Eden’s Promise [Savage] - ตอนต้น
จบไปได้สักระยะใหญ่ๆแล้วแต่นึกได้ว่ายังไม่ได้เขียนถึง Savage Raid รอบนี้เลย ก่อนจะขึ้น 6.0 ต้องมารีวิวความลำบากไว้เป็นที่ระลึกเสียหน่อย แบ่งสองตอนแล้วกัน E9S-E11S และ E12S
.
ก่อนจะเริ่มเข้าแพทช์ 5.4 นี่ก็มีเรื่องที่รู้อยู่แน่ๆว่าโดยรวมเหรดรอบนี้ต้องยาก เพราะเป็นเซตสุดท้ายของภาคแล้ว แต่อีกใจนึงก็คิดว่า เฮ้ย ไม่จริงน่า จะมีอะไรลำไยไปกว่า Light Rempant ได้อีกเหรอ
.
Light Rempant หรือ LR เป็นแมคคานิคที่ซับซ้อนอันนึงใน Eden’s Verse ก็คือเหรดรอบที่แล้ว ถือเป็นแมคคานิคที่คนยกให้ว่าเป็นกำแพงความยากเพราะพลาดง่ายพลาดไวพลาดแล้วไวป์ทันที สตรีมเมอร์สายเหรดเดอร์ฝั่ง NA เคยพูดว่าเป็นแมคคานิคที่ต้องอาศัยความเป๊ะมากซะจนเป็นเหมือนแมคคานิคระดับ Ultimate มากกว่า Savage
.
ผลคือตี้ส่วนใหญ่มักจะล่มปังปิ๊นาศกับ LR โดยเฉพาะ PF หรือ party finder ที่เป็นการหากลุ่มแบบสุ่มนั้น ไม่ว่าจะปกไหนแต่เนื้อในก็เน่าเหมือนกันเกือบหมด จะตี้ฝึก LR ก็ไวป์ที่ LR จะตี้ฝึก add phase ก็ไวป์ที่ LR จะตี้ Aim to clear ก็ไวป์ที่ LR ...เพื่อจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์แบบนั้นในรอบนี้ก็เลยชั่งใจว่าจะหาทีมประจำ/static ดีไหมนะ
.
ที่ผ่านมาเราเล่นแบบ PF เป็นหลักเพราะชอบความอิสระ อยากลงตอนไหนก็ลง ไม่ต้องมีพันธะผูกพัน แต่ในครั้งนี้เป็นเหรดชุดสุดท้ายที่น่าจะยากกว่าปรกติ ถ้าไม่ยอมผูกพันกับคน ตูต้องผูกพันกับลาสบอสไปแทนแน่ๆ เพราะไม่รู้จะมีแมคคานิคลำไยรออยู่อีกหรอไม่ (สปอยล์ : มีสิ)
.
แต่พอจะหาทีม ก็เป็นคนเรื่องมากอีกนั่นแหล่ะ ถึงได้ไปเล่น PF อยู่ตั้งแต่แรกไงล่ะ ตั้งไคทีเรียไว้พอประมาณ คิดว่าถ้าหาไม่ได้ก็เล่นสายสันโดษไปแบบเดิม
-เวลาเล่นตรงกัน วันละสองชั่วโมง+-
-มีวันหยุดไว้ทำอย่างอื่นบ้าง
-ไม่ใช้ chat app ใดๆ ขี้เกียจฟัง&พูด
-เล่นดีมีโปรเกรส
-แต่ละคนไปทำการบ้านรับผิดชอบหน้าที่ตัวเอง
-ไม่เครียดแต่ต้องตั้งใจเล่น
-ตรงต่อเวลา ถึงเวลาคือพร้อม
…เงื่อนไขเยอะจังนิยังกับว่าเก่งเลือกได้ และดูแล้วนี่มันก็แค่ pug ดีๆที่นัดเล่นกันเป็นประจำนี่นา แต่...แต่!! ก็เจอแบบฟลุคๆ! เอาเป็นว่าหมดธุระเรื่องทีมไป วีคแรกก็เข้าไปเหรดด้วยความครึ้มใจ รอบนี้ก็เล่นมองก์เหมือนเดิม เพราะเป็นอาชีพที่เล่นได้ชินแบบออโต้ไพลอต หึ นังต้นละมุด รอก่อนเถอะะะ
.
.
=1st Floor=
Eden's Promise: Umbra
Cloud of Darkness
.
ตามเนื้อเรื่องก็ค่อนข้างจะมาแบบแรนด้อม เหมือนต้องการตัวอะไรที่เป็นความมืดสักตัวแล้วเจ๊มีโมเดลอยู่แล้วก็เลยแถไถจับมาโผล่ซะเลย ในด้านแมคคานิค ถือเป็นชั้นแรกที่สนุกดี ไม่ง่ายไปไม่ยากไป ส่วนตัวคิดว่าง่ายกว่ารามูห์รอบที่แล้วเยอะมาก
.
ครั้งที่แล้ว รามูห์เป็นชั้นแรกที่หนึ่งความฉิบหายจะนำมายังความฉิบหายx8ในพริบตา ไม่ว่าจะคนยืนไม่ชนเสาคนนึง คนลืมเก็บออร์บคนนึง คนส่งเชนไลท์นิ่งไม่ทันคนนึง มันจะล้มเป็นโดมิโน่กลับไปยืนเคานท์ดาวน์ใหม่ได้ทันใจมาก ถือว่าโหดไปหน่อยสำหรับชั้นหนึ่ง รีเคลียร์แต่ละวีคเสียเวลาสุดๆ... แต่สำหรับป้าเมฆ มีแค่หนึ่งรึสองจังหวะเท่านั้นที่คนๆเดียวจะลากเพื่อนทั้งทีมลงนรกได้
.
จุดเด่นของชั้นนี้หนีไม่พ้น The ultimate fall guys แมคคานิคยืนนานพื้นหายแว๊บ จุดยืนก็จำกัดจำเขี่ย ต้องผลัดกันรีเฟรชดีบัฟ ถ้าเหยียบพื้นช่องเดียวกันก็ร่วง ปิ๊ววว เพิ่มความกวนตีนเข้าไปอีกด้วยการที่บอสเสกดีบัฟห้ามกระโดด
.
การกระโดดถือเป็นภาษาสากลใน FFXIV สื่อความหมายได้ทั้ง ‘จุดปลอดภัย’ ‘ให้ยืนรวมกัน’ และ ‘ช่วยกูด้วย’ คือในช่วงเวลาต่อสู้อันชุลมุน ก็ไม่มีเวลาจะไปพิมพ์หรอกนะว่าจะให้เพื่อนทำอะไร การกระโดดจะเป็นอย่างเดียวที่ทิ่มตาเพื่อนว่าไอ้นี่มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ
.
เมื่อบวกเข้ากับบริบทของแมคคานิคในเวลานั้นๆก็จะได้ผลลัพธ์เองว่าเพื่อนจะให้ช่วยอะไร อาทิ มาเอาดีบัฟไปที มาสลับกันยืนหน่อย มาทำแมคคานิคตรงนี้ด้วย เป็นต้น
.
แน่นอนว่าการสลับรีเฟรชดีบัฟพื้นหายนั้นจะง่ายสบายบรื๋อหากทุกคนกระโดดเตือนเพื่อนให้เขยิบได้ ก็เลยไม่มีให้ทำ...ก็ไม่คิดมาก่อนว่าแค่กระโดดไม่ได้เนี่ยจะเป็นอุปสรรคปานฉะนี้
จุดพีคคือจังหวะที่บอสกวาดฉากครึ่งนึง คนในครึ่งฉากฝั่งที่จะโดนกวาดต้องหลบมาฝั่งปลอดภัยทั้งหมด โดยเพื่อนต้องค่อยๆขยับผลัดกันไปทีละช่อง แต่บางทีก็จะมีคนที่ tunnel vision มัวแต่ตีบอสแล้วลืมไม่ขยับ จนสัมผัสได้ถึงเสียงกรีดร้องในใจอันเงียบงันของคนฝั่งที่จะโดนกวาด
.
เกณฑ์ตามใจฉัน
ความท้าทาย ★
ความสนุก ★★★
ไม่ยากมากแต่สนุก และเหนืออื่นใดคือฮา
.
.
=2nd Floor=
Eden's Promise: Litany
Shadowkeeper
.
น้องหมาสาวไซลวา (ใครเรียกบอสผิดเป็นผู้ชาย รู้เลยว่ากดข้ามเนื้อเรื่องมาใช่ไหมฮึ) เล่นจบชั้นนี้แล้วสมองโตขึ้นนิดหน่อย รู้สึกใช้ความสามารถในการประมวลผลเยอะมหาศาล บอสชูแขนทีก็คิด เดี๋ยวนะนั่นมันซ้ายแต่กลับด้าน ต้องไปยืนทางขวา แล้วต่อจากนั้นก็ยืนขวาที่เป็นทางซ้ายของฝั่งนี้ บลาๆ
.
เป็นชั้นที่จะทำให้ตั้งคำถามว่าหรือจริงๆแล้วเราแยกขวาและซ้ายไม่ออก และเป็นชั้นที่ใจร้ายกับคนหลงทิศเหลือเกิน ในรอบที่แล้ว Eden’s Verse ชั้นสามก็มีแมคคานิคปวดหัวเหมือนกัน กับการยืนล้างดีบัฟสีขาวสีดำ แต่สุดท้ายก็มีวิธีโกงในการดูและยืนเฉยๆไม่ต้องประมวลผลอะไรให้มากความ
.
สำหรับครั้งนี้ จะว่ามีวิธีโกงก็มีมั้ง แต่ก็ต้องใช้สมองคิดร่วมด้วยอยู่ดี แถมบอสยังอำมหิต ทำผิดจะไม่ฆ่าให้ตายแต่ใส่ดีบัฟดาเมจดาวน์ให้ทรมาน โดนกันเยอะๆสุดท้ายก็จะไปเอนเรจตายตอนจบให้เจ็บใจเล่น
.
รู้สึกว่าจุดที่วุ่นว่ายชีวิตมีสองจังหวะคือออร์บส้มออร์บม่วง ที่ต้องแบ่งทีมกันไปรับ ออร์บจะวิ่งเข้าหาคนที่ใกล้ที่สุด แต่ทีนี้บางจังหวะความเป็นจริงกับภาพที่เห็นมันไม่ตรงกัน ตอนยืนก็คิดว่าใกล้แล้วแต่จริงๆหัวแม่เท้าลาลาเฟลคนข้างๆอาจจะใกล้กว่า ออร์บก็เลยพุ่งไปขยี้หัวมัน(ฝรั่ง) ปล่อยให้เรายืนสวยๆไร้รอยขีดข่วน oops...ถ้ามีกราฟฟิกเส้นลิงค์ให้เห็นว่ามันเล็งใครอยู่น่าจะดีกว่านี้
.
อีกจุดคือ วอยด์เกตรอบแรก ทำไมมันยากกว่าวอยด์เกตรอบสองล่ะ...จะเป็นตอนที่ต้องยืนเสาพร้อมกับเล็งเงาใต้เท้าให้ฟันคลีฟออกนอกฉาก หากทำถูกทุกคนก็จะมีพื้นที่ปลอดภัยให้ยืนเต้นลาลิฮอปได้ตรงกลาง แต่ถ้าทำผิดก็ลาลิโฮฮฮฮฮ่ โดนปาดยกทีมดาเมจดาวน์กันถ้วนหน้า เฮงจัดโดนสองคลีฟก็ไปเกิดใหม่เลย
.
จังหวะพัวพันคือเสาสี่ต้นสุดท้ายของวอยด์เกตรอบแรก เริ่มมาต้องดูเงาใต้เท้าว่าเงาหันด้านไหน>แล้วดูบอสว่ายกมือข้างไหน>จากนั้นคิดสะระตะให้เรียบร้อยว่าต้องไปยืนตรงไหนเพื่อนถึงจะปลอดภัย>และที่สำคัญคือต้องยืนเสาก่อนจะวิ่งไปจุดนั้น
.
พูดมาเหมือนเยอะ แต่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาประมาณสามวิ เร้ววว คิดให้ไวเร็วเข้าเกมเมอร์วัยกลางคนทั้งหลาย ก็มักจะมีคนลัดคิว ลืมยืนเสามั่ง ลืมดูเงาตัวเองมั่ง แต่ที่พีคสุดคือทำทุกอย่างแล้วพอวิ่งไปจุดยืนดันเจอเพื่อนอีกคนยืนอยู่ซะงั้น......มันต้องมีคนใดคนหนึ่งผิดล่ะวะะะ และหวังว่ามันจะไม่ใช่ตรูวววว ถ้าผ่านตรงนี้ไปได้แบบลื่นไหล ก็ถือว่าสำเร็จวิชาจำแนกมือซ้ายมือขวาไปอีกระดับหนึ่ง
.
จุดที่ชอบเป็นพิเศษของชั้นนนี้ วอยด์เกตรอบสอง ชอบแมคคานิคให้เงายืนเสาแทนมาก เคยคิดอยู่แล้วว่าสักวันมันต้องมี วิธียืนที่เหล่าเหรดเดอร์คิดกันมาก็หลากหลายดี มีโยงเส้นแบบบูชาซาตานเพื่อ melee uptime ...คิดกันได้ไง
.
จุดที่ไม่ค่อยชอบ เป็นบอสตัวที่คนทำผิดแมคคานิคไม่ค่อยโดนลงโทษ แต่คนในตี้โดนแทนซะงั้น รับออร์บไม่ทัน เพื่อนตายแทน ยืนไม่ถูกจุด เพื่อนโดนดาเมจดาวน์แทน ทำไมถึงปล่อยให้คนชั่วลอยนวล! ก็เข้าใจอยู่ว่าเจตนาสูงสุดของเหรดคือเล่นเป็นทีม ผ่านก็ถือว่าชนะด้วยกัน แต่เวลาเล่นมาดีๆแล้วโดนบอสปาดทั้งที่ไม่ใช่ความผิดตัวเอง หรือกลับกันตัวเองทำพลาดคนอื่นเลยโดนดีบัฟทั้งตี้ มันก็น่าหงุดหงิดไม่น้อย
.
เกณฑ์ตามใจฉัน
ความท้าทาย ★★
ความสนุก ★★★
ตอน prog รู้สึกทรมานหน่อยๆแต่ช่วงรีเคลียร์ก็สนุกดี
.
.
=3rd Floor=
Eden's Promise: Anamorphosis
Fatebreaker
.
มาถึงชั้นที่จะเป็นกำแพงสำหรับคนทั่วไปซะที โดยปรกติแล้วความท้าทายจะห่างกันประมาณนี้ ชั้น 1 - ชั้น 2 --- ชั้น3 ------- ชั้นสุดท้าย
.
แกปของชั้น 2 กับ 3 จะมากกว่าชั้นแรกอย่างเห็นได้ชัด แต่สำหรับเรา ภาค Shadowbringers นี้ด้วยความบังเอิญบางอย่างทำให้ทั้ง Eden’s gate และ Eden’s verse มีชั้น 3 ที่ง่ายกว่าชั้น 2 ซะงั้น คือรู้สึกว่าเลเวียธานง่ายกว่าไกอาชุดเกราะ และฝูงนกผีง่ายกว่าอิฟริต&การุด้า
.
ในครั้งนี้ ชั้นสามกลับมาโหดกว่าสองอย่างที่ควรจะเป็น เรียกได้ว่าสมศักดิ์ศรีความโหดด้าน dps check สำหรับด้านแมคคานิคคุณบอสทรานจิตจะมีท่าอยู่แค่สามชนิด คือ ไฟ ไฟฟ้า โฮลี่ ในสามแบบก็ซอยย่อยไปอีกนิดหน่อย แต่ว่าทั้งหมดทั้งมวลนั้นอยู่บนพื้นฐานสามอย่าง protean, spread, stack แค่นั้นจริงๆ
.
ในทางทฤษฏีแล้วชั้นนี้ควรจะง่าย เพราะแมคคานิคไม่ต้องมีการคิดคำนวณอะไรเลย ถ้าจำได้ว่าบอสจะทำอะไรแล้วก็หลบตามนั้น จบ แต่ความยากมันอยู่ที่ความระรัวของการออกท่า
.
ในฐานะ melee นั้นเซอร์ไพรส์มากที่บอสตัวนี้เป็นตัวที่มีปัญหาในการทำ positional ที่สุด เรียกได้ว่าเลวร้ายกว่าการไล่ต่อยตูดอิฟริตใน E6S ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้เลย
เนื่องจากบอสจะส่ายก้นไปสุ่มเล็งเป้าหมายทุกครั้งที่เล็งมาร์ก+ใช้ท่าเบิร์นท์สไตรค์ ไม่ว่าจะไฟ ไฟฟ้า โฮลี่ ….ซึ่งก็คือทั้งไฟต์ ทุกๆสิบวิมันเลยต้องหันไปทางนู้นทีทางนี้ทีน่ารำคาญเป็นอย่างยิ่ง
.
รวมกับจังหวะแทงค์ต้องลากพาหลบวงไฟสองสีอีก ผลคือหมุนเป็นเบย์เบลดพลังมังกรฟ้า สาธุคุณบุญช่วยที่มองก์รีเวิร์ค RoE ใหม่ ไม่งั้นคงเล่นไปกระอักเลือดไปด้วยความแค้น ท่า RoE ใหม่นั้นแอคทีฟสั้นลงแต่มีสามชาร์จ ตอนแรกคนเข้าใจว่าโดนเนิร์ฟแต่จริงๆมันคือบัฟ สะดวกกว่าเดิมมาก
.
จุดพีคของบอสหลักๆมีสองจุด อันแรกคือ Sundered Sky วีคแรกๆหากบอสร่ายท่านี้แล้ว HP บอสยังไม่ต่ำกว่า 45% ก็ไม่ควรจะเสียเวลาเล่นต่อ เนื่องจากจะติด enrage ค่อนข้างแน่ ทีนี้หาก dps โอเคแล้วก็ต้องมาลุ้นต่อว่าช่วงวิ่งหลบ Sundered Sky จะมีใครไปเกิดใหม่หรือไม่
.
เนื่องจากบอสจะแยกร่างเป็นสามตัว ไปยืนนอกฉากรอฟาดสามธาตุ ช่วงแรกๆรู้สึกดูไม่ทันว่าบอสมันอยู่ตรงไหนมั่ง บางทีนึกว่าดูดีแล้วแต่เจือกมีอีกตัวอยู่ข้างหลังยังกับ meme teleport behind you หรือบางทีดูทันหมดแต่มีคนกดกันกระเด็นไม่ทันจากลาลาเฟลจะกลายเป็นลาลาฟลายไปทันที
.
หมดช่วงฟ้าแยกไปได้จะเจอช่วงชิลคือ Prismatic ร่างแยกแปดร่าง มีกันแปดคนดูคนละร่างพอดี เป็นแมคที่ง่ายโคตรง่าย ถ้ามีคนทำไวป์ตรงนี้ก็พอจะอนุมานได้เหตุเดียวคือโดนบอสสลับฟาดจนสติสัมปชัญญะแตกพ่ายไปหมดแล้วสินะ แล้วก็จะเข้า phase สุดท้าย
.
สองนาทีสุดท้าย Cycle of hell บอสจะใช้ทุกอย่างที่มีติดกันหมดทุกท่าโดยไม่ขึ้นหลอดร่ายบอกแล้วนอกจากตอนต้นที่จะขึ้นสีว่าจะเป็นท่าไฟ ไฟฟ้า หรือโฮลี่ และจะใช้ครบทั้งสามธาตุโดยสุ่มลำดับ ฉะนั้นทั้งแปดคนต้องจำได้ว่าแต่ละท่าของแต่ละธาตุจะมีลำดับเป็นอะไร ธาตุนึงก็มีห้าแมคคานิคต่อเนื่อง เช่น ไฟ=สเปรด แชร์ ฟาดกลาง กระเด็น แชร์ โดยอันที่ยากที่สุดน่าจะเป็นไฟฟ้า
.
บวกกับอุปสรรคสำคัญที่สุดคือ Heal + mitigation check เพราะบอสจะเสกดีบัฟบลีดใส่ทุกคนเป็นระยะ เมื่อบวกกับดาเมจต่างๆที่ประดังประเดเข้ามา จะได้เห็น HP ละลายหายไปกับตาก็ตอนนี้เอง
.
สองชั้นที่ผ่านมา คนเล่นแบบมึนๆโดนแบกก็จะยังพอผ่านมาได้ แต่ในชั้นนี้ ช่วง cycle นรกคือข้อสอบกรองสมาชิกในทีม ต้องอาศัยพลังสามัคคีของทุกอาชีพในปาร์ตี้ ใครมีสกิลซัพอะไรก็ต้องหยิบมาใช้ช่วยฮีลเลอร์ ได้รู้สึกว่า Feint กับ Mantra ในมือมีค่าซะที...ถ้ามีใครตายช่วงนี้จะรีโคเวอร์ยากมากเพราะฮีลก็งัดไม่ค่อยจะขึ้นอยู่แล้ว พอฮีลผ่านมาได้แบบรุ่งริ่งก็ต้องลุ้นเอนเรจ วีคแรกๆถึงกับต้องพึ่ง melee LB เฉียดปานนั้นเลย
.
เกณฑ์ตามใจฉัน
ความท้าทาย ★★★
ความสนุก ★
ตรงข้ามกับชั้นที่แล้ว คือตอน prog ค่อนข้างกดดันและลุ้นสนุก แต่พอชินแล้วมารีเคลียร์คือน่าเบื่อทีเดียว เพราะแมคคานิคค่อนข้างจำเจมาก วนอยู่ไม่กี่ท่าเน้นปริมาณ สำหรับเราชอบน้อยสุดของ tier นี้
.
.
ผ่าน3ชั้นมาได้ก็จะเจอกะเจ้าที่เฝ้าลาสบอสเสียที Eden's Promise! คำสัญญาชั่วนิรันดร์ของมิตรอนและโลกริฟ แต่สาวเจ้าดันมีแฟนใหม่ซะแล้ว...
[To be cont.]
#FFXIV
Search