เปรียบเทียบต้นทุน การขุดทองคำ VS บิตคอยน์ /โดย ลงทุนแมน
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งทองคำและคริปโทเคอร์เรนซี โดยเฉพาะบิตคอยน์ ที่ใครหลายคนนิยามว่าเป็นทองคำดิจิทัล ได้กลายมาเป็นหนึ่งในตัวเลือกการลงทุนของใครหลายคน
หากเรามาดูมูลค่าทองคำ แร่ต่าง ๆ และคริปโทเคอร์เรนซี
ทองคำ 374 ล้านล้านบาท
เงิน 44 ล้านล้านบาท
บิตคอยน์ 29 ล้านล้านบาท
แพลเลเดียม 14 ล้านล้านบาท
อีเทอเรียม 12 ล้านล้านบาท
จะเห็นได้ว่าคริปโทเคอร์เรนซี มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมูลค่าที่เราเห็นนั้น นอกจากจะเป็นผลมาจากความต้องการซื้อและความต้องการขายของตลาดแล้ว ส่วนหนึ่งยังมาจาก “ต้นทุน” ในการผลิต ซึ่งสำหรับทองคำและบิตคอยน์ ถูกเรียกเหมือนกันว่าการขุด ต่างกันตรงที่เราจะขุดทองคำในโลกจริง แต่ขุดบิตคอยน์ในโลกเสมือน
แล้วเราเคยสงสัยไหมว่า ต้นทุนในการผลิตทองคำและบิตคอยน์
ประกอบไปด้วยอะไรบ้างและต่างกันอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เริ่มกันที่ต้นทุนในการผลิตทองคำ
สำหรับทองคำ เราจะมีศัพท์เฉพาะในอุตสาหกรรมนี้ เรียกว่า “All-In Sustaining Cost”
All-In Sustaining Cost หมายถึง ต้นทุนในการผลิตทองคำเพื่อความยั่งยืน ซึ่งจะเป็นการประเมินต้นทุนสำหรับผู้ผลิตทองคำแต่ละรายว่าจะยังคงมีกำไรและมีความสามารถในการผลิตทองคำต่อไปได้หรือไม่ในอนาคต
โดย All-In Sustaining Cost จะประกอบไปด้วยค่าใช้จ่ายทุกอย่างของบริษัทที่ใช้ไปในกิจการเหมืองขุด รวมถึงกระบวนการแปรรูปทองคำ
เช่น ค่าแรงงานและพลังงาน ค่าขนส่ง ค่าสัมปทาน ค่าสำรวจ ค่าอุปกรณ์ รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับอาคารสำนักงาน
หากอ้างอิงจากต้นทุนของเหมืองทอง Polyus ในประเทศรัสเซีย ซึ่งมีต้นทุนในการผลิตทองคำ ถูกที่สุดในโลก จะมี All-In Sustaining Cost ต่อหน่วยประมาณ 604 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
ในขณะที่ราคาทองคำ ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เท่ากับว่าต้นทุนในการผลิตทองคำที่ถูกที่สุดในโลก จะคิดเป็นสัดส่วนราว 34% ของมูลค่าทองคำที่ซื้อขายกันในตลาด ณ ตอนนี้
ในขณะที่ต้นทุนในการขุดของบิตคอยน์นั้น จะไม่ได้มีมาตรฐานการหาต้นทุนแบบทองคำ
แต่หลัก ๆ ต้นทุนของการขุดบิตคอยน์ ก็จะมาจาก
1. อุปกรณ์ที่ใช้ในการขุดซึ่งที่นิยมใช้มีทั้งการใช้การ์ดจอหรือการใช้เครื่องขุดโดยเฉพาะ
ที่เรียกว่า Application-Specific Integrated Circuit หรือ ASIC
2. พลังงานที่ใช้ในการขุด หรือก็คือพลังงานไฟฟ้า
สำหรับคำศัพท์เฉพาะของวงการขุดบิตคอยน์ ก็จะมีคำว่า “Hash Rate” หรือกำลังการคำนวณที่ผู้ขุดใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของการทำธุรกิจบนบล็อกเชน ซึ่งก็ใช้วัดตั้งแต่ระดับอุปกรณ์ในการขุดและของทั้งระบบ
ทุกอุปกรณ์จะต้องการพลังงานไฟฟ้าที่มีหน่วยเป็น Watt ถ้าหากอุปกรณ์มี Hash Rate ที่ต่ำภายใต้การใช้ Watt เท่ากัน ก็แปลว่าอุปกรณ์นั้นจะมีประสิทธิภาพที่ไม่ดี ก็จะทำให้เราต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้นในการขุดบิตคอยน์จำนวนเท่ากัน นั่นหมายถึงต้นทุนของเราก็จะเพิ่มขึ้น ตามไปด้วย
ซึ่งเราก็ต้องมาดูต่อว่ากำลังในการผลิต ค่าไฟฟ้าที่เราใช้ เมื่อเทียบกับอายุการใช้งานของเครื่องขุดเรา จะคุ้มกับมูลค่าของบิตคอยน์ ณ เวลานั้น ๆ หรือไม่ นั่นเอง
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ประเทศจีนนับเป็นประเทศแห่งการขุดบิตคอยน์ สะท้อนให้เห็นจากในปี 2019 ประเทศแห่งนี้ มีส่วนแบ่งการขุดบิตคอยน์มากถึง 75% ของการขุดทั่วโลก
แต่หลังจากที่รัฐบาลจีนมีนโยบายปราบปรามเหมืองขุดคริปโทเคอร์เรนซีทั่วประเทศ ก็ได้ทำให้บรรดาเหมืองขุด ต่างพากันเทขายอุปกรณ์ขุด ในขณะที่บางส่วนได้ย้ายฐานไปยังประเทศอื่น
ซึ่งประเทศสหรัฐอเมริกา นับเป็นฐานการขุดบิตคอยน์แห่งใหม่ที่กำลังเติบโต
ที่บอกแบบนี้ก็เพราะว่าส่วนแบ่งการขุดบิตคอยน์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
ในช่วงต้นปี 2020 ที่มีเพียง 5% ได้ขยับขึ้นมาเป็น 17% ในปี 2021
แต่จากการย้ายฐานการผลิตดังกล่าวก็ทำให้ต้นทุนรวมของการขุดบิตคอยน์สูงขึ้น จากต้นทุนค่าพลังงานที่แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งสหรัฐอเมริกามีค่าไฟฟ้าประมาณ 0.15 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ในขณะที่จีนมีค่าไฟฟ้าเพียง 0.09 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง
ทีนี้ เราลองมาดูกันว่าต้นทุนในการขุดบิตคอยน์หนึ่งเหรียญ จะมีมูลค่าเท่าไร ?
จริง ๆ แล้ว การหาต้นทุนในการขุดบิตคอยน์นั้นทำได้ค่อนข้างยาก เพราะผู้ขุดแต่ละคน
ก็จะมีวิธีการจัดอุปกรณ์ขุดที่ต่างกันออกไป และส่วนใหญ่จะใช้เครื่องขุดเป็นจำนวนมาก
ในที่นี้ เราจึงนำสมมติฐานของ Miner Daily ที่ได้ระบุว่าโดยทั่วไป
เครื่องขุดบิตคอยน์ ASIC จะมีอายุการใช้งานราว 4 ปี
และหากเราใช้เครื่อง ASIC เครื่องเดียว ก็จะใช้เวลาขุด 4 ปี ถึงจะได้มา 1 บิตคอยน์
นั่นเท่ากับว่าเราสามารถนำมูลค่าเฉลี่ยของ ASIC มาบวกกับค่าไฟเพื่อเป็นต้นทุนได้
ซึ่งวิธีนี้ก็ถือเป็นเพียงตัวอย่างการคำนวณต้นทุน เพราะในทางปฏิบัติคงมีน้อยคนที่ใช้เครื่อง ASIC 1 เครื่องขุดบิตคอยน์เป็นเวลา 4 ปี
สำหรับค่าเฉลี่ยของเครื่องขุดที่ Miner Daily เฉลี่ยเอาไว้อยู่ที่ 7,946 ดอลลาร์สหรัฐต่อเครื่อง
ในขณะที่ค่าไฟตลอดระยะเวลาการขุดเพื่อให้ได้ 1 บิตคอยน์
ที่ 0.09 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ตามค่าไฟในประเทศจีน
ต้นทุนทั้งหมดจะอยู่ที่ 26,693 ดอลลาร์สหรัฐ
คิดเป็น 56% ของมูลค่าบิตคอยน์ (ให้ปัจจุบัน บิตคอยน์ 47,369 ดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญ)
ที่ 0.15 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ตามค่าไฟในประเทศสหรัฐอเมริกา
ต้นทุนทั้งหมดจะอยู่ที่ 39,191 ดอลลาร์สหรัฐ
คิดเป็นราว 83% ของมูลค่าบิตคอยน์ (ให้ปัจจุบัน บิตคอยน์ 47,369 ดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญ)
จากสมมติฐานดังกล่าว ก็จะเห็นได้ว่า ทั้งต้นทุนในการขุดทองคำจะถูกกว่าราคาตลาดอยู่พอสมควร
แต่สำหรับการขุดบิตคอยน์นั้น ต้นทุนจะมีความแตกต่างกันมาก ตามค่าไฟในแต่ละประเทศ
ถึงตรงนี้ เราก็คงจะพอเห็นภาพว่าทั้งการขุดทองคำและขุดบิตคอยน์ก็จะมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และแต่ละประเภท ก็มีความผันผวนและความเสี่ยงที่ไม่เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ทั้ง 2 สินทรัพย์ ยังมีจุดร่วมเดียวกันก็คือ “การมีอยู่อย่างจำกัด” ซึ่งก็ถือเป็นคุณสมบัติ ที่ทั้งนักลงทุนและใครหลายคน เชื่อมั่นว่าจะช่วยให้เรากักเก็บความมั่งคั่งเอาไว้ได้
ซึ่งบางที ความเชื่อของเราที่สร้างขึ้นมาเองนั้น อาจจะเป็นส่วนที่สร้างมูลค่าเพิ่ม
ให้กับทั้งทองคำและบิตคอยน์ มากกว่าต้นทุนในการผลิต ก็เป็นได้..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://goldtraders.or.th/ArticleView.aspx?gp=2&id=692
-https://minerdaily.com/2021/how-much-does-it-cost-to-mine-a-bitcoin-update-may-2021/
-https://minerdaily.com/2021/how-much-power-does-it-take-to-mine-a-bitcoin/#How_much_power_does_it_take_to_mine_a_bitcoin_with_S19_Pros
-https://www.statista.com/statistics/263492/electricity-prices-in-selected-countries/
-https://www.buybitcoinworldwide.com/mining/hardware/
-https://polyus.com/en/investors/disclosure/annual-reports/
-https://cbeci.org/mining_map
-https://technode.com/2021/05/24/crypto-mining-moves-to-north-america-as-china-cracks-down/
-https://www.cnbc.com/2021/07/17/bitcoin-miners-moving-to-us-carbon-footprint.html
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過0的網紅CarDebuts,也在其Youtube影片中提到,? คลิปรถใหม่ 2019-2020 มาแล้วครับ คลิกที่นี่ https://www.youtube.com/channel/UCSebcviE-UeYMxVRNozwqtw/videos 2018 Isuzu D-MAX 1.9 & 3.0 Ddi BluePower...
power statistics 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
รู้จัก ลอตเตอรี่อเมริกัน ที่มีรางวัลใหญ่หลักหมื่นล้าน /โดย ลงทุนแมน
หากเราซื้อลอตเตอรี่ในไทย จะมีโอกาสถูกรางวัลที่ 1 คือ 0.0001% หรือก็คือมีโอกาสหนึ่งในล้านเท่านั้นและผู้โชคดีคนนั้นก็จะได้รับรางวัลมูลค่า 6 ล้านบาท
แต่รู้หรือไม่ว่าที่ประเทศสหรัฐอเมริกามีบริษัทลอตเตอรี่รายใหญ่ ที่นักเสี่ยงดวงมีโอกาสถูกรางวัลแจ็กพอตน้อยกว่ารางวัลที่ 1 ของไทยเป็นร้อยเท่า แต่เงินรางวัลที่ 1 ก็มากพอที่จะทำให้เรากลายเป็นมหาเศรษฐีหมื่นล้านได้เลยทันที
แล้วระบบลุ้นโชคแบบไหนที่ให้เงินรางวัลแจ็กพอตระดับหมื่นล้าน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จริง ๆ แล้ว ประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้ออกลอตเตอรี่ที่ถูกต้องตามกฎหมายหลายราย ซึ่งเกือบทุกรัฐจะมีการออกลอตเตอรี่ของตัวเอง ปัจจุบันมีผู้ออกลอตเตอรี่มากถึง 48 รายการครอบคลุม 45 รัฐ
ในปี 2020 ชาวอเมริกันมียอดซื้อลอตเตอรี่มากถึง 2.67 ล้านล้านบาท โดยการซื้อและรับเงินรางวัลของลอตเตอรี่แต่ละรัฐจะเกิดขึ้นภายในรัฐหรือเขตพื้นที่ของแต่ละรัฐเท่านั้น
จึงทำให้ต่อมา เกิดการรวมตัวของหน่วยงานที่ออกลอตเตอรี่ในแต่ละรัฐ เพื่อที่จะขยายพื้นที่ในการจัดจำหน่ายมากขึ้นและก่อให้เกิดลอตเตอรี่ประเภทใหม่ 2 ประเภทคือ “Mega Millions” และ “Powerball”
แล้วลอตเตอรี่ทั้ง 2 รายการนี้ ต่างกันอย่างไร ?
รายการที่ก่อตั้งขึ้นก่อนคือ Powerball เริ่มดำเนินการครั้งแรกในปี 1988
ภายใต้ชื่อ Lotto America แรกเริ่มมีการวางจำหน่ายใน 7 รัฐ
จนในภายหลัง ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Powerball ในปี 1992 โดยจะแบ่งการออกรางวัลเป็นสัปดาห์ละ 2 ครั้งคือวันพุธและวันเสาร์
สำหรับวิธีการออกรางวัลของ Powerball คือ ผู้เล่นจะจ่ายเงินจำนวน 60 บาท
เพื่อตั๋ว 1 ใบสำหรับการเล่น 1 ชุดตัวเลขและผู้เล่นจะต้องเลือกลูกบอลสีขาวมา 5 ลูกและสีแดง 1 ลูก
โดยลูกบอลสีขาวจะมีเลขให้เลือกตั้งแต่ 1-69 และสีแดงตั้งแต่ 1-26 ซึ่งเงื่อนไขในการถูกรางวัลก็มีตั้งแต่ สีแดง 1 ลูก ไปจนถึงสีขาว 5 ลูกสำหรับรางวัลที่ 1 และหากทายถูกทุกลูกก็ได้เงินรางวัลแจ็กพอต
ทั้งนี้ผู้เล่นสามารถจ่ายเงินเพิ่มตั้งแต่ 30-300 บาท หรือเรียกว่า Power Play สำหรับการเพิ่มมูลค่าเงินรางวัลที่จะได้รับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 2 ถึง 10 เท่าของมูลค่าเริ่มต้น
ในขณะเดียวกัน ลอตเตอรี่ Mega Millions เริ่มครั้งแรกในปี 1996 ในชื่อ The Big Game
ซึ่งได้มีการปรับระบบการออกรางวัลจนมีลักษณะเหมือนกับ Powerball
แต่จุดที่แตกต่างกันจะอยู่ที่จำนวนลูกบอลสีขาวจะมี 70 หมายเลข และลูกบอลสีทองจะมี 25 หมายเลขและก็มีระบบ Megaplier ซึ่งมีหลักการเหมือน Power Play แต่เงินรางวัลสามารถเพิ่มได้สูงสุดที่ 5 เท่า
โดยที่ตั๋วของ Mega Millions จะถูกจำหน่ายอยู่ที่ใบละ 60 บาทเท่ากับ Powerball
และมีการออกรางวัลสัปดาห์ละ 2 ครั้งคือทุกวันอังคารและวันศุกร์
อีกหนึ่งจุดขายของลอตเตอรี่ดังกล่าว ก็คือรางวัลแจ็กพอตจะถูกทบต้นไปเรื่อย ๆ หากยังไม่มีใครถูกรางวัล
ซึ่งในปัจจุบันเงินรางวัลแจ็กพอตของ Powerball สูงถึง 4,500 ล้านบาท ในขณะที่ Mega Millions มีเงินรางวัลแจ็กพอต 3,500 ล้านบาท
แต่หากมีผู้ถูกรางวัลแจ็กพอตพร้อมกันในงวดนั้น เงินรางวัลทั้งหมดก็จะถูกหารตามจำนวนผู้ที่ถูกไปด้วย
จากระบบทั้งหมดนี้ ก็ถือเป็นแรงดึงดูดให้นักเสี่ยงโชคแห่กันเข้ามาเล่นลอตเตอรี่มากขึ้นเรื่อย ๆ ตามมูลค่าเงินรางวัลแจ็กพอตที่เพิ่มขึ้น
และถึงแม้ว่าเราจะเห็นโอกาสถูกรางวัลแจ็กพอตเพียงหนึ่งในหลายร้อยล้าน
แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะในปี 2021 นี้ แจ็กพอตของ Powerball ก็มีผู้ชนะรางวัลไปแล้วถึง 3 ครั้ง
ในขณะที่ Mega Millions ก็แจ็กพอตแตกถึง 2 ครั้ง เช่นกัน
เงินรางวัลที่มากที่สุดในปีนี้ของ Powerball คือ 22,000 ล้านบาท
ในขณะที่ Mega Millions มีจำนวนมากถึง 31,500 ล้านบาท
ทั้ง 2 ครั้งเป็นการออกรางวัลที่ห่างกันเพียง 2 วันเท่านั้น
อีกเรื่องที่น่าสนใจก็คือวิธีการให้รางวัล ที่บอกแบบนั้นก็เพราะว่ามันมีเงื่อนไขอยู่ว่า หากเราอยากรับเงินรางวัลเต็มจำนวน เราก็จะได้รับเป็นการแบ่งจ่ายเงินรางวัลออกเป็นปี ปีละ 1 งวด ทั้งหมดมี 30 งวด
แต่ถ้ารับทีเดียวทั้งก้อนทันที เราก็จะได้รับเงินรางวัลเพียง 1 ใน 3 ของมูลค่าทั้งหมด
ทีนี้ก็น่าจะมีคนสงสัยว่าแล้วเงินที่ได้จากการขายลอตเตอรี่จำนวนมหาศาลนี้ถูกเอาไปทำอะไร ?
หลังจากหักค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้ว เงินที่เหลือจะถูกส่งมอบให้กับส่วนกลางของแต่ละรัฐ
โดยแบ่งตามสัดส่วนยอดขายที่แต่ละรัฐทำได้ ซึ่งเงินดังกล่าวจะถูกนำไปใช้เพื่อสาธารณประโยชน์
เช่น สร้างถนน ปรับปรุงโรงเรียน สนับสนุนกองทุนต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมของรัฐ
หรือแม้แต่การสนับสนุนโครงการบำบัดผู้ที่ติดการพนัน
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รางวัลแจ็กพอตใหญ่สุดที่เคยมีผู้ได้รับเป็นของรายการ Powerball ในปี 2016 ด้วยมูลค่ากว่า 47,500 ล้านบาท แต่กลับมีผู้ถูกรางวัลถึง 3 คน จาก 3 รัฐ ทำให้ต้องแบ่งเงินรางวัลเป็น 3 ส่วน เท่า ๆ กัน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.powerball.com/
-https://www.megamillions.com/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Powerball#cite_note-7
-https://en.wikipedia.org/wiki/Mega_Millions
-https://www.statista.com/statistics/388238/sales-of-lotteries-by-state-us/
-https://money.cnn.com/2016/05/01/news/largest-lottery-jackpots/index.html
-https://abcnews.go.com/US/mega-millions-lottery-lottery-money-states/story?id=58661412
power statistics 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
ทำไม ซาอุดีอาระเบีย ถึงอยากเป็น "The Next Germany" /โดย ลงทุนแมน
ซาอุดีอาระเบียติด Top 10 ประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุดในโลก
ทั้งที่มีประชากรเพียง 34 ล้านคน อยู่ในอันดับ 41 ของโลก
ทำให้เมื่อหารเฉลี่ยต่อหัวแล้ว ชาวซาอุดีอาระเบียจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก มากถึงปีละ 18.5 ตันต่อคน มากกว่าชาวเยอรมันถึง 2 เท่า
การปล่อยก๊าซที่เป็นผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมมาอย่างยาวนาน
ทำให้ประเทศเศรษฐีน้ำมันแห่งนี้ ต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่
โดยมุ่งหน้าสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนชั้นนำของโลก
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ต้องการที่จะลดการสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น
แต่เป้าหมายของซาอุดีอาระเบียคือการเป็นผู้ส่งออกพลังงานหมุนเวียน
โดยประเทศที่ซาอุดีอาระเบียอาศัยเป็นต้นแบบด้านพลังงานหมุนเวียนก็คือ ประเทศเยอรมนี
ถึงขนาดผู้นำประเทศประกาศว่า เป้าหมายของซาอุดีอาระเบีย
คือการเป็น “The Next Germany”
เรื่องนี้มีความน่าสนใจอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศที่มีปริมาณสำรองน้ำมันดิบกว่า 267,026 ล้านบาร์เรล
มากเป็นอันดับ 2 ของโลก ทำให้น้ำมันเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของซาอุดีอาระเบีย
กว่าร้อยละ 80 ของสินค้าส่งออกทั้งหมด
น้ำมันที่มีอยู่อย่างเหลือเฟือยังถูกนำมาใช้ในประเทศ ทั้งการขนส่ง และการผลิตกระแสไฟฟ้า
ซาอุดีอาระเบียผลิตไฟฟ้าจากน้ำมันเป็นสัดส่วนถึง 42% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด
ซึ่งเป็นไม่กี่ประเทศที่ผลิตไฟฟ้าจากน้ำมันในสัดส่วนสูงขนาดนี้
นอกจากน้ำมัน แหล่งพลังงานที่สำคัญในการผลิตไฟฟ้าของประเทศนี้ ก็คือก๊าซธรรมชาติอีกราว ๆ 57.8%
เท่ากับว่า การผลิตไฟฟ้าในประเทศซาอุดีอาระเบีย จะมาจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเกือบ 100%
ซึ่งแน่นอนว่า เป็นการสร้างปัญหามลภาวะในอากาศ โดยเฉพาะการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาในระหว่างกระบวนการผลิต
พอเรื่องเป็นแบบนี้ ซาอุดีอาระเบียจึงต้องการเปลี่ยนแปลงมาใช้พลังงานหมุนเวียน
และพลังงานสะอาดเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งยังรวมไปถึงการส่งออกพลังงานดังกล่าวเพื่อสร้างรายได้มาชดเชยรายได้จากการส่งออกน้ำมันที่ในอนาคตมีแนวโน้มที่จะลดลง
และประเทศซึ่งเป็นต้นแบบของพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดที่ประสบความสำเร็จ
จนซาอุดีอาระเบียต้องการจะเดินรอยตาม จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “เยอรมนี”
เรื่องนี้ถึงขนาดทำให้ เจ้าชายมูฮัมมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารของซาอุดีอาระเบียถึงกับกล่าวว่า “ประเทศเราจะเป็นเหมือนกับเยอรมนี เมื่อพูดถึงการใช้พลังงานหมุนเวียน”
รู้ไหมว่า เยอรมนีเป็นประเทศอันดับต้น ๆ ของโลก ที่เชี่ยวชาญการใช้พลังงานหมุนเวียนหลากหลายประเภทเพื่อการผลิตไฟฟ้า ซึ่งนับเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว ที่สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียนของเยอรมนีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ปี 1990 สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน 3%
ปี 2005 สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน 10%
ปี 2020 สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน 45%
ถือได้ว่า พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในเยอรมนีในวันนี้ เกือบครึ่งมาจากพลังงานหมุนเวียน
และยังมาจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ชีวมวล และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ
เยอรมนีเป็นประเทศที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยในปี 2020 มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์กว่า 51 เทระวัตต์-ชั่วโมง (TWh)
สูงเป็นอันดับ 5 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ในยุโรป
และยังเป็นประเทศที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมสูงถึง 134.5 เทระวัตต์-ชั่วโมง (TWh) สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ในยุโรป
ที่น่าสนใจคือ ภายในปี 2050 รัฐบาลเยอรมันตั้งเป้าไว้ว่า
การผลิตไฟฟ้าภายในประเทศจะมาจากพลังงานหมุนเวียนทั้งหมด 100%
ความสำเร็จของอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนของเยอรมนี ล้วนเกิดจากการวางแผนที่ดี
การสนับสนุนและลงมือทำอย่างจริงจัง รวมไปถึงความร่วมมือกันระหว่างทั้งภาครัฐและเอกชน จนทำให้เยอรมนีได้รับการยอมรับจากหลายประเทศ ว่าเป็นหนึ่งในประเทศต้นแบบในด้านพลังงานหมุนเวียนที่หลายประเทศต้องการเดินรอยตาม ซึ่งรวมไปถึงซาอุดีอาระเบีย
สำหรับซาอุดีอาระเบียปี 2018 นั้น การผลิตไฟฟ้าในประเทศมาจากพลังงานหมุนเวียน
น้อยกว่า 1% ของแหล่งพลังงานทั้งหมด
พอเรื่องเป็นแบบนี้ จึงทำให้ซาอุดีอาระเบียตั้งเป้าที่จะผลิตไฟฟ้าด้วยการใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนให้ได้ 50% ภายในปี 2030
แต่การเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้ไปถึงสัดส่วนดังกล่าว
นอกจากการศึกษากระบวนการทำงานของประเทศต้นแบบที่ประสบความสำเร็จแล้ว ซาอุดีอาระเบียจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมหาศาล
รัฐบาลของซาอุดีอาระเบียตั้งเป้าหมายว่า ในช่วงระหว่างปี 2020-2023
ซาอุดีอาระเบียจะลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านล้านบาท
ปัจจุบันซาอุดีอาระเบียได้ก่อสร้างโครงการพลังงานลมที่ชื่อว่า The Dumat Al Jandal
ซึ่งเป็นโครงการพลังงานลมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง
นอกจากนี้ รัฐบาลของซาอุดีอาระเบียยังวางแผนที่จะพัฒนาโครงการ Green Hydrogen ซึ่งนับเป็นโรงงานผลิตไฮโดรเจนสะอาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งโครงการนี้มีมูลค่าโครงการสูงกว่า 2.1 แสนล้านบาท
Green Hydrogen นั้นเป็นการผลิตไฮโดรเจนโดยการแยกน้ำด้วยไฟฟ้า ที่ไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา และก๊าซไฮโดรเจนที่ได้จะถูกนำไปผ่านเซลล์เชื้อเพลิงเพื่อเป็นแหล่งพลังงานในการผลิตกระแสไฟฟ้าต่อไป ซึ่งรัฐบาลของซาอุดีอาระเบียวางแผนที่จะส่งออกไฮโดรเจนสะอาดไปขายยังตลาดโลกอีกด้วย
ซึ่งการลงทุนดังกล่าวนั้น นับเป็นหนึ่งในแผนภายใต้ Vision 2030 ที่เป็นนโยบายหนึ่งของการพัฒนาซาอุดีอาระเบียไปสู่ยุคสมัยใหม่ ที่ต้องการลดการพึ่งพาน้ำมัน
เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ จากประเทศที่มีรายได้จากการส่งออกน้ำมันในปี 2019
กว่า 6 ล้านล้านบาท เป็นหนึ่งในประเทศที่มั่งคั่งที่สุดของโลก
แต่เมื่อแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศเริ่มลดลงเรื่อย ๆ
ซาอุดีอาระเบียก็ต้องปรับตัวให้ทันตามกระแสโลก
และที่สำคัญคือ การกระจายความเสี่ยง ไม่ให้พึ่งพาพลังงานใดพลังงานหนึ่งมากเกินไป..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://en.wikipedia.org/wiki/Energy_in_Saudi_Arabia#:~:text=Electricity%20generation%20is%2040%25%20from,to%20120%20GW%20by%202032
-http://www.nst.or.th/powerplant/pp04.html
-https://www.arabnews.com/node/1801291/business-economy
-https://ourworldindata.org/renewable-energy
-https://www.cleanenergywire.org/factsheets/solar-power-germany-output-business-perspectives
-https://en.wikipedia.org/wiki/Solar_power_by_country
-https://www.ucsusa.org/resources/each-countrys-share-co2-emission
-https://energy.economictimes.indiatimes.com/news/renewable/worlds-top-10-countries-in-wind-energy-capacity/68465090#:~:text=China%20has%20a%20installed%20capacity,larger%20than%20its%20nearest%20rival.&text=The%20US%20comes%20second%20with%2096.4%20GW%20of%20installed%20capacity.
-https://sustainabledevelopment.un.org/index.php?page=view&type=99&nr=24&menu=1449#:~:text=Supply%20by%202050-,Germany%20has%20promised%20to%20transform%20its%20electricity%20supply%20to%20100,by%202050%20from%201990%20levels
-https://www.rechargenews.com/energy-transition/we-will-be-pioneering-saudi-arabia-reveals-50-renewables-goal-by-2030-but-is-that-realistic-/2-1-954094
-https://www.greentechmedia.com/articles/read/us-firm-unveils-worlds-largest-green-hydrogen-project#:~:text=Energy-,World%27s%20Largest%20Green%20Hydrogen%20Project%20Unveiled%20in%20Saudi%20Arabia,gigawatts%20of%20Saudi%20renewable%20electricity.&text=Massive%20green%20hydrogen%20facility%20would,Neom%20%22smart%20city%22%20project
-https://www.ammoniaenergy.org/articles/saudi-arabia-to-export-renewable-energy-using-green-ammonia/#:~:text=Last%20week%2C%20Air%20Products%2C%20ACWA,to%20be%20operational%20by%202025.
-https://www.statista.com/statistics/223231/opec-net-oil-export-revenue-streams-by-country/#:~:text=Saudi%20Arabia%20is%20the%20largest,Iraq%27s%2087%20billion%20U.S.%20dollars
power statistics 在 CarDebuts Youtube 的最佳貼文
? คลิปรถใหม่ 2019-2020 มาแล้วครับ คลิกที่นี่ https://www.youtube.com/channel/UCSebcviE-UeYMxVRNozwqtw/videos
2018 Isuzu D-MAX 1.9 & 3.0 Ddi BluePower debut in Thailand & prices
THE ULTIMATE EXTERIOR
The Ultimate Exterior is a testament to Isuzu’s advanced design capability that has transformed its visual appearance into the ultimate exterior for the Isuzu pickup once again. Under the Sharp/ Aggressive/ Solid design concept which uses continuous lines displaying power, aggression, sporty, style to deliver futuristic results that complements the newly designed front grille. And yet another industry first for the pickup industry…New! The newly designed Bi-LED headlamps featuring advanced illumination technology for 63% more brightness and less energy consumption along with Multifunctional Daylight for improved illumination during daytime while working as dimmer lights at night time; the new headlamp has a 4-level adjustable feature to reflect the innovative capability of the pickup of the future in the truest sense.
THE ULTIMATE INTERIOR
Prepare to experience the Ultimate Interior that features the perfect interior cabin area that will deliver the ultimate driving experience with new functions and features which are more user-friendly and will elevate a new level of luxury and a futuristic appearance in every dimension thanks to its abundant space and ambience beyond others.
THE ULTIMATE ENTERTAINMENT
Featuring more advanced functions with the ultimate Entertainment system for a most pleasant journey to every destination. An experience like no other, unique, comfortable for a lifestyle that is beyond others.
• New! Isuzu iConnect with Built-in Navigator for every journey transformed into a simple pleasurable experience with an 8-inch monitor display that is modern and user-friendly, fast response, and the Air Mirroring system that provides wireless connectivity with your smart phone (only for models that accommodates the technology) via the Wi-Fi Dongle and can be used for CD/DVD/MP3/WMA/AAC and USB along with smart phone and compatible with MP3 or Flash Drive in addition to connectivity with phone system and Blue Tooth audio function for listening to music.
You will experience the Ultimate Technology in intelligent drive innovation through the “Isuzu Insight”…the one and only technology by Isuzu that has been developed into a new application capable of downloading Isuzu Insight driving data via the Isuzu iConnect system through Bluetooth which accommodates both iOS and Android technology for the most efficient driving experience, safety and fuel efficiency.
THE ULTIMATE POWER
The Ultimate Power by one of the automotive industry’s most important innovations in engine technology that will change the world! A Diesel engine which displaces 1,900 cc is by far the first of its kind in the world. This advanced diesel technology was developed under the “The Power of Less” concept in order to achieve a new industry standard that surpassed previous statistics, possessed excellent performance levels, delivered superb fuel efficiency, durability at its best and is environment-friendly by showing low CO2 ratings of 161 grams/kilometer – the lowest rating of any vehicle in its class. Adding impeccable credibility to its quality is its EURO 6 standard.
The “New! Isuzu D-Max Blue Power” is available in the following models:
• The ultimate innovation in the guise of the “Isuzu 1.9 Ddi Blue Power” 1,900 cc engine has received overwhelming market response and Thai motorists which was achieved mainly in part to its superb performance takes to its 150 hp and maximum torque of 350 Nm for the best performance levels of all aspects in its class.
• And another alternative for an exciting ride that needs a lot of power is the “Isuzu 3.0 Ddi Blue Power” 3,000 cc 177 hp with maximum torque of 380 Nm.
• The ultimate power train innovation highlighted by a 6-speed transmission with 2 Overdrive ratios at the 5th and 6th gears available in both the manual and automatic transmission models; both models have transmission systems that were designed specifically to transfer every aspect of the abundant power delivered by the power source of the Isuzu 1.9 Ddi Blue Power on to actual daily usage at its optimal efficiency. The Isuzu 5-speed Manual model is capable of power with the efficiency for every type of job requirement in the Isuzu 3.0 Ddi Blue Power with the Genius Sport Shift display feature which tells the driver the position of the gear ratio and also tells the driver to change gears at the optimal engine revolution and vehicle speed for enhanced efficiency and fuel savings.
“New! Isuzu D-Max 1.9 and 3.0 Ddi Blue Power” is offered in many model selections to meet various types of job requirements, available in 8 body colors consisting of 3 brand new colors made up of Etna Red, Zermatt Silver and Polynesian Blue.
power statistics 在 What Is Power? | Statistics Teacher 的相關結果
Power is the probability that a test of significance will detect a deviation from the null hypothesis, should such a deviation exist. Power is ... ... <看更多>
power statistics 在 Power of a test - Wikipedia 的相關結果
In the context of binary classification, the power of a test is called its statistical sensitivity, its true positive rate, or its probability of detection. ... <看更多>
power statistics 在 A Gentle Introduction to Statistical Power and Power Analysis ... 的相關結果
Statistical power, or the power of a hypothesis test is the probability that the test correctly rejects the null hypothesis. That is, the ... ... <看更多>