#จับถูก_ให้มากกว่า_จับผิด
#แชร์ประสบการณ์ปรับพฤติกรรมลูกด้วย_Star_chart
.
เปิดเทอมมาได้ประมาณ 3 สัปดาห์
เชื่อว่าหลายบ้าน ก็เป็นเหมือนๆกันกับหมอ
คือเป็น "ผู้ประสบภัยด้านการปรับตัว(ไม่ทัน)"🤣🤣
.
ปีนี้ สาวน้อยที่บ้าน เป็นนักเรียน ป.1
ที่ผ่านมาในชั้น อนุบาล เค้าไม่เคยผ่าน
โรงเรียนแนวอ่านเขียนมาก่อน
เน้นเรียนผ่านเล่นเป็นหลัก
การไปโรงเรียนสำหรับเธอ คือ
การไปเล่นกับเพื่อน และไปกอดคุณครู
ในชั้นอนุบาล ก็มีปัญหาบ้างที่เค้าไม่จริงจัง
บางครั้ง ไม่ทำงานส่งคุณครู
เพราะอยู่ในโลกของจินตนาการตัวเอง (ครูบอกว่างั้น)
แต่เนื่องจากคุณครูใจดีมาก เข้าใจเค้ามากกกก
ครูก็จะใช้เทคนิค คำพูดที่ ค่อยๆทำให้เค้าเข้าใจ และทำตามในที่สุด
ซึ่งต้อง #ใช้เวลา พอสมควร
.
ตัดมาที่ชั้น ป.1 ในยุค COVID
เรียนที่โรงเรียนวัน เว้น วัน
ดังนั้นวันที่ไปเรียน เรียนเป็นวิชา วิชาละ 45 นาที 7 วิชา
และ เริ่มมีงาน ที่เค้าต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง
เริ่มมีการบ้าน ที่ต้องจดงาน
และตรวจ check ว่าครบถ้วนหรือไม่
มีหนังสือที่ต้องเอากลับบ้าน
มีสิ่งของที่ต้องเก็บให้ครบ
วันที่ไม่ไป โรงเรียน ต้องเรียนออนไลน์
และมีงานที่ครูสั่งเพิ่มขึ้นมา
.
สัปดาห์แรกของการไปโรงเรียน
เหมือน มรสุมในชีวิตทั้งแม่และลูก😅
วันแรก ลืมการบ้าน 2 งาน จาก 4 งาน
วันที่ 2 ลืมการบ้าน 1จาก 5 งาน และลืมของสำคัญ
วันที่ 3 หมอเปิด check กระเป๋า ก่อนขึ้นรถ ของครบ
แต่เมื่อกลับถึงบ้าน...มีจดหมายน้อยๆจากคุณครู
แนบว่า ว่านักเรียนไม่ส่งงาน
ผ่านสัปดาห์แรกไปอย่างทุลักทุเล
เหนื่อยล้า กันทั้งแม่ลูก😢
เริ่มสัปดาห์ที่ 2 หมอรับรู้ได้ว่า
คุณครู ชั้น ป.1 จริงจังมากแค่ไหน
(ซึ่งก็เข้าใจคุณครู)
หมอก็เลย พูดคุยกับลูกว่า มีอะไรบ้างที่แม่ และ ครู คาดหวังให้เค้าทำ
แต่สิ่งที่ #แย่ ของตัวเอง
ที่ถ้าหมอย้อนเวลากลับไปได้ หมอจะไม่ทำ
คือ หมอ #จับผิด และ #แสดงความไม่ไว้วางใจลูก หลายครั้งในสัปดาห์นั้น
เช่น “เอาการบ้านมาครบมั้ยลูก” พอลูกตอบ“ครบค่ะ”
“จริงเหรอ? ไหนเอามาเปิดให้แม่ดูเลยซิ”
“เอาของมาครบรึยัง...ลืมอะไรอีกรึเปล่า?” etc.
จนปลายสัปดาห์ที่ 2 สิ่งที่ลูกเล่า กับความเป็นจริง
มันเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกัน
เค้าเลือกบอกในสิ่งที่เราอยากฟัง...แต่มันไม่ใช่ความจริง
.
หมอรู้ว่า #ลูกเลือกจะโกหกเพราะเค้ากลัว
กลัวแม่ดุ กลัวแม่เสียใจ กลัวแม่ผิดหวัง
เหตุการณ์นี้ ทำให้หมอเศร้า และผิดหวังกับตัวเองมาก
.
🌷It only takes a few seconds to hurt people you love and it can take years to heal.💔
.
หมอ ตั้งหลัก ใหม่
ก่อนที่ตัวเองจะเป็นส่วนสำคัญในการทำร้ายจิตใจลูก
หมอ โชคดี มีพี่ๆที่น่ารัก เพื่อนๆ คอยให้กำลังใจ
และให้คำปรึกษา
เมื่ออารมณ์ไม่ครอบงำ เราก็มีสติพอ
ที่จะใช้ “ปัญญา” ในการแก้ปัญหา
.
เทคนิคในการปรับพฤติกรรมของลูกที่หมอเลือกมาใช้ในกรณีนี้
คือการใช้ Star chart
ความดีงามของ star chart ก็คือ
#เป็นสิ่งที่เปลี่ยนทั้งมุมมองของแม่และของเด็ก
================
ขั้นตอน
👉1. ปรับใจทั้งแม่ และ ลูก
❤สำหรับแม่ ถ้าเราเลือกใช้ star chart กับลูก แปลว่า เราปรับทัศนคติของตัวเอง ให้ #จับถูก
ถ้าลูกทำสิ่งที่เราต้องการได้ ให้ดาว (หรือ sticker รูปอะไรก็ได้) แต่ถ้าลูก ยังทำสิ่งที่เราต้องการไม่ได้ #ห้ามโกรธ #ห้ามดุ หรือ #ใช้อารมณ์ลบเด็ดขาด
ก็แค่ ลูกจะไม่ได้ดาวใน item นั้น
❤สำหรับลูก อธิบายให้เค้าเข้าใจว่า เราต้องการเห็นอะไรจากลูก บอกลูกให้รู้ว่าเราเชื่อมั่นในตัวลูก
เราเชื่อว่าลูก #อยากเป็นเด็กที่ดีขึ้น บอกข้อตกลงร่วมกัน ว่า หากลูกทำได้ จะได้ดาว
และหากดาวครบ ตามที่แม่กำหนด แม่จะมีรางวัลในความพยายามของหนู
(รางวัล ให้เด็กร้องขอเอง แต่พ่อแม่ก็ดูตามความเหมาะสม แต่ต้องตกลงไว้ก่อน แบบ win-win)
=================
👉2. ทำ chart ขึ้นมา
และติดไว้ในตำแหน่งที่ลูกมองเห็นได้ง่าย
ข้อตกลง ต้องเป็นรูปธรรม ชี้วัดได้ง่าย
เช่นทำการบ้านเสร็จใน 1 ชม.
ไม่ลืมการบ้านเลย
🙅♀️ไม่เอา สิ่งที่เป็นนามธรรม เช่น เป็นเด็กดี?
🙅♀️ต้องเป็นสิ่งที่ไม่ยากเกินไป ไม่ง่ายเกินไป
(ความยากเหมือนเราต้องเขย่ง กระโดด เพื่อเก็บของ ต้องใช้ความสามารถ แต่ก็มิใช่เป็นสิ่งที่ไม่มีหวังจะได้...เด็กก็จะไม่อยากทำ
=================
👉3. ในแต่ละวัน หากเค้าทำพฤติกรรมที่เราต้องการ
ที่ระบุไว้ ให้ sticker แก่ลูก
#และอย่าลืมใช้เทคนิคการชมเชิงบวก คือชมที่ความพยาม พูดรายละเอียดในสิ่งที่ลูกทำ
ให้เค้ารู้ว่าเราใส่ใจ และเรามองเห็นสิ่งที่เค้าทำ
==================
star chart สามารถใช้ได้แม่แต่ในเด็กเล็กนะคะ
ที่หมอชอบมากคือ
#การปรับพฤติกรรมพ่อแม่นี่แหละค่ะ 😍😍
บางที ด้วยความกดดัน ด้วยปัญหาต่างๆ
ก็ทำให้พ่อแม่ ลืม #จับถูก ลูก
ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ
สิ่งที่เค้าผิด มิใช่เพิกเฉย
ต้องชี้ให้เค้าได้เห็นผลเสีย
แต่เราไม่ยกมาพูดให้เค้า รู้สึกแย่กับตัวเอง
.
ผลที่หมอทำ star chart มา 2 สัปดาห์
คุณครูเห็นความเปลี่ยนแปลงหรือไม่ หมอไม่รู้
แต่ตัวหมอเอง เห็นถึง
ความรักลึกซึ้งที่ลูกมีให้กับเรา
หมอเห็นความพยายามของเด็กตัวเล็กๆ ที่
อยากเป็นคนที่แม่ภูมิใจ
อยากให้แม่เห็นว่าเค้าดีขึ้นทุกวัน
.
มาเป็น พ่อแม่ที่ จับถูก ลูกกันเถอะค่ะ
.
หมอแพม
ให้กำลังใจคุณพ่อคุณแม่ และเด็กๆทุกคน
ขอให้สถานการณ์กลับสู่ปกติในเร็ววัน
「วิชา แปลว่า」的推薦目錄:
- 關於วิชา แปลว่า 在 หมอแพมชวนอ่าน Facebook 的最讚貼文
- 關於วิชา แปลว่า 在 sittikorn saksang Facebook 的最佳解答
- 關於วิชา แปลว่า 在 School Subjects | ชื่อวิชา เรียกว่ายังไง | คำศัพท์ภาษาอังกฤษ 的評價
- 關於วิชา แปลว่า 在 ดิรัจฉานวิชา คำนี้ไม่ใช่ หรือไม่หมายถึงวิชาของสัตว์เดรัจฉาน ... 的評價
- 關於วิชา แปลว่า 在 game over แปลว่าอะไร-【บอนสีหายาก】 的評價
วิชา แปลว่า 在 sittikorn saksang Facebook 的最佳解答
การศึกษาการกำเนิดรัฐ ในพระไตรปิฎก เรื่อง "อัคคัญสูตร"
การศึกษาการกำเนิดรัฐ ในพระไตรปิฎก เรื่อง อัคคัญสูตร นี้ เกิดจากผมได้สรุป เลคเชอร์ ในสมัยเรียน วิชา "นิติปรัชญา" กับ อาจารย์รองศาสตราจารย์จรัญ โฆษณานันท์ ในสมัยปริญญาตรี ปี พ.ศ. 2539 และได้มาเรียนกับท่านอาจารย์ระดับปริญญาโทในปีถัดไป พ.ศ.2540 ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ แล้วมารวบรวมเป็นเอกสารประกอบการสอน วิชา นิติปรัชญา ใช้สอนตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2545 ครั้งแรก ที่ มหาวิทยาลัยณิวัฒนา ต่อมาพัฒนาปรับปรุงเพื่อขอตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ปี พ.ศ.2550
เมื่อเราศึกษาธรรมชาติเชิงพุทธมีการพัฒนาในเชิงนิติศาสตร์ที่สูงกว่าแบบฉบับดั้งเดิมของฮินดู ในแง่ที่มุ่งเนื้อหาเกี่ยวกับการปฏิบัติในทางโลกมากกว่าทางธรรม ดังนั้นเค้าโครงเนื้อหาในเชิงศาสตร์ต่าง ๆ จึงถูกตัดหรือลดทอนเพื่อให้คัมภีร์เป็นคัมภีร์ทางกฎหมายมากกว่าคัมภีร์ทางศาสตร์ปนกฎหมาย อย่างไรก็ตามเมื่อเราพิจารณาเราพิจารณาถึงธรรมศาสตร์เชิงพุทธหรือของฮินดู ข้อความดังกล่าวนั้นได้ย่อมาจากความในพระไตรปิฏก คือจาก อัคคัญสูตร ดังนั้นจึงจำเป็นต้องศึกษาพิจารณาและทำความเข้าใจใน อัคคัญสูตร
อัคคัญสูตร แปลว่า สูตรที่เป็นต้นกำเนิดของโลกหรือชีวิต ในพระสูตรนี้ได้อธิบายกำเนิดสังคมหรือรัฐและการกำเนิดชนชั้นปกครอง รวมถึงการกำเนิดกฎหมายจึงเป็นไปเพื่อป้องกันมิให้สังคมมนุษย์เสื่อมลงจากธรรมชาติมากไปกว่านี้ โดยเฉพาะการป้องกันมิให้คือการกอบโกยเอารัดเอาเปรียบเพื่อนชีวิตกัน ทั้งนี้นัยของอุดมคติแบบสังคมนิยมแฝงอยู่ด้วย อาจจะเรียกคำของพุทธทาสภิกขุว่าเป็นการปกครองที่มีระบบสังคมที่มนุษย์จัดขึ้นทดแทน “ระบบสังคมนิยมของธรรมชาติ”
ในอัคคัญสูตร นั้นถือว่าเป็นรากฐานที่พระธรรมศาสตร์นำมาย่อไว้ในตอนต้น ซึ่งจะมีการกล่าวถึงเรื่องราวเกี่ยวกับการกำเนิดของโลก ซึ่งในตอนต้นจะเป็นการถกเถียงกันของสามเณร 2 รูปเกี่ยวกับเรื่องวรรณะ (เพราะความเชื่อทางฮินดูหรือพราหมณ์ จะถือว่าพราหมณ์เป็นชนชั้นที่สูงมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า) ว่าวรรณะใดสูงกว่ากัน พระพุทธเจ้าจึงมีพระดำรัสความว่า
“ ดูกร วาเสฏฐะ และภารทวาธะ พวกพราหมณ์ระลึกถึงเรื่องเก่าของพวกเขาไม่ได้ จึงพากันพูดอย่างนี้ พราหมณ์พวกเดียว เป็นวรรณะที่ประเสริฐสุดวรรณะอื่นเลวทรามพวกพราหมณ์เป็นบุตรเกิดจากอุระ เกิดจากปากของพราหมณ์ กำเนิดมาจากพราหมณ์ในสมัยนั้นเป็นทายาทของพราหมณ์ดังนี้ ดูกร วาเสฏฐะ และภารทวาธะ ก็ตามที่ปรากฏอยู่แล้วคือ พวกพราหมณ์ทั้งหลายของพวกพราหมณ์ มีระดูบ้าง มีครรภ์บ้าง คลอดอยู่บ้าง ให้ลูกกินนมอยู่บ้าง อันที่จริงพราหมณ์เหล่านั้นก็ล้วนแต่เกิดจากช่องคลอดของนางพราหมณ์ทั้งนั้น……… “
จะเห็นได้ว่าพระพุทธเจ้าได้กล่าวว่า เรื่องวรรณะนั้นจริง ๆ แล้วเป็นสมมติขึ้นมาทีหลังการที่กล่าวอ้างว่าพราหมณ์เป็นวรรณะที่ประเสริฐสูงสุดจริง ๆ แล้วไม่ใช่ พราหมณ์ก็มาจากคนธรรมดาที่กำเนิดจากนางพราหมณ์ อันเป็นการกล่าวความเชื่อเกี่ยวกับวรรณะของพวกฮินดูหรือพราหมณ์ และการมองในเชิงทางการเมืองจะมองได้ว่าเป็นการแสดงออกถึงความเป็นปฏิปักษ์ของพุทธศาสนากับพราหมณ์ในแง่ของความคิด โดยที่พุทธศาสนาพยายามที่จะโต้แย้งหลักเรื่องวรรณะของพราหมณ์
หลังจากพระพุทธเจ้าได้หักล้างความเชื่อเก่าแก่เรื่องกำเนิดแห่งวรรณะสูงสุดด้วยโวหารที่ฟังดูตรงไปตรงมาแล้วพระองค์ก็ได้ตรัสเล่าต่อถึงเรื่องกำเนิดโลกกำเนิดมนุษย์ ด้านหนึ่งคงเพื่อขยายความสนับสนุนคติเรื่องความเสมอภาคของคนและอีกด้านหนึ่งคงมุ่งชี้ให้เห็นถึงปัจจัยแห่งการกำเนิดมนุษย์ สังคม ผู้ปกครองหรือกฎเกณฑ์แห่งการปกครองสังคม
ภายใต้จักรวาลวิทยาของพระพุทธศาสนาในการพรรณาความถึงวัฎจักรของโลกที่มีแตกดับ พินาศ และเจริญสลับเปลี่ยนกันไป จากนั้นก็ท้าวความไปถึงกาละหนึ่งที่จักรวาลมีแต่น้ำเต็มไปด้วยความมืดมน ไม่ทั้งดาวฤกษ์และดาวนพเคราะห์ ไม่มีกลางวันกลางคืน ไม่มีทั้งกาละและเทศะ ขณะเดียวกันก็บอกเล่าถึงสิ่งมีชีวิตหนึ่งซึ่งมีลักษณะน่าอัศจรรย์ ความในพระไตรปิฏกใช้คำว่า “สัตว์” หากมิใช่สัตว์สามัญชั้นต่ำธรรมดา ทว่าเป็นสัตว์ที่เกิดในชั้นอาภัสสรพราหมณ์ ไม่มีเพศชายหญิงและที่สำคัญคือเป็นสัตว์ที่ “สำเร็จกิจได้ดังใจนึก มีปิติเป็นอาหาร มีรัศมีซ่านออกจากกายของตนเอง สัญจรไปได้ในอวกาศอยู่ในวิมานอันงาม สถิตอยู่ในตนนั้นนานแสนนาน” หลังจากนั้นในจักวาลที่มีแต่น้ำ ก็มีเหตุการณ์ประหลาดขึ้นมาคือเกิดเป็นง้วนดินขึ้นมา ลอยบนน้ำ ง้วนดินมีลักษณะคล้ายนมที่เคี่ยวให้เแห้งสัตว์ที่เป็นพราหมณ์นี้ก็เกิดความสงสัยและลองเอานิ้วแตะเข้าปากเมื่อได้ลิ้มเข้าไปแล้วก็เกิดความเปลี่ยนแปลง เกิดความซาบซ่านในรสชาติสิ่งที่เป็นรัศมีในตัวเองก็หายไป เมื่อรัศมีหายไปก็ทำให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดคือธรรมชาติต่าง ๆ ในแง่ดวงดาวกลางวันกลางคืนฤดูกาลต่าง ๆ จุดนี้ทำให้เกิดโลกขึ้นมาในแง่ที่มีธรรมชาติเกิดขึ้นมา
เรื่องราวในพระไตรปิกฏข้างต้นได้แฝงด้วยนัยที่สำคัญอย่างมากในคติพื้นฐานของพุทธศาสนาที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์หรือพฤติกรรมมนุษย์กับธรรมชาติ แม้สัตว์ที่เป็นอาภัสสรพราหมณ์ จะมิใช่มนุษย์โดยตรงหากถือตามเรื่องราวที่ปรากฏ ก็คงนับโคตรเหง้าแห่งตระกูลมนุษย์ต่อมา เราจะเห็นได้ว่าการเกิดขึ้นของธรรมชาติ (ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์หรือฤดูกาล) เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของ“สัตว์“ดังกล่าวที่เดิมบริโภค “ปิติ” (ถือศีลกินวาตา) เป็นอาหารหากหันมากิน “ง้วนดิน” จึงเป็นการกระทำที่ผิดปกติวิสัยหรือผิดธรรมชาติของสัตว์ที่สำเร็จธรรมชั้นสูง หากยังไม่ถึงขั้นหลุดพ้นจนหมดความอยากใด ๆ โดยสิ้นเชิง ดังนั้นจึงมี “สัตว์โลกผู้หนึ่ง ที่เป็นคนโลภ” หลงพลัดไปเสพยังง้วนดินเข้า กล่าวดังนี้ ความโลภจึงเป็นหน่อเชื้อสำคัญหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงที่เมื่อปะทะกับความเย้าหยวนของวัตถุคือง้วนดินเข้า ก่อเกิดเป็นปัจจัยการที่นำไปสู่ห่วงโซ่แห่งอุบัติการณ์ต่าง ๆ ตามมา
การกำเนิดธรรมชาติจึงเป็นเพราะเป็นผลมาจากสัตว์ที่เป็นพราหมณ์หมดบารมีหรือหมดทิพยภาวะและการที่หมดบารมีก็เพราะไปกินง้วนดิน จนทำให้เกิดโลกและกำเนิดมนุษย์ ขึ้นมาผิวพรรณก็เกิดความหมายแตกต่างกันไป ความแตกต่างของผิวพรรณที่เกิดขึ้นก็นับเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ เนื่องจากเกิดดูหมิ่นถือตัวกันขึ้นบางคนก็คิดว่าตนผิวละเอียด ผิวสวยกว่าอีกฝ่ายหนึ่งจึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตัวธรรมชาติกล่าวคือ อาหาร ซึ่งเป็นง้วนดินหายไปเป็นสะเก็ดดินขึ้น ต่อจากนั้นก็ปรากฏเครือดินที่คล้ายผักบุ้งจีนแทน
ต่อมาเมื่อเครือดินก็หายไป การเกิดแล้วดับถึงสามครั้งของดินที่มีลักษณะพิเศษดังกล่าวดูจะสะท้อนความโง่เขลาของสัตว์อย่างมากที่ไม่มีการสรุปบทเรียนถึงความผิดพลาดของพวกตนที่ผ่านมา ทำได้แต่เพียงจับกลุ่มชุมนุมกันและพร่ำบ่นอาลัยสิ่งที่สูญหายไปเท่านั้น ที่สำคัญอันควรนับเป็นคติเตือนใจคือ เมื่อใดที่การประพฤติผิดธรรมหรือเกิดอกุศลในหมู่สัตว์แล้วย่อมนำไปสู่ความผิดปกติหรือความเสื่อมแห่งธรรมชาติ อันเป็นผลเสียหายต่อสัตว์เอง และนี่คือการย้ำถึงอิทธิพลแห่งการประกอบกรรมที่มีต่อธรรมชาติอย่างชัดเจน
หลังจากสูญสิ้นเครือดินแล้วก็เกิดเป็นข้าวสาลีขึ้นมา ซึ่งเป็นข้าวสาลีที่ข้าวทิพย์เก็บเช้าเย็นก็ขึ้นมาใหม่ การกำเนิดข้าวสาลีถือเป็นจุดสำคัญของการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เกิดสังคม เพราะว่าหลังจากเกิดข้าวสาลีเข้าไปแล้วทำให้เป็นเพศขึ้นมา กำเนิดข้าวสาลีจึงเชื่อมโยงไปสู่การกำเนิดแห่งคนที่มีการแยกเพศหญิงเพศชายแตกต่างกันออกไป ขณะเดียวกันนั้นความกำหนัดหรือกามตัณหาอันเกิดจากการเพ่งดูกันของคนต่างเพศ ก็ก่อให้เกิดการร่วมประเวณีสืบเผ่าพันธุ์กันต่อมา
การร่วมประเวณีของชายหญิง ครั้งแรกในโลกย่อมไม่ใช่สิ่งปกติธรรมดาในสายตาของผู้อื่นในกาละนั้น เพราะเป็นพฤติกรรมที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ดังนั้นจึงเกิดการประณามต่อต้านขึ้นในหมู่คณะด้วยกันเอง โดยโปรยฝุ่นใส่บ้าง โปรยขี้เถ้าใส่บ้าง โยนมูลโคใส่บ้าง พร้อมกับพูดว่า “คนชั่วจงฉิบหายและพูดต่อไปว่า ก็ทำไมขึ้นชื่อว่าสัตว์จึงทำแก่สัตว์เช่นนี้เล่า” นอกจากการต่อต้านโดยการขว้างปาสิ่งสกปรก และด่าทอแล้ว ผู้ประกอบกรรมทางเพศดังกล่าว ยังถูกเนรเทศไม่ให้เข้ากลุ่มเข้าพวกเป็นระยะเวลาหนึ่งๆ
ข้อสังเกต ท่าทีทั่วไปต่อการประกอบกิจประเวณีแสดงออกมาถึงมาตรฐานทางศีลธรรมที่ค่อนข้างสูง เรื่องการยึดมั่นพรหมจรรย์ ขณะเดียวกันการเสพสังวาสระหว่างชายหญิงก็ย่อมนับได้ว่าเป็นการก่อบาปกรรมหรือเป็นกระทำครั้งแรกในสายตาคนด้วยกันเองที่มีโทษด้วยการขว้างปาและถูกเนรเทศชั่วคราว เมื่อมองปัจจุบันมาตรฐานทางศีลธรรม ดังกล่าวมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก แม้แต่ในปัจจุบันจะถือเอาการร่วมประเวณีเป็นเรื่องปกติ พฤติกรรมทางเพศดังกล่าวจัดเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอยู่มากดังที่ปรากฏเงื่อนทางกฎหมายเข้าไปควบคุมจำกัดอยู่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอายุขั้นต่ำของการสมรสหรือบทกฎหมายเกี่ยวกับการพรากผู้เยาว์ เป็นต้น
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อมา คือ มีการสะสมข้าวสาลี กล่าวคือ แทนที่จะกินข้าวสาลีตามปกติ เมื่อการเก็บสะสมข้าวสาลีก็เริ่มขาดแคลน ซึ่งการสะสมก็เหมือนกับการลักทรัพย์หรือการลักส่วนของคนอื่น ทำให้ธรรมชาติเริ่มเสื่อมและธรรมชาติก็ลงโทษทำให้ข้าวสาลีหายไป ในที่สุดก็มีการประชุมกันปรับทุกข์ในปัญหาที่เกิดขึ้น จนได้ข้อสรุปเป็นทางออกว่า “พวกเราควรมาแบ่งข้าวสาลีปักปันเขตแดนกันเสียเถิด” ข้อตกลงนับเป็นเรื่องสำคัญมากๆ อีกจุดหนึ่ง ดังนี้ คือ
ข้อตกลงแบ่งข้าวสาลีและปักปันเขตแดนอาจตีความได้เสมือนกำเนิดครั้งแรกแห่งกฎเกณฑ์ ซึ่งวางบรรทัดฐานหรือจัดระบบการแบ่งสรรผลประโยชน์ในสังคม
หลังจากที่มีการแบ่งปันเขตแดนต่าง ๆ แล้วความเลวร้ายก็ยังปรากฏตามมาอีก เนื่องจากมนุษย์บางคนไปลักทรัพย์ ข้ามเขตแดนไปเอาข้าวสาลีคนอื่นซึ่งมีการจับกุมได้ จับได้ครั้งแรกก็ไม่ลงโทษอะไร ให้ผู้ถูกจับให้คำมั่นสัญญาจะไม่ทำอีก แต่ก็ยังมีการละเมิดสัจจะหลายต่อหลายครั้งในที่สุดเลยมีการใช้กำลัง เมื่อจับผู้กระทำความผิดได้ท้ายที่สุดก็เลยมีการใช้กำลังตบตีใช้ท่อนไม้ตีกันทำให้เห็นความเสื่อมอย่างสุดๆ ของมนุษย์ ถ้าเทียบกับความเป็นพราหมณ์ในเริ่มต้นสัตว์มีมโนธรรมอยู่ก็เลยคิดว่าต้องหาทางปรับปรุงแก้ไข แม้การประชุมปรึกษาหารือกันในหมู่สัตว์ชั้นผู้ใหญ่ จนได้คำตอบสำคัญในการแก้ไขปัญหาว่า
“อย่ากระนั้นเลย พวกเราควรสมมุติสัตว์ผู้หนึ่งให้เป็นผู้กล่าวผู้ที่ควรกล่าวโดยชอบ ให้เป็นผู้ติเตียน ผู้ที่ควรติเตียนได้โดยชอบให้เป็นผู้ขับไล่โดยชอบ ส่วนพวกเราจัดแบ่งข้าวสาลีให้แก่ผู้นั้น…….”
อันนี้เป็นเหตุการณ์ที่อ้างมาถึงจุดของการตั้งผู้ปกครอง ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่จะตีความถึงแนวคิดเกี่ยวกับกำเนิดชนชั้นปกครองหรือกำเนิดรัฐในแบบพุทธศาสนา ซึ่งในทางปรัชญาพุทธศาสนาจะมองว่า ผู้ปกครองมาจากการแต่งตั้ง กำเนิดผู้ปกครองรงนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดว่าผู้ปกครองนั้นมาจากการประชุมปรึกษากันของคนและการปรึกษาก็คล้ายกับเป็นข้อตกลงระหว่างผู้แต่งตั้งกับผู้ที่ได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งอาจเรียกว่าเป็นสัญญาประชาคมในแง่คนที่แต่งตั้งหรือประชาชน ก็มอบอำนาจในการปกครองให้โดยบางสิ่งตอบแทน (ข้าวสาลี) ให้และคนที่เป็นผู้ปกครองก็ทำหน้าที่ในการดูแลทุกข์สุข ลงโทษคนที่กระทำความผิดต่าง ๆ
ข้อสังเกต การเริ่มแรกสถานะแห่งกฎเกณฑ์นี้ย่อมมองได้ทั้งในรูปข้อตกลงของชุมชน ประเพณี หรือกระทั้งกฎหมายจารีตประเพณี และข้อที่น่าสนใจ คือ หากอนุมานว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของการกำเนิดกฎหมาย กฎหมายโดยนัยนี้ก็ไม่ได้มาจากเจตจำนงของผู้มีอำนาจคนใดคนหนึ่งหรือไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติหากเกิดขึ้นจากการตกลงปลงใจของเหล่าสัตว์ที่ “พากันมาจับกลุ่มประชุม”นัยแห่งประชาธิปไตยหรือการมีส่วนรวมของสมาชิกในการวางกฎเกณฑ์ ย่อมสะท้อนให้ปรากฏจนอาจจะเป็นหลักคิดพื้นฐานแบบพุทธ ในเรื่องธรรมชาติหรือกระบวนการออกกฎเกณฑ์ที่มีผลบังคับต่อผู้คนทั่วไป อันเป็นหลักคิดที่สำคัญพุทธศาสนา ที่อาจเรียกว่า “ทฤษฎีสัญญาประชาคมในเชิงพุทธศาสนา”
วิชา แปลว่า 在 ดิรัจฉานวิชา คำนี้ไม่ใช่ หรือไม่หมายถึงวิชาของสัตว์เดรัจฉาน ... 的推薦與評價
ขวาง ขวางคลอง ขวางถนน ขวางอะไรก็ตาม แปลว่า ขวาง วิชาไหนมันขวางทางของอัฏฐังคิกมรรค วิชานั้นเป็นเดรัจฉานวิชา ที่มีอยู่ในบาลีก็คือวิชาไสยศาสตร์... ดิรัจฉาน ... ... <看更多>
วิชา แปลว่า 在 game over แปลว่าอะไร-【บอนสีหายาก】 的推薦與評價
คือเราเป็นคนเล่นเกมนะแต่ไปรร. แล้ววิชาภาษาอังกฤษมีบทบทนึงเกียวกับการเล่นเกม คุณครูให้คำแปล ... เกมโอเวอร์ แปลว่า - การแปลภาษาอังกฤษ คำในบริบทของ"เกมโอเวอร์"ในไทย-อังกฤษที่นี่มีหลายตัวอย่าง ... ... <看更多>
วิชา แปลว่า 在 School Subjects | ชื่อวิชา เรียกว่ายังไง | คำศัพท์ภาษาอังกฤษ 的推薦與評價
School Subjects | ชื่อ วิชา เรียก ว่า ยังไง | คำศัพท์ภาษาอังกฤษ. 44K ... คำศัพท์ภาษาอังกฤษ พื้นฐาน ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน พร้อมคำอ่านและคำ แปล EP.5. ... <看更多>