關於 story ภาษาอังกฤษ ，我們在網路上蒐集到這些相關的討論、資訊與評價

[News] เล่นเป็นทนายสาว ไขคดีค้นหาความจริง สร้างความสัมพันธ์กับนักสืบหนุ่มสุดหล่อ ในเกมมือถือ Tears of Themis
.
miHoYo ผู้พัฒนา Genshin Impact และ Honkai Impact 3rd ได้ประกาศเปิดตัว Tears of Themis เกมมือถือที่ผสมผสานระหว่าง แนวผจญภัย สืบสวนสอบสวน และเกมจีบหนุ่ม ที่ให้ผู้เล่นได้ร่วมไขคดีเพื่อความยุติธรรม และเริ่มต้นการเดินทางที่แสนโรแมนติกในเมือง Stellis ไปด้วยกัน
.
โดยตัวเกมได้เริ่มเปิดให้ลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเข้าร่วมทดสอบ Closed Beta ผ่านทางเว็บไซต์ทางการแล้ว ซึ่งการทดสอบจะมีขึ้นในวันที่ 8 - 18 พ.ค. นี้
.
ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปลงทะเบียนเข้าร่วมการทดสอบ Closed Beta ได้ที่เว็บไซต์ทางการได้ที่นี่ - https://tot.mihoyo.com/CBTsign-up/?lang=en-us#/
.
https://www.youtube.com/watch?v=U3W9r2YNn-Q
Tears of Themis Closed Beta Registration has begun! First Official PV(JP Dubbing Version) Launched!
.
https://www.youtube.com/watch?v=flfl6G7E-zM
Tears of Themis Closed Beta Registration has begun! First Official PV(CHS Dubbing Version) Launched!
.
Tears of Themis จะนำเสนอในรูปแบบกราฟิกคุณภาพสูงและเรื่องราวสุดน่าสนใจ พร้อมเปิดการผจญภัยสุดโรแมนติกและการใช้ไหวพริบ โดยผู้เล่นจะสวมบทบาทเป็นทนายความสาว ผู้ใช้ความจริงและความยุติธรรมในการไขคดี ผ่านการสอบปากคำพยานและผู้ต้องสงสัย ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และตรวจสอบหลักฐาน ซึ่งเมื่อรวบรวมพยานหลักฐานได้ครบถ้วนแล้ว ผู้เล่นจะสามารถไปที่ศาลเพื่อเริ่มการต่อสู้ทางกฎหมาย และนำความยุติธรรมและความสงบสุขกลับคืนมาสู่เมือง Stellis
.
โดยตัวละครนำชายทั้ง 4 คนได้แก่ Luke Pearce, Marius von Hagen, Vyn Richter และ Arten Wing จะร่วมเดินทางไปกับผู้เล่นบนเส้นทางแห่งความยุติธรรมนี้ ซึ่งตัวละครแต่ละคนจะมีสถานะ นิสัย ความถนัดและภูมิหลังของตัวเอง
.
เมื่อผู้เล่นทำการสืบสวนและไขปริศนาภายใต้การสนับสนุนและความช่วยเหลือจากตัวละครทั้ง 4 แล้ว ผู้เล่นก็จะเริ่มสานความสัมพันธ์และเติบโตไปพร้อมกับตัวละครเหล่านี้ผ่านภารกิจต่าง ๆ โดยเป้าหมายไม่ใช่แค่การเปิดเผยความลับของเมือง Stellis เท่านั้น แต่เพื่อเรียนรู้เรื่องราวของตัวละครทั้ง 4 และผู้เล่นยังสามารถสร้างความสัมพันธ์สุดพิเศษกับตัวละครชายที่ชื่นชอบได้อีกด้วย
.
Tears of Themis จะรองรับซับไตเติลภาษาจีนตัวย่อ, ภาษาจีนตัวเต็ม, ภาษาอังกฤษ, ภาษาญี่ปุ่น และภาษาเกาหลี ส่วนเสียงพากย์ประกอบด้วย ภาษาจีนตัวย่อ, ภาษาจีนตัวเต็ม, ภาษาญี่ปุ่น และภาษาเกาหลี
.
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและการอัปเดตสามารถติดตามได้ทางเว็บไซต์ทางการ http://tot.mihoyo.com
.
Source: Press Release ของ miHoYo
-------------------------------
Steam Wallet, Battle.net Code, PSN ซื้อง่าย ได้โค๊ดทันที >> GGKeyStore.com
-------------------------------
Doraemon Story of Seasons ลด 75% เหลือ $12.50 ประมาณ 390 บาท (Steam) ดูที่นี่ - https://bit.ly/2OVx9jU

Beam’s Story เรื่องของบีมและญี่ปุ่น (EP22)🌸⛩
【สอบเข้ามหาลัย เตรียมตัวยังไง เลือกมหาลัยอะไรบ้าง !!!】
ปล.นานแล้วนะ เกิน 10 ปี ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ　📚
แต่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับน้องๆและผู้อ่านค่ะ 🏫

บีมเตรียมอ่านหนังสือสอบเข้ามหาลัยตั้งแต่ช่วงปิดเทอมเล็กม.4 แต่ตอนนั้นอ่านแต่ภาษาญี่ปุ่นอย่างเดียวนะ คือมีเวลาว่างก็พยายามอ่านทบทวน ท่องศัพท์ เอาข้อสอบเก่าๆมาทำ ทำทุกปิดเทอมเลย

ก็ยอมรับว่าขยันมากมาย ที่ขยันไปก็ไม่ใช่อะไร
นอกจากภาษาญี่ปุ่นกับคอมพิวเตอร์คือบีมไม่มีอะไรเรียนได้ดีเลยอะ 555

จนประมาณปลายเทอมม.5มั้งถึงเริ่มเรียนพิเศษวิชาที่จำเป็นต้องใช้ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย สังคม

ใจนึงบีมแอบเสียดายนะ กับความรู้(ที่ไม่ค่อยเข้าหัว555)ในสายวิทย์ที่บีมเรียนมา หลายๆคนคิดว่าถ้าบีมเรียนภาษาก็ได้ ไปทางสายวิทย์ก็ได้มันน่าจะต่อยอดออกไปได้หลายอย่าง ได้ทั้งวิชาสายวิทย์ แล้วก็ยังได้ภาษาอีก

ซึ่งบีมก็เคยคิดแบบนั้นแหละ บีมถึงเลือกเรียนสายวิทย์มา แต่พอมาเทียบกับความสุขในอนาคตที่น่าจะไม่มี เพราะทรมานกับการเรียนในสิ่งที่ไม่ชอบแล้ว

ก็เลยตัดสินใจ "เท" ทุกอย่างไปหมด เป้าหมายอย่างเดียวคือ “ฉันต้องเข้ามหาวิทยาลัยภายได้ภาควิชาเอกภาษาญี่ปุ่นให้ได้”

สมัยรุ่นที่บีมสอบเป็นรุ่นที่เรียกว่า Admission โดยใช้ผลสอบ Anet-Onet +คะแนน Gpax ที่โรงเรียนรวมกัน บอกตรงๆว่าคุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่องจริงๆ คุยกับใครไม่รู้เรื่องด้วย เพราะรอบตัวเราไม่มีใครเป็นเหมือนเราเลย เพราะเราตัดใจแบบทิ้งทุกสิ่งอย่างแล้วเบนไปสายภาษา 100%

อาจารย์แนะแนวก็ช่วยแนะนำมากไม่ได้ นอกจากบอกว่าให้พยายามเข้านะ เธอน่าจะทำได้แหละ

สุดท้ายก็ช่วยกันดูกับแม่อย่างเดียวว่าเราจะเลือกที่ไหนบ้าง ใช้คะแนนสอบของอะไรบ้าง สรุปก็คือ เอกภาษาญี่ปุ่นที่บีมจะเลือกมี

1.อักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย
2.ศิลปศาสตร์ ธรรมศาสตร์
3.มนุษย์ศาสตร์ เกษตร
4.อักษรศาสตร์ ศิลปากร

สมัยบีมให้เลือกได้ 4 อันดับค่ะ ซึ่งบีมเลือกตามนี้ เรียงลำลับตามนี้เลย วิชาที่ใช้สอบคือ

A-net ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ภาษาญี่ปุ่น
O-net ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย สังคม

บีมถึงได้เทเลขกับวิทย์ได้ด้วยประการฉะนี้ 555
เทนี่คือ เทหมดหน้าตักนะคะ คือไม่แตะ ไม่อ่าน ไม่ทบทวน ไม่อะไรทั้งสิ้น

บีมขอไม่พูดถึงมหาลัยอื่นเพราะบีมจำข้อมูลไม่ได้ 555 จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า บางมหาลัยทุกคนต้องเริ่มเรียนนับ 1 ใหม่หมด บางมหาลัยต้องใช้คะแนนญี่ปุ่นเท่านั้นถึงเข้าได้ สามารถเข้าไปเรียนต่อระดับกลางได้เลย ซึ่งบีมขอยกตัวอย่างธรรมศาสตร์

ธรรมศาสตร์ในตอนนั้นหากจะเข้าเอกญี่ปุ่นรับ 2 แบบ คือ

1. มีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นมาก่อน ใช้คะแนนญี่ปุ่นยื่น ถ้าติดก็เข้าไปเลย 25 คนของประเทศ

2. ไม่มีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นมาก่อน ใช้คะแนนอื่นที่ไม่ใช่ญี่ปุ่นยื่น ห้ามมีคะแนนญี่ปุ่น เข้าไปเอกรวม ลงเรียนวิชาญี่ปุ่นแล้วไปแข่งกันเข้าเอกทีหลัง

ซึ่งบีมเลือกแบบแรก บีมก็ใช้คะแนนญี่ปุ่นยื่นไปเลย แต่มาคิดย้อนหลังก็ใจกล้ามากนะ ไม่ได้เรียนศิลป์ญี่ปุ่นมาด้วย เรียนพิเศษเป็นงานอดิเรก แต่ประเมินตัวเองจากเพชรยอดมงกุฎที่ผ่านมา ถ้าพยายามมากขึ้นก็น่าจะติดจุฬาได้อยู่

พูดตามตรงว่า คณะที่บีมใฝ่ฝันคืออักษรศาสตร์จุฬา เพราะด้วยความที่เราได้รับอิทธิพลจากสังคมรอบข้าง ใครๆก็พูดว่าจุฬาๆๆๆ บีมต้องเข้าจุฬาให้ได้

แต่บีมไม่ได้คิดว่ามหาลัยอื่นไม่ดีนะ เพียงแต่ไม่มีข้อมูลในหัวเลยตอนนั้น ไม่มีอิมเมจเลยว่ามหาลัยอื่นเป็นยังไง รู้จักแค่อักษรจุฬาจริงๆ บีมอยากจะไปยืนจุดที่บีมคิดว่าบีมน่าจะพอใจถ้าบีมทำได้

จะพูดเรื่องการเตรียมตัวสอบ ทำไมมันยาวขนาดนี้ได้ 555

บีมค่อนข้างเป็นเด็กที่มีระเบียบกับชีวิต นอกจากการเขียนบันทึกแล้วบีมจะตั้งเวลาและตารางไว้เลยว่าวันนี้บีมจะทำอะไรบ้าง ต้องเสร็จกี่โมง และบีมจะภูมิใจมากถ้าวันนั้นการใช้ชีวิตของบีมเป็นไปตามตารางที่บีมตั้งไว้ ซึ่งทุกวันนี้บีมก็ยังมีนิสัยอย่างนั้นอยู่นะ 555 มันถึงทำเพจมาได้นานขนาดนี้อะทุกคนนน

ตั้งแต่เด็กๆพ่อแม่ไม่เคยบังคับให้บีมอ่านหนังสือเลย บีมจะอ่านเอง คือเป็นคนไม่เครียดเรื่องอะไรในชีวิตเลย ยกเว้นอย่างเดียวคือเรื่องเรียน เกรดบีมจะตกกว่า 3.8 ไม่ได้ เคยแค่เทอมเดียว ได้ 3.76 บีมร้องไห้ไม่หยุดเลย 555555 บ้าบออออออออออออออ

คือเราก็มีเป้าหมายของเราอะเนอะ เราเป็นคนที่มีนิสัยตั้งเป้าหมายของตัวเองไว้สูงมากตั้งแต่ตอนเด็กๆ เป้าหมายสูงๆเพื่อทำให้ตัวเราพยายามก้าวไปให้ถึง แต่พอร่วงนี่เจ็บปวดรวดร้าวมากจ้า

ที่บ้านไม่เคยพูดว่าถ้าแกสอบไม่ได้เกิน 3.8 จะไม่ได้ค่าขนมไรงี้ ไม่มีเลย เป็นคนที่กดดันตัวเองเอง ทำตัวเองล้วนๆ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

ดังนั้นตอนปลายๆม.5 บีมก็เริ่มจริงจังละ บีมตั้งไว้เลยว่าวันนี้บีมจะอ่านทบทวนวิชาอะไร กี่โมงถึงกี่โมง ต้องนอนกี่โมงตื่นกี่โมง

บีมวางหนังสือเรียงไว้เลย ทำตารางไว้เลยของทั้งปี คนส่วนมากทำตารางเป็นวันเป็นสัปดาห์เนอะ ของบีมคือ มีเขียนไว้ตั้งแต่ วัน สัปดาห์ เดือน ปี บ้าไปแล้ว

วางหนังสือเรียงไว้เต็มห้อง
อันนี้สำหรับอ่านวันนี้ อันนี้พรุ่งนี้ แยกชัดเจน แบ่งเวลาชัดเจน เทคนิคของบีมคือ

1. ใช้เวลาครึ่งปีอ่านทบทวนทั้งวิชาที่จะใช้ทั้งหมดก่อน ให้มีข้อมูลวนไปวนมาให้อยู่ในหัว

2. ไปอ่านที่ไหนมาไม่รู้ว่าไม่ควรอ่านหนังสือดึกๆ ควรอ่านเช้าๆเพราะจะจำได้ดี บีมทำขนาดที่ว่าบีมนอนสอง-สามทุ่ม แล้ว ตื่นตี3 ตี4 ทุกวันเพื่ออ่านหนังสือ 555 แล้วพอตี 5 ก็แต่งตัวไปโรงเรียน บังคับให้พ่อซื้อแบรนด์ซื้อวีต้ามากินด้วย ทำแบบนี้อยู่หลายเดือนเลยนะ
จริงๆบีมว่าอาหารเสริมไม่น่าช่วยอะไรหรอกมั้ง แต่ช่วยทางจิตใจได้มากเลย 55555555

3. หลังจากอ่านทบทวนทุกอย่างเสร็จ ก็เริ่มทำข้อสอบเก่าย้อนหลัง 10 ปี ของทุกวิชาที่ต้องใช้

4. การทำข้อสอบของบีมบีมไม่ได้ทำในหนังสือเลย บีมซื้อกระดาษคำตอบมาแบบที่ใช้สอบที่โรงเรียน อิใบเขียวๆอะ 555
แล้วเขียนชื่อวิชา เขียนปีของข้อสอบ แล้วกาในกระดาษคำตอบเลย (บีมยังเก็บซากไว้อยู่นะ)

5. ข้อสอบฉบับเดียวไม่ได้ทำครั้งเดียว เพื่อไม่ให้เบื่อ บีมทำสลับไป สามวิชา อังกฤษไทยสังคม ย้อนหลังประมาณ 10 ปี ข้อไหนผิดเราก็ไปอ่านเฉลยดูว่าผิดได้ยังไง จำที่เราผิดพลาด แล้ววนทำใหม่อีกนะ
สุ่มเอาว่าจะได้ทำฉบับไหน

6. ภาษาญี่ปุ่นก็เช่นกัน บีมท่องศัพท์ในหนังสือได้ทุกคำ เพราะบีมคิดว่าเรียนมาแล้วมันไม่ควรลืม โอ๊ย 555
แล้วบีมเรียนด้วยหนังสือ Minna no Nihongo นะตอนนั้น ซึ่งเด็กที่เรียนศิลป์ญี่ปุ่นส่วนใหญ่เรียนด้วย Akiko to Tomodachi
ด้วยความที่บีมคิดว่าบีมอาจจะสู้เด็กศิลป์ญี่ปุ่นไม่ได้ เพราะหนังสือแบบเรียนสองอย่างนี้ไม่เหมือนกัน บีมไปหาซื้อ Akiko to Tomodachi มาหมด 6 เล่มเลย แล้วอ่านตั้งแต่แรกยันจบ ลิสต์คำศัพท์และรูปไวยากรณ์ที่ไม่มีในหนังสืออีกเล่มที่บีมใช้เรียน

7. ในส่วนของข้อสอบชุดนึงบีมทำหลายรอบเหมือนกัน ทำวนไปโดยการสุ่ม จะได้จำไม่ได้ว่าทำไปแล้วหรือยังไม่ได้ทำ พยายามดูว่าเราผิดตรงไหน ต้องหาคำตอบให้ได้ บีมตั้งเป้าไว้ว่าบีมต้องทำคะแนนภาษาญี่ปุ่นให้ได้เกิน 90 เต็ม 100 ทุกฉบับย้อนหลัง (ตอนทำก็ได้บ้างไม่ได้บ้างนะ แต่ไม่เคยได้ 100 เต็ม ฮ่าๆๆ)

8. สามเดือนหลังบีมก็เลิกอ่านหนังสือแล้ว ทำข้อสอบเก่าๆอย่างเดียว อันไหนไม่เข้าใจค่อยไปเปิดอ่านทบทวน ซึ่งชีวิตม.6 บีมก็วนอยู่แค่นี้แหละ จนถึงวันสอบ

------------------------

เป็นไงสาวอึดมั้ย
ยอมรับว่าเป็นคนมีวินัยในตัวเองมากจริงๆ
ใครมาชมก็คือจะไม่ถ่อมตัวเลย เพราะเรารู้ว่าตัวเองมีนิสัยแบบนั้น

ก็ภูมิใจว่าความมีวินัยของเราคือสิ่งที่ทำให้เรามีวันนี้นะ ควรภาคภูมิมากกว่าถ่อมตัว 555555555555555555

อยากรู้แล้วใช่มั้ยวันสอบเป็นยังไง
น้ำตาแตกหลายรอบเลยจ้า

รออ่านตอนต่อไปนะ
*ตอนเก่าๆไถหาเอานะ*

BeamSensei

นั่งดูคลิปจนจบ...
น้องเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงแบบนี้...
แต่ทำคลิปเองบรรยายให้ความรู้เรื่องโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงด้วยตัวเองแบบนี้...
นับถือในความพยายามแน่นอน!!!

แชร์เป็นความรู้ที่ดีได้เลย...

จากครั้งก่อนที่เคยโพสต์ขอรายชื่อผู้ป่วยโรค Spinal Muscular Atrophy (SMA) ไป วันนี้เลยทำสรุปมาเป็นคลิป เพื่อให้คนที่ทั้งรู้จักและไม่รู้จักโรคนี้ ได้เข้าใจมากขึ้นค่ะ

สำหรับในคลิปนี้ ก็จะบอกเล่าเรื่องราวของแอดมินสาวแบ๊วหรือเมเอง พร้อมทั้งอธิบายโรค SMA อย่างง่ายๆ รวมไปถึงสิ่งที่พวกเราร่วมมือกันทำอยู่ในตอนนี้ค่ะ

คลิปนี้เมทำสตอรี่ หารูป พากย์เสียง ตัดต่อเองทั้งหมด อยากให้ทุกๆคนได้ดูกัน อย่างน้อยก็จะได้รู้จักโรคนี้มากขึ้น หรือถ้าช่วยแชร์ไปให้คนที่เป็นโรค SMA ได้มารวมรายชื่อไปกับพวกเรา ก็จะดีมากๆเลยค่ะ

-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\

แอดมินสาวแบ๊ว มีเรื่องมาอัพเดตและขอความร่วมมือนิดนึงค่ะ

ตอนนี้มีพี่ที่เป็นผู้ปกครองของน้องที่เป็น SMA เหมือนกัน กำลังจะเดินทางไปร่วมประชุม Treat NMD กับคุณหมอ เพื่อเปิดโอกาสการทำวิจัยยาในประเทศไทยและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรงค่ะ

ซึ่งการที่จะทำให้บริษัทยาสนใจที่จะมาทำวิจัยในไทยได้นั้น เราจะต้องรวมรวมรายชื่อ เพื่อให้ตัวแทนของเรานำไปยื่นเสนอในที่ประชุมให้ได้มากที่สุด เพราะถ้าเรามีรายชื่อเยอะ โอกาสที่จะได้รับการวิจัยก็จะสูงขึ้นค่ะ

ทางเพจของเราเลยขอเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ที่จะกระจายเสียงการไปประชุมในครั้งนี้ เพื่อที่จะรวบรวมข้อมูลผู้ป่วยให้ได้เยอะที่สุดค่ะ ใครที่เป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง ชนิดไหนก็ได้ สามารถส่งรายชื่อเข้ามาทาง Inbox หรือคอมเมนต์ในโพสต์นี้ได้เลยค่ะ

ข้อมูลที่ใช้
-รูปถ่ายผู้ป่วย
-ชื่อ นามสกุล (ภาษาอังกฤษ)
-วันเดือนปีเกิด (ปี ค.ศ.)
-โรคและระดับที่เป็น เช่น SMA2
-เบอร์โทรศัพท์
-ชื่อผู้ปกครอง (กรณีผู้ป่วยยังเด็ก)

เสร็จแล้วเขียนข้อมูลลงในภาพ ตามตัวอย่างในภาพได้เลยค่ะ ใช้แอพ PhotoGrid ทำค่าา ดูวิธีทำได้ที่นี่ค่ะ >> https://www.facebook.com/thisable/posts/966570490165445
สำหรับใครที่ไม่สะดวกทำภาพ สามารถส่งภาพกับข้อมูลแยกกันมาก็ได้ค่ะ ^^

ส่งกันเข้ามาเยอะๆเลยนะคะ ส่วนใครที่ไม่รู้จักคนที่ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ก็ช่วยๆกันแชร์ต่อไปนะคะ

-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
แอดมินสาวแบ๊ว

เว็บคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ฝ้ายเอามา เข้าไปลองดูกันเต็มๆได้ที่ลิงค์นี้เลยค้าบบบ
https://www.thoughtco.com/hard-to-pronounce-words-4156950
.
เพลงในคลิป
1. ⏩ https://youtu.be/Mu4EIbaqQJA ?

LOVE
ฝ้าย
.
อย่างน้อยชีวิตก็มีมุมหนุกหนานให้เราอยู่เสมอ
ขอบคุณที่มาใช้เวลาร่วมกันนะคะ ♪
.
I just have fun with my life and then post anything that I’m passionate about. Hope you enjoy it too! ( ´▽｀)♡
.
กดติดตามและกดกระดิ่งไว้ได้เลย o(≧▽≦)o
☆ ลงคลิปใหม่เรื่อยๆทุกวัน(ที่ตัดเสร็จ)
.
★ Instagram : WiriStory
★ Facebook : Wiri Story
★ Youtube : WIRI
★ E-mail : ContactWiri@gmail.com
.
#wiri
.
.
.
???????

**คำเตือน**
ตั้งแต่บรรทัดนี้ไป ไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อหาในคลิปเลยซักประโยค คือเป็นเรื่องเม้าท์มอยสรุปความเป็นมาของช่อง WIRI ถ้าใครไม่ชอบอ่านแนวนี้ก็เลื่อนผ่านได้เลยยยยย
.
(แอดมินอยากเหล้า เอ้ยอยากเล่า!)
คือฝ้ายนางไม่ค่อยอยากเล่าเรื่องตัวเอง งั้นแอดมินขอเล่าคร่าวๆละกันเนอะ 55
.
ความเป็นมาตอนแรกสุดเลยช่องนี้ชื่อช่อง ToyzBlog เพราะตอนนั้นฝ้ายนางไม่รู้จะทำอะไร เห็นคลิปของเล่นคนอื่นทำแล้ววิวเยอะมาก ก็เลยทำตามเขา แต่พอทำจริงๆโอ้ยช่วงแรกวิวหลักหน่วย หลักสิบ ต่อมาไปเจอกระแส 'สไลม์' ก็เลยลองทำดู ช่วงนั้นทำคลิปเห็นแต่มือเนอะ แต่โอโห วิวเยอะจนตกใจเหมือนกัน ก็ได้มารู้ทีหลังว่าส่วนใหญ่จะเป็นเด็กๆประถม ที่สนใจเรื่องนี้
.
ต่อมาก็เป็นยุคฝ้ายนางอยากเปิดหน้าทำคลิปรีวิวของนั่นๆนี่ๆ , ทำอาหาร , ท่องเที่ยว , และอื่นๆที่เพิ่มเข้ามา คือเพิ่มหลายๆเนื้อหาที่นางกำลังสนใจแหละ แล้วตอนนั้นก็เปลี่ยนชื่อช่องเป็น WiriWiri หูยยยย เป็นยุคที่สนุกมาก ปกติคุณฝ้ายนางก็โตมากับครอบครัวที่เลี้ยงมาแบบโบราณอะเนอะ คือภาพลักษณ์เรียบร้อยๆไม่ค่อยพูดหรือแสดงความเห็นอะไร การมาทำ Youtube เปิดหน้าอะไรแบบนี้ คือเป็นเรื่องที่ต้องพัฒนาหลายๆทักษะจนเป็นคนละคนเลย แอดมินขอปรบมือให้นางจริงๆในเรื่องนี้
.
cr. ขอขอบคุณ
ส่วนผสมอันเป็นแรงบันดาลใจแก่ช่อง WIRI ทั้งทางตรงและทางอ้อม ถ้าให้พูดถึงคร่าวๆก็....
.
1. หนัง,ซีรีย์,อนิเมะทุกเรื่องที่ดู,ทั้งบทบาท-ตัวละคร
2. Youtuber - Creator ทุกคน,ทุกคลิป,ทุก Platform ที่เคยผ่านตา และคนที่ยังสร้างผลงานในแนวทางตัวเองอยู่เรื่อยๆ ทั้งคนไทยและต่างประเทศ ถ้า Ref งานคนไทย ที่คนน่าจะรู้จักเยอะก็ เช่น
- พี่แป้ง zbing z ผู้หญิงคนนี้ความสามารถเยอะมากกกกทั้งการพากย์ ทั้งความครีเอทีฟ เป็นช่องเกมที่มีอะไรให้ศึกษาเพียบเลย
- พี่เอก hrk คนนี้คือที่สุดแห่งวงการเกมในเมืองไทยโดยที่ไม่ต้องเปิดหน้า สุดยอดจริง เป็นคนยุคบุกเบิก Youtube เมืองไทยเลยก็ว่าได้ แล้วเค้าก็วางตัวเป็นแถมพูดให้เกียรติคนฟังด้วย ชอบเค้าตรงนี้แหละ
- คิวเท โอปป้า kyutae oppa ชอบคนนี้ในเรื่องพลังวัยรุ่น แต่เรื่องความห่ามฮาคงทำได้ไม่เท่าซิมเค้า ก็เลยหยิบเอามาแต่การตัดต่อแบบฮาจิเมะสไตล์ละกัน
- จริงๆฝ้ายนางมี Ref งานทางต่างประเทศ พวกญี่ปุ่นกับอเมริกาซะเยอะเลยนะ ถ้าอยากรู้ก็ถามนางเองละกัน เพราะแอดมินก็ไม่ได้เสพงานเยอะเท่านางหรอก
.
รวมๆแล้ว ก็คือหยิบไอเดียมาจากตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย จากนั้นคุณฝ้ายนางก็เก็บไปคิด ไปทดลองทำจนตกผลึก นำไอเดียในผลงานเหล่านั้นมาต่อยอดรวมๆกัน มาทำคลิปที่ ถ่ายเอง,กำกับเอง,ตัดต่อเอง,ทำรูปปกคลิป,ทำเองแทบทุกอย่าง จนออกมาเป็นสไตล์ของนาง ซึ่งคือช่อง WIRI (ชื่อช่อง Youtube ช่องนี้ในปัจจุบัน)
.
แชร์เรื่องบวกๆเป็นแรงบันดาลใจละกัน แต่บอกไว้ก่อนว่าฝ้ายนางก็มีปัญหาไม่น้อยนะ เรื่องชีวิตกับงานทุกคนมีปัญหาแหละ ถ้าใครอยากให้เล่า อันนี้ก็ไปถามให้ฝ้ายนางเล่าเองละกัน คือถ้านางเล่าเรื่องปัญหาให้ใครฟัง ก็แสดงว่านางเชื่อใจคนนั้นแล้วแหละ
.
พอๆ สุดท้ายแล้ววว แอดมินขอให้ทุกคน ที่อ่านมาถึงตรงนี้ Enjoy กับคลิปนี้ อย่างมีความสุขกายสบายใจ รักษาสุขภาพตัวเอง และดูแลรักษาคนที่อยู่ใกล้ตัวอย่างเข้าใจกันด้วยจ้า ?
.
ขอบคุณที่สนับสนุน WIRI เสมอมาจ้า
แอดมิน นิรนาม
???????

รวมคลิปเรื่องเล่าผีของเหล่า Little Monster จะสยองจนขนลุกกันขนาดไหนนะ

ติดตาม Little Monster ได้ที่...
::: Subscribe Channel :::
Little Monster Family :
: http://bit.ly/2dIlj7F
Little Monster Kids :
https://bit.ly/2z6gsHp
Little Monster Song :
http://bit.ly/2dZiOel
Facebook :https://www.facebook.com/littlemonsterrocknroll

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้จ๋าพาเพื่อนและสามีของเพื่อน ที่เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินทั้งคู่มาสัมภาษณ์ มาดูกันว่า จากคนที่ไม่เคยคิดคบลูกเรือ หรือ คบชาวต่างชาติมาก่อน มาจบที่เป็นสามี-ภรรยากัน ชีวิตพวกเค้าจะเป็นยังไงบ้าง?

00:28 แนะนำตัว / Self-Introduction
00:37 เจอกันครั้งแรกที่ไหน? / How they met
00:51 แต่ละเดือน หยุดตรงกันมั้ย ได้บินไฟลท์เดียวกันรึเปล่า / Do they have same days off or same flights each month?
01:35 เป็นสามี-ภรรยากัน สามารถขอไปบินไฟลท์เดียวกันได้มั้ย / Can husband and wife request to fly together?
02:38 เคยไม่เจอกันนานสุดกี่วัน / The longest period they were apart
03:15 ดูแลสุขภาพยังไง / How they take care of their health
03:58 แพลนมีน้องเมื่อไหร่ / Plan for having kids
04:37 ตั้งครรภ์ต้องลาออกมั้ย / Does the wife have to resign if she's pregnant?
05:08 มีลูก ส่งผลต่อการทำงานอย่างไร / How having kids will affect their work life
05:43 ทะเลาะกันมั้ย เรื่องอะไรบ้าง / Arguments and what they are about
06:30 ทำยังไงเวลาอยู่ไกลกัน / How to deal with long distance
06:58 แผนอนาคตเกี่ยวกับอาชีพนี้ / Future plan for this job
07:32 สวัสดิการ / benefits

ใครสนใจ เกี่ยวกับชีวิตลูกเรือ และชีวิตในดูไบ สามารถติดตามจ๋าได้ที่
Facebook Page: http://www.facebook.com/jaissoflyblog
YouTube Channel: http://www.youtube.com/jaissofly
instagram: http://www.instagram.com/ja_is_so_fly