กล้อง 𝐌𝐞𝐝𝐢𝐮𝐦 𝐅𝐨𝐫𝐦𝐚𝐭 คืออะไร? ทำไมต้อง 𝐌𝐞𝐝𝐢𝐮𝐦 𝐅𝐨𝐫𝐦𝐚𝐭?
กล้อง Medium Format หรือกล้องขนาดกลางนั้น เมื่อก่อนจะหมายถึงอุปกรณ์ถ่ายภาพนิ่งด้วยฟิล์มรูปแบบหนึ่ง แต่ในปัจจุบันนั้น คำนี้ไม่ได้ถูกจำกัดแค่ฟิล์ม ซึ่งรวมทั้งกล้องฟิล์ม และ กล้องดิจิตอลที่สามารถบันทึกภาพลงบนฟิล์ม หรือ เซนเซอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่า 24มม x 26มม (หรือที่เรียกกันว่า fullframe) แต่ต้องมีขนาดไม่ใหญ่ไปกว่า 4นิ้วx5นิ้ว (ถ้าเกิน 4x5 ขึ้นไป จะเรียกว่า Large Format ที่จะมาพูดถึงในโอกาสต่อไป)
ในโลกของกล้องฟิล์มนั้น กล้อง Medium Format ได้ลดตัวจากกล้องรูปแบบที่คนนิยมใช้กันมากที่สุด ในช่วงปี 1900-1950 ซึ่งใครๆก็เลือกใช้ เรียกได้ว่าเป็นถ้าพูดถึงกล้องในยุคนั้นก็ต้อง medium นี่แหละ มาเหลือเป็นเพียงกล้องที่ใช้กันในวงแคบลง คือในกลุ่มช่างภาพอาชีพ และช่างภาพที่ชื่นชอบในกล้องรูปแบบนี้เพียงกลุ่มเล็กๆเท่านั้น
เมื่อก่อน ฟิล์มสำหรับกล้อง Medium Format มีให้เลือกใช้หลายขนาด แต่ในทุกวันนี้ลดมาเหลือเพียงขนาด 6ซม. 120 และ 220 ที่พอจะเห็นกันได้ และมักจะพบได้ส่วนใหญ่คือ 120 ในบ้านเรา
จะว่าไปเจ้ากล้อง Medium Format ซึ่งให้ภาพที่มีคุณภาพและรายละเอียดสูงกว่ากล้อง 35มม ที่นิยมกันอยู่ทุกวันนี้มากพอสมควร นั้นถูกพัฒนาช้ากว่ากล้อง 35มม อยู่หลายขุม ยกตัวอย่างเช่นในกล้อง 35มม มีระบบ Autofocus หรือระบบหาโฟกัสอัตโนมัติมาตั้งแต่ช่วงปี 1970 แต่ในกล้อง Medium เพิ่งจะเริ่มมีก็ช่วงปี 1990 นู่น เรียกได้ว่าพัฒนาห่างกัน 20ปีทีเดียว แต่นั่นไม่ได้แปลว่ามันไร้การพัฒนาด้านคุณภาพ เพราะเลนส์ที่ดีมากๆในโลกนี้หลายตัวก็เป็นเลนส์ของกล้อง Medium นี่แหละ
ข้อได้เปรียบของ Medium Format เมื่อเทียบกับกล้อง 35มม ที่นิยมใช้กัน หลักๆก็คือขนาดของฟิล์มที่ใหญ่กว่า (2-6เท่า ขึ้นอยู่กับลักษณะของกล้องที่เราเลือกใช้) ซึ่งแปลว่าเราจะได้ภาพที่มีความละเอียดสูงกว่า สามารถขยายได้มากกว่าโดยที่ภาพจะแสดงเกรนออกมาน้อยกว่านั่นเอง
ขนาดภาพที่ได้จากกล้อง Medium Format นั้นต่างกันออกไปตามกล้องที่เราเลือกใช้ เช่น
- 6x6ซม หรือขนาด 1:1 พบในกล้องเช่น Hasselblad V series, Rolleiflex ฟิล์มขนาด120 ถ่ายได้ม้วนละ 12รูป
- 6x4.5ซม หรือ 4:3 พบในกล้องเช่น Mamiya645, Contax645 ฟิล์ม120 ถ่ายได้ 15-16รูป
- 6x7ซม พบในกล้องเช่น Pentax 67, Mamiya RB67 ฟิล์ม 120 ถ่ายได้ 10รูป
- 6x8ซม พบในกล้องเช่น Fuji GX680 ฟิล์ม 120 ถ่ายได้ 9รูป
- 6x9ซม พบในกล้องเช่น Fuji GW690 ฟิล์ม 120 ถ่ายได้ 8รูป
- 6x12ซม พบในกล้องเช่น Horseman SW612 ฟิล์ม 120 ถ่ายได้ 6รูป
- 6x17ซม พบในกล้องเช่น Linhof Technorama 617 ฟิล์ม 120 ถ่ายได้ 4รูป
ซึ่งในความเป็นจริงแล้วอาจจะมี ratio มากกว่านี้ แต่ขอยกตัวอย่างเอามาเท่าที่เคยได้เห็นผ่านตานะครับ
ทุกวันนี้ สำหรับคนที่รักและหลงไหลในการบันทึกภาพด้วยกล้องฟิล์ม น่าจะหาโอกาสลองใช้กล้อง Medium Format กันสักครั้ง เนื่องด้วยราคากล้องที่ความนิยมลดลงเหล่านี้ เรียกได้ว่าถูกลงมากๆเมื่อเทียบกับแต่ก่อนหลายเท่าตัว บางตัวจากที่เคยราคาเป็นแสน ทุกวันนี้หามาใช้ได้ในราคาไม่ถึงหมื่นก็มี
ผมได้รวบรวมภาพถ่ายจากกล้อง Medium Format ที่ผมได้ถ่ายไว้บางส่วนรวมถึงหน้าตาฟิล์ม 120 มาลงให้ชมกันด้วย ส่วนใครใช้กล้องขนาดกลางเหล่านี้อยู่ ก็อย่าลืมเอามาโพสให้ชมกันบ้างนะครับ 🖤
rolleiflex 35 在 [心得]初心者玩rolleiflex 心得- 看板photo - 批踢踢實業坊 的推薦與評價
最近很多朋友都想找TLR之王 ROLLEIFLEX來玩
那我這初心者就分享一下比較容易入手的ROLLEIFLEX心得
比較容易入手的
就是3.5 跟 2.8系列
(比較不常見的 3.5C 2.8A 2.8B 我就不多加描述)
如果以ebay來說 (大概單機的結標價)
300-350 美金可以買到
3.5A 3.5B
400-500 美金可以買到
3.5T
500-600 美金可以買到
3.5E
550-750 美金可以賣到
2.8C D
800-900 美金可以買到
2.8E
900-1100 美金可以帶到
3.5F
1100-1400 美金可以買到
2.8F
台灣大概是
3.5A B 14000-18000
3.5T 18000-25000
3.5E 23000-25000
2.8C D 23000-26000
2.8E 28000-35000
3.5F 30000-35000
2.8F 38000-47000
台灣賣比較貴是因為大部分風險 已經由賣家幫你承擔了 就看你敢不敢衝囉
容易常見的各款差異
3.5A 鏡頭採用的是Ziess 是Tessar T* 75/3.5 Schneider是Xenar 快門鈕是用扣的
對焦軸是黑頭 背帶是扣環式的 自拍器為圓型撥鈕 向右撥就是上弦
3.5B 鏡頭採用的是Ziess 是Tessar (開始沒有T*) 75/3.5 Schneider是Xenar
快門鎖改為撥鈕式 閃燈插孔也改撥鈕式
光圈鈕也有設計為可連動模式
對焦軸改成可以記錄是用哪種底片的
3.5E 鏡頭改採用的 Ziess 是Planar 75/3.5，Schneider是 Xenotar
又分為有測光版本跟無側光板
有測光板的就是把對焦軸頭改為追針式測光頭 銘牌下多加了有測光元件
無測光板 對焦軸頭不變 銘牌下多加了快黑色擋板
背帶卡榫改為剪刀腳式
3.5 F 採用鏡頭不變
將原本下蓋式腰平改成 壓左右就可折疊起來 並在機頂加上公司LOGO(我超愛這個)
要更換對焦屏也方便許多只要搬下腰屏左右的鈕就可以 滑出腰平 更換對焦屏
還有 將原本追針式測光改為 將調整快門 將紅色指針重疊黑色指針位子就可以正確曝光
對焦軸後面圓盤則是為設定iso
2.8C 為Ziess 是Planar 80 /2.8，Schneider是 Xenotar 80 /2.8
右邊撥鈕為自拍器撥鈕 左邊撥鈕為M X設定鈕
對焦軸後面有預設裝上135套件 可使用的36張計數器
光圈快門鈕 為金屬邊防勿觸鈕 要壓下才可以調整
無光圈快門連動模式
快門鎖跟閃燈插槽為塑膠制 有壞掉不能修的風險
還有鏡頭與底片室連接採布幕設計 可能有破損漏光的風險 不過台灣師傅可以處理
背帶為扣環式
2.8D 為Ziess 是Planar 80 /2.8，Schneider是 Xenotar 80 /2.8
光圈快門鈕 改回無誤觸式 有光圈快門連動模式
快門鎖與閃燈插槽改為撥鈕式
鏡頭與底片室連改回金屬設計
MX設定鈕改為在右邊自拍器撥鈕那
2.8E 鏡頭改採用的 Ziess 是Planar 75/3.5，Schneider是 Xenotar
又分為有測光版本跟無測光板
有測光板的就是把對焦軸頭改為追針式測光頭 銘牌下多加了有測光元件
無測光板 對焦軸頭不變 銘牌下多加了快黑色擋板
還有可以自行更換背蓋 將背蓋連接處的鈕撥起就可以將背蓋拿下
背帶卡榫改為剪刀腳式
2.8F 採用鏡頭不變 取消36計數器
將原本下蓋式腰平改成 壓左右就可折疊起來 並在機頂加上公司LOGO(我超愛這個)
要更換對焦屏也方便許多只要搬下腰屏左右的鈕就可以 滑出腰平 更換對焦屏
還有 將原本追針式測光改為 將調整快門 將紅色指針重疊黑色指針位子就可以正確曝光
對焦軸後面圓盤則是為設定iso
3.5T 我沒放在3.5區 是因為他算是跟3.5F 2.8F一樣後期產品 只是因為他訂位為平價版ROLLEIFLEX
鏡頭採用的是Ziess 是Tessar 75/3.5 Schneider是Xenar
腰平也是使用新型腰平
光圈快門預設為連動式 如果要單獨調整光圈要將右邊撥鈕向上提起才可以單獨調整
自拍器為左邊撥鈕向上撥就可以上弦
快門鎖改為扣式 向下扣就變成鎖上模式
有些2.8F有可以設定為120 or 220底片 哪些我就不多做介紹了
還有些使用3.5F 2.8 F T的朋友 會問什麼沒有B快門
因為只要將轉1秒之後的快門會出現綠色的數字 就可以當B快門用了
鏡頭部分 小弟駑鈍 不懂 只好麻煩前輩們指點
但是我不太愛TESSAR 散景太旋 我會過敏 哈
---------------------------------------------------------------------------------
配件區
如果有些朋友已經有了 rolleiflex 想買配備又不知道型號 跟卡口
請看銘牌上面有個數字 rolleiflex T 2.8E2 E3 3.5E2 都是看拍攝鏡頭下面的數字來查
上面都有可以查 https://www.rolleiclub.com/cameras/tlr/info/serial_numbers.shtml
卡口分類
BAY I
Rolleicord I型
Rolleiflex 3,5
Rolleiflex 3,5 A
Rolleiflex 3,5 B
Rolleiflex T type 1
Rolleiflex T type 2
Rolleiflex 4 x 4
一般日系機種 (MAMIAYA 除外 )
BAYII
Rolleiflex 3.5 C/E
Rolleiflex 3.5 F I型
Rolleiflex 3.5 F II型
Rolleiflex 3.5 F III型
Rolleiflex 3.5 E2
Rolleiflex 3.5 E3
Rolleimagic
Rolleimagic 2
Rolleicord (II型以後)
BAYIII
Rolleiflex 2.8( B,C,D,E,F,GX,FX)
如果有預算的建議買近攝片
型號 對焦距離（公尺）
Rolleinar I 100cm～45cm
Rolleinar II 50cm～31cm
Rolleinar III 32cm～24cm
BAY1,II,III 都有出
一般會建議買1號 因為拍人半身好用!
BAY III Rolleinar I 號也有類似的 Rolleinar 0.35 是採掀蓋式 還可以當保護鏡用
老鏡怕耀光 也建議買一個遮光罩
ROLLEIFLEX 也有出 不過略貴一點
如果想省錢也有出副廠的
我想差異是在爽度那邊 如果不缺錢 就買原廠的 爽度有差!
和尚頭 眼平
方便快速對焦 但是不輕!!
也很容易撞凹
小心服用
扣環式背帶比較少見 建議連機子一起購入比較方便
剪刀腳式的就方便多了 也有副廠可以挑選
如果買原廠的 建議小心點 因為老了 可能會斷裂
最後在我敗家的路上 很感謝 落山風大哥的網誌 老機論壇的前輩 還有ptt的一些朋友
讓我敗得更徹底 也比較不會買錯
以上謝謝觀賞
--
※ 發信站: 批踢踢實業坊(ptt.cc)
◆ From: 125.233.4.229
※ jirohsu:轉錄至看板 Lomo 03/25 22:07
... <看更多>