關於 wp engine ，我們在網路上蒐集到這些相關的討論、資訊與評價

ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมไอที ? ตอนที่ 2 /โดย ลงทุนแมน
“ซิลิคอนแวลลีย์ไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นวิธีคิด”
คำกล่าวของ Reid Hoffman ผู้ก่อตั้ง LinkedIn แพลตฟอร์มเครือข่ายธุรกิจในการหางานและผู้ร่วมงาน ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตซิลิคอนแวลลีย์
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ในแง่สถานที่ ซิลิคอนแวลลีย์ คือ พื้นที่หุบเขาราว ๆ 1,500 ตารางกิโลเมตร บริเวณรอบอ่าวซานฟรานซิสโก ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา

ซิลิคอนแวลลีย์ประกอบไปด้วยเมืองน้อยใหญ่ ที่ล้วนเป็นสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของเหล่าบริษัทไอทีชั้นนำระดับโลก โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากคำว่า “ซิลิคอนชิป” ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญที่เป็นหน่วยความจำของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ส่วนในแง่วิธีคิด มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดปลูกฝังการศึกษาด้านอิเล็กทรอนิกส์ให้งอกงาม ไปพร้อม ๆ กับการพัฒนากระบวนการผลิตนักศึกษาให้เป็นนักธุรกิจ
จนนำมาสู่การก่อตั้งบริษัทไอทีระดับโลกแห่งแรกในซิลิคอนแวลลีย์ คือ Hewlett Packard (HP)

หลังจากนั้น หุบเขาแห่งนี้ก็เบ่งบานไปด้วยบริษัทไอที ดึงดูดนักประดิษฐ์และผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยีจากทั่วโลก ให้เข้ามาสานฝันให้กลายเป็นความจริง

และเมื่อมี “วิธีคิด” ช่วยส่องสว่าง นวัตกรรมทุกอย่างก็จะมีหนทางไป..

ยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมไอที ? ตอนที่ 2

ด้วยอาณาบริเวณกว้างใหญ่รอบอ่าวซานฟรานซิสโก ต้นน้ำแห่งนวัตกรรมของซิลิคอนแวลลีย์จึงไม่ได้มีแค่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเท่านั้น

แต่เหนือขึ้นมาราว 50 กิโลเมตร ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกอีกแห่งหนึ่ง นั่นคือ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กลีย์

มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก่อตั้งในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และสร้างนักประดิษฐ์ วิศวกร ไปจนถึงผู้ประกอบการชั้นยอดมากมาย มาประดับวงการไอที

หนึ่งในนั้นคือ Fred Moore ผู้ก่อตั้งสมาคมคอมพิวเตอร์โฮมบรูว์ สมาคมที่เป็นสถานที่นัดพบของผู้คลั่งไคล้ในโลกของเทคโนโลยี เป็นที่แลกเปลี่ยนทางความคิด
โดยความปรารถนาสูงสุดของผู้คนในสมาคมนี้ คือการสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลขึ้นมาเอง

ในช่วงปี 1975 ที่มีการก่อตั้งสมาคมแห่งนี้
ความสำเร็จของการประดิษฐ์ “ไมโครโพรเซสเซอร์” ที่ย่อส่วนแผงวงจรรวมจำนวนมากเข้ามาอยู่ด้วยกันในชิปขนาดเล็ก

ทำให้ขนาดของเครื่องคอมพิวเตอร์จากที่มีขนาดใหญ่โตเท่าห้อง มีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ ราคาก็ถูกลงเรื่อย ๆ และด้วยหน่วยความจำที่มากขึ้น ความสามารถในการทำงานจึงสูงขึ้นและรวดเร็วขึ้นเป็นทวีคูณ

Steve Wozniak นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ได้ชักชวนเพื่อนสมัยมัธยมที่ชื่อ Steve Jobs ให้มาเข้าร่วมสมาคมคอมพิวเตอร์แห่งนี้..

Steve Wozniak เป็นผู้คลั่งไคล้ในวิศวกรรมและมีความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้น เคยทำงานให้กับ Hewlett Packard

ส่วน Steve Jobs เป็นผู้มีหัวการค้า มีนิสัยกล้าคิดกล้าทำ เขาเคยทำงานให้กับบริษัทสร้างวิดีโอเกมชื่อ Atari และเคยทำงานในช่วงฤดูร้อนให้กับ Hewlett Packard ด้วยเช่นกัน

Wozniak ได้นำความรู้และประสบการณ์มาทดลองออกแบบคอมพิวเตอร์ด้วยแนวทางของตัวเอง โดยใช้ชิปเท่าที่จะหาได้ มาประกอบกับคีย์บอร์ด QWERTY และมีจอโทรทัศน์เป็นเครื่องแสดงผลในช่วงแรกเริ่ม

และเมื่อออกมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล Jobs ก็เป็นผู้เสนอความคิดให้ลองนำสิ่งประดิษฐ์นี้ออกวางขายในเวลาต่อมา

ผลงานการประดิษฐ์ชิ้นนั้นของ Wozniak ถือเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่นแรก ๆ ของโลก เครื่องคอมพิวเตอร์นี้ถูกตั้งชื่อต่อมาว่า “Apple I”

สิ่งสำคัญไม่แพ้การสนับสนุนจากสถาบันการศึกษาก็คือ “เสรีภาพทางความคิด”

ซิลิคอนแวลลีย์ มีสมาคมมากมายที่เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนทางความคิด นำเสนอไอเดีย จึงกลายเป็นวัฒนธรรมที่หล่อหลอมให้คนรุ่นใหม่กล้าคิดกล้าทำ และเติบโตไปบนหนทางสร้างสรรค์ที่ตัวเองตั้งใจ

คอมพิวเตอร์ของ Wozniak ก็ถูกนำเสนอแก่สายตาสมาชิกในสมาคมโฮมบรูว์ในช่วงปลายปี 1975 ซึ่งหนึ่งในผู้เข้ามาร่วมชม คือ เจ้าของร้าน The Byte Shop ร้านขายของเบ็ดเตล็ดและอุปกรณ์ไอที
ที่เกิดความประทับใจกับคอมพิวเตอร์ชิ้นนี้มาก จึงได้สั่งซื้อคอมพิวเตอร์นี้ถึง 50 เครื่อง

แล้วก้าวแรกของบริษัท Apple ก็เริ่มต้นขึ้นในเมืองคูเปอร์ติโน ทางตอนใต้ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ในอีก 1 ปีถัดมา..

ใครจะไปเชื่อว่า จากบริษัทเล็ก ๆ ที่มีผู้ก่อตั้งเป็นผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยี 2 คน
ในปี 1980 หลังการก่อตั้งเพียง 4 ปี บริษัทสามารถเติบโตจนเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นในฐานะบริษัทมหาชนได้สำเร็จ และได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ในตอนนี้..

เมื่อมีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแล้ว อีกหนึ่งก้าวสำคัญของซิลิคอนแวลลีย์ ก็เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970s
นั่นก็คือ จุดเริ่มต้นของ “อินเทอร์เน็ต”

เมื่อบริษัทไอที ชื่อ Xerox ได้จัดตั้งศูนย์วิจัยในเมืองพาโล อัลโต ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ชื่อว่า Xerox Palo Alto Research Center หรือ Xerox PARC

Xerox PARC ได้เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีเชื่อมต่อ จากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง ในยุคแรกที่มีชื่อว่า ระบบอีเทอร์เน็ต (Ethernet)

อีเทอร์เน็ต ถูกพัฒนาขึ้นในปี 1973 โดยเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับเครื่องพิมพ์ ผ่านเครือข่ายบริเวณระยะใกล้ หรือเครือข่าย LAN (Local Area Network)

ต่อมาในปี 1978 Vint Cerf ศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้ร่วมมือกับ Bob Kahn พัฒนาโพรโทคอล TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol)

ซึ่งโพรโทคอลที่ว่านี้ คือชุดของขั้นตอนและกฎระเบียบ ทำให้ภายในชุดกฎระเบียบเดียวกัน ทั้ง 2 เครื่องจะสามารถเข้าใจระบบของกันและกัน และสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้

โดยเฉพาะเลข Internet Protocol (IP) ที่เป็นการปูรากฐานให้กับโลกของอินเทอร์เน็ต
อุปกรณ์ทุกชนิดที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตจะต้องมีเลขนี้ เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ บนระบบเครือข่ายรู้จักกัน โดย IP จะระบุว่า เครือข่ายต่าง ๆ ควรเชื่อมโยงกันอย่างไร

เมื่อโลกอินเทอร์เน็ตถูกปูรากฐาน ต่อมาในยุค 1980s ก็เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการพัฒนาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลให้ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น

Doug Engelbart นักวิจัยจากสถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด ได้มาทำงานให้ PARC และได้พัฒนาระบบส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ หรือ Graphic User Interface (GUI)

จากคอมพิวเตอร์รุ่นแรก ๆ ที่ใช้งานยากและต้องใช้งานผ่านตัวอักษร
ระบบ GUI ได้เข้ามาช่วยเปลี่ยนการใช้งานให้ง่ายขึ้นผ่านทางสัญลักษณ์หรือภาพ เช่น ไอคอน หน้าต่างการใช้งาน เมนู ปุ่มเลือก รวมถึงการพัฒนา “ตัวชี้ตำแหน่ง X-Y” ซึ่งต่อมาก็คือ “เมาส์”

ทั้งระบบ GUI และเมาส์นี่เอง ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ Steve Jobs นำสิ่งเหล่านี้มาพัฒนาและเกิดเป็น “Macintosh” ในปี 1984 ซึ่งถือเป็น เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรก ๆ ที่มีการออกแบบอย่างเข้าใจผู้ใช้งาน

ในเวลานี้ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
ครัวเรือนชาวอเมริกันที่ครอบครองคอมพิวเตอร์เพิ่มจากร้อยละ 5 ในช่วงต้นทศวรรษ 1980s
มาเป็นร้อยละ 20 ในปี 1989

โลกอินเทอร์เน็ตถูกเชื่อมโยงเข้ากับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และเปิดทางให้เกิดการพัฒนา World Wide Web ในช่วงปี 1989 ซึ่งมีจุดเริ่มต้นเมื่อ นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัย CERN ในสวิตเซอร์แลนด์ ต้องการส่งข้อมูลให้กับเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก

World Wide Web, WWW คือ ระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต จากแหล่งข้อมูลหนึ่ง ไปยังแหล่งข้อมูลที่อยู่ห่างไกลทั่วโลก ให้มีความง่ายต่อการใช้งานมากที่สุด
โดยผ่านซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า “เบราว์เซอร์”

แล้ว “สาธารณชน” ในยุค 1990s ก็เข้าถึงโลกอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรก!

สหรัฐอเมริกากลายเป็นประเทศที่มีผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตสัดส่วนสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ในปี 1996 มีชาวอเมริกันเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสูงถึงร้อยละ 16
ในขณะที่หลายประเทศในยุโรปตะวันตกยังเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไม่ถึงร้อยละ 5

การเกิดขึ้นของ World Wide Web ทำให้ย่านซิลิคอนแวลลีย์เริ่มคึกคักไปด้วยบริษัทที่มีโมเดลทำรายได้ผ่านอินเทอร์เน็ต ที่ถูกมองว่าเป็นนวัตกรรมแห่งอนาคต ขึ้นมามากมาย

และสิ่งสำคัญที่สุด ที่มีมาตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทไอทีในยุค 1950s คือ ธุรกิจเงินร่วมลงทุน หรือ Venture Capital ดึงดูดให้บริษัทสตาร์ตอัปมากมาย หลั่งไหลเข้ามาใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบเหล่านี้

นักศึกษาปริญญาเอกสาขาคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด 2 คน
คือ Larry Page และ Sergey Brin ได้ร่วมกันพัฒนาโปรแกรมสำหรับใช้ค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตในรูปแบบของ Search Engine

โดยใช้การทำงานของ Robot ที่ชื่อว่า Spider ซึ่งเป็นตัวสำรวจข้อมูล เมื่อพบข้อมูลที่ต้องการก็จะส่งข้อมูลไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ต้นทาง

ปี 1998 ทั้ง 2 คน ได้ตั้งบริษัทที่ชื่อว่า “Google” ในเมืองเมนโลพาร์ก และ IPO เข้าสู่ตลาดหุ้นในอีก 5 ปีถัดมา

แล้วก็ไม่ต่างอะไรกับบริษัท Apple เพราะอีก 20 ปีต่อมา บริษัท Google ที่เปลี่ยนชื่อเป็น Alphabet ก็ได้กลายมาเป็น บริษัทที่มีมูลค่าเป็นอันดับ 5 ของโลก..

แม้ความรุ่งเรืองจากการเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ต จะพาซิลิคอนแวลลีย์เข้าสู่การเติบโตที่รวดเร็วเกินไปจนเกิดวิกฤติฟองสบู่ดอตคอมในช่วงก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 จนสร้างความเสียหายหลายบริษัทและนักลงทุนในตลาดหุ้นจำนวนมาก

แต่อย่างไรก็ตาม วิกฤติครั้งนั้น ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการพัฒนาของเทคโนโลยี ณ หุบเขาแห่งนี้ได้

หลังจากวิกฤติไม่นาน ก็มีการพัฒนาระบบ IPv6 ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลน IP ช่วยให้อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น นอกเหนือจากเครื่องคอมพิวเตอร์

ซึ่งปูทางมาถึงการเกิดขึ้นของ “สมาร์ตโฟน” โทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถในการใช้งานมัลติมีเดีย และเชื่อมต่อเข้ากับโลกอินเทอร์เน็ตอย่างไร้รอยต่อ ด้วยระบบ IPv6

หนึ่งในสมาร์ตโฟนที่โดดเด่นที่สุดก็คือ iPhone จากบริษัท Apple ที่เปิดตัวในปี 2007
เช่นเดียวกับ Google ที่ได้เข้าซื้อบริษัท Android และเปิดตัวโทรศัพท์แอนดรอยด์ในปี 2008
และทั้งสองก็แข่งขันกันพัฒนาระบบปฏิบัติการของตัวเอง

เมื่อผู้คนเริ่มใช้สมาร์ตโฟนมากขึ้น นำมาสู่การเกิดขึ้นของ “Application” ซอฟต์แวร์ที่ใช้เพื่อช่วยการทำงานต่าง ๆ ของผู้ใช้งาน

โดยแอปพลิเคชัน จะมีส่วนที่ติดต่อกับผู้ใช้ (User Interface) หรือ UI เพื่อเป็นตัวกลางในการใช้งานให้ราบรื่น

และด้วยความที่ซิลิคอนแวลลีย์เต็มไปด้วย Venture Capital ที่คอยให้เงินทุนสนับสนุนไอเดียล้ำ ๆ
หุบเขาแห่งนี้ จึงยังคงเป็นแม่เหล็กดึงดูดบริษัทใหม่มากมาย โดยเฉพาะบริษัทที่จะมาสร้างสรรค์เครือข่ายสังคมออนไลน์..

ปี 2003 LinkedIn เกิดแพลตฟอร์มเครือข่ายธุรกิจในการหางานและผู้ร่วมงาน
ก่อตั้งโดย Reid Garrett Hoffman วิศวกรที่เคยทำงานให้กับ Apple

ปี 2004 เกิด Facebook เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้งานหลายพันล้านคนทั่วโลก
ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการคิดค้นวิธีการเชื่อมผู้คนในรูปแบบใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ของ Mark Zuckerberg พร้อมกับเพื่อนอีก 4 คน

ปี 2006 หลังออกจากมหาวิทยาลัย Jack Dorsey พร้อมกับเพื่อนอีก 3 คน
ได้ก่อตั้งเครือข่ายสังคมออนไลน์ประเภท Microblog ที่แสดงข้อความสั้น ๆ ความยาวไม่เกิน 140 ตัวอักษร
โดยคิดค้นชื่อที่มาจากคำว่า Tweet ซึ่งแปลว่าเสียงนกร้อง Logo ของบริษัทจึงเป็นรูปนก และบริษัทนี้มีชื่อว่า Twitter

ปี 2009 เกิด WhatsApp แอปพลิเคชันในการติดต่อสื่อสารด้วยข้อความ ก่อตั้งโดย Jan Koum โปรแกรมเมอร์ที่เห็นประโยชน์จากการเกิดขึ้นของสมาร์ตโฟน

บริษัททั้งหมดล้วนมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในซิลิคอนแวลลีย์
หุบเขาแห่งเทคโนโลยีแห่งนี้ยังคงดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้เข้าไปเติมเต็มความฝัน เพื่อสร้างสรรค์อุปกรณ์ไอทีที่ไฮเทคขึ้นเรื่อย ๆ

และเปลี่ยนแปลงมาสู่โลกของเครือข่ายอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและเชื่อมต่อกันและกัน หรือเรียกว่า “Internet of Things” ที่จะเข้ามามีบทบาทในทุกย่างก้าวของชีวิต

ความสำเร็จของอุตสาหกรรมไอทีที่ทำให้สหรัฐอเมริกากลายเป็นมหาอำนาจของโลก ล้วนมีที่มาจากหลายปัจจัย

ทั้งระบบการศึกษาที่เข้มแข็ง ที่สร้างองค์ความรู้และช่วยวางรากฐานสู่โลกธุรกิจ
วัฒนธรรมแห่งเสรีภาพ ที่สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่กล้าคิดกล้าทำเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
แหล่งเงินทุน ที่เข้าถึงง่ายและมีหลากหลายรูปแบบ
และเครือข่ายผู้คิดค้นนวัตกรรมที่เติมเต็มความฝันต่อยอดกันไปไม่รู้จบ

หากถามว่า อิทธิพลทางเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาจะคงอยู่อีกนานแค่ไหน ?

เมื่อไรที่มนุษย์จะหยุดฝัน เมื่อนั้นอาจเป็นคำตอบ..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-มิเชลล์ ควินน์, เมื่อซิลิคอนแวลลีย์เติบใหญ่ นิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2562
-https://www.parc.com/about-parc/parc-history/
-https://www.internetsociety.org/wp-content/uploads/2017/09/ISOC-History-of-the-Internet_1997.pdf
-https://searchnetworking.techtarget.com/definition/TCP-IP
-https://www.lifewire.com/transmission-control-protocol-and-internet-protocol-816255
-https://tradingeconomics.com/united-states/personal-computers-per-100-people-wb-data.html
-https://www.businessinsider.com.au/highest-valued-public-companies-apple-aramco-biggest-market-cap-2020-1
-https://www.forbes.com/profile/reid-hoffman/#5f276ca61849
-http://startitup.in.th/the-rags-to-rich-jan-koum-whatsapp-co-founder-startup-story/
-https://www.set.or.th/set/enterprise/html.do?name=vc

TCM Treatments of COVID-19

Written in Chinese by Dr. Andy Lee, March 7, 2020 (http://andylee.pro/wp/?p=7660)

Translated to English by Dr. James Yeh, March 13, 2020

I published an essay “From SARS to Novel Coronavirus” in Chinese on January 21, 2020 (http://andylee.pro/wp/?p=7169). At that time, I tried to discuss possible Traditional Chinese Medicine (TCM) treatments of Novel Coronavirus based on my clinical experience of treating many severe cases of pneumonia caused by various influenza and other diseases. Since then, I have directly and indirectly participated in treating patients of Novel Coronavirus successfully, had discussions with many doctors fighting the epidemic at the front line and many researchers conducting related researches, and read many reports on this subject. Although the “Novel Coronavirus Pneumonia” has been renamed to “COVID-19” (coronavirus disease 2019) and the name of the virus has officially named from “2019-nCoV” to “SARS-CoV-2”, I now firmly believe that my original judgment, views, and interpretations are correct. For the sake of easiness for people to read and share, in this essay, I am reorganizing my previous discussions and including some explanations on certain confusions as well.

First, there are numerous provinces and cities in China using TCM to fight the “COVID-19” (I will use the term “Coronavirus” from now on.) No matter whether the treatments were primarily using TCM or the combination of TCM and the methods of Western medicine, there have been a significant amount of positive outcomes. On the other hand, the views of how to use TCM to treat and the use of corresponding herbal formulas vary quite a bit. Even when TCM remedies were effective, why did some patients fully recover and were discharged from the hospitals but other patients still could not get the virus-free “negative confirmation” from virus DNA tests?

Many TCM doctors participating in the treatments and discussions often look at the Coronavirus issue from a single “Point” or the condition of the patient at that specific moment. Some interpreted the disease as “Dampness” (濕), “Dryness” (燥), “Cold” (寒), or “Heat” (熱). (Translator’s note: These interpretations are often the opposite ends of the spectra, like Dampness is opposite to Dryness; and Cold is opposite to Heat.) From the clinical practice point of view, those treatments based on such conflicting interpretations all had positive effects to some degrees. Then, which interpretation is the “correct one”? In fact, those simple interpretations all have some merits but don’t fully cover the subject in hand. Although TCM is based on “Dialectical Treatment” (辯證論治), i.e. treatment is derived from “observation and diagnosis” of patients’ complex symptoms, the most important thing is that disease shouldn’t be viewed as an isolated problem at a specific time, but the whole development of symptoms along a timeline. Not only we need to observe and diagnose the current ailment but also we have to understand the development history of the disease and to project how the disease will develop in the future. For a single patient, we might be able to focus on the clinical results of this patient. But for epidemics, we have to look at a bigger picture and take into account how this Coronavirus develops health issues inside the human body from TCM’s perspective. And, in clinical treatments, we also need to consider many variants caused by each patient’s preconditions and one’s strength to fight off the disease.

From my experience of curing many patients who were inflicted with flu-induced pneumonia and complications, and the recent participation in treating and curing Coronavirus patients, it is proper to summarize that no matter whether the virus is Coronavirus, bird flu, swine flu, or the “common” flu, we found that the bodily deterioration caused by the virus, in general, follows the description from the TCM theory first covered in the ancient literature “Treatise on Cold Damage on Miscellaneous Disease ” (傷寒雜病論). However, the progressions of the disease from such special viruses are much faster, more severe, and/or more persistent than that of the common flu. Patients’ own original “health” condition also complicates the progression. (Translator’s note: For example, the infliction rate of young children is much smaller than that of adults for Coronavirus.)

As I explained before, the TCM theory discussed that for the common flu or “catching a cold”, the disease starts with “Exterior Deficiency or Weakness” (表虛). That is, the “exterior” of the body is invaded by the “External Pathogen” (外邪), like virus, and has adverse reactions. (Translator’s note: Here the exterior doesn’t mean just the outside surface of the body like the skin, but all the surfaces topologically exposed to the outside like lining of throat, nose, and bronchus of the body.) This is the first stage of the whole episode and often can be effectively treated with the herbal prescriptions such as “Gui Zhi Tang” (桂枝湯). If the patient is not properly treated, the body fluids within the surface and muscles could not function properly. It will cause the transition to the next stage “Exterior Excess” (表實). (Translator’s note: The word Excess has various meanings: excessive reactions all the way to neoplasm, excessive wasteful things, etc.) Viral infection at this stage is matched to one of the several syndromes named with the corresponding herbal remedies such as “Ge Geng Tang” (葛根湯), “Ma Huang Tang” (麻黃湯證), and others. The TCM theory calls this stage “Exterior Coldness” (表寒). In history, many TCM doctors considered this stage as the body being hurt by outside coldness (傷於寒) or in plain words “Catching Cold”. However, that is a misunderstanding. While outside coldness is one of the causes leading to the stage “Exterior Coldness”, it is not the only cause. When the body fluids could not function properly, the normal body fluids which had proper fluidity to circulate and to fulfill vital functions (活水) became a pot of “Dead Water” (死水), i.e. wasteful water which can’t fulfill vital functions. In other words, the ancient literature “Treatise on Cold Damage on Miscellaneous Disease” (傷寒雜病論) is much beyond the simple interpretation of how to treat the ailment caused by “cold damage”, but a classical literature of explaining both the physiology and pathology of human body functions.

Normally, the ailment or symptoms of the common flu would be limited at this stage of “Exterior Coldness”. Even without any treatment, the human body often could fight off the virus with an immune response and fully recover. But when the effects of Exterior Coldness started to penetrate into the interior of the body, the first common organs to be affected will be the organs that have a short path to the outside. (Translator’s note: Topologically, trachea and lung are only a membrane distance away from the outside air.) Then the Exterior Coldness gets transformed into the next stages such as “Interior Coldness” (裡寒) and “Lung Coldness” (肺寒). (Translator’s note: Here “Lung” means the whole respiratory system, not only the lung organ.) Clinically, the patients start to show symptoms of the syndrome named after its herbal remedy “Xiao Qing Long Tang” (小青龍湯). At this stage, the patients have serious coughing and running nose. When the respiratory system is “affected by the coldness”, the body fluid function of the respiratory system gets affected. Just like when the cooling system of a car malfunctions, the engine would overheat. The circulation function of the lung becomes “Dry and Overheated” (燥热). This would lead to the next stage of “Heated Interior” (入裡化熱) and often be matched to its herbal remedy “Da Qing Long Tang” (大青龍湯). At this stage, it does not mean that the whole lung is “dry and heated”. In fact, many pneumonia patients exhibit “mixed coldness and heat” (寒熱夾雜) in the lung. For example, while the upper part of the lung is “dry and heated”, the lower part of the lung might suffer excessive mucus of a high density. Pleural effusion and hydronephrosis might start to develop quickly.

Such a complex situation was extensively discussed in Chapter 7 of the ancient literature “Synopsis of Prescriptions of the Golden Chamber” (金匱要略肺痿肺癰咳嗽上氣病脈證治第七篇). At this complex stage, the illness development varies significantly among patients of different preconditions and other variants. It is no longer the situation that a simple herbal remedy can be applied to all the situations. The TCM theory illustrates various treatments by those herbal remedies such as “She Gan Ma Hung Tang” (射干麻黃湯), “Ting Li Da Zao Xie Fei Tang” (葶藶大棗瀉肺湯), ”Ze Qi Tang” (澤漆湯), “Xiao Qing Long Jia Shi Gao Tang” (小青龍加石膏湯), and others. It doesn’t mean that one of the herbal remedies should be selected to treat a patient directly. Instead, the TCM Theory used these herbal remedies to teach its practitioners how to “think” and create a proper herbal remedy based on the conditions of a specific patient.

For example, the Coronavirus has quite a puzzling situation that many Western medicine doctors haven’t yet fully understood. Some severely affected patients exhibited fibrosis of the lung like the SARS phenomenon. Other severely affected patients did not have SARS-like lung fibrosis but had massive liquid cumulated in the lung, which even “drown” some patients to death. From the TCM point of view, it is not strange at all. Fibrosis of the lung is the typical following stage of Heated Interior matching to “Da Qing Long Tang” (大青龍湯). It was named as “Lung Atrophy” (肺痿) in the TCM theory. And the situation that one suffers from massive dense liquid accumulation is matched to symptoms of severe development after the stages matched to “She Gan Ma Hung Tang”( 射干麻黃湯) , “Ting Li Da Zao Xie Fei Tang” (葶藶大棗瀉肺湯), and others as discussed earlier. The TCM theory called it “Lung Abscess” (肺癰). In the TCM theory, Lung Atrophy and Lung Abscess are two progression paths of this virus depending on which path develops faster or even simultaneously. From the past and current reports, SARS virus tilts toward the path of Lung Atrophy, while the Coronavirus tilts a little more toward Lung Abscess.

The above explained the progression of flu and other epidemic virus infections. Now you might understand how different TCM doctors had different views or treatment methods, but all of the treatments had some partially positive effects. If a TCM doctor’s diagnosis at one particular moment was slight hotness of the lung, some mild herbs to “clean up the heat” (清熱解毒輕劑), often used by the “Southern School” doctrine (溫病派), might relieve the patient’s symptoms. But if a TCM doctor’s diagnosis at a different point of the progression was massive mucus accumulation, heavy dosage of strong herbs, often used by the “Northern or Classic School” doctrine (經方派) might be needed to treat Lung Abscess (肺癰). That is why we saw some reports that the “Pneumonia Formula One” (肺炎一號) used in Guangzhou city, which was based on mild herbs to reducing the “heat”, had some positive effects in Guangzhou but not so effective in Shanghai. In Shanghai, many TCM doctors had to switch to stronger herbal ingredient often found in “Da Qing Long Tang” (大青龍湯) and “She Gan Ma Hung Tang”( 射干麻黃湯) as discussed earlier. This was due to different weather patterns and different patients, i.e. different progression paths described in the previous paragraphs. In other words, from the specific moment of the doctor’s diagnosis, both views were correct. But neither of them grasped the progression timeline of this severe illness.

Another point raised earlier was why did some patients fully recover while others did not? According to the information given by the doctors on the front line, there were so-called “Western medicine and TCM combined treatments” in which Western medicine drugs were continuously given to the patients and TCM herbs were used as supplements. When adding TCM herbs had a positive effect and made a speedier recovery, it was all goodness. But when adding TCM herbs did not have positive results, then what? According to the doctors on the front line, the medical team did not really think through the stages of disease progression as discussed earlier and switch to different TCM remedies, but only increased the dosage of Western medicine drugs such as Interferon (干擾素), Chloroquine phosphate (磷酸氯喹) used to treat malaria (抗瘧疾藥物), Arbidol (阿比多爾) used to treat influenza (抗流感藥物), and others. Heavy dosages of such drugs had severe side effects and sequelae. In those “combined” treatments, the medical teams didn’t have enough TCM expertise to make sound decisions on herbal remedies. Instead, they simply used TCM herbs as “extra help”.

How about treatments primarily with TCM remedies? The chief Western medicine expert who leads the fight against the Coronavirus, Dr. Nanshan Zhong, admitted under political pressure that TCM was useful against light or even medium threat situations of Coronavirus but insisted that TCM could not cure severe cases. His statement was based on his belief that there is no ingredient in TCM herbs that could kill Coronavirus. I am sorry to say that Dr. Zhong is incorrect in this aspect. With solid patient cases as proof, TCM can actually cure severe cases of Coronavirus infection and other flu-related infections. When it did not, it is the particular TCM doctors who had not mastered the whole theory and methodology of TCM. But one thing that Dr. Zhong said correctly was that no ingredient in TCM herbs can “kill” the virus. However, the TCM treatment isn’t based on the ability to kill the virus. (Translator’s note: Western medicine drugs could not kill the virus either.) Many people still have the level of limited understanding that TCM can only improve the immunization ability or some herbs such as the root of Isatis tinctoria (板藍根) has some natural antibiotic chemicals. Such understanding is unfortunately poor and very limited. Although modern medical science still could not fully comprehend TCM theory and its clinical outcome, against Coronavirus, the better explanation is that TCM remedies can “improve the internal environment of the human body”. (Translator’s note: So that the patient would not fall into the adverse conditions that the organs fail to function.) In plain words, when the virus causes more mucus, TCM remedies reduce the mucus. When the virus causes fibrosis, TCM remedies reduce the “heat level” of the lung. TCM remedies tend to push the body and organs back to the original healthy states. Once the environment is unfriendly for the virus to keep replicating, the patients will have higher chances to eradicate the virus by themselves and recover. One can probably say that this explanation and method is similar to the idea of using Western medicine Interferon but without severe side effects. That is, TCM can cure not because it has the ability to “kill” virus by some ingredients but to help to restore patients’ “internal environment” to healthier conditions that prevent the virus from replicating quickly. (Translator’s note: If one buys the same argument made by Dr. Zhong that a medication needs to have ingredients to kill the Coronavirus, then all the medications used today would not qualify. Then do we give up? In fact, why TCM was not selected to treat severe cases was because those stronger and less commonly used herbs were not applied properly or the TCM doctors at hand had less confidence for doing so. )

Now, we can go back to discuss how clinically TCM can treat and cure Coronavirus patients. For light to mild cases, most of the different TCM treatment methodologies could help. For medium to severe cases, as I discussed in my previous essay, we need to utilize the strength of certain herbs:

- Sheng Shi Gao (Gypsum, 生石膏): To reduce heat inside the lung (清肺熱) and enhance the liquid circulation in the respiratory system (加強肺津液運作)

- She Gan (Belamcanda chinensis, 射干)、Zi Wan (Aster tataricus, 紫菀) 、Kuan Dong Hua (Tussilago farfara flower, 款冬花)、Sheng Ban Xia (Pinellia ternate, 生半夏)、Ting Li (Sisymbrium indicum, 葶藶)、Da Ji (Euphorbia pekinensis Rupr., 大戟), etc.: To reduce accumulation of excessive mucus and wasteful fluids inside the respiratory system (去肺下方濃稠痰飲、肺積水、胸腔積液等)

- Ma Huang (Ephedra sinica Stapf., 麻黃), etc.: To enhance the lung function (宣肺、發陽)

- Mai Men Dong (Ophiopogon japonicas, 麥門冬)、Xing Ren (Prunus armeniaca, 杏仁): To moisturize the lung (潤肺)

That is, we need to combine the theory and targeted responses of the various herbal remedies such as “Da Qing Long Tang” (大青龍湯), “She Gan Ma Hung Tang” (射干麻黃湯) , “Ting Li Da Zao Xie Fei Tang” (葶藶大棗瀉肺湯), ”Ze Qi Tang” (澤漆湯)“, etc. as discussed earlier, and properly adjust the dosages and ratios of ingredients to fit the requirements of individual patients based on their conditions. In addition, if the patients have other ailments, those conditions need to be taken into account also, such as:

- For “Coldness and Wetness of the Middle and Lower Abdomen“ (中下焦寒濕) or “Deficient Kidney Function” (腎陽不足): Add Bao Fu Zi (processed Aconitum carmichaelii Debx root, 炮附子)、Xi Xin (Asarum sieboldii, 細辛), etc.

- When the liver function is weak or damaged by heavy dosages of Western medicine drugs such as interferon: Add Chai Hu (Bupleuri Radix, 柴胡)、Huang Qin (Scutellaria baicalnsis Geprgi root, 黃芩), etc.

There is no question that it is very challenging to fight off the Coronavirus. The clinical treatments will seriously test TCM doctors’ thorough understanding of TCM and their ability and courage to call the right shots under a great amount of pressure. On the other hand, it is also a good time to prove that TCM can be effectively used to fight various viruses in a superb and speedy fashion with little sequelae and at a much lower cost.

For fighting such a new and aggressive virus epidemic, there is no single TCM herbal formula that can treat all situations. One must have deep knowledge of the stages of the disease, along with close examinations on patients’ preconditions, so one can use the most effective prescription to intercept and turn the symptoms around. On the other hand, many provinces and cities in China provided TCM guidelines on Coronavirus treatments and pre-fixed herbal formulas to address people’s demands on a herbal remedy for “common usage”. Among them, I found the current recommendation from the Chinese National TCM Administration the most appropriate for a good percentage of Coronavirus patients. The herbal remedy was recently named as “Qing Fei Pai Du Tang” (清肺排毒湯), which could probably be translated to “clean up the lung and get rid of the toxic”. In line with the discussion above, this specific herbal formula includes Ma Huang (Ephedra sinica Stapf., 麻黃), Zhi Gan Cao (processed Glycyrrhiza uralensis Fisch., 炙甘草)、Xing Ren (Prunus armeniaca, 杏仁)、Sheng Shi Gao (Gypsum, 生石膏)、Gui Zhi (Ramulus Cinnamom, 桂枝)、Ze Xie (Alisma orientalis, 澤瀉)、Zhu Ling (Polyporus umbellatus, 豬苓)、Bai Zhu (Atractylodes macrocephala Koidz., 白朮)、Fu Ling (Poria, 茯苓)、Chai Hu (Bupleuri Radix, 柴胡)、Huang Qin (Scutellaria baicalnsis Geprgi root, 黃芩)、Jiang Ban Xia (Pinellia ternate, 薑半夏)、Sheng Jiang (Ginger, 生薑)、Zi Wan (Aster tataricus, 紫菀)、Kuan Dong Hua (Tussilago farfara flower, 款冬花)、She Gan (Belamcanda chinensis, 射干)、Xi Xin (Asarum sieboldii, 細辛)、Shan Yao (Dioscorea oppositifolia, 山药)、Zhi Shi (Citrus aurantium, 枳實)、Chen Pi (Citrus reticulata Blanco, 陳皮)、and Huo Xiang (Pogostemon cabin, 藿香). Since such an herbal remedy was designed for “common usage”, it has to consider all degrees of disease severity. Therefore, the dosages can’t be too heavy, as the majority of the patient cases are light to mild. As the result, “Da Qing Long Tang” (大青龍湯) discussed earlier became a lighter herbal formula named as “Ma Xing Gan Shi Tang” (麻杏甘石湯). The stronger herbal ingredients such as Ting Li (Sisymbrium indicum, 葶藶) and Da Ji (Euphorbia pekinensis Rupr., 大戟) to treat pleural effusion and hydronephrosis are not included. Hence, for severe cases, the herbal remedy from the Chinese National TCM Administration needs to be enhanced with additional ingredients and larger dosages.

In summary, as long as the TCM doctors have sufficient knowledge and clinical experience, by applying the proper methodology, TCM alone is capable of dealing with severe Coronavirus infections. (Translator’s note: There is much to do to develop a comprehensive diagnostic and treatment methodology which can help many TCM doctors to pinpoint the patient’s condition and stages of the infection to make the proper decision, especially when fully qualified TCM doctors are of short supply.) At this moment, there is no “special drug” in Western medicine to cure Coronavirus, but to resort to cortisone, antibiotics, interferon, anti-malaria, anti-flu drugs to maintain the lives of patients and passively wait and hope that the patients’ bodies can find their own way to turn the situation around. Even then, the Western medicine drugs mentioned above all potentially have significant side effects and sequelae. Patients with severe cases might be able to get out of the deathbed but most likely live with some permanent damages to the body. Dr. Zhong, China’s chief Western medicine expert on the Coronavirus epidemic, also warned that the current path of developing the “special drug” would most likely lead to severe sequelae to the patients. Given that is the case, why don’t we put much more effort to fully develop the TCM treatment of viral infection, not just for Coronavirus but also for future viruses which will bound to happen in the future?

(Translator’s note: As China is getting good control of the virus spread and gradually recovers from this epidemic, the knowledge learned will be invaluable to the rest of the world. Europe and the United States are on the exponential rise of new cases as of the writing on 3/14/2020. Various models predict that in the US alone Coronavirus infections can reach millions, as discussed in the Opinion Column of New York Times, “How Much Worse the Coronavirus Could Get, in Charts” by Nicholas Kristof and Stuart A. Thompson, March 13, 2020. China should continue to put efforts to develop TCM diagnostic and treatment methodology so that millions of people in the rest of the world can be helped and saved. TCM is not just for science, it is for humanity.)

（http://andylee.pro/wp/?p=7729）
#當張仲景遇上史丹佛

👼 สอนเขียนโปรแกรมหรือสอนการโค้ดดิ้ง (coding) ให้กับเด็กทำได้อย่างไงบ้าง?
___________________________________
.
👩‍🏫 1) วิธีแรกสามารถสอนโค้ดดิ้งโดยไม่ต้องใช้คอม
___________________________________
คือถ้าเป็นในระดับมัธยมศึกษา มหาวิทยาลัย
ยังไงก็ต้องใช้คอม เพื่อสอนเขียนโปรแกรม
ไม่มีมันจะเขียนยังไงเนอะ
.
แต่การสอนโค้ดดิ้งในระดับประถมศึกษา
ถ้าจะสอนโค้ดดิ้งแบบให้รู้จัก syntax (ไวยากรณ์)
อาจไม่เหมาะ เพราะเกินวัยเด็ก
.
ด้วยเหตุนี้เขาจึงมีวิธีสอนแนวอื่นโดยไม่ต้องใช้คอม
แต่เน้นไปที่การฝึกตรรกะ และวิธีคิดแทน ยังไม่ต้องรู้จัก syntax ของภาษา
ในต่างประเทศเขามีโครงการ "CS Unplugged"
ชื่อแปลตรงไปตรงมา "วิทย์คอม (CS: computer science) แบบถอดปลั๊กออก"
.
เป็นการรวบรวมกิจกรรมที่ออกแบบมาให้สอนวิทย์คอม
โดยปราศจากการใช้คอมพิวเตอร์
แต่จะใช้ผ่านการเล่นเกม ทายปริศนา ฯลฯ
จะได้ไม่ยึดติดกับซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์
.
โดยกลุ่มเป้าหมายเน้นไปที่เด็กปฐมวัย ใช้ได้กับเด็กทั่วโลก
โครงการนี้มีมานานแล้ว กิจกรรมถูกออกแบบมาและปรับปรุงมาเรื่อยๆ
มีกิจกรรมทั้งหมดกว่า 20 กิจกรรม
.
รายละเอียดดูได้ที่เว็บ
https://www.csunplugged.org/en/
.
หนังสือเวอร์ชั่นภาษาไทยดาวน์โหลดได้ที่นี้
ของสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
https://drive.google.com/file/d/1fHLFzN2yri4pQRGBuABxJX04zq89gzSO/view
.
มีหนังสือคู่มือให้เอาไปใช้สอนเด็กได้นะครับ เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ
https://classic.csunplugged.org/wp-content/uploads/2015/03/CSUnplugged_OS_2015_v3.1.pdf
___________________________________
.
👨‍🏫 2) วิธีที่สองจะสอนเด็กใช้โปรแกรมภาษาภาพ
ใช้แค่กราฟฟิก ไม่ต้องพิมพ์ดีดเป็น Text
___________________________________
ภาษาเขียนโปรแกรมแบบนี้ชื่อภาษาอังกฤษคือ
"Visual programming language"
เรียกย่อๆ ว่า "VPL"
.
จะนิยมนำมาใช้สอนเด็กวัยประถม
เพื่อปูพื้นฐานเขียนโปรแกรม
อย่างในหลักสูตร "วิทยาการคำนวณ"
ของเด็กตั้งแต่ประถม ป.1 ยัน ป.6 ต่อด้วย ม.1, ม.2
ก็มีสอน Scratch เอาไว้เขียนโปรแกรม
.
สำหรับ Scratch ถูกพัฒนาโดย MIT
จะเหมาะกับการศึกษาอย่างยิ่ง
เวลาเด็กจะเขียนโปรแกรมนะเหรอๆ
เด็กๆ ก็แค่นำภาพกล่องคำสั่ง หรือบล็อกคำสั่งมาร้อยเรียงต่อเนื่อง
เพื่อสั่งหรือบังคับตัวละครในเกมให้ทำงานตามสั่งได้ตามใจชอบ
ซึ่งเรียนเขียนโปรแกรมแบบนี้จะเหมือนเล่นเกมเลย
เหมาะกับฝึกทักษะด้านลอจิกให้กับเด็กวัยนี้มาก
.
ภาษาเขียนโปรแกรมแบบ VPL ไม่ได้มีดีแค่เอาไว้ใช้ศึกษาเท่านั้น
ยังมีการนำไปใช้งานจริง ยึดเป็นอาชีพได้อีกด้วยนะ
.
ตัวภาษาเขียนโปรแกรมแบบนี้ที่ดังๆ เช่น (จริงๆ มีเยอะ)
- flowcode สำหรับงาน embedded microprocessors
- Labview ก็เอาไว้ใช้ควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้า PLC ในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ
- Construct 2 , Unity , Blender Game Engine เอาไว้ใช้สร้างเกมต่างๆ
- และอื่นๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึง
___________________________________
.
👩‍🏫 3) วิธีสุดท้ายให้เด็กรียนรู้ภาษาเขียนโปรแกรม
ด้วยการพิมพ์ดีดเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ
(พร้อมอักขระ อักษรต่างๆ)
.___________________________________
ปกติคนทั่วไปสามารถอ่านข้อความพวกนี้ออก
เพราะเป็นภาษาอังกฤษ
แต่ไม่เข้าใจความหมาย ก็ไม่ได้เรียนมาโดยตรงนิ
ข้อความมันจะเหมือนเข้ารหัสบางอย่างเอาไว้ (code)
.
ซึ่งการเขียนโปรแกรมวิธีนี้ก็คือวิธีดั้งเดิม
จะยืดหยุ่นพลิกแพลงหลายตลบ
และประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย
.
ยิ่งถ้าเป็นงานสายหลักของอาชีพโปรแกรมเมอร์
ไม่ว่าจะเป็น AI, embedded system, IoT, เว็บแอพลิเคชั่น, แอพลิเคชั่นบนคอม บนมือถือ เป็นต้น
ก็จะเขียนโปรแกรมแนวนี้แทบทั้งสิ้น
.
ถ้าจะยกตัวอย่างภาษาเขียนโปรแกรมดังๆ เช่น
Python, Java, JavaScript, C#, C, C++, PHP, Objective C, Swift, Kotlin, Go, Scala, SQL เป็นต้น
.
ซึ่งการเรียนภาษาพวกนี้เหมาะกับเด็กที่โตมาหน่อย
ตั้งแต่ระดับมัธยม ก็สามารถเรียนรู้ได้
อย่างในตำราเรียน "วิทยาการคำนวณ" ชั้น ม.1 ม.2
ก็บรรจุ python อยู่ในหลักสุตรเชียวน๊า
_______________________
.
สรุป เอาเป็นว่าถึงตอนนี้ หลักสูตรไทย
เขาวางให้เด็กๆ สมัยเนี่ย
ได้เรียนเขียนโปรแกรมตั้งแต่เด็กแล้ว
เป็นวิชาบังคับ
.
ตอนนี้ก็เริ่มจะทยอยเปิดสอนไปเรื่อยๆ
ปีหน้าหลักสูตรก็จะมาครบทุกชั้นปี
.
ในระดับประถมไม่ได้ยากอะไรเลย ใช้แค่ Scratch
ระดับม.ต้น เริ่มสอนเขียนจริงจังนิดหน่อย
พอตอนม.ปลาย เริ่มสอนพวกอัลอริทึม, วิทย์คอม, data science เป็นต้น
_______________________
.
.
++++++++++++++++++
ขอประชาสัมพันธ์ (ขายของ)
++++++++++++++++++
คอร์สรู้ทันเด็กม.ต้น ในเรื่องเขียนโปรแกรม สำหรับผู้มีพื้นฐานติดลบ (ใช้ภาษา Python) เปิดรอบ 2
รายละเอียด
👉 https://www.facebook.com/notes/โปรแกรมเมอร์ไทย-thai-programmer/คอร์สรู้ทันเด็กมต้น-ในเรื่องเขียนโปรแกรม-สำหรับผู้มีพื้นฐานติดลบ-ใช้ภาษา-python-/2516287358661100/
.
รูปแบบเป็นการเรียนทางไกลออนไลน์ ตัวต่อตัว ผ่าน TeamViwer
เหมาะกับคนที่ไม่ได้จบคอมมา เช่น แพทย์ ทันตะ อักษร นิติ นิเทศ ศิลปะ รัฐศาสตร์ บัญชี เป็นต้น
และต้องการเรียนตัวต่อตัว ไม่ใช่คอร์สวีดีโอ
.
.
เขียนโดยโปรแกรมเมอร์ไทย thai programmer

台中WP重機美容新店開箱!
重機要冷卻多久才能洗車?
MT-10熄火後全方位測溫
GOPRO 9 MAX LENS MOD
#WP重機美容 #台中建國路 #九德捷運站
--
Song: DayFox - Jungle
Music provided by Vlog No Copyright Music.
Video Link: https://youtu.be/PIzAuv9gucU
Song: InRp - Ocean Blue
Music provided by Vlog No Copyright Music.
Video Link: https://youtu.be/SCN-E1yVs1Y
--
如果喜歡影片歡迎訂閱及熱血贊助
https://reurl.cc/pDrvWZ
重車日常單元完整播放清單
https://reurl.cc/K6dKWj
大夜騎士FB粉專歡迎追蹤
https://www.facebook.com/TheDarkSideKnight
蝦皮購買手機架傳送門https://reurl.cc/jd3ykp
手機架介紹及安裝方式
極致工藝航太鋁合金手機架 | 不想跟車友用大眾手機架選這款就對了!
https://youtu.be/42usDAUm_zo
進入以下連結購買新世代全景運動相機
INSTA360 ONE X就送超長隱形自拍桿
https://www.insta360.com/sal/one_x?in...
INSTA360 ONE X豪華套裝開箱影片
https://youtu.be/NBisx_iblFA
PAKELO派克龍10W40機油道路版超級香!!! | 100%義大利原裝進口
https://youtu.be/0A_xaWxOG0E
---
建議剛訂閱的朋友必看以下幾集
軒仔聊車經 | 為何我的10沒快排 | 這集一次大解惑完未來不再回答相關問題
https://youtu.be/BxV_mWnkR3A
重機購車大小事 | 跟和潤車貸專員約7-11對保 | 闇夜惡獸降臨倒數中
https://youtu.be/mTY3G6jwP6U
重機購車大小事 | 買重機跟賣重機能同天交換!? | 中古重機同日車換車流程
https://youtu.be/qy-HcjqnmEg
扭力大王YAMAHA MT-10開箱! | 總算圓了三年前的終極重車夢
https://youtu.be/YGMjyLfZCHQ
購買中古重車有哪些注意事項 | 建議一定要跟前車主約時間賞車
https://youtu.be/DptMbjqXau0
名店Z騎衝x大大輪車業 | 更換MT-10四缸火星塞及來令片
https://youtu.be/4NYG1tTcjP0
早鳥聊車經 | 騎了幾個月的MT-10心得及優缺點
https://youtu.be/EYSAMtIcqq0

大車公會學長又在路上調皮雕掐喇
74快速這款逼車車距就能上國道?
前往WP重車美容的新店路上
GOPRO 9 MAX LENS MOD
#重機日常 #74快速檢核小汽車 #危險片段電影特效勿模仿
--
如果喜歡影片歡迎訂閱及熱血贊助
https://reurl.cc/pDrvWZ
重車日常單元完整播放清單
https://reurl.cc/K6dKWj
大夜騎士FB粉專歡迎追蹤
https://www.facebook.com/TheDarkSideKnight
蝦皮購買手機架傳送門https://reurl.cc/jd3ykp
手機架介紹及安裝方式
極致工藝航太鋁合金手機架 | 不想跟車友用大眾手機架選這款就對了!
https://youtu.be/42usDAUm_zo
進入以下連結購買新世代全景運動相機
INSTA360 ONE X就送超長隱形自拍桿
https://www.insta360.com/sal/one_x?in...
INSTA360 ONE X豪華套裝開箱影片
https://youtu.be/NBisx_iblFA
PAKELO派克龍10W40機油道路版超級香!!! | 100%義大利原裝進口
https://youtu.be/0A_xaWxOG0E
---
建議剛訂閱的朋友必看以下幾集
軒仔聊車經 | 為何我的10沒快排 | 這集一次大解惑完未來不再回答相關問題
https://youtu.be/BxV_mWnkR3A
重機購車大小事 | 跟和潤車貸專員約7-11對保 | 闇夜惡獸降臨倒數中
https://youtu.be/mTY3G6jwP6U
重機購車大小事 | 買重機跟賣重機能同天交換!? | 中古重機同日車換車流程
https://youtu.be/qy-HcjqnmEg
扭力大王YAMAHA MT-10開箱! | 總算圓了三年前的終極重車夢
https://youtu.be/YGMjyLfZCHQ
購買中古重車有哪些注意事項 | 建議一定要跟前車主約時間賞車
https://youtu.be/DptMbjqXau0
名店Z騎衝x大大輪車業 | 更換MT-10四缸火星塞及來令片
https://youtu.be/4NYG1tTcjP0
早鳥聊車經 | 騎了幾個月的MT-10心得及優缺點
https://youtu.be/EYSAMtIcqq0

SEO是什麼? 我靠SEO「不花一毛」賣出20萬元訂單 (自媒體賺錢)
哈囉! Weiting又來了，說好這周會多補上第一支【自媒體賺錢】的乾貨影片
～～～～～～～～～～～～～～～～
＊我和兩位Youtuber一起籌備的 (含300種綜藝字卡、轉場素材包、音效包）
YouTube從0開始剪輯線上課程「早鳥優惠」預售熱賣中！ https://school.futuremencourse.com/p/youtuber


所以這集影片，將會由淺入深介紹，
只要是跟google\YouTube要做自媒體「都非常重要」的 : SEO !!

今天也會從「完全不懂SEO」的新手的角度去介紹:
「何謂SEO」
(What is "Search Engine Opitimation"?)

之後如果有更多SEO相關的問題留言，我會再考慮做更多介紹!
歡迎在下面告訴我你對自媒體的任何問題!

＊「小船X未來人」YouTube金牌運營密集【合作優惠】:
https://littleboattancourse.teachable.com/?coupon_code=A200OFF&affcode=435466_kuuxhcns

________________________________________________________________

【想知道更多有關自媒體創業\YouTube剪輯教學】
以下是未來人「領取免費素材」，
以及「自媒體剪輯課程的早鳥E-mail等候名單」:
http://eepurl.com/hFeysn

～～～～～～～～～～～～～～～～～～～～～～～～～～～～

歡迎洽詢【 未來人頻道合作、剪輯＆設計服務 】：

＊影片剪輯
＊YouTube 頻道封面設計
＊YouTube 縮圖封面設計
＊各式海報、平面設計
＊WP網站架設服務
＊高效SEO文案撰寫

＊洽詢信箱：
chuangweiting@yahoo.com.tw

__________________________________________________________________
我的開頭歌曲使用來源：
A Himitsu - Adventures [Royalty Free Music]
Adventures by A Himitsu https://soundcloud.com/a-himitsu
Creative Commons — Attribution 3.0 Unported— CC BY 3.0
Free Download / Stream: http://bit.ly/2Pj0MtT
Music released by Argofox https://youtu.be/8BXNwnxaVQE
Music promoted by Audio Library https://youtu.be/MkNeIUgNPQ8