ไม่มีทีท่าจะลดลงมาสักกะที ถ้าหากว่าเกิน 500 ppm ขึ้นไป และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราอาจจะจบที่ร้อนชึ้น 4-8 องศา ซึ่งนั่นคือ Game Over แน่นอน
- ตอนนี้น้ำแข็งทะเลในขั้วโลกเหนือลดลงจนไม่น่าจะหวนกลับมาได้แล้ว ทำให้เรายิ่งไม่มีพื้นที่สีขาวมาสะท้อนแสงอาทิตย์กลับไป
- น้ำแข็งในกรีนแลนด์ละลายเร็วขึ้นกว่าที่คาดการเอาไว้ 3-4 เท่า ถ้ากรีนแลนด์ละลายหมด น้ำทะเลจะสูงขึ้น 7 เมตร
- ตอนนี้ขั้วโลกได้ที่เชื่อว่าละลายได้ยากมาตลอด เริ่มมีอาการแปรปรวนให้เห็น ถ้าละลายหมด น้ำจะสูงขึ้นหลายสิบเมตร
- จุดที่เราจะย้อนกลับไม่ได้ ใกล้เข้ามาทุกที
-----------------------
สถานการณ์: [Code Green] ยังปลอดภัยอยู่ ต้องรักษาระดับเอาไว้
5. Freshwater Use การใช้น้ำจืด : สถานการณ์ ยังปลอดภัย
- เป็นตัวแปรที่ link กับเรื่อง climate change + ระบบการจัดการน้ำของมนุษย์ ซึ่งได้เปลี่ยนวงจรที่น้ำจืดแปรสภาพและไหลเวียนตามธรรมชาติไปโดยสิ้นเชิง การชลประทานนำไปสู่การเปลี่ยนในการไหลของแม่น้ำ การถางป่านำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงของวงจรไอน้ำ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและส่วนใหญ่เปลี่ยนแล้วแก้คืนไม่ได้
- ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่วิกฤติ แต่ก็ต้องระวังดีๆ หากเราเปลี่ยนวงจรน้ำจืดไปเรื่อยๆอย่างไม่คิดถึงผลกระทบที่ตามมา อาจจะส่งผลลูกโซ่ต่อเนื่อง สร้างความเสียหายในแบบที่เรายังคาดไม่ถึงได้
6. Ocean Acidification การเป็นกรดของมหาสมุทร : สถานการณ์ ยังปลอดภัย
- ประมาณ 25-30% ของคาร์บอนที่เราปล่อยออกมา ถูกดูดซับโดยน้ำในมหาสมุทร ซึ่งผลพวงของมันก็คือทำให้น้ำทะเลมีความเป็นกรดมากขึ้น ซึ่งก็ไปทำให้ในน้ำมี แคลเซียมคาร์บอเนต ลดลงเรื่อยๆ ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สิ่งมีชีวิตในทะเล ทั้งปะการัง ทั้งกุ้ง หอย ปู แพลงตอนบางประเภท หรืออะไรก็ตามที่มีเปลือก ใช้ในการสร้างเปลือกป้องกันตนเอง
- พอสัตว์เหล่านี้โตไม่ได้ ก็กระทบบ่วงโซ่อาหาร ในทะเลก็มีปลาน้อยลงเรื่อยๆ
- ตอนนี้น้ำทะเลของเรา มีความเป็นกรดมากขึ้น 30% เมื่อเทียบกับตอนก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม
- อันนี้ link กับเรื่อง Climate change ในเชิงมีสาเหตุร่วมกัน แต่ถือเป็นคนละมาตรวัดกัน
- ถึงยังปลอดภัยอยู่ แต่ถ้าไม่เปลี่ยนเรื่องปล่อยคาร์บอนกัน มันก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆต่อไป
7. Stratospheric ozone depletion การสลายตัวของชั้นโอโซน : สถานการณ์ ยังปลอดภัย
- อย่างที่รู้กัน โอโซนช่วยกัน UV [ultraviolet] ไม่ให้เข้าสู่บรรยากาศโลก ถ้าไม่มีโอโซนเราก็จะเป็นมะเร็งผิวหนังกันหมด และระบบนิเวศโลกก็จะพัง
- อันนี้เป็นข้อเดียวที่สถานการณ์ดีขึ้นมาก นับตั้งแต่มีการค้นพบปัญหารูโอโซนบริเวณขั้วโลก และมีการระบุชัดเจนว่าสารเคมีชนิดไหนที่เป็นต้นเหตุ นานาชาติก็มีการตกลงแบนสารเหล่านั้นร่วมกันผ่าน Montreal Protocol จนได้ผลนำสถานการณ์อันตรายมาสู่ระดับที่ปลอดภัยได้
- เป็นความหวังของหมู่บ้าน ว่ามนุษย์สามารถรวมตัวกันแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ
-----------------------
สถานการณ์: [Unknown] รู้ว่าเป็นปัญหา แต่ยังไม่สามารถกำหนดขอบเขตที่เกินขีดอันตรายไปได้
- 2 ข้อนี้ คือตัวแปรที่นักวิทยาศาสตร์เห็นตรงกันว่าจะมีผลกระทบกับระบบนิเวศของโลกอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่ว่ายังหาคำตอบไม่ได้ว่าขีดอันตรายอยู่ที่จุดไหน
8. Particle Pollution [Atmospheric aerosol loading] สารแขวนลอยในชั้นบรรยากาศ : สถานการณ์ (ไม่รู้)
- ง่ายๆก็คือพวก pm10/ pm2.5 นั่นแหล่ะครับ + สารเคมีต่างๆที่มนุษย์ปล่อยขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ สิ่งเหล่านี้นอกจากจะมีผลกับสุขภาพของมนุษย์แล้ว คือมีผลกับอุณหภูมิของโลกด้วย
- ในขณะที่ก๊าซเรือนกระจก ทำให้โลกร้อนขึ้น สารแขวนลอยและมลพิษในอากาศ มีผลกระทบในการสะท้อนแสงอาทิตย์ออกนอกชั้นบรรยากาศ พูดง่ายๆยิ่งอากาศขุ่นมัวมาก อุณหภูมิก็ยิ่งลดลง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เพราะต้องแลกมากับคุณภาพอากาศที่ย่ำแย่มากๆ เป็นผลกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
- นอกจากนั้น สารแขวนลอยเหล่านี้ยังสามารถจับตัวกับไอน้ำ มีผลกับการจับตัวของก้อนเมฆและการเปลี่ยนแปลงของอากาศอีกด้วย
- ซึ่งผลกระทบตรงนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาเพิ่มเติม ทำให้ยังไม่สามารถทราบผลกระทบทั้งหมดได้
9. Chemical Pollution การปนเปื้อนของสารสังเคราะห์ : สถานการณ์ (ไม่รู้)
- มนุษย์เราสร้างสารสังเคราะห์ชนิดใหม่ขึ้นมากว่า 100,000 ชนิด ซึ่งมีทั้งโลหะหนักต่างๆ สารกัมมันตภาพรังสี ไมโครพลาสติก ฯลฯ ซึ่งผ่านอุตสาหกรรมและกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ สารเหล่านี้ก็ถูกปล่อยกลับสู่ธรรมชาติ โดยที่เรายังไม่เข้าใจผลกระทบที่พวกมันมีต่อสัตว์ พืช และระบบนิเวศเลย รวมไปถึงผลกระทบที่มันมีต่อคนด้วย [ยกตัวอย่าง จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ ว่าการกินไมโครพลาสติกเข้าไป มีผลอะไรกับร่างกายคนบ้าง]
- ทำให้การกำหนดขอบเขตในเรื่องนี้ เป็นไปได้ยากมาก แต่นักวิทยาศาสตร์ก็เห็นพ้องกันว่า เป็นตัวแปรที่มีผลต่อระบบนิเวศของโลกแน่นอน
-----------------------
นอกจาก 9 ข้อนี้ ขอฝากคำศัพท์ไว้อีกคำ คือคำว่า [Antropocene]=แอนโทรโพซีน คือชื่ออย่างไม่เป็นทางการของโลกยุคปัจจุบัน โดยยุคก่อนหน้านี้คือยุค Holocene [โฮโลซีน] ที่เริ่มต้นประมาณ 11,700 ปีที่แล้ว หลังยุคน้ำแข็งรอบสุดท้ายจบลง เป็นยุคที่อุณหภูมิของโลกเริ่มคงที่ ทำให้สภาวะที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของสังคมมนุษย์เกิดขึ้นได้ เป็นสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
แต่มาตอนนี้ นักวิทยาศาสตร์บอกว่ายุค Antropocene ได้มาถึงแล้ว มาจากคำว่า Anthropo ที่แปลว่า "คน" ในภาษากรีก ซึ่งอธิบายง่ายๆก็คือ นี่คือยุคที่มนุษย์กลายเป็นตัวแปรหลักในการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศและระบบนิเวศของโลก จากที่ก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีสปีชีส์ไหนทำแบบนี้ได้มาก่อน สัตว์ทุกชนิดต้องยอมรับสภาวะที่โลกหยิบยื่นให้ มีเราเป็นสปีชีส์แรกที่สามารถเปลี่ยนระบบของโลกได้ด้วยการกระทำของเรา
ขึ้นอยู่กับว่าจะเปลี่ยนไปทางไหนเท่านั้นเอง
Ref
http://www.salforest.com/blog/planetary-boundary
https://en.wikipedia.org/wiki/Planetary_boundaries#/media/File:Planetary_Boundaries.png
https://www.stockholmresilience.org/research/planetary-boundaries/the-nine-planetary-boundaries.html
https://www.nationalgeographic.org/encyclopedia/anthropocene/
https://www.imdb.com/title/tt14539726/
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過27萬的網紅真電玩宅速配,也在其Youtube影片中提到,由不老漫畫家 荒木飛呂彥 所創作的《JOJO的奇妙冒險》,也算是部長青作品了,這次原作第六部「STONE OCEAN」的動畫《JOJO的奇妙冒險 石之海》,官方也宣佈了播放時程,並釋出聲優名單等資訊。 《JOJO的奇妙冒險 石之海》主角是由「空條承太郎」的女兒「空條徐倫」擔綱,時空背景位於2011...
ocean 8 netflix 在 Facebook 的最佳解答
ในวันมหาสมุทรโลก La Mer และ #pearypiegoesgreen อยากมาชวนเชิญเพื่อนๆมาช่วยอนุรักษ์ทะเล Version Stay Home กันค่ะ :) พวกเราทุกคนสามารถช่วยกันคนละเล็กน้อยเพื่อปกป้องมหาสมุทรของเรา
-ลดการสร้าง Carbon Footprint
-ประหยัดน้ำประหยัดไฟ
-ลดการใช้สารเคมีไม่ว่าจะเป็นสบู่ แชมพู น้ำยาล้างจ้าน หรือน้ำยาซักผ้า ศึกษาและสนับสนุนผลิตภัณฑ์รักษ์โลก
-เลือกกิน ลองปลูกผัก ทำอาหารเอง ลดการกิน junkfood อาหารสะดวกซื้อ หรือการสั่งจากร้าน
-พิจารณาเนื้อสัตว์จากพืช
-ติดตามองค์กรต่างๆที่สนับสนุนการดูแลท้องทะเลและธรรมชาติ
-ตามโลกให้ทัน และเป็นกระบองเสียงในแบบของตัวเอง
Yayyyy!!! It’s World Ocean Day today :)))) We celebrate every 8 June as a reminder of how integral our seas are to life on Earth. Today is an opportunity to raise global awareness of the benefits humans get from the ocean and our individual and collective duty to use its resources sustainably.
La Mer Blue Heart commits to helping protect marine habitats across the globe, in hopes to ensure future flourishing seas for generations to come. Through Oceans Fund supporting ocean conservation efforts around the world to La Mer’s main ingredient -Sea kelp, is sustainably hand harvested!!
Amid the coronavirus pandemic, when will we be able to travel again? The short answer is nobody knows for sure. No beach vacation? No worries
We can also support this moment of ocean peace and health from inside our homes. We can make small actions and sustainable decisions that can change the destiny of our ocean. This period of time when we are indoors can be the seed of change to protect the great big blue universe that we all love and that we all need to survive
Ways to save Oceans from home
-Keep your carbon footprint in mind and decrease your energy consumption
-Conserve water
-Use eco friendly products
-Time to reuse what you have
-Recycling is the right thing to do
-Grow your own veggie
-Consider a more plant based diet
-Support organizations that protect the oceans
-Make sustainable decisions when you choose seafood
-Communicate your love for the ocean!
-Volunteer-define it however you want, the only part that matters is putting in the time to show your support, even raising awareness through art created from debris, it all plays into a larger role of protecting our ocean!
-If Netflix is one of your favorite pastimes, add underwater documentaries to educate yourself from home
Chasing Coral: A documentary that explains the coral bleaching phenomenon due to global warming
Mission Blue: This environmental film created by Sylvia Earle’s non-profit organization talks about the importance of having a healthy ocean and caring for our reefs
A Plastic Ocean: A journalistic and scientific investigation into the causes and consequences of marine debris and an exhibition of possible solutions
ocean 8 netflix 在 漢思選選 - Hans Select Facebook 的最佳解答
今天是 6/8 世界海洋日
熱愛海洋的N編來分享潛友們在綠島水下拍攝的美景❤
海洋是我們這個地球最重要的資源,美麗如寶石般的燦爛,也同時孕育了這世界的所需所求,希望我們大家都能一起努力,讓如此的美景、豐富的資源,可以一代接著一代流傳下去,照顧著我們,療育著每一個人❤
我們的海洋廣大遼闊又有著非常複雜的生態系統,佔地球表面 70 % 以上,還是 70 萬個驚人物種的家園 ;牠們對人類的生存也相當重要,專家估計牠們負責了高達 80 % 我們所呼吸的氧氣。
難過的是,我們的海洋正受到全球暖化的威脅,導致海水溫度上升,對海洋生物構成危險;因二氧化碳量上升引起的海洋酸化也正衝擊著貝類和珊瑚礁;同時,過度捕撈正影響著我們生態系統的平衡(N編的好友家人在澎湖當漁夫,他說這幾年,有時後出海一趟,完全補不到魚了....😭);還有相信現在,你也了解人類對一次性塑膠製品的依賴,以及從我們生活製成品中釋放出來的數百萬塑膠微粒對海洋生物造成的威脅。
如果你也想要為海洋盡一份心力,不妨從下面六點改變開始做起❤
1.少吃魚
Netflix 紀錄片《海洋陰謀 Seaspiracy 》中所帶出的關鍵之一便是我們正過度捕撈海洋,全球每年 2.7 噸的漁獲令人瞠目結舌;這就是為什麼減少消費魚類是我們能夠幫忙並讓魚群數量得以補充的主要方式之一。專家表示,食用某些類型的海鮮(像是養殖的淡菜、蛤蜊和阿拉斯加紅鮭)對我們海洋的影響也比較小。
2. 避免單次使用的塑膠
我們知道單次使用的塑膠是大忌,所以現在大多數人都投資了可重複使用的水瓶和外帶咖啡的隨行杯,但要避免使用塑膠還是很難,尤其是在購買食品雜貨和居家用品方面。如果可以的話,在當地的農產市場購物能協助減少在包裝上的浪費,還有清潔產品的補充服務。
3. 參與淨灘
考慮到塑膠污染問題的嚴重性後,參與淨灘是阻止塑膠進入我們的環境,還可能會危害野生動物的一種實用方法。可透過海洋保育協會 Ocean Conservancy 和 Parley Global Cleanup Network 全球淨灘網等組織查詢你附近的淨灘活動。
4. 減少洗衣時產生的塑膠微粒
一項令人震驚的研究發現,每次的洗衣過程能脫落 1,200 萬顆塑膠微粒,這些細小的塑膠粒子還能遠飄到北極。幸運的是,我們大家都能做些簡單的事來幫忙,像是避免使用合成材料、投資一個塑膠微粒過濾器,並減少洗衣的頻率。
5. 使用內含海洋友善成份的美妝產品
從包裝到成分,美妝產品可能也會對我們的海洋造成危害。避免使用含角鯊烯的產品(角鯊烯源自鯊魚肝,為保濕用),而防曬霜中能找到的二苯甲酮等化學物質則會使珊瑚白化。可改為尋找使用環保包裝或提供補充,以及提供回收方案退回空瓶的品牌。
6. 捐款給海洋慈善機構
我們可以幫助海洋的另一種方式便是捐款給那些保護海洋的慈善機構,像是 (oceana.org)、 海洋守護者協會 Sea Shepherd (seashepherd.org)和海洋保護基金會 Ocean Conservation Trust(oceanconservationtrust.org);你也能支持致力於培訓和協助再生漁夫的 GreenWave (www.greenwave.org)等較為小型的組織。或是當地政府的海洋環境保護團體等等。
<<內文部分資訊參考網路文章>>
ocean 8 netflix 在 真電玩宅速配 Youtube 的最讚貼文
由不老漫畫家 荒木飛呂彥 所創作的《JOJO的奇妙冒險》,也算是部長青作品了,這次原作第六部「STONE OCEAN」的動畫《JOJO的奇妙冒險 石之海》,官方也宣佈了播放時程,並釋出聲優名單等資訊。
《JOJO的奇妙冒險 石之海》主角是由「空條承太郎」的女兒「空條徐倫」擔綱,時空背景位於2011年的美國,空條徐倫與男友駕車時不慎肇事撞到人,但卻被渣男友要求掩埋事實,但隔天卻只有她被逮捕,並於二審時被判了15年,發現自己被陷害束手無策之時,收到了父親承太郎寄來的包裹,沒想到被包裹裡面的「箭」的碎片所割傷,從而引發了替身能力。為了拯救幫助她逃獄的父親,女主角必須在這座有著不少替身使者的監獄中奮戰。
動畫預計2021年12月起在Netflix獨佔播出,2022年1月起在各平台播映,屆時要記得來為空條徐倫打Call喔。
©荒木飛呂彦&LUCKY LAND COMMUNICATIONS/集英社・ジョジョの奇妙な冒険SO製作委員会
「電玩宅速配」粉絲團:https://www.facebook.com/tvgamexpress
「網紅攝影棚」節目:https://tinyurl.com/y3hejwb5
遊戲庫粉絲團:http://www.facebook.com/Gamedbfans