關於 squidmanexe ，我們在網路上蒐集到這些相關的討論、資訊與評價

นมเย็น 1 ส่วน กาแฟ 1 ส่วน ก็อร่อยดีจากการดื่มกาแฟนมได้เหมือนกัน...

สูตรนี้ลองทำดื่มเองมาหลายวันพอควร และคิดว่าสำหรับคนที่ไม่ชอบดื่มกาแฟร้อนมาก, ชอบกลิ่นของกาแฟ แต่ไม่ชอบรสของกาแฟดำ ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากใส่น้ำตาลลงไป...

ปกติผมชอบดื่มกาแฟประมาณ 2 ช็อตก่อนทำงาน ช่วงสายขึ้นไป บางทีมีเอานมร้อนมาผสมบ้าง หรือไม่ก็ตีฟองนมผสมบ้าง แต่รอบนี้ลองทำแบบเร็ว ๆ ง่าย ๆ และใช้เครื่องกดกาแฟแบบ Espresso Machine (ที่ผมซื้อเดือนที่แล้ว https://www.facebook.com/SquidManExE/posts/397706385054053) สาเหตุที่ชอบเพราะมันทำดื่มง่าย และล้างทำความสะอาดง่ายดี...

วิธีทำก็แค่เทนมเย็น ๆ ลงไป ส่วนนึง ให้เท่ากับกาแฟที่จะต้องใส่ลงไปผสม (แก้วผมมีขนาดเล็กก็ใส่ครึ่งแก้ว พอกดกาแฟลงมาก็พอดีกัน) ถ้าชอบนมมากกว่านี้ใส่เยอะหน่อยก็ได้...

ข้อดีคือกาแฟด้านบนจะอุ่น ๆ หน่อย ไม่ร้อน พอค่อย ๆ ดื่ม ส่วนที่เป็นนมข้างล่างก็จะค่อย ๆ ผสมมาอย่างละครึ่ง จนถึงช่วงก้นแก้วอึกสุดท้ายจะเป็นนมที่ยังเย็นอยู่ จังหวะสุดท้ายนมจะไม่มีกาแฟผสมเลยทำให้รู้สึกว่ามันหวานมาก (ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ใส่น้ำตาล)...

ถ้าเน้นดื่มเร็วผมชอบเพราะมันไม่ต้องเสียเวลาให้กาแฟคลายร้อนนานเกินไป ในวันที่ไม่ได้อยากดื่มกาแฟแบบ Espresso และก็ไม่ใช่กาแฟเย็นแบบผสมน้ำแข็ง ดื่มแก้วเดียวจบแล้วไปทำงานต่อได้...

ใครมีวิธีดื่มกาแฟผสมนมแบบไหนบ้างลองมาแนะนำกันได้ครับ...

*Disclosure: เนื้อหานี้ ถ่ายทำจากประสบการณ์ตรงของผู้กินด้วยตัวเอง และไม่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานใด ๆ ...

วัดค่า TDS ของน้ำ ที่ได้จากเครื่องกรองน้ำ RO ที่ซื้อมาใช้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว, เทียบกับน้ำประปา และน้ำทิ้งที่ไหลออกจากเครื่อง (*ได้โปรดอ่านถึงเรื่องที่อธิบายว่าค่า TDS ต่ำไม่ได้แปลว่าน้ำนั้นจะสะอาดดื่มได้ หรือน้ำดื่มค่า TDS สูงแปลว่าน้ำนั้นดื่มไม่ได้ด้วยครับ)...

เมื่อวานผมได้เครื่องวัดค่า TDS (Total Disolved Solids หรือค่าของแข็งที่ละลายในน้ำ) ที่สั่งมาตั้งแต่ 9.9 มาใช้แล้ว (โพสต์รีวิวเครื่องวัด : https://www.facebook.com/SquidManExE/posts/400396011451757) ก็นึกได้ว่าตั้งใจจะเอามาวัดกับเครื่องกรองน้ำในบ้าน (โพสต์รีวิวเครื่องกรองน้ำ : https://www.facebook.com/SquidManExE/posts/395178181973540) ว่าสามารถกรองสารแขวนลอยที่อยู่ในน้ำได้จริงหรือไม่ วันนี้ก็เลยเอามาวัดค่ากันดูครับ...

โดยวัดค่า TDS จากน้ำประปาก่อน ซึ่งผลก็คือประมาณ 117 ซึ่งเช็คที่บ้านอีกหลังที่อยู่ห่างกันเกือบ 1 กิโลเมตร ก็ได้ค่าใกล้เคียงกัน (ประมาณ 113-115) ซึ่งถ้าตามที่กระทรวงสาธารณสุข ก็ยังระบุไว้ว่า ค่าระหว่าง 50-150 PPM เหมาะสำหรับดื่มได้ในระดับแรกเลย...

แต่เมื่อเทียบกับน้ำดื่มที่วัดจากขวดน้ำดื่มที่เพิ่งเปิดจะได้ค่าราว ๆ 10 - 11 ก็ถือว่าสะอาดกว่าน้ำประปาไปอีกขั้นนึง...

ทีนี้ผมก็เลยมาวัดค่า TDS ของน้ำที่ออกจากเครื่องกรอง ฝั่งกดน้ำดื่มเลย วัดค่าได้ 8 - 9 จากเครื่องวัด ที่มีอยู่ในมือทั้งสองเครื่อง แน่นอนว่า อีกฝั่งที่เป็นก๊อกสำหรับกรอกน้ำขวดก็วัดค่าได้เท่ากัน เพราะออกมาจากแทงค์เก็บน้ำสะอาดเหมือนกันนั่นเอง...

ทีนี้ผมเองก็สงสัยว่า เครื่องกรองน้ำ RO นี้ มีช่องปล่อยน้ำเสียออกมาด้วย รวม ๆ แล้ววันนึงก็มีปริมาณพอสมควรอยู่ จนต้องเอาถังน้ำมารองไว้เพื่อนำไปรดน้ำต้นไม้ต่อ ว่าเอ๊ะ น้ำเสียเนี่ยจริง ๆ มันคุณภาพไม่ดีหรือว่ามีสิ่งปนเปื้อนกว่าน้ำประปาจริงหรือ หรือว่าจริง ๆ แล้วเป็นแค่น้ำที่ล้นออกมาเฉย ๆ ก็เลยเอาเครื่องวัดไปวัดดู และก็พบว่าค่า TDS ช่วงที่ เครื่องกำลังทำน้ำและปล่อยน้ำเสียออกมา ค่า TDS จะอยู่ที่ประมาณ 240 - 241 ซึ่งถือว่าเยอะกว่าน้ำประปาปกติเกินกว่าเท่าตัวนึง (แต่ก็ยังอยู่ในระดับดื่มได้เป็นอันดับรองจากน้ำประปาจากก๊อก)...

สรุปจากการทดลองนี้ก็พอเห็นได้ว่า เครื่องกรองน้ำนั้นมีประสิทธิภาพพอที่จะกรองน้ำประปาให้กลายเป็นน้ำดื่มได้ในระดับที่ดีใกล้เคียงกับน้ำดื่มแบบขวดที่ซื้อจากร้านค้า...

แต่ขณะเดียวกันเครื่องกรองประเภทนี้ก็จะผลิตน้ำเสียทิ้งออกมาด้วยทำให้ต้องหาถังมารองไว้ใช้ต่อ (บางคนก็นำไปซักล้าง หรือรดน้ำต้นไม้) หรือบางคนก็ต่อท่อทิ้งลงท่อน้ำทิ้งต่อไปเลย...

ซึ่งก็ถือว่าเป็นเครื่องกรองน้ำดื่มระดับใช้ในบ้านที่พอจะไว้ใจได้ในการใช้งานครับ เพียงแต่ถ้าทำน้ำดื่มกรอกใส่ขวดไปเกิน 4 ลิตร อาจจะต้องรอประมาณ 5 นาทีเพื่อกรองน้ำให้กลับมาเต็มถังอีกที...

เครื่องกรองน้ำ RO 5 ขั้นตอนสำหรับใช้ในบ้าน ผมซื้อมาจากร้านใน Shopee ราคา 3,299.- ครับ…
> https://shp.ee/39hhz9f (3,299.-)

ส่วนช่องทางอื่นของเครื่องกรองน้ำแบบนี้...
Lazada > https://bit.ly/3kPxOiW (2,999.-)
JD Central > https://u.jd.co.th/tqtG03f (3,259.-)

และเครื่องวัดวัดคุณภาพน้ำ Digital Electric TDS/EC/PH Meter Tester พร้อมแบตเตอรี่ ผมสั่งมาจาก Shopee ตามนี้เลยครับ...
> https://shp.ee/ddcqtf9
1. TDS Meter (55.-)
2. TDS & EC (90.-)
3. pH Meter (125.-)
4. ซื้อเป็นชุดรวม 3 ตัว (260.-)

*Disclosure: เนื้อหานี้ เขียนจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน และไม่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานใด ๆ ...

ประสบการณ์หาทำ เครื่องชงกาแฟ Espresso แบบพกพา Mirage Staresso SP-300 Gen 3 ทำ Espresso ที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีกาแฟบด และมีน้ำร้อน ก็พร้อมที่จะกางออกมาทำกาแฟช็อตแบบอร่อย ๆ ได้แล้ว...

วันก่อนที่รีวิวเครื่องทำกาแฟ Espresso Machine (https://www.facebook.com/SquidManExE/posts/397706385054053) แล้วมีคนป้ายยาอันนี้มาในคอมเมนต์ ด้วยความที่พอจะเคยเห็นอยู่บ้าง บวกกับความดูเป็น Gadget ขนาดเล็กพกพาได้ พับเก็บได้ ก็เลยสั่งมาลองใช้งานดูครับ...

ในกล่องหลัก ๆ ให้อุปกรณ์มาพร้อมชงกาแฟได้เลย และมีคู่มือมาด้วย พอจะดูประกอบการใช้งานครั้งแรกได้ไม่ยาก แต่อาจจะดูมีอุปกรณ์หลายชิ้นตอนถอดแยกหรือประกอบเท่านั้นเอง...

เวลาพับเก็บผมชอบที่มันจะเหมือนกระบอกทรงแคปซูลที่มีฐานตั้งวางบนชั้นก็ดูสวยดี เวลาเก็บก็ไม่เกะกะ เวลากางออกมาใช้งานก็ดูมั่นคงแข็งแรง งานประกอบค่อนข้างหนา และจับได้มั่นคง...

เวลาใช้งาน ก็ถอดตรงก้นที่เป็นถ้วยกาแฟมาวางรอไว้ก่อน ข้างในจะมีก้วนถ้วยอีกทีนึงถอดมามี ถ้วยใส่กาแฟบดลงไป เสร็จแล้วจะใช้ช้อนที่ให้มาในกล่องเกลี่ยหน้ากาแฟให้เรียบ (เคยดูบางช่อง ใช้แท่นกดของเครื่องมากดแทน) แล้วประกอบเข้าไปให้เรียบร้อย (เช็คฟิลเตอร์ทั้งบนล่างว่ายังอยู่ที่เดิมตามที่มาแต่ต้น (ไม่งั้นกดแล้วจะไม่มีแรงดันในเครื่อง))...

เสร็จแล้วเปิดฝาด้านบนออก เท "น้ำร้อน" ลงไปตามปริมาณที่ต้องการ (ข้างในจะมีขีดบอกระดับน้ำอยู่ 30ml. , 60ml. และ Max) แล้วปิดฝา...

เช็คตรงก้นถ้วยใกล้ ๆ ช่องจ่ายกาแฟอีกที จะมีตัวปรับแรงดันอยู่ ขีดแน่นมากใช้แรงดันมาก ขีดต่ำสุดแรงดันไม่มากน้ำก็ไหลออกมา...

ด้านบนฝาเครื่องจะสามารถหมุนก้านปั๊มออกมาได้ ตอนหมุนออกมาผมชอบมากเลย เหมือนพวกหุ่นยนต์แปลงร่าง แล้วกดปั๊มลงไปไม่ต้องออกแรงเยอะ เพราะการปั๊มแต่ละครั้งจะค่อย ๆ สร้างแรงดันในกระบอกทำกาแฟไปเรื่อย ๆ ....

พอแรงดันถึงระดับ ก็จะดันน้ำน้ำร้อนไหลผ่านกาแฟออกมา เหมือนเครื่องทำกาแฟ Espresso เลย คือมีชั้นโฟมของกาแฟออกมาด้วยช่วงแรก ๆ ตามด้วยน้ำกาแฟ ช่วงนั้นถ้าปั๊มได้ก็ปั๊มไปเรื่อย ๆ เพราะพอน้ำหมดมันก็ไม่สามารถสร้างแรงดันได้อีกต่อไป...

แต่ว่าถ้าน้ำเริ่มออกมาน้อย ไม่ควรปั๊มต่อ เพราะกาแฟจะถึงระดับ Over Extraction ทำให้น้ำกาแฟมีรสขมมากกว่าที่ควรเป็น และทำให้รสชาติของกาแฟไม่อร่อย รวมถึงกาแฟที่ปั๊มออกมาก่อนหน้านั้นจะเริ่มหายร้อนซะก่อน ระหว่างนั้นดึงแก้วกาแฟออกมาดื่มได้เลย (หากระดาษหรืออะไรมารองแทนแก้วกาแฟด้วย เพราะมันจะยังมีแรงดันค้างทำให้น้ำหกออกมาเลอะโต๊ะ)...

หลังจากดื่มกาแฟอย่างมีความสุขแล้ว ก็ค่อยมาเก็บล้าง โดยการเอาแก้วไปรองที่ก้นเครื่อง หมุนตัวปรับแรงดันก้นแก้วนิดหน่อย หรือหมุนออกมาจนหมดเลยก็ได้ แล้วปั๊มต่อให้น้ำที่ค้างในเครื่องออกมาจนหมด (เพื่อเวลาแกะเครื่อง จะไม่หกเลอะเทอะ และกากกาแฟไม่ฉ่ำน้ำจนพลาดไหลกระจายได้)...

พอปั๊มน้ำจนคิดว่าไม่มีน้ำไหลออกมาแล้ว ก็ค่อย ๆ ถอดถ้วยกรองกาแฟออกมาเคาะกากกาแฟออก ถ้าขั้นตอนข้างบนรีดน้ำออกดี กากกาแฟจะเคาะออกมาเป็นก้อนคล้าย ๆ คุกกี้ไม่เละเอาไปกำจัดต่อได้สะดวก มีคราบติดถ้วยกรองน้อย...

หลังจากนั้นก็ถอดอุปกรณ์ทั้งหมด แยกฟิลเตอร์ไปล้างได้เลย (ระวังลืมชิ้นส่วนไว้ตามพื้นที่ล้างด้วย)...

ผมลองทำไปประมาณ 10 แก้ว ดื่มไปประมาณ 6 แก้ว พบว่า เครื่องทำกาแฟแบบนี้ ระดับน้ำกาแฟที่ออกมา มีปัจจัยเกิดจากหลายอย่าง ทั้งความละเอียดของกาแฟบด, ความแน่นของการ Tamp กดหน้ากาแฟ, ระดับน้ำที่ใส่ลงไป คือมันอาจจะไม่ได้นิ่งเหมือนเครื่องทำ Espresso Machine...

และสิ่งที่พลาดอีกอย่างคือ ซื้อแท่นชงมา แต่นึกว่ามีก้านชง Bottomless มาด้วย เลยไม่ได้ใช้แท่นชงให้ดูเลย...

แต่ข้อดีคือรสของกาแฟแบบ Espresso Shot คือดีมีชั้นโฟมบนผิวกาแฟที่เปิดรสชาติ และตามด้วยรสของกาแฟตามมา ถ้าดื่มแบบ Americano สามารถนำไปผสมน้ำร้อน หรือใส่น้ำแข็งทีรวมถึง Syrup เพื่อเพิ่มความหวานได้ หรือจะใส่นมให้ดื่มง่ายก็ได้เหมือนกัน...

จุดสังเกตคือ ถ้าทำต่อเนื่องหลายแก้ว จะเหนื่อยถอดประกอบมาก (หลาย ๆ คนนิยมไปซื้อก้านชงมาใส่แทนส่วนก้นจ่ายกาแฟ ทำให้ถอดประกอบง่ายกว่า) กับตอนล้าง มีชิ้นส่วนเยอะพอควรทำให้ต้องระวังในการเก็บประกอบกลับเหมือนเดิม หรือนำไปผึ่งให้แห้ง...

ผมเลยคิดว่าเครื่องทำกาแฟแบบนี้ เหมาะสำหรับคนที่ชงดื่มแบบมีเวลานิดหน่อย จำนวนคนไม่มาก และชื่นชอบในรสของกาแฟแบบ Espresso มีเมล็ดกาแฟและเครื่องบดที่บ้าน หรือมีกาแฟบดที่บ้านอยู่แล้ว มันสนุกที่ได้ลองทำกาแฟด้วยตัวเอง และได้ประสบการณ์ที่ดีไปอีกแบบ แน่นอนว่าต้องเผื่อเวลาต้มน้ำ และเก็บล้างด้วยนะ...

ถ้าเร่งรีบหรือมีจำนวนคนที่ดื่มมาก ๆ หรือต้องการทำหลายแก้วแบบจริงจัง Espresso Machine อาจจะเหมาะสมกว่า ในแง่ของการลดขั้นตอนการทำและการล้าง...

หรือถ้าไม่ค่อยดื่มเลย แค่ชอบดื่มกาแฟบ้างนิดหน่อย การซื้อกาแฟตามร้านก็ยังเป็นอะไรที่ไม่ต้องเสียเวลาและเก็บล้างด้วยครับ...

แต่ถ้าอยากลองทำกาแฟด้วยตัวเอง ได้กาแฟ Espresso แบบช็อตสวย ๆ มีเวลาให้กับการทำกาแฟ และประหยัดที่เก็บเพราะพับให้เล็กลงเหลือแค่กระบอกน้ำตั้งโต๊ะได้ Staresso SP-300 ถือว่าเป็นเครื่องทำกาแฟที่ทำได้สนุก และสร้างประสบการณ์ในการทำกาแฟแต่ละแก้วได้ดีเลยล่ะครับ...

เครื่องชงกาแฟ Staresso SP-300 Mirage Gen 3 ผมสั่งจาก Shopee วันเดียวส่งถึงบ้านเลย...
> https://shp.ee/7pbgcx7 (1.769.-) แต่หลังจากซื้อของก็หมดครับ...

เลยมีร้านอื่น ๆ ที่ยังมีฟีดแบคที่ดีมาให้เพิ่มเติม...
> https://shp.ee/nzcctih (1,878.-)
> https://shp.ee/7r6fvfh (1,819.-)
> https://shp.ee/wyz7pth (1,770.-)
> https://shp.ee/srkffyh (1,690.-)

บน Lazada มีร้านที่ฟีดแบคดี ๆ พอควรเช่นกัน...
> https://bit.ly/3zbHZDH (1,824.-)
> https://bit.ly/3nmmKMU (1,817.-)
> https://bit.ly/2X9Qyl2 (1,799.-)

JD Central มีร้านเดียวที่มี Feedback...
> https://u.jd.co.th/tQtG3SE (1,890.-)

*Disclosure: เนื้อหานี้ ถ่ายทำจากประสบการณ์ตรงของผู้กินด้วยตัวเอง และไม่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานใด ๆ ...