=========
ภาษี E-service ตัวร้าย? กับนายเกมเมอร์ 💸💸💸
=========
.
“ภาษี” คือหนึ่งใน “ค่าใช้จ่าย” ของประชาชนที่มีหน้าที่จ่าย เพื่อแลกมาซึ่งสวัสดิการทางสังคมต่าง ๆ ในอีกด้านหนึ่งภาษีคือ “รายได้” ของภาครัฐที่เรียกเก็บจากประชาชนในประเทศ เพื่อนำมาใช้อย่างคุ้มค่า สร้างสวัสดิการอันดีงามให้ประชาชนใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ทั้งเรื่องสาธารณสุข การคมนาคม สวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิต เป็นต้น
.
(แต่ต้องขอวงเล็บไว้นะครับว่า ความพึงพอใจในสวัสดิการที่ภาครัฐส่งมอบให้ประชาชนในแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่ามลรัฐไหนจะสามารถใช้ภาษีแล้วทำให้ประชาชนรู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับที่ต้องเสียไป)
.
ทางภาครัฐจะเรียกเก็บภาษีผ่านเครื่องมือต่าง ๆ เช่น ‘ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา’ เรียกเก็บจากคนธรรมดาผู้มีรายได้ตามเกณฑ์และอาศัยอยู่ในประเทศไทย ‘ภาษีนิติบุคคล’ ที่เรียกเก็บจากธุรกิจเอกชนที่จดทะเบียนจัดตั้งและมีกำไรอยู่ในประเทศไทย หรือ ‘ภาษีมูลค่าเพิ่ม’ ที่เรียกเก็บจากมูลค่าของการซื้อขายสินค้าและบริการในประเทศไทย เป็นต้น
.
ล่าสุดนี้ ทางรัฐบาลไทยได้ประกาศใช้เครื่องมือเรียกเก็บภาษีตัวใหม่ที่มีชื่อว่า ‘ภาษี e-service’ ที่พอเหมาะพอดีกับวิถีชีวิตในโลกปัจจุบัน เพราะด้วยรูปแบบของการให้บริการและการทำธุรกรรมในยุคนี้เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนมาก การซื้อขายสินค้าบริการทั้งหลายแปรสภาพไปอยู่บนช่องทางอิเล็กทรอนิกส์และอินเตอร์เน็ตมากขึ้น เครื่องมือนี้จึงเกิดขึ้น
.
เรื่องนี้ส่งผลกระทบกับผู้บริโภค ผู้ใช้บริการบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และเหล่าเกมเมอร์ที่ซื้อเกมผ่านแพลตฟอร์มเกมต่าง ๆ อย่างแน่นอน เพราะโดยภาพรวมแล้วภาระของผู้ประกอบการก็อาจจะถูกผลักมาให้ผู้บริโภคช่วยกันแบ่งรับแบ่งสู้ ราคาของสินค้าและบริการก็มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นนั่นเองครับ
.
แต่จะส่งผลกระทบในรูปแบบอย่างไรบ้าง ค่อย ๆ ไปทำความรู้จักกับ e-service ตัวนี้กันครับ
.
📌 ภาษี e-service คือ อะไร?
.
ปกติแล้วธุรกิจที่ขายสินค้าและบริการในประเทศไทยจะถูกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT ในอัตรา 7% จากผู้บริโภค ซึ่งผู้ประกอบการจะมีหน้าที่เก็บและนำส่งให้สรรพากร แต่ e-service จะเป็น VAT หรือภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ในต่างประเทศซึ่งไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศไทย ต้องมีหน้าที่เสียภาษีนี้ให้กับประเทศไทย เมื่อมีรายได้ค่าบริการผ่านแพลทฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ ในอัตรา 7% ของยอดสินค้าหรือบริการ
.
หลังจากวันที่ 1 กันยายน 2564 ผู้ที่ขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ให้กับลูกค้าในประเทศไทยจะมีภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้นจากเดิมตามกฏหมาย
.
📌 ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาษี e-service มีใครบ้าง?
.
โดยหลัก ๆ แล้วก็จะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น Facebook Instagram Youtube ซึ่งให้บริการเกี่ยวกับโฆษณาทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ธุรกิจให้บริการสตรีมมิ่งเพื่อความบันเทิง เช่น Netflix Spotify ธุรกิจที่ให้บริการออนไลน์ เช่น Agoda Booking.com Airbnb Grab และแพลตฟอร์มที่เป็นมาร์เก็ตเพลส หรือขายสินค้าออนไลน์ ทั้ง App Store, Play Store, Shopee, Amazon.com
.
สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเหล่าเกมเมอร์ ก็จะเป็นธุรกิจจำพวก Online Store ทั้ง Steam, PS Store, Nintendo Store และ XBOX Store รวมถึงตัวเกมที่มีการซื้อขายสินค้าด้วยเงินจริง การเติมเงินผ่านระบบที่อยู่ในต่างประเทศก็ต้องเสียภาษีนี้เช่นกัน เพราะในยุคนี้เกมต่าง ๆ จะถูกพัฒนาขึ้นมาภายใต้รูปแบบ in-game purchasing เสียเป็นส่วนใหญ่
.
📌 e-services เก็บทำไม มีในประเทศไทยที่เดียวหรือเปล่า?
.
อันที่จริงภาษี e-service เป็นภาษีที่ถูกเก็บตามคำแนะนำของ OECD โดยในหลายประเทศทั่วโลกกว่า 60 ประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย ก็ได้ออกหรือแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์มาก่อนหน้าประเทศไทยกันบ้างแล้ว
.
ว่ากันว่า e-service จะช่วยสร้างความเป็นธรรมให้แก่ธุรกิจภายในประเทศมากขึ้น ลองนึกดูเล่น ๆ ก็ได้ครับ ถ้าร้านเกมค้าปลีกในไทยต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มให้สรรพากรตามปกติ แต่ Steam ที่ขายเกมเหมือนกันไม่ต้องเสียภาษีอัตรา 7% เลย ชัดเจนว่าภาระค่าใช้จ่ายของร้านค้าปลีกจะเยอะกว่า ทำให้แพลตฟอร์มจากต่างประเทศรายนี้ได้เปรียบ เพราะมีช่องทางที่สามารถลดราคาเพื่อแข่งขันกับร้านเกมในไทยได้
.
📌 แล้วใครมันจะไปอยากเสียเงินมากกว่าเพื่อซื้อเกมที่เหมือนกันล่ะครับ ถูกไหม?
.
เมื่อมีการเก็บภาษีอย่างเท่าเทียมแล้ว แน่นอนว่ารายได้ของรัฐบาลไทยก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล มีการคาดการณ์ว่าจะสามารถเรียกเก็บภาษี e-service ได้มากกว่า 5 พันล้านบาทเลยล่ะครับ
.
📌 ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภคล่ะ มีอะไรบ้าง?
.
ถ้าพูดถึงผลกระทบที่เกิดกับผู้บริโภคที่เป็นบุคคลธรรมดาอย่างเรา ๆ โดยทั่วไป e-service ก็จะคล้ายกับ VAT ที่เราต้องเสียให้กับร้านค้าและบริการต่าง ๆ ในประเทศอยู่แล้ว
.
ซึ่งการเกิดขึ้นมาของภาษีตัวนี้จะทำให้ภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น เพราะพวกเขามีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีตัวนี้ให้กับทางสรรพากรตามข้อตกลง ทำให้จากเดิมที่ผู้ให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ไม่เคยต้องเสียภาษี e-service มาก่อน ต้องหาทางออกให้กับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
.
มีทางเลือกให้ 2 ทางครับ ทางเลือกแรกคือเรียกเก็บค่าสินค้าและบริการเท่าเดิม ไม่ชาร์จภาษี e-service เพิ่มจากลูกค้า อันนี้ก็เป็นผลดีกับตัวลูกค้า เพราะผู้ประกอบการใจป๋ายอมแบกรับต้นทุนส่วนเพิ่มนี้เอาไว้เอง
.
หากเป็นทางเลือกที่สอง คือ ผู้ประกอบการไม่อยากรับภาระส่วนนี้ไว้ เพราะต้องการรักษาความสามารถในการทำกำไรให้ได้เท่าเดิม แน่นอนว่าเขาก็ต้องผลักภาระส่วนนี้ให้กับผู้บริโภคอย่างเรา สินค้าก็จะแพงขึ้นประมาณ 7% บวกลบจากราคาก่อนหน้านี้
.
ในฐานะนักลงทุนที่คลุกคลีกับวงการเกมอยู่บ้าง ผมเชื่อว่าผู้พัฒนาเกมจะเลือกผลักภาระนี้มาให้ลูกค้าครับ เพราะโดยส่วนใหญ่อำนาจต่อรองของผู้พัฒนาเกมมีสูงกว่าผู้เล่น โดยเฉพาะเกมที่มีกลุ่มคนเล่นมากมาย และมี Network Effect ที่แข็งแกร่งมหาศาล
.
นึกภาพตามครับว่าเรากำลังเล่นเกม MOBA ยอดนิยมเกมหนึ่งมาอย่างยาวนาน ซื้อของในเกมไว้มากมาย ไต่แรงค์ไปอยู่เทียร์บนได้อย่างสง่าผ่าเผย ถ้าอนาคตผู้พัฒนาเกมจะขึ้นราคาสินค้าอีก 7% หรือมากกว่า เราจะยอมเลิกเล่นเกมนั้นแล้วเปลี่ยนไปเล่นเกมอื่น หรือหยุดซื้อของในเกมนั้นเพื่อแอนตี้ภาษีตัวนี้ แล้วยอมให้คนอื่น ๆ ที่ยังจ่ายเงินซื้อของในเกมเหมือนเดิมแซงหน้าไปหรือเปล่าล่ะ?
.
และสำหรับเกมเมอร์ที่ชอบไปลองเล่นเกมตามหน้าร้านแล้วรอกดซื้อเกมตอน Steam ประกาศลดราคา ก็อาจจะไม่เห็นความแตกต่างในการทำโปรโมชั่นบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากเหมือนที่ผ่านมา เพราะการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการไทยกับต่างประเทศจะมีความเท่าเทียมมากขึ้น
.
สรุปโดยง่าย หลังจากวันที่ 1 กันยายน 2564เป็นต้นไป เกมเมอร์ทุกคนอาจจะต้องซื้อเกมผ่านดิจิตอลแพลตฟอร์ม และ Online Store ต่าง ๆ เพิ่มขึ้นจากปกติ 7% บวกลบ นอกจากนี้ระบบการเติมเงินหรือซื้อสินค้าในเกมก็อาจจะโดนชาร์จภาษีตัวนี้เพิ่มเข้าไปด้วยเช่นกัน
.
ผมเข้าใจว่าเกมเมอร์ ผู้บริโภค ทุกคนย่อมหงุดหงิดเป็นธรรมดาเมื่อสินค้าและบริการมีโอกาสแพงขึ้น 7% แต่อัตราภาษีที่ถูกเรียกเก็บนี้ถือว่าไม่แพงมากนัก เมื่อเทียบกับประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรปที่เก็บภาษี e-service ในอัตรา 17-27% แม้กระทั่งเพื่อนบ้านอย่างอินโดนิเซียก็เรียกเก็บภาษีนี้ในอัตรา 10% และภาษีนี้จะเป็นหนึ่งในรายได้ที่ไหลเข้ากระเป๋าเงินของรัฐเพิ่มขึ้นในอนาคต
.
อันที่จริงผมเชื่อครับว่า ภาษี e-service ที่ชาร์จเพิ่ม 7% บนมูลค่าของสินค้าและบริการทางอิเล็กทรอนิกส์นี้จะไม่เป็นเรื่องใหญ่อะไร หรือเป็นตัวร้ายในสายตาของใครเลย หากผู้บริโภคอย่างเรารู้สึกว่าเงินเหล่านี้จะถูกนำไปใช้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ สามารถสร้างสวัสดิการที่ดีให้ทุกคนภายในประเทศมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
.
เหมือนอย่างที่ผมกล่าวมาในตอนต้น ถ้าเงินภาษีเหล่านี้ถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนคนไทย (ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มใด) อย่างแท้จริง
.
รัฐอยากจะเก็บ 10-20% ประชาชนก็คงไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไรเลย...
.
บทความโดย ปั้น - จิตรกร แสงวิสุทธิ์ Investment Planner แอดมินเพจ "นายปั้นเงิน"
.
💡 ติดตามความรู้ด้านการเงิน การออมและการลงทุน ได้ที่เพจ นายปั้นเงิน เพจที่จะทำให้เรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย ( https://www.facebook.com/artisanmoney/ )
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過87萬的網紅Paul Pattarapon พอล ภัทรพล,也在其Youtube影片中提到,EP. นี้ว่าด้วยเรื่องภาษี ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ?! และความหมายที่แท้จริงของภาษีคืออะไร ?! และข้อมูลทั้งหมดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับภาษีที่คุณควรรู้และน่าส...
「ภาษีนิติบุคคล」的推薦目錄:
- 關於ภาษีนิติบุคคล 在 GamingDose Facebook 的最佳解答
- 關於ภาษีนิติบุคคล 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的精選貼文
- 關於ภาษีนิติบุคคล 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最佳解答
- 關於ภาษีนิติบุคคล 在 Paul Pattarapon พอล ภัทรพล Youtube 的最佳解答
- 關於ภาษีนิติบุคคล 在 manopyellow Youtube 的最讚貼文
- 關於ภาษีนิติบุคคล 在 รู้ทุกเรื่อง ! ภาษีเงินได้นิติบุคคล คืออะไร คำนวณแบบไหน ? สรุปในคลิป ... 的評價
- 關於ภาษีนิติบุคคล 在 ภาษีนิติบุคคล เรื่องที่คนเริ่มต้นทำธุรกิจต้องศึกษาอย่างเข้าใจ | Fillgoods 的評價
- 關於ภาษีนิติบุคคล 在 ภาษีเงินได้นิติบุคคล ต่างจาก ภาษีเงินไ้ด้บุคคลธรรมดายังไง - Facebook 的評價
ภาษีนิติบุคคล 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的精選貼文
มนุษย์เงินเดือนหลายคนคงมีความคิดที่อยากจะเติบโตแล้วก้าวออกมาเป็นเจ้าของธุรกิจเองดูบ้าง แต่หลายครั้งก็เพียงแค่คิดแต่ไม่ลงมือทำสักที วันนี้จึงได้นำเอา 5 ขั้นตอน Move on จากมนุษย์เงินเดือน สู่เจ้าของธุรกิจ มาฝากให้ทุกท่านได้เตรียมความพร้อมเป็นเถ้าแก่คนใหม่กัน
.
ผลสำรวจในปี 2020 พบอัตราการลาออกของมนุษย์เงินเดือนที่มากขึ้น โดยเหตุผลการลาออกส่วนนึงเพื่อประกอบธุรกิจส่วนตัว ซึ่งการทำธุรกิจนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ยากเกินความสามารถหากแต่ต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญในการบริหารงาน รวมถึงประสบการณ์ในด้านต่างๆ ดังนั้นสำหรับพนักงานประจำทุกท่านที่อยากจะ Move on จากการเป็นมนุษย์เงินเดือน ก็สามารถเตรียมตัว เตรียมความพร้อมในการก้าวออกจาก comfort zone เพื่อดำเนินธุรกิจของตัวเองตามความฝัน ด้วย 5 ขั้นตอนต่อไปนี้
.
1. วางแผนการทำธุรกิจ
ก่อนจะลงมือทำอะไรสักอย่างก็ต้องมีแผน ธุรกิจก็เช่นเดียวกันการวางแผนจะทำให้คุณมองเห็นภาพรวมของธุรกิจทุกมุมมอง โดยควรจะวางแผนตั้งโมเดลธุรกิจ หนทางการสร้างรายได้ สินค้าหรือบริการคืออะไร กลุ่มเป้าหมาย วิธีการโปรโมท ช่องทางการจัดจำหน่าย คู่แข่ง เงินลงทุน แหล่งเงินทุน ต้นทุนคงที่และแปรผัน การกำหนดราคา กำไร ระยะเวลาการคืนกำไร เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกหลายจุดที่แตกต่างกันไปในแต่ละธุรกิจดังนั้นการวางแผนธุรกิจควรทำอย่างละเอียดและรอบคอบ ไม่ควรรีบเร่งทำเพราะจะทำให้ตกหล่นบางอย่างที่สำคัญไป โดยส่วนมากการวางแผนธุรกิจควรใช้เวลอย่างน้อย 3 – 5 ปี
.
2. เลือกรูปแบบการทำธุรกิจให้เหมาะสม
โดยรูปแบบการทำธุรกิจก็แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ซึ่งการตัดสินใจจะต้องพิจารณาโดยการเทียบข้อมูลในเรื่องของภาษีและการหักค่าใช้จ่ายในส่วนต่าง ๆ
▪️ อัตราภาษีที่มีความแตกต่างกันมาก
- บุคคลธรรมดา เสียภาษีในอัตราก้าวหน้า ตั้งแต่ 5 – 35%
- นิติบุคคล ขนาดใหญ่ เสียภาษีในอัตราคงที่ คือ 20%
- นิติบุคคล ขนาดกลางและขนาดย่อม (มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท) อัตราภาษีก็จะลดลงอีก โดยแบ่งเป็น กำไรสุทธิที่น้อยกว่า 3 แสนบาทจะไม่เสียภาษี ในด้านกำไรสุทธิเกิน 3 แสนบาทแต่ไม่เกิน 3 ล้าน จะเสียภาษีในอัตรา 15% และกรณีกำไรสุทธิเกิน 3 ล้านบาทจะต้องเสียภาษีในอัตรา 20%
ซึ่งการประกอบธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคลอาจจะประหยัดภาษีได้มากกว่ารูปแบบบุคคลธรรมดา (ทั้งนี้ควรพิจารณาข้อมูลอื่นประกอบด้วย)
▪️ การหักค่าใช้จ่าย
- บุคคลธรรมดา สามารถเลือกใช้วิธีการหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาสำหรับเงินได้บางประเภท
- นิติบุคคล สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ตามจริง โดยที่จะต้องมีเอกสารหลักฐานประกอบการหักค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมด้วย
▪️ ความน่าเชื่อถือและความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
การประกอบกิจการรูปแบบนิติบุคคลจะสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายกว่าเพราะมีความน่าเชื่อถือที่มากกว่า ทั้งนี้ควรจะต้องพิจารณาเรื่องต้นทุนในด้านอื่นประกอบด้วย เช่น กรณีนิติบุคคลจำเป็นต้องมีการจ้างผู้ทำบัญชี และผู้สอบบัญชีเพื่อรับรองงบการเงิน เป็นต้น
.
3. จัดเตรียมทรัพยากรที่จำเป็น
ในการเริ่มต้นทำธุรกิจที่ยังมีเงินทุนที่จำกัด ควรมองหาว่าอะไรคือสิ่งที่คุณพอจะมีและนำมาใช้ได้ แล้วเลือกลงทุนในสิ่งที่จำเป็นจริงๆ เพื่อเป็นการประหยัดต้นทุน เช่น สถานที่ตั้งอาจจะใช้บ้านเดิมที่มีอยู่แล้วในการจดทะเบียนและเป็นสถานที่ทำงาน หากคุณยังไม่ได้มีสมาชิกในทีมมากจนถึงกับต้องเช่าพื้นที่สำนักงานที่มีราคาสูงกว่าและไม่รู้ว่าจะคุ้มกับกำไรที่ได้มาในช่วงเริ่มต้นหรือไม่ เมื่อถึงเวลาที่ธุรกิจเติบโตแล้วต้องการขยายธุรกิจเพิ่มจำนวนพนักงาน การย้ายที่ตั้งไปพื้นที่สำนักงานให้เช่าภายหลังก็ไม่ถือว่าสายไป ทั้งนี้ยังรวมถึงในเรื่องของอุปกรณ์การทำงานต่างๆ อีกด้วย
.
4. การวางแผนบริหารสภาพคล่องและเตรียมเงินทุนสำรอง
ในช่วงแรกก็คงจะไม่มีใครู้ได้ว่าธุรกิจที่ทำนั้นจะมีกำไร เท่าทุน หรือขาดทุน เพราะถึงแม้จะมีการเตรียมการวางแผนธุรกิจมาอย่างดีแต่ก็ยังมีปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้เช่นกัน
.
ดังนั้นการดำเนินธุรกิจในช่วงแรกมักจะมีความเสี่ยงในเรื่องการบริหารการเงิน เช่น อาจจะมีการจัดส่วนลดพิเศษหรือให้ทดลองใช้ฟรีเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจ ซึ่งนอกจากต้นทุนของการทำสินค้าหรือบริการแล้ว ควรที่จะคำนึงถึงการบริหารสภาพคล่องให้เหมาะสมด้วย
.
ในด้านของเงินทุนสำรอง เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นเดียวกันเพราะเป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจควรมีการจัดเตรียมไว้สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอีก 12 เดือน ข้างหน้า ซึ่งเงินทุนสำรองที่เหมาะสมนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละธุรกิจ ซึ่งขึ้นอยู่กับรูปแบบการทำธุรกิจ ทั้งเรื่องเงินทุนหมุนเวียน เครดิตเทอมกับคู่ค้าและลูกค้า เป็นต้น
.
5. พิจารณาบริหารความเสี่ยงเพิ่มเติมและพร้อมรับมือในทุกสถานการณ์
ขณะที่คุณกำลังทำงานเป็นพนักงานประจำนั้นสิ่งที่คุณได้มาอย่างหนึ่งเลยก็คือ สวัสดิการ แต่เมื่อคุณติดสินใจจะ Move on แล้ว ก็ต้องอย่าลืมว่าสวัสดิการเหล่านี้ที่เคยได้ก็จะไม่มีอีกต่อไป ดังนั้นจึงควรพิจารณาในความเสี่ยงตรงนี้เพิ่มด้วย แต่ถึงอย่างนั้นไม่ต้องกังวลใจไปเพียงแค่ต้องทราบและวางแผนเพื่อรับมือในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน เหล่าผู้ประกอบการทั้งหลายก็ควรที่จะมีสวัสดิการติดตัวไว้ จะได้ไม่กระทบต่อการเงินสำรองของธุรกิจและเงินออมของตัวเองในอนาคต
.
การเป็นเจ้าของธุรกิจนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ใช่เรื่องอยากอะไร เพียงแค่ต้องรู้และวางแผนอย่างรอบคอบในทุกด้าน เพราะในบางครั้งที่เราแค่คิดและลงมือทำเลยแต่ขาดการวางแผน การตัดสินใจนั้นอาจเป็นการ Move on เป็นวงกลมก็เป็นได้เพราะสุดท้ายก็ต้องกลับมาที่เก่า แต่ใครที่อยากจะ Move on จากมนุษย์เงินเดือนสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจอย่างจริงจัง ควรศึกษาข้อมูล วางแผน เตรียมการ พิจารณาส่วนต่างๆ ให้ดี ทั้งการบริหารการเงิน วิเคราะห์ความเสี่ยง การดำเนินธุรกิจ และเมื่อคุณมั่นใจว่าพร้อมแล้วในทุกขั้นตอน ก็ขอให้ตัดสินใจก้าวออกจาก Safe zone และลงมือทำได้เลย ความสำเร็จกำลังรอคุณอยู่ไม่ไกล
.
ที่มา : https://www.wealthsolution.co.th/index.php/th/blogs/showArticle/31
https://money.philliplife.com/5150
.
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan #อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#มนุษย์เงินเดือน #business #ธุรกิจ #ทำธุรกิจ #วางแผนการเงิน #ประสบความสำเร็จ #เจ้าของธุรกิจ #การเงิน #วางแผนการเงิน #ธุรกิจส่วนตัว #วางแผนธุรกิจ #ภาษี #ภาษีบุคคลธรรมดา #ภาษีนิติบุคคล #ภาษีธุรกิจ
ภาษีนิติบุคคล 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最佳解答
มนุษย์เงินเดือนหลายคนคงมีความคิดที่อยากจะเติบโตแล้วก้าวออกมาเป็นเจ้าของธุรกิจเองดูบ้าง แต่หลายครั้งก็เพียงแค่คิดแต่ไม่ลงมือทำสักที วันนี้จึงได้นำเอา 5 ขั้นตอน Move on จากมนุษย์เงินเดือน สู่เจ้าของธุรกิจ มาฝากให้ทุกท่านได้เตรียมความพร้อมเป็นเถ้าแก่คนใหม่กัน
.
ผลสำรวจในปี 2020 พบอัตราการลาออกของมนุษย์เงินเดือนที่มากขึ้น โดยเหตุผลการลาออกส่วนนึงเพื่อประกอบธุรกิจส่วนตัว ซึ่งการทำธุรกิจนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ยากเกินความสามารถหากแต่ต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญในการบริหารงาน รวมถึงประสบการณ์ในด้านต่างๆ ดังนั้นสำหรับพนักงานประจำทุกท่านที่อยากจะ Move on จากการเป็นมนุษย์เงินเดือน ก็สามารถเตรียมตัว เตรียมความพร้อมในการก้าวออกจาก comfort zone เพื่อดำเนินธุรกิจของตัวเองตามความฝัน ด้วย 5 ขั้นตอนต่อไปนี้
.
1. วางแผนการทำธุรกิจ
ก่อนจะลงมือทำอะไรสักอย่างก็ต้องมีแผน ธุรกิจก็เช่นเดียวกันการวางแผนจะทำให้คุณมองเห็นภาพรวมของธุรกิจทุกมุมมอง โดยควรจะวางแผนตั้งโมเดลธุรกิจ หนทางการสร้างรายได้ สินค้าหรือบริการคืออะไร กลุ่มเป้าหมาย วิธีการโปรโมท ช่องทางการจัดจำหน่าย คู่แข่ง เงินลงทุน แหล่งเงินทุน ต้นทุนคงที่และแปรผัน การกำหนดราคา กำไร ระยะเวลาการคืนกำไร เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกหลายจุดที่แตกต่างกันไปในแต่ละธุรกิจดังนั้นการวางแผนธุรกิจควรทำอย่างละเอียดและรอบคอบ ไม่ควรรีบเร่งทำเพราะจะทำให้ตกหล่นบางอย่างที่สำคัญไป โดยส่วนมากการวางแผนธุรกิจควรใช้เวลอย่างน้อย 3 – 5 ปี
.
2. เลือกรูปแบบการทำธุรกิจให้เหมาะสม
โดยรูปแบบการทำธุรกิจก็แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ซึ่งการตัดสินใจจะต้องพิจารณาโดยการเทียบข้อมูลในเรื่องของภาษีและการหักค่าใช้จ่ายในส่วนต่าง ๆ
▪️ อัตราภาษีที่มีความแตกต่างกันมาก
- บุคคลธรรมดา เสียภาษีในอัตราก้าวหน้า ตั้งแต่ 5 – 35%
- นิติบุคคล ขนาดใหญ่ เสียภาษีในอัตราคงที่ คือ 20%
- นิติบุคคล ขนาดกลางและขนาดย่อม (มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท) อัตราภาษีก็จะลดลงอีก โดยแบ่งเป็น กำไรสุทธิที่น้อยกว่า 3 แสนบาทจะไม่เสียภาษี ในด้านกำไรสุทธิเกิน 3 แสนบาทแต่ไม่เกิน 3 ล้าน จะเสียภาษีในอัตรา 15% และกรณีกำไรสุทธิเกิน 3 ล้านบาทจะต้องเสียภาษีในอัตรา 20%
ซึ่งการประกอบธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคลอาจจะประหยัดภาษีได้มากกว่ารูปแบบบุคคลธรรมดา (ทั้งนี้ควรพิจารณาข้อมูลอื่นประกอบด้วย)
▪️ การหักค่าใช้จ่าย
- บุคคลธรรมดา สามารถเลือกใช้วิธีการหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาสำหรับเงินได้บางประเภท
- นิติบุคคล สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ตามจริง โดยที่จะต้องมีเอกสารหลักฐานประกอบการหักค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมด้วย
▪️ ความน่าเชื่อถือและความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
การประกอบกิจการรูปแบบนิติบุคคลจะสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายกว่าเพราะมีความน่าเชื่อถือที่มากกว่า ทั้งนี้ควรจะต้องพิจารณาเรื่องต้นทุนในด้านอื่นประกอบด้วย เช่น กรณีนิติบุคคลจำเป็นต้องมีการจ้างผู้ทำบัญชี และผู้สอบบัญชีเพื่อรับรองงบการเงิน เป็นต้น
.
3. จัดเตรียมทรัพยากรที่จำเป็น
ในการเริ่มต้นทำธุรกิจที่ยังมีเงินทุนที่จำกัด ควรมองหาว่าอะไรคือสิ่งที่คุณพอจะมีและนำมาใช้ได้ แล้วเลือกลงทุนในสิ่งที่จำเป็นจริงๆ เพื่อเป็นการประหยัดต้นทุน เช่น สถานที่ตั้งอาจจะใช้บ้านเดิมที่มีอยู่แล้วในการจดทะเบียนและเป็นสถานที่ทำงาน หากคุณยังไม่ได้มีสมาชิกในทีมมากจนถึงกับต้องเช่าพื้นที่สำนักงานที่มีราคาสูงกว่าและไม่รู้ว่าจะคุ้มกับกำไรที่ได้มาในช่วงเริ่มต้นหรือไม่ เมื่อถึงเวลาที่ธุรกิจเติบโตแล้วต้องการขยายธุรกิจเพิ่มจำนวนพนักงาน การย้ายที่ตั้งไปพื้นที่สำนักงานให้เช่าภายหลังก็ไม่ถือว่าสายไป ทั้งนี้ยังรวมถึงในเรื่องของอุปกรณ์การทำงานต่างๆ อีกด้วย
.
4. การวางแผนบริหารสภาพคล่องและเตรียมเงินทุนสำรอง
ในช่วงแรกก็คงจะไม่มีใครู้ได้ว่าธุรกิจที่ทำนั้นจะมีกำไร เท่าทุน หรือขาดทุน เพราะถึงแม้จะมีการเตรียมการวางแผนธุรกิจมาอย่างดีแต่ก็ยังมีปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้เช่นกัน
.
ดังนั้นการดำเนินธุรกิจในช่วงแรกมักจะมีความเสี่ยงในเรื่องการบริหารการเงิน เช่น อาจจะมีการจัดส่วนลดพิเศษหรือให้ทดลองใช้ฟรีเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจ ซึ่งนอกจากต้นทุนของการทำสินค้าหรือบริการแล้ว ควรที่จะคำนึงถึงการบริหารสภาพคล่องให้เหมาะสมด้วย
.
ในด้านของเงินทุนสำรอง เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นเดียวกันเพราะเป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจควรมีการจัดเตรียมไว้สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอีก 12 เดือน ข้างหน้า ซึ่งเงินทุนสำรองที่เหมาะสมนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละธุรกิจ ซึ่งขึ้นอยู่กับรูปแบบการทำธุรกิจ ทั้งเรื่องเงินทุนหมุนเวียน เครดิตเทอมกับคู่ค้าและลูกค้า เป็นต้น
.
5. พิจารณาบริหารความเสี่ยงเพิ่มเติมและพร้อมรับมือในทุกสถานการณ์
ขณะที่คุณกำลังทำงานเป็นพนักงานประจำนั้นสิ่งที่คุณได้มาอย่างหนึ่งเลยก็คือ สวัสดิการ แต่เมื่อคุณติดสินใจจะ Move on แล้ว ก็ต้องอย่าลืมว่าสวัสดิการเหล่านี้ที่เคยได้ก็จะไม่มีอีกต่อไป ดังนั้นจึงควรพิจารณาในความเสี่ยงตรงนี้เพิ่มด้วย แต่ถึงอย่างนั้นไม่ต้องกังวลใจไปเพียงแค่ต้องทราบและวางแผนเพื่อรับมือในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน เหล่าผู้ประกอบการทั้งหลายก็ควรที่จะมีสวัสดิการติดตัวไว้ จะได้ไม่กระทบต่อการเงินสำรองของธุรกิจและเงินออมของตัวเองในอนาคต
.
การเป็นเจ้าของธุรกิจนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ใช่เรื่องอยากอะไร เพียงแค่ต้องรู้และวางแผนอย่างรอบคอบในทุกด้าน เพราะในบางครั้งที่เราแค่คิดและลงมือทำเลยแต่ขาดการวางแผน การตัดสินใจนั้นอาจเป็นการ Move on เป็นวงกลมก็เป็นได้เพราะสุดท้ายก็ต้องกลับมาที่เก่า แต่ใครที่อยากจะ Move on จากมนุษย์เงินเดือนสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจอย่างจริงจัง ควรศึกษาข้อมูล วางแผน เตรียมการ พิจารณาส่วนต่างๆ ให้ดี ทั้งการบริหารการเงิน วิเคราะห์ความเสี่ยง การดำเนินธุรกิจ และเมื่อคุณมั่นใจว่าพร้อมแล้วในทุกขั้นตอน ก็ขอให้ตัดสินใจก้าวออกจาก Safe zone และลงมือทำได้เลย ความสำเร็จกำลังรอคุณอยู่ไม่ไกล
.
ที่มา : https://www.wealthsolution.co.th/index.php/th/blogs/showArticle/31
https://money.philliplife.com/5150
.
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#มนุษย์เงินเดือน #business #ธุรกิจ #ทำธุรกิจ #วางแผนการเงิน #ประสบความสำเร็จ #เจ้าของธุรกิจ #การเงิน #วางแผนการเงิน #ธุรกิจส่วนตัว #วางแผนธุรกิจ #ภาษี #ภาษีบุคคลธรรมดา #ภาษีนิติบุคคล #ภาษีธุรกิจ
ภาษีนิติบุคคล 在 Paul Pattarapon พอล ภัทรพล Youtube 的最佳解答
EP. นี้ว่าด้วยเรื่องภาษี ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ?! และความหมายที่แท้จริงของภาษีคืออะไร ?!
และข้อมูลทั้งหมดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับภาษีที่คุณควรรู้และน่าสนใจ อยู่ใน EP.นี้ทั้งหมดครับ !!
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาตลอดครับ สำหรับใครที่ยังไม่ได้กดติดตาม สามารถเข้าไป
กดติดตามได้ที่ YouTube : https://www.youtube.com/paulpattarapon
ช่องทางการติดตาม
Facebook : https://www.facebook.com/paulpattaraponofficial
Instagram : https://www.instagram.com/paulpattarapon
Website : https://www.paulpattarapon.com
สนใจติดต่อโฆษณา และทำวีดีโอ YouTube
โทร : 092-664-8245
Email : paulpattarapon@casting-asia.com
Powered by CastingAsia
#MoneyMatters #PaulPattarapon #พอลภัทรพล #ภาษี #tax

ภาษีนิติบุคคล 在 manopyellow Youtube 的最讚貼文
รายการอาจารย์มานพพบปัญหา 614 Yellowการบัญชี www.yellowaccounting.com โดย อ.มานพ สีเหลือง และ อ.เจี๊ยบ

ภาษีนิติบุคคล 在 ภาษีนิติบุคคล เรื่องที่คนเริ่มต้นทำธุรกิจต้องศึกษาอย่างเข้าใจ | Fillgoods 的推薦與評價
สำหรับธุรกิจที่ต้องเสียภาษีนิติบุคคลจะมาจากการคำนวณเงินได้หับลบกับค่าใช้จ่ายตามจริงในการทำธุรกิจ (มีหลักฐานชัดเจน) จนเหลือเป็นกำไรสุทธิทางภาษีในแต่ละปีที่ดำเนิน ... ... <看更多>
ภาษีนิติบุคคล 在 ภาษีเงินได้นิติบุคคล ต่างจาก ภาษีเงินไ้ด้บุคคลธรรมดายังไง - Facebook 的推薦與評價
ภาษีเงินได้นิติบุคคล ต่างจาก ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดายังไง ลองฟังคำตอบในคลิปนี้ดกันดูครับผม #ภาษี #สรรพากร #บัญชี #การเงิน #TAXBugnoms #ภาษีเงินได้... ... <看更多>
ภาษีนิติบุคคล 在 รู้ทุกเรื่อง ! ภาษีเงินได้นิติบุคคล คืออะไร คำนวณแบบไหน ? สรุปในคลิป ... 的推薦與評價
29K views 11 months ago ศึก 12 ภาษี : ความรู้ ภาษี เบื้องต้นสำหรับประชาชน. จดบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนแล้ว ต้องรู้เรื่องภาษีเงินได้ นิติบุคคล ... ... <看更多>